หลินกู๋หยู่ไม่รู้ทาง เมื่อนางวิ่งไปที่ทางเข้าหมู่บ้าน นางเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ใต้ต้นไม้จึงรีบวิ่งไปถามทาง
เด็กสาววิ่งไปตามเส้นทางที่ผู้สัญจรผ่านไปมาชี้บอกด้วยความเร็ว
ในยุคนี้ไม่มีรถยนต์ ส่วนเครื่องมือสำหรับเดินทางก็ไม่ใช่ว่าทุกบ้านจะมีปัญญาซื้อ
จากคำบอกเล่าของชายคนนั้น การไปกลับจะใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ หลินกู๋หยู่ก็เร่งก้าวเท้าให้เร็วขึ้น
ฉือหางนอนอยู่บนเตียง ลมหายใจหอบฮึดฮัด
เขารู้สึกเหนื่อยและไม่สบายตัวอย่างมาก
"พี่สาม" ฉือเย่วางโต้ซาที่กล่องไม้เล็กๆ ข้างเตียง มองฉือหางอย่างกังวล
ยกมือขึ้นวางบนหน้าผากของฉือหาง ฉือเย่รู้สึกเพียงว่าศีรษะของพี่ชายร้อนมาก เมื่อนึกถึงสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด เขาก็รีบเช็ดศีรษะและร่างกายของฉือหางด้วยผ้าขนหนูชุบสุรา
"น้องสี่" ฉือหางมองฉือเย่ด้านข้างอย่างทรมานกาย น้ำเสียงของเขาแผ่นเบา
"อืม?" ฉือเย่ไม่หยุดการเคลื่อนไหวแต่อย่างใด เขาจริงจังกับการเคลื่อนไหวในมือมากขึ้น
"ปลงใจหย่า" ฉือหางหายใจแรง เสียงของเขาอ่อนแรงอย่างมาก "ข้าอยากจะ…ปลงใจหย่า ... แค่กๆ… ปลงใจหย่ากับนาง"
การเคลื่อนไหวของมือของฉือเย่หยุดชะงัก และมองไปที่ฉือหางอย่างตกตะลึง "พี่สาม พี่พูดว่าอะไรนะ?”
"กู๋หยู่ ... ข้าไม่อยากให้นางต้องมาลำบากด้วย” ฉือหางจําใบหน้าขนาดเท่าฝ่ามือของเขาได้ ดวงตาของเขาแดงก่ำขณะมองไปที่ฉือเย่ "ข้าให้นางต้องมาลำบากด้วยไม่ได้”
ฉือเย่มองฉือหางด้วยความประหลาดใจ "พี่สาม! "
สาเหตุที่เขามีเงินไปเรียนหนังสือ เงินทั้งหมดทั้งมวลที่ให้เขาก็มาจากเงินที่ได้จากการล่าสัตว์ของพี่สาม
เมื่อพี่สามป่วย เดิมทีเขาอยากจะกลับมาดูแล แต่เขาถูกพี่สามบังคับให้ไปเรียน
"นาง... ดูแลข้าดีมาก" ฉือหางได้พบกับผู้หญิงที่อ่อนโยนเช่นนี้เป็ครั้งแรก นางไม่บ่นแม้แต่คำเดียว นางดูแลเขาอย่างใส่ใจ แม้กระทั่งโต้ซานางก็ดูแลอย่างดี "ข้าทำให้นางมาลำบากด้วยไม่ได้หรอก ข้า… แค่กๆ ข้าเคยพูดแล้วว่าจะให้นางเป็อิสระ”
ถ้าเกิดว่าเป็อย่างที่นางพูดไว้จริงๆ หากร่างกายของเขาจะสามารถเป็ปกติสมบูรณ์ได้ เขาจะต้อง ...
