เป็คู่ซ้อม?
อย่างนี้ก็ดีสิ เย่ชิงหานยิ่ง้าอยู่พอดี เพราะไม่ว่าอย่างไรตามกฎกติกาภายในระยะเวลาหนึ่งปีนี้ลู่ซีไม่สามารถลงมือสังหารตนเองแน่ ส่วนเื่าเ็น่ะรึ? มีแหวนทองเหลืองอยู่ ไม่ใช่สิต้องเรียกว่าแหวนจักรพรรดิิญญาถึงจะถูก มีแหวนจักรพรรดิิญญาอยู่ต่อให้ถูกซ้อมาเ็แค่ไหนก็สามารถรักษาฟื้นฟูให้กลับมาเป็ปกติได้อย่างรวดเร็ว อย่างมากก็แค่ทนเจ็บจากการถูกซ้อมหน่อยเท่านั้นเอง
ความเ็ปรึ? สิ่งที่เย่ชิงหานไม่กลัวที่สุดก็คือความเ็ปนี่แหละ พลังฝีมือกว่าจะได้มาถึงตอนนี้ล้วนแลกมาด้วยความเ็ปแทบทั้งนั้น จะมีความเ็ปใดที่เทียบเท่ากับความเ็ปของเส้นชีพจรที่แตกสลายได้อีก?
“ตกลง ขอให้ท่านผู้าุโโปรดชี้แนะ การต่อสู้เช่นนี้ถือว่าเป็การฝึกปรือฝีมือไม่นับว่าเป็การท้าประลองแต่อย่างใด ขอให้ท่านผู้าุโลงมือได้ตามสบาย!” เย่ชิงหานพูดขึ้นอย่างอาจหาญ ความหมายบ่งบอกชัดเจนว่าขอให้เ้าลงมือได้เต็มที่ข้านายน้อยผู้นี้ไม่รู้สึกกลัวแม้แต่น้อย
“หืม?” ลู่ซีหน้าแพะมองดูเย่ชิงหานด้วยความประหลาดใจ ภายในใจครุ่นคิดว่านึกไม่ถึงจริงๆ ว่าเ้าเด็กคนนี้จะมีนิสัยชอบให้คนอื่นทำร้ายตนเอง ในเมื่อไม่นับว่าเป็การท้าประลอง ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ถือว่าละเมิดกฎกติกาที่ตั้งเอาไว้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งอยู่แต่ในูเาสุสานทวยเทพแห่งนี้ก็น่าเบื่อเป็อย่างมาก ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้ถือว่าช่วยเขาหน่อยแล้วกัน อย่างน้อยก็ถือว่าเห็นแก่หน้าท่านผู้นั้น ส่วนเขาจะััรับรู้ได้ถึงอะไรหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับสติปัญญาและโชคชะตาวาสนาของตัวเขาเองแล้ว...
“เด็กน้อย ถ้าหากเ้าทนไม่ไหวก็บอกข้าแล้วกัน!”
ลู่ซีลุกขึ้นยืน มุมปากปรากฏรอยยิ้มสนุกชั่วร้ายออกมา เขาสะบัดมือซ้ายขึ้นจากนั้นกระบองเหล็กสีน้ำตาลขนาดใหญ่เท่ากำปั้นความยาวร่วมสองเมตรพลันปรากฏขึ้นในมือของเขา
เย่ชิงหานรู้สึกว่าลู่ซีราวกับนักมายากลฉันนั้น แค่พริบตาเดียวก็มีกระบองเหล็กมาโผล่ขึ้นที่มือแล้ว อดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชมผู้ฝึกยุทธ์ระดับเทพขึ้นมาภายในใจ เพียงแต่ยังไม่ทันที่เขาจะทำการชื่นชมได้จบ ลู่ซีพลันหัวเราะ “หึๆ” พร้อมกับยกกระบองเหล็กในมือลอยสูงขึ้น จากนั้นเล็งตรงมาทางด้านเย่ชิงหานแล้วฟาดลงมาอย่างช้า กระบองเหล็กพลันเลือนหายไปกลางอากาศและเพียงชั่วพริบตาเดียวก็มาปรากฏขึ้นอยู่กลางอากาศ้าเหนือศีรษะของเขาแล้ว
มันกำลังฟาดต่ำลงมาพร้อมกับเงากระบองเลือนรางอีกหลายสายที่ติดตามลงมาติดๆ
“ฮะ! มายากลชุดนี้จะแสดงจนน่าอัศจรรย์เกินไปแล้ว เคยได้ยินแค่ว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับเทพเคลื่อนย้ายในพริบตาได้ ไม่เคยได้ยินว่าอาวุธก็สามารถเคลื่อนย้ายในพริบตาได้เช่นกัน?” ภายในใจของเย่ชิงหานสะดุ้งใเป็อย่างมาก เนื่องจากใกล้เกินไปหลบไม่ทันจึงทำได้แค่เพียงกางสนามพลังขึ้นเพื่อต้านทานกระบองเหล็กที่ปรากฏออกมาเหนือศีรษะอย่างปัจจุบันทันด่วนนี้ ในเวลาเดียวกันฝีเท้าก็ทำการใช้ท่าร่างเคลื่อนย้ายไร้รูปลักษณ์ขึ้นเพื่อทำการเบี่ยงตัวหลบออกไปด้านข้าง
เปรี้ยง!
