ซูเมี่ยวเออร์สวมชุดนับว่าสง่างามมากในวันนี้ ชุดสีน้ำเงินกับมวยผมที่พิถีพิถันของนาง ซึ่งดูดีกว่าชุดสีชมพูคราวก่อนของนางเล็กน้อย
แต่อย่างไร นางก็เป็สาวหน้าบาน จะชมให้ตายอย่างไร ก็มิมีทางสวยได้เช่นเทพธิดา
นางนั่งลงข้างๆ ทำท่าทีราวสตรีสูงศักดิ์ ทำให้อวิ๋นอี้ขยะแขยงนัก
“คารวะองค์ชายเจ็ดและพระชายาเพคะ” ซูเมี่ยวเออร์ทักทายพวกเขาอย่างสุภาพก่อน
อวิ๋นอี้ทำหูทวนลม เบะปากยิ้มเย้ย หันหน้าออกมา เหลือเพียงแต่ด้านหลังไว้ให้นางดู
การกระทำเยี่ยงนี้ นับว่าเป็การยียวนแล้ว
สีหน้าของซูเมี่ยวเออร์ครึ้มลงทันที
เมื่อคิดว่าหรงซิวยังอยู่ด้วย ไม่อยากจะทำแต่ก็ต้องแสร้งแสดงต่อ นางทัดผมขึ้น ตอนที่กำลังจะชวนหรงซิวพูด คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเบนสายตาออก ก้มหน้ากระซิบอยู่กับอวิ๋นอี้ มิรู้ว่าพูดกระไรกัน
คำพูดที่ซูเมี่ยวเออร์คิดไว้อย่างดี ก็ต้องเก็บกลับไปเสียอย่างนั้น
นางอยากออดอ้อน แต่ก็มีคนเดินไปมาระหว่างโต๊ะ ล้วนรายล้อมด้วยคนรู้จัก เพื่อรักษาภาพลักษณ์หญิงงามที่มีมารยาท ซูเมี่ยวเออร์กลับทำได้แค่ยิ้มๆ การเสแสร้งหรือออดอ้อนใดๆ ก็ไม่ได้ทำ แล้วไปคุยกับคนอื่นๆ แทน
ตอนนี้ทำให้นางขายหน้า แต่เดี๋ยวรอดูเถิด นางจะทำให้เห็นว่าคนที่ต้องอับอายเป็ผู้ใด
ครานี้ที่ไปหลบภัยอยู่ในวัด นางกลับได้กระไรบางอย่างมาอย่างไม่คาดคิด
ซูเมี่ยวเออร์นึกถึงภาพที่กำลังจะเกิดขึ้นในงานเลี้ยง มุมริมฝีปากของนางค่อยๆ ยิ้มขึ้นอย่างมีเลศนัย
วันวสันต์ที่อบอุ่น แดดจ้าลมเย็น เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นสูงไปบนท้องฟ้า หลังจากที่แขกต่างพากันนั่งลงแล้ว อวิ๋นเส่าต้าวที่วุ่นวายกับกลุ่มคนก็มีโอกาสได้พักหายใจเสียที
งานเลี้ยงกำลังจะเริ่มขึ้น หลังจากที่เขาได้พักสักครู่ ก็ปรากฏตัวขึ้นบนหน้าลานพร้อมด้วยลูกชายทั้งสามของเขา
เสียงดังของกลุ่มคนค่อยๆ เงียบลง
จนกระทั่งอวิ๋นฉีคำนับแขกอย่างเคร่งขรึม คนในโถงทั้งหมดก็ไม่มีใครพูดกระไรกันแล้ว
อวิ๋นฉีมีรูปร่างสูงยาว ใบหน้าที่หล่อเหลาโดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นที่อ่อนโยนและช่างใส่ใจ ซึ่งสอดคล้องกับสถานะของเขาในการแขวนป้ายช่วยเหลือมหาชนนัก
ความประทับใจที่เขามีให้อวิ๋นอี้ก่อนหน้านี้คือเขาเป็หมอ แต่ครานี้ที่เขากำลังยืนอยู่บนเวที ยืนเชิดอกไม่สูงส่งไม่ต่ำต้อย [1] ดูสง่างามยิ่งนัก
เขาขอบคุณแขกทุกคนอย่างสุภาพ หลังจากกล่าวขอบคุณและอวยพรอย่างจริงใจแล้ว ก็ถอยหลังกลับไป และเชิญอวิ๋นเส่าต้าวด้วยความเคารพ
คำพูดของอวิ๋นเส่าต้าวกระชับเรียบง่ายกว่านัก
ไม่มีกระไรมากไปกว่าการขอบคุณแขก และขอให้ทุกท่านมี่เวลาที่ดี
ผู้คนต่างโห่ร้องอย่างให้เกียรติ บรรยากาศครื้นเครงขึ้นมาในทันใด
อวิ๋นเส่าต้าวถูกกลุ่มเพื่อนขุนนางดึงไว้ พวกเขาถือกาเหล้า ดูเหมือนจะดื่มอวยพรให้เขา อวิ๋นอี้มองดูเขาดื่มไปหลายแก้วอยู่ห่างๆ สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะยืนขึ้นและเดินตรงไปทางอวิ๋นเส่าต้าว
“ท่านพ่อ” ทันทีที่นางปรากฏตัว ทุกคนก็เคารพอวิ๋นเส่าต้าว ทำให้ทุกคนที่โต๊ะใไม่น้อย
อวิ๋นเส่าต้าวมองดูอย่างสงสัย เห็นอวิ๋นอี้ แล้วถามนางว่า "อวิ๋นเออร์ มีกระไรหรือ?"