สิ่งที่ไม่มีทางเป็จริงเ่าั้ ช่างเถอะ! เขาอยู่ได้ไม่นานแล้ว ถ้าเขาจากไปเร็ว ก็จะสามารถปล่อยให้พวกเขาทั้งหมดเป็อิสระได้
"รีบไป!" ฉือหางเห็นฉือเย่ที่นั่งนิ่ง เขาพลันะโเสียงดังอย่างบ้าคลั่ง
ฉือเย่พยักหน้าและวิ่งกลับไปที่ห้องของตัวเองท่ามกลางสายฝน หยิบเสื้อกันฝนอีกชุดในห้อง หยิบพู่กันหมึกและกระดาษ จากนั้นรีบกลับไปที่ห้องของฉือหาง
ฉือหางนอนอยู่บนเตียงอย่างสะลึมสะลือ ราวกับมีใบหน้าของหลินกู๋หยู่ปรากฏขึ้นต่อหน้า
หวังเป็อย่างยิ่งว่าคนที่เขาพบเป็ครั้งแรกในถิ่นเดิมคนนั้นคือนาง เพื่อที่เขาจะได้ปกป้องนาง แทนที่จะให้นางปกป้องเขาตลอดเวลา
ฉือเย่เขียนตามคําของฉือหาง จากนั้นมอบหนังสือหย่าให้กับผู้เป็พี่ชาย เขาเอ่ยอย่างลังเล "พี่สาม ถ้าเกิดพี่สะใภ้ พี่สะใภ้สาม นาง... ไม่กลับมา พี่จะทำอย่างไร? "
ฉือหางมองไปที่หนังสือหย่าตรงหน้า ตัวอักษรเ่าั้ดูเลื่อนลอย หลังจากพยายามอย่างหนักเป็เวลานาน เขาถึงเห็นได้ชัดเจนว่าในนั้นมีอะไรบ้าง
"นาง..." ฉือหางพยายามมองตัวอักษรบนกระดาษ
หลังจากเงียบงันเป็เวลานาน ฉือเย่กำลังคิดว่าพี่ชายคงจะไม่พูดอะไรแล้ว เขาก็ได้ยินเสียงแ่เบาของฉือหาง ทว่าน้ำเสียงนั้นเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ "นางต้องกลับมาอย่างแน่นอน!”
ฉือเย่งงเล็กน้อย เขาไม่เข้าใจว่าทําไมพี่สามถึงได้มั่นใจถึงเพียงนี้
ฉือเย่รีบเดินไปเอาหมึกที่ใช้ประทับตรา ช่วยฉือหางปิดผนึก จากนั้นวางกระดาษไว้ข้างเตียง
หลินกู๋หยู่วิ่งจนหอบ แม้ว่านางจะสวมเสื้อกันฝน แต่ร่างกายก็ยังเปียกมากอยู่ดี
รองเท้าเปียกโชกไปหมดแล้ว ความรู้สึกเช่นนี้ไม่ดีเลย
บนพื้นถนนเป็หลุมเป็บ่อ หลินกู๋หยู่ให้ความสนใจกับพื้นถนนและระมัดระวังเป็พิเศษ โชคดีที่ตอนนี้เป็เวลาที่ยังสว่างอยู่จึงสามารถหลีกเลี่ยงหลุมบ่อเ่าั้ทั้งหมดได้ และสามารถวิ่งไปตามทางอย่างรวดเร็ว
เมื่อวิ่งไปถึงหน้าร้านขายยา ประตูร้านขายยาก็ปิดแล้ว
หลินกู๋หยู่ยกมือขึ้นเคาะประตูเต็มแรง นางเพิ่มแรงในการเคาะเพิ่มมากขึ้น
"ใคร!" เสียงเ็าแว่วดังมาจากข้างใน
หลินกู๋หยู่ยืนตัวตรงและรีบตอบว่า "สวัสดี ข้า้าซื้อยา!”
ด้วยเสียงดัง "เอี๊ยด" บานประตูจึงเปิดออก
มีกลิ่นหอมของสมุนไพรโชยมาจากชายตรงหน้า หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วและมองไปที่เสื้อผ้าสีขาวของชายคนนั้น
ชายคนนั้นดูเหมือนจะอายุไม่เกินสิบห้าหรือสิบหกปี เส้นผมของเขาเป็สีขาวสยายอยู่บนเสื้อผ้าสีเดียวกับเส้นผม ผมบางส่วนถูกรวบเสียบไว้ด้วยปิ่นไม้ไผ่ ดูหล่อเหลาและสดใสเป็อย่างยิ่ง
"ข้า้าซื้อยา" หลินกู๋หยู่พูดขณะสบกับดวงตาสีดําและสีขาวแยกชัดเจนคู่นั้น
ซื้อยา?
คิ้วของลู่จื่อยู่ขมวดเล็กน้อย เขาเดินเข้าไปข้างใน
เขายืนอยู่หน้าตู้ยา ลู่จื่อยู่หันไปมองหลินกู๋หยู่ เปิดกระดาษกกบนโต๊ะและแบ่งออกเป็สามส่วน
เขาเปิดกระดาษด้วยความรวดเร็ว ดูเหมือนว่าเขาจะฝึกฝนมาเป็เวลานาน
"ก่อนอื่นเอายาลดไข้" หลินกู๋หยู่นึกถึงสูตรยาที่นางเคยเจอมาก่อน นางเอ่ยอย่างฉะฉาน "พิมเสนห้าเฉียน[1] ใบงาขี้ม่อนห้าเฉียน เปลือกส้มสิบสี่เฉียน ..."