สนามพลังของเย่ชิงหานไม่สามารถจะต้านทานกระบองเหล็กที่ฟาดลงมาได้แม้แต่น้อย กระบองเหล็กราวกับฟาดใส่ก้อนเต้าหู้ฉะนั้น เมื่อััถูกสนามพลังพลันพังทลายลงในทันที ยังดีที่เย่ชิงหานยังทำการเบี่ยงตัวหลบออกไปข้างๆ ได้ส่วนศีรษะจึงไม่ได้ถูกกระบองฟาด แต่กระบองฟาดเข้าใส่บริเวณไหล่ของเขาแทน
ััได้ถึงวัตถุที่มีน้ำหนักมหาศาลกดทับลงมาบนไหล่ของตนเองจนเกือบจะทำให้ทรุดตัวลงก้นกระแทกไปกับพื้น เขาไม่มีเวลามานึกถึงความเ็ปบริเวณหัวไหล่ รีบโคจรพลังเพิ่มขึ้นเบี่ยงตัวหลบออกไปและรีบถอยกลับไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว
เปรี้ยง!
กระบองเหล็กสีน้ำตาลพลันเลือนหายไปจากเบื้องหน้าของเย่ชิงหานอีกครั้ง รอจนกระทั่งเขาจะรู้ตัวกระบองเหล็กก็ไปปรากฏอยู่ด้านหลังของเขาและฟาดเข้าใส่กลางแผ่นหลังของเขาอย่างหนักหน่วง
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
กระบองเหล็กทั้งเลือนหายและปรากฏอยู่เช่นนี้ไปมาไม่หยุด ไม่ว่าเย่ชิงหานจะหลบหลีกหรือวิ่งหนีเช่นไรกระบองเหล็กที่ปรากฏออกมาก็จะโจมตีถูกเขาทุกครั้งไป เพียงแต่เห็นได้ชัดว่าพลังที่โจมตีใส่เขานั้นลู่ซีควบคุมได้เป็อย่างดี แม้ทุกการโจมตีจะทำให้เย่ชิงหานรู้สึกเ็ปอย่างรุนแรง แต่ว่าไม่ได้ทำให้เขาาเ็ถึงแก่ชีวิต กระดูกหัก หรือาเ็ภายในแต่อย่างใด
สิบนาทีต่อมา เย่ชิงหานถูกระบองเหล็กฟาดจนตัวอ้วนจะกลายเป็หมีแพนด้าขึ้นมา นอกจากใบหน้าแล้วร่างกายส่วนอื่นๆ ล้วนถูกกระบองเหล็กฟาดจนบวมเป่งขึ้น สภาพของเย่ชิงหานในตอนนี้ดูไม่ต่างจากลิงตัวอ้วนที่กำลังถูกฝูงผึ้งบินไล่ต่อย ทั้งะโขึ้นลงกลิ้งไปมาล้มลุกคลุกคลาน...
“พอแล้ว! ท่านผู้าุโ พอแล้ว!”