“ท่านพ่ออายุไม่น้อยแล้วนะเ้าคะ ต้องเป็ห่วงร่างกายของท่านด้วย แม้ว่าเหล้าจะหอมหวาน แต่ต้องรู้จักพอนะเ้าคะ" ขณะที่พูด นางก็ขยิบตาให้เขาอย่างซุกซน หยิบแก้วเหล้าจากอวิ๋นเส่าต้าวแล้วเดินออกไปราวกับไม่มีกระไรเกิดขึ้น
อวิ๋นเส่าต้าวมองนางด้วยความงุนงง รู้ดีว่าลูกสาวของเขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
หากเป็เมื่อก่อน นางอาจจะพูดเตือนซ้ำๆ เป็การส่วนตัวกับเขา แต่การที่หยิบแก้วเหล้าของเขาออกไปต่อหน้าเช่นนี้ นางไม่มีทางทำเป็แน่
อวิ๋นเส่าต้าวยังอยู่ในภวังค์ จู่ๆ ก็ถูกดึงแขนเสื้อ
เขามองไป เห็นว่ายังคงเป็อวิ๋นอี้ มองเขาด้วยแววตาแพรวพราว
“ท่านพ่อ ข้าเตรียมของขวัญมาให้ท่านด้วย มาดูเถิดเ้าค่ะ”
นางเป็ลูกสาวสุดที่รักของเขา แม้ว่านิสัยของนางจะไม่เหมือนเดิม แต่ความรักที่มีให้นางนั้นมิได้ลดลงสักครึ่งหนึ่ง
อวิ๋นเส่าต้าวไม่อาจปฏิเสธได้ จึงถูกนางดึงออกไป
เมื่อทุกคนที่โต๊ะเดียวกันเห็นเ้าของวันเกิดกำลังเดินมา พวกเขาก็รีบเคารพเขาทันที อวิ๋นอี้ยิ้มควงแขนของอวิ๋นเส่าต้าว และให้หรงซิวหยิบของขวัญที่เตรียมไว้ออกมา
เมื่อพระประคำไม้จันทน์ทองปรากฏต่อหน้าเขา สีหน้าของอวิ๋นเส่าต้าวก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ท่านพ่อ! ชอบหรือไม่เ้าคะ?” อวิ๋นอี้ไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติจึงถามอย่างคาดหวัง
มือของอวิ๋นเส่าต้าวเหงื่อออกเล็กน้อย เขาหยิบประคำไม้จันทน์ไว้ในฝ่ามือแล้วดูให้ละเอียด
“ท่านพ่อเ้าคะ?”
“ชอบสิ” อวิ๋นเส่าต้าวพูดทื่อๆ ยิ้มแล้วแสดงสีหน้าเป็ปกติ “ขอบใจนะลูก อวิ๋นเออร์”
“ตราบเท่าที่ท่านพ่อชอบ อวิ๋นเออร์ยินดีทำทุกอย่างเ้าค่ะ"
อวิ๋นเส่าต้าวยิ้มแล้วตบไหล่นาง "ลูกสาวแสนดีของพ่อ"
ต่อหน้าอวิ๋นอี้ คนอื่นที่อยู่ร่วมโต๊ะ เพื่อไม่ให้น้อยหน้าก็รีบหยิบของขวัญที่เตรียมไว้ขึ้นมาทันที
ไม่นาน บรรยากาศก็คึกคักขึ้น
หลังจากที่ทุกคนคุยโม้ ประจบสอพลอกันจนพอใจ โต๊ะอื่นๆ ต่างอดไม่ไหวที่จะเข้ามาทักทาย และเชิญอวิ๋นเส่าต้าวให้มาที่โต๊ะ
ตอนนั้นเอง ซูเมี่ยวเออร์ก็ยืนขึ้น
นางเป็สตรีผู้เพียบพร้อมที่มีชื่อเสียงมานาน ในขณะที่แสดงตัวขึ้นก็ไม่ลืมที่จะทำความเคารพ
เมื่อเห็นอวิ๋นเส่าต้าว นางเอนตัวลงไปข้างหน้าพร้อมย่อตัวและประสานมืออยู่เบื้องหน้าพร้อมพูดว่า “คารวะท่านมหาเสนาบดีเ้าค่ะ”
“คุณหนูซูเกรงใจกันเกินไปแล้ว” อวิ๋นเส่าต้าวยิ้มให้อย่างสุขุมและสง่างาม
เขาได้ยินเื่เกี่ยวกับความคับข้องใจระหว่างซูเมี่ยวเออร์กับอวิ๋นอี้ลูกสาวเขามามากมาย แต่บุรุษที่ใช้ชีวิตในงานราชการ ผู้ใดไม่ใช่ผู้จัดการรางวัลการแสดงกันบ้างเล่า แม้ว่าเขาจะไม่สบอารมณ์ เขาก็ยังสามารถประพฤติตนได้อย่างสง่างาม