หลินกู๋หยู่พูดชัดถ้อยชัดคำและเนิบช้า ทำให้ลู่จื่อยู่มีเวลามากพอที่จะจับยาเหล่านี้ทั้งหมดได้ เขาแบ่งยาออกเป็สามส่วนโดยวางไว้ในถุงสามใบต่อหน้าเขา
"ขอเพิ่มอีก เอาดอกสายน้ำผึ้งสามเฉียน ดอกเบญจมาศป่าหนึ่งเฉียน ดอกผู่กงอิง[2]หนึ่งเฉียน..." หลังจากพูดถึงยาถอนลมพิษเสร็จแล้ว หลินกู๋หยู่ก็คิดถึงเอวของเขา ในเมื่อมาแล้วก็ซื้อยาทั้งหมดเลยแล้วกัน
ลู่จื่อยู่ช่วยหลินกู๋หยู่จับยา เมื่อเขาหันหลังกลับ เขามองไปที่หลินกู๋หยู่ด้วยความประหลาดใจ
นางไม่ได้ถือรายการยา แต่ในยามที่นางพูดชื่อยา นางไม่มีทีท่าทีลังเลเลยแม้แต่น้อย
นอกจากนี้นางยังอธิบายปริมาณของสมุนไพรได้อย่างชัดเจนอีกด้วย
เป็สตรีที่แปลกนัก
หลังจากที่เขาจับยามาวางบนกระดาษทั้งหมดเสร็จแล้ว ลู่จื่อยู่ก็ห่อยาทั้งหมดด้วยความว่องไว
หลินกู๋หยู่เห็นว่าลู่จื่อยู่ห่อยาช้าเกินไป นางจึงไม่ลังเลที่จะยื่นมือออกและห่อยาต่อหน้าเขา พร้อมผูกไว้
การเคลื่อนไหวของนางว่องไวมาก ในขณะที่ลู่จื่อยู่ห่อยาจำนวนสองห่อเสร็จ นางก็ห่อยาได้จำนวนห้าห่อแล้ว
ลู่จื่อยู่รู้สึกประหลาดใจอยู่หลายส่วน นางมีความรู้เกี่ยวยาหรือ?
การห่อยาของนางว่องไวมาก ไร้ซึ่งความลังเลแม้แต่น้อย
"ขอบคุณ ทั้งหมดเท่าไรหรือ?" หลินกู๋หยู่หยิบถุงเงินออกมา มองชายที่อยู่ตรงหน้าขณะเอ่ยถาม
"หนึ่งตำลึง"
หลินกู๋หยู่ไม่ลังเลที่จะหยิบเงินออกมาวางไว้บนโต๊ะ นางห่อยาเ่าั้เตรียมตัวจะกลับไป
ทว่าด้านนอกฝนตกหนักมาก
ซ้ำร้ายยังมีฟ้าร้องส่งเสียงดังสนั่น
ลู่จื่อยู่ยืนอยู่ข้างหลังหลินกู๋หยู่ ดูนางห่อยาทั้งหมดเข้ามาในเสื้อกันฝน "ให้ข้าส่งเ้ากลับด้วยรถม้าหรือไม่?”
"หือ?" หลินกู๋หยู่มองไปที่ลู่จื่อยู่ด้านหลังเขาด้วยสีหน้างงงวย
ลู่จื่อยู่เหลือบมองเม็ดฝนขนาดเท่าถั่วข้างนอก "ถ้าเ้ากลับไปเช่นนี้ ตัวยาจะพลอยเปียกไปด้วย”
"ข้าไม่มีเงินมากพอให้เ้าหรอก" หลินกู๋หยู่ก้มศีรษะลงพูดอย่างลังเล
"ไม่ต้องจ่ายเงิน" ลู่จื่อยู่พูดอย่างใจเย็น
"ถ้าเช่นนั้นก็รบกวนเ้าแล้วจริงๆ ขอบคุณ" หลินกู๋หยู่พูดอย่างไม่เกรงใจ และความกังวลบนใบหน้าของนางนั้นชัดเจนมาก
ลู่จื่อยู่พาหลินกู๋หยู่ไปที่สวนหลังบ้าน
เขาไม่เคยชอบวันที่ฝนตก อากาศเช่นนี้ทําให้ผู้คนรู้สึกหงุดหงิดนัก
เมื่อนั่งอยู่ในรถม้า ลู่จื่อยู่เหลือบมองเด็กสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามที่กำลังก้มศีรษะลงปราดหนึ่ง
"ในบ้านของเ้า ใครป่วยหรือ?" ลู่จื่อยู่จัดแขนเสื้อของเขาอย่างใจเย็น เขาถามเสียงเรียบ
"ท่านพี่ของข้า" หลินกู๋หยู่ลังเลครู่หนึ่งก่อนจะตอบคำถาม
"ป่วยด้วยโรคอะไรหรือ?" สายตาของลู่จื่อยู่หมุนรอบร่างของหลินกู๋หยู่ จากนั้นเขาก็เอียงศีรษะมองออกไปข้างนอก
"กระดูกส่วนเอวหัก" หลินกู๋หยู่หยุดชั่วคราว "เป็ลมพิษ”
หว่างคิ้วของลู่จื่อยู่ขมวดเล็กน้อย เขามองไปที่หลินกู๋หยู่ด้วยความประหลาดใจ เมื่อคิดถึงภาพที่นางสามารถห่อยาสมุนไพรได้ เขาก็พูดช้าๆ ว่า "เ้ามีความรู้ทางการแพทย์หรือ?”