หลังจากกัดฟันฝืนทนอยู่อีกห้านาทีในที่สุดเย่ชิงหานก็อดทนต่อไปไม่ไหว ไม่กี่นาทีที่ผ่านมานี้ทั้งพลังปราณรบและประสาทััของเขาล้วนถูกใช้ไปเป็จำนวนมาก เนื่องจากไม่รู้แน่ชัดว่ากระบองเหล็กครั้งต่อไปจะโผล่ออกมาจากทิศทางใด ดังนั้นทุกๆ วินาทีเขาจึงต้องใช้สมาธิในการจับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นโดยรอบทั้งสี่ทิศอยู่ตลอดเวลา ขอแค่เพียงมีลมพัดมีหญ้าสั่นไหวเขาล้วนต้องมีปฏิกิริยาตอบสนองเพื่อคำนวณทิศทางการโจมตีของกระบองเหล็กและวิธีการหลบหลีก เพียงแต่เ้ากระบองเหล็กนี้ปรากฏออกมาในรูปแบบและทิศทางที่แปลกประหลาดจนเกินไป อีกทั้งรวดเร็วเป็อย่างมากทุกครั้งจึงทำได้แค่เพียงป้องกันจุดอันตรายบนร่างกายไม่ให้ถูกโจมตีโดนเพียงเท่านั้น...
“เพิ่งจะผ่านไปได้ไม่นานก็อดทนไม่ไหวแล้วอย่างนั้นรึ?” ลู่ซีหัวเราะหึๆ ออกมายื่นมือซ้ายออกไปกระบองเหล็กพลันปรากฏขึ้นในมือของเขาพร้อมกับพูดเย้าแหย่ขึ้นอย่างสนุกสนาน
“การโจมตีของท่านผู้าุโแปลกประหลาดจนเกินไป นี่...นี่คงเป็พลังกฎเกณฑ์แห่งพื้นที่ใช่ไหม?” เย่ชิงหานนั่งลงบนพื้นทำการนวดหัวไหล่และขาของตนเอง การเคลื่อนย้ายในพริบตาของผู้ฝึกยุทธ์ระดับเทพเขาพอรู้จัก แต่อาวุธสามารถเคลื่อนย้ายได้ในพริบตาเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่เขาก็คิดถึงพลังกฎเกณฑ์ระดับสูงส่งพลังแห่งพื้นที่ขึ้นมา ดังนั้นเขาจึงลองเอ่ยปากถามขึ้นดู
“จะสู้ต่อไหม? ทนไม่ไหวก็อย่ามารบกวนข้าอีก!” ลู่ซีไม่ได้ยอมรับและไม่ได้ปฏิเสธ ทำเพียงพูดขึ้นอย่างรู้สึกรำคาญ
“สู้! ทำไมจะไม่สู้ล่ะ? ท่านผู้าุโรออีกครึ่งชั่วโมง ขอข้าพักสักหน่อย!” เย่ชิงหานเมื่อได้ฟังรีบตอบกลับไปในทันที ลู่ซีไม่ได้ปฏิเสธก็แสดงว่าเขาใช้พลังกฎเกณฑ์แห่งพื้นที่จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งใช้พลังกฎเกณฑ์ระยะห่างเพียงเท่านี้ยิ่งทำให้เขาััรับรู้ถึงพลังกฎเกณฑ์ได้ง่ายขึ้น โอกาสดีงามเช่นนี้มีแต่คนโง่เพียงเท่านั้นที่จะไม่รีบคว้าเอาไว้
พลังโจมตีของลู่ซีล้วนทำการควบคุมได้อย่างแม่นยำพอดีทุกครั้งไม่ได้ทำให้เขากระดูกหักหรือาเ็ภายในแต่อย่างใด ส่วนอาการาเ็ของผิวเนื้อภายนอกมีแหวนจักรพรรดิิญญาอยู่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็สามารถรักษาให้กลับมาหายเป็ปกติได้ แน่นอนว่าเขาต้องสู้ต่อแม้คำว่าสู้จะใช้ไม่ค่อยถูกกับสถานการณ์นี้นักเพราะเป็ฝ่ายถูกตีอยู่ฝ่ายเดียว แต่สามารถทำให้ผู้ฝึกยุทธ์ระดับเทพคนหนึ่งใช้พลังกฎเกณฑ์โจมตีใส่ตนเองเช่นนี้ อภิสิทธิ์พิเศษที่ได้รับแม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วทั้งทวีปัเพลิงหากรู้เข้าคงจะแย่งกันวิ่งเข้ามาให้ตีเสียด้วยซ้ำไป
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง เย่ชิงหานลุกขึ้นมาอีกครั้งเพื่อเริ่มเสพสุขการถูกลู่ซีซ้อม เขาเตรียมตัวที่จะใช้วิธีที่ดูโง่เขลาที่สุดในการััรับรู้พลังกฎเกณฑ์พลังฟ้าดิน นั่นก็คือการหลบการโจมตีของลู่ซีให้ได้ การโจมตีของลู่ซีแฝงพลังกฎเกณฑ์พลังฟ้าดินอยู่ ถ้าหากเขาสามารถทำการหลบการโจมตีของลู่ซีได้ละก็ นั่นก็แสดงให้เห็นว่าเขาเริ่มที่จะคลำหาปากประตูทางเข้าพลังกฎฑ์แห่งพื้นที่เจอแล้ว ซึ่งก็หมายความว่าเขาสามารถที่จะเหยียบย่างเข้าสู่ระดับขอบเขตาาจักรพรรดิได้แล้ว
.................................