ซูเมี่ยวเออร์ได้โอกาสในการโอ้อวดตน ไม่มีทางที่จะปล่อยไปแน่ โดยบอกว่าตนเตรียมของขวัญวันเกิดให้อวิ๋นเส่าต้าวถึงสองชิ้น
ชิ้นหนึ่งคือบทกวีอวยพรวันเกิดที่นางเขียนเอง มีความยาวร้อยบรรทัดพอดิบพอดี
นางสั่งให้คนเอาเข้ามา ล้วนเป็คำมงคลทั้งสิ้น
ทันทีที่เปิดออกก็มีคนมากมายมาชื่นชม และลงความคิดเห็นกัน
ซูเมี่ยวเออร์แสร้งทำเป็ไม่สนใจ แล้วพูดต่อ "คำอวยพรที่สำคัญที่สุดคือ เมี่ยวเออร์ได้ยินมาว่าท่านมหาเสนาบดีโปรดการชมละครมาก ข้าจึงเชิญคณะละครมาร่วมอวยพรให้เ้าค่ะ "
เมื่อพูดถึงตรงนี้ แม้แต่อวิ๋นอี้ด่านางว่าชอบโอ้อวด ก็ถึงกับเงยหน้าขึ้นมา
นางมิได้ฟังผิดไปใช่หรือไม่?
ซูเมี่ยวเออร์เชิญคณะละครมาจริงหรือ?
อวิ๋นอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย มีลางสังหรณ์ไม่ดี
เป็วันที่ดี ในฐานะเ้าภาพอวิ๋นเส่าต้าวไม่อยากขัดความครื้นเครง อีกทั้งผู้คนที่อยู่ด้วย ณ ที่นี้ก็ล้วนชอบดูละคร เมื่อได้ยินว่าจะมีละครก็ตื่นเต้นกันขึ้นมาทันใด จากนั้นไม่นาน เวทีก็ถูกจัด ละครที่ครึกครื้นก็เริ่มขึ้น
เป็ละครที่เกี่ยวกับชายหนุ่มเสื้อใหม่ม้าพยศ [2] สามคน
ในหนุ่มสามคน คนหนึ่งชื่อซวน คนหนึ่งชื่อเจิน และอีกคนหนึ่งชื่อเหิง
ซวนเป็จอมวางแผน เจินเก่งศิลปะการต่อสู้ ในขณะที่เหิงเป็นักเขียนที่เก่ง เป็ความสามารถระดับเลิศของประเทศชาติ
แม้ว่าพวกเขาจะเกิดในครอบครัวที่มีชื่อเสียง แต่บุคลิกของพวกเขาแตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง
ซวนเคร่งขรึม เจินเป็หนุ่มเืร้อน ส่วนเหิงเป็ที่อ่อนโยนและสง่างาม
วันหนึ่งในฤดูวสันต์ที่สดใส เด็กหนุ่มที่มากความสามารถสามคนมาพบกัน
การพบกันของพวกเขาเป็เื่ที่ดีงาม พวกเขาดื่มกิน และแต่งกวีกันในป่าทึบ แข่งขันกันยิงธนูในทุ่งในฤดูสารท พวกเขาเคยมองดูผู้คนสู้จิ้งหรีดกันบนท้องถนน เคยทะเลาะทุบตีกันกับคนอื่นจนนองเื
วัยรุ่น เื่หนักเบาต่างๆ ล้วนเป็ความทรงจำที่งดงาม
อวิ๋นอี้ดูอย่างออกรส ปากคอแห้งเล็กน้อย นางเอียงหน้าไปรินชา และเมื่อกำลังจะจิบชา นางก็เหลือบไปเห็นสีหน้าของหรงซิว
อดกลั้น เยือกเย็น และดูโเี้
ั์ตาลึกของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชังและความเสียใจ เขานั่งนิ่งๆ อยู่ตรงนั้น ราวกับตกอยู่ในขุมนรก
อวิ๋นอี้ตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันใด ความประหม่าผุดขึ้นในใจ แม้แต่นิ้วมือที่ถือถ้วยน้ำชาอยู่ก็อ่อนแรงลง
เชิงอรรถ
[1] ไม่สูงส่งไม่ต่ำต้อย 不卑不亢 หมายถึง ไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่ง และไม่ถ่อมตัวจนดูต่ำต้อย
[2] เสื้อใหม่ม้าพยศ 鲜衣怒马 หมายถึง เสื้อผ้าสวยงาม ม้าทรงพลัง เป็คำสแลงบนอินเทอร์เน็ตเปรียบเปรยถึงคนที่รวยและหยิ่งผยอง