"รู้เล็กน้อย" หลินกู๋หยู่เงยหน้าขึ้นมองลู่จื่อยู่ สายตาตกทอดลงบนกล่องยาด้านข้าง ก่อนจะถามอย่างลังเลว่า "ข้าสามารถซื้อเข็มเงินหนึ่งชุดได้ไหม?”
ลู่จื่อยู่พยักหน้า หยิบชุดเข็มเงินออกจากกล่องแล้วยื่นให้หลินกู๋หยู่ "นับว่าซื้อยาแล้ว สิ่งนี้ข้าให้เ้า”
มีน้ำใจมากขนาดนี้เลยเหรอ?
หลินกู๋หยู่ไม่ได้เอื้อมมือรับมัน นางมองไปที่ลู่จื่อยู่อย่างแน่วแน่ และพูดด้วยสีหน้าป้องกันตัวเองว่า "เช่นนี้ไม่ดีกระมัง”
รถม้าสั่นไหว หลินกู๋หยู่ไม่ทันตั้งตัว ร่างกายของนางกระแทกกับด้านข้างของรถม้าอย่างหนัก
หลังจากพยายามทรงตัวได้แล้ว หลินกู๋หยู่พูดเบาๆ ว่า "เ้าขายให้ข้าในราคาถูกก็ได้”
"ห้าสิบอีแปะ" ลู่จื่อยู่กล่าว
หลินกู๋หยู่หยิบถุงเงินออกมา ดูเศษเงินห้าสิบอีแปะที่กระจัดกระจายในถุง ก่อนจะยื่นให้ลู่จื่อยู่
จากนั้นหลินกู๋หยู่หยิบเข็มเงินอย่างมีความสุข "ขอบคุณ”
ลู่จื่อยู่ไม่ได้กล่าวสิ่งใดอีก เขาแค่ประหลาดใจ สตรีนางนี้รู้วิชาแพทย์จริง
ใบสั่งยาที่หลินกู๋หยู่พูดนั้นมีความซับซ้อนมาก แต่เมื่อใช้ร่วมกันดูเหมือนว่าจะเหมาะกับการรักษาโรคที่นางพูดอย่างมาก
เขาเป็คนโง่ทางการแพทย์
ลู่จื่อยู่มองออกว่าหลินกู๋หยู่ระวังตัวจากเขามาก แต่ไม่เป็ไร
อย่างไรเสียนางย่อม้ายาสมุนไพรเพิ่ม วันข้างหน้านางยังต้องไปที่ร้านขายยาของเขาเพื่อซื้อยาอีก
รถม้าส่ายไปส่ายมา เมื่อมาถึงทางเข้าหมู่บ้าน หลินกู๋หยู่รีบเปิดม่านชี้ทางให้สารถี
ใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่งกว่าจะถึง หลินกู๋หยู่หันมองกลับไปที่ลู่จื่อยู่ในรถม้าและพูดอย่างสุภาพว่า "ขอบคุณท่านหมอ ข้ากลับไปด้วยตัวเองก็ได้”
"ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว ข้าไปดูคนไข้กับเ้าเลยแล้วกัน" ลู่จื่อยู่หยิบร่มที่วางด้านข้าง เดินลงจากรถม้าอย่างสง่างาม
เขาในชุดสีขาว ถือร่มกระดาษยืนสบายๆ ท่ามกลางสายฝน ก่อนจะมองกลับไปที่หลินกู๋หยู่ "ในเมื่อมาถึงนี่แล้ว ไปดูอาการของเขาเถอะ”
หว่างคิ้วของหลินกู๋หยู่ขมวดหากันเล็กน้อย
ดูเหมือนเขาจะเข้าใจในสิ่งที่นางกําลังคิด จึงเอ่ยว่า "ไม่คิดค่าตรวจ"
ในเมื่อเขาพูดขนาดนี้แล้ว นางรู้สึกราวกับว่าตนเองทำผิดหากไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายเข้าไปดูอาการของฉือหาง
"ถ้าเช่นนั้นก็รบกวนท่านหมอแล้ว" หลินกู๋หยู่ใส่หมวกถังและเดินมุ่งหน้าไปยังบ้านของฉือหาง
นางเดินอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ว่าตอนนี้ฉือหางเป็อย่างไรบ้าง
ลู่จื่อยู่ตามหลังหลินกู๋หยู่เข้าไปในลานบ้านหลัก สายตามองไปที่คนกลุ่มหนึ่ง เขาหันศีรษะของเขาอย่างไม่แยแส เดินตามหลินกู๋หยู่ไปที่ประตูตรงมุมหนึ่ง
เมื่อมาถึงลานบ้าน หลินกู๋หยู่ก็อดไม่ได้ที่จะวิ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ภายในห้องค่อนข้างมืด มีฉือเย่ที่นั่งกอดโต้ซาอยู่บนเก้าอี้ข้างๆ
ทันทีที่หลินกู๋หยู่เข้ามาในห้อง ดวงตาของนางมองไปที่คนบนเตียง
วางยาในมือลงบนโต๊ะข้างๆ ก่อนจะปลดเสื้อกันฝนบนร่างกาย นางเดินไปที่เตียง เอื้อมมือไปแตะหน้าผากของฉือหาง
"เขาเป็อย่างไรบ้าง" หลินกู๋หยู่มองไปที่ฉือเย่ที่นั่งอยู่ด้านข้าง
"พี่สามตื่นมาสักพัก แล้วก็ผล็อยหลับไปอีกครั้ง" ฉือเย่วางโต้ซาไว้ที่ตั่งไม้เล็กๆ ด้านข้าง เดินไปหาหลินกู๋หยู่และหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกจากแขนเสื้อ
"นี่อะไรหรือ? คิ้วของหลินกู๋หยู่ย่นเล็กน้อย มองไปที่กระดาษในมือของฉือเย่อย่างงุนงง
ลู่จื่อยู่มองไปรอบๆ ภายในห้องมีครบทุกสิ่งอย่าง ทว่าค่อนข้างสกปรก
"หนังสือปลงใจหย่าที่พี่สามเตรียมไว้" ฉือเย่ซ่อนความประหลาดใจไว้ในดวงตา เขาคิดไม่ถึงว่าพี่สะใภ้สามจะกลับมา
ลู่จื่อยู่มองไปที่กระดาษในมือของฉือเย่พลางเหลือบมองหลินกู๋หยู่ด้านข้างปราดหนึ่งด้วยความเงียบ เขาค่อยๆ เดินไปที่เตียง
"ถ้าเขา้ามอบมันให้ข้า เช่นนั้นก็รอให้เขามอบให้ข้าด้วยมือของเขาเอง" หลินกู๋หยู่ใจเย็นราวกับว่าเื่นั้นไม่เกี่ยวข้องกับนางแม้แต่น้อย
ฉือเย่ยืนอยู่ด้านข้าง รู้สึกว่ากระดาษในมือหนักอย่างไม่อาจอธิบายเป็คำพูด
นางนั่งลงบนขอบเตียง เอื้อมมือไปแตะหน้าผากของฉือหาง ััที่ได้ยังร้อนมาก นางจําเป็ต้องลดความร้อน ด้านข้างยังมีสุราอยู่ หลินกู๋หยู่เทสุราทั้งหมดลงในอ่างแล้วเช็ดฉือหางด้วยผ้าขนหนูชุบสุรา
สายตาของลู่จื่อยู่ตกลงบนอ่างไม้ด้านข้าง กลิ่นสุราจางๆ โชยเข้าที่ปลายจมูกของเขา
นางเช็ดร่างกายของเขาด้วยสุรางั้นหรือ?
…………………………………
[1] เฉียน มาตราชั่งตวง หนึ่งเฉียนเท่ากับห้ากรัมตามมาตราชั่งตวงในปัจจุบัน
[2] ดอกผู่กงอิง 蒲公英 (dandelion) ดอกแดนดิไลออน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้