ลู่ซีใช้พลังกฎเกณฑ์แห่งพื้นที่ในการโจมตี สามารถทำให้การโจมตีข้ามผ่านระยะห่างของพื้นที่ไปปรากฏยังที่ต่างๆ ได้ ทั้งรวดเร็วและแปลกประหลาดจนทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่มีเวลาทำการป้องกันได้ หากคิดตามหลักเหตุผลเย่ชิงหานไม่น่าจะสามารถหลบพ้นได้ แม้จะถูกโจมตีเป็ร้อยล้านครั้งก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
เพียงแต่เย่ชิงหานยังคงลุกขึ้นมาด้วยความมั่นอกมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม ยังคงเสพสุขอยู่กับถูกซ้อมถูกตี ครั้งนี้เขาไม่ได้ยืนนิ่งๆ อยู่กับที่รอให้กระบองเหล็กโจมตีเข้าใส่เหมือนแต่ก่อน แต่เริ่มย่ำเท้าไปมาภายในห้องโถงใหญ่ด้วยท่าเท้าที่แปลกประหลาด โลดแล่นไปมาด้วยท่าร่างที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เงาร่างดูพลิ้วไหวละมุนละไมแปลกประหลาดลึกลับขึ้นมา
ถูกต้อง! เขากำลังใช้ท่าร่างเคลื่อนย้ายไร้รูปลักษณ์
การโจมตีของลู่ซีทำให้เขานึกถึงวิชาท่าร่างของเย่รั่วสุ่ยวิชาเคลื่อนย้ายไร้รูปลักษณ์ วิชานี้เขาเริ่มฝึกฝนเมื่อตอนอยู่ที่เกาะแห่งความมืดมิดแต่ก็หยุดอยู่แค่ระดับชั้นแรกเท่านั้นไม่สามารถที่จะเลื่อนขึ้นไปสู่ระดับชั้นที่สองได้ ตอนนี้เมื่อเห็นลู่ซีใช้พลังกฎเกณฑ์แห่งพื้นที่ในการโจมตีจึงทำให้นึกถึงวิชาท่าร่างเคลื่อนย้ายไร้รูปลักษณ์ระดับชั้นที่สองขึ้นมา
วิชาท่าเท้าเคลื่อนย้ายไร้รูปลักษณ์ระดับชั้นแรกมีชื่อว่า “เคลื่อนย้ายดั่งใจปรารถนา” ระดับชั้นที่สองชื่อว่า “เปลี่ยนรูปย้ายเงา” ระดับชั้นที่สามชื่อว่า “ใกล้แค่เอื้อมแต่ไกลสุดขอบฟ้า” เดิมทีไม่เข้าใจว่าทำไมระดับชั้นที่สองฝึกฝนอย่างไรก็ไม่สำเร็จเสียที ตอนนี้เริ่มจะเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว
ท่าเท้าเปลี่ยนรูปย้ายเงา ท่าเท้าระดับชั้นที่สองนี้มันคือการใช้พลังกฎเกณฑ์แห่งพื้นที่เข้ามาร่วมด้วยชัดๆ เลยมิใช่รึ? หากไม่สามารถััรับรู้ถึงการมีอยู่ของพลังกฎเกณฑ์แห่งพื้นที่ได้ละก็ท่าเท้าระดับชั้นที่สองจะฝึกสำเร็จได้อย่างไรกัน?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้