ั้แ่เข้ามาในโถงพระตำหนัก ฉางไทเฮาประทับอยู่ด้านข้างมาโดยตลอด ทั้งยังไม่กล่าวสิ่งใด นี่เป็นิสัยอันคงเส้นคงวาของนาง นางมักจะนิ่งเงียบและเฉยเมย นางมิเคยปรารถนาและมิเคยอยากแก่งแย่ง ทั้งในเื่ของราชสำนัก และเื่ในวังหลัง ไม่ว่าผู้ใดล้วนไม่เคยช่วยเหลือ ทว่าถ้อยคำเมื่อครู่นี้ คนฉลาดเฉลียวล้วนฟังออกทั้งสิ้นว่า ฉางไทเฮากำลังช่วยตระกูลหนานกงพูดอย่างเห็นได้ชัด!
ผู้คนมากมายในเหตุการณ์ แม้แต่ฮ่องเต้หยวนเต๋อเองยังค่อนข้างประหลาดใจเช่นกัน
ทว่าฮองเฮาอวี่เหวินกลับแจ่มแจ้งอย่างยิ่ง
ฉางไทเฮาผู้ซึ่งไม่้าแก่งแย่งกับผู้ใด ในที่สุดยินดีจะถกเถียงแย่งชิงแล้วหรือ?
ทั้งยังเพื่อตระกูลหนานกงอีก!
ช่างน่าสนใจนัก!
ทว่าให้ลืมมันไปงั้นหรือ?
ลืมมันก็ได้อยู่หรอก เพียงแต่มันมิได้ง่ายดายเพียงนั้น!
“ในเมื่อเสด็จพี่สะใภ้ออกปากพูดแล้ว ชิงเหอก็ปล่อยไปเถิด หายากนักที่เสด็จพี่สะใภ้เอ่ยปากกล่าวเพื่อผู้ใด อีกอย่างวันนี้เป็งานเลี้ยงส่งเสด็จพี่สะใภ้ ในเมื่อนางเอ่ยปาก อย่างไรเสียต้องรักษาหน้าไว้บ้าง” ฮองเฮาอวี่เหวินเอ่ยพลางยิ้มแย้ม
ในใจของทุกคนเข้าใจว่า ฉางไทเฮาช่วยตระกูลหนานกงพูดเป็เื่อย่างหนึ่ง มายามนี้ครั้นถูกฮองเฮาอวี่เหวินแผ่กางบนโต๊ะ วาจากล่าวชัดเจน กลับมีความหมายอื่นแฝงอยู่อีก
หลายสิ่งหลายอย่างในเื่นี้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างระมัดระวัง
ทันใดนั้น พระหัตถ์ซึ่งกำลังนับลูกประคำของฉางไทเฮาพลันหยุดชะงักเล็กน้อย ดวงเนตรสงบนิ่งของหลีอ๋องจ้าวเยี่ยนผุดร่องรอยคลื่นอารมณ์ออกมาเช่นกัน
เสด็จแม่ทรงละเอียดรอบคอบเสมอ เมื่อครู่นี้สาเหตุที่พูดช่วยตระกูลหนานกง เพราะทรงกังวลว่าตระกูลหนานกงจะถูกลดทอนอำนาจลงอย่างสมบูรณ์ ซึ่งมันไม่ดีต่อพวกเขา
ทว่าจากที่เขาเห็น ตระกูลหนานกงช่างทะเยอทะยานมากมายเพียงนี้ ก็ควรทำให้พวกเขาได้รับบทเรียนเสียบ้างถึงจะถูก
ทว่าถ้อยคำร้องขอของเสด็จแม่ยังเป็การบอกใบ้อันใดกับตระกูลหนานกงด้วยหรือไม่?
ดวงตาของจ้าวเยี่ยนเคร่งขรึม หลายคราที่แม้แต่เขาเองยังขบคิดเื่เสด็จแม่ไม่ออก
“ที่ใดกันเล่าฮองเฮา พรุ่งนี้ข้าก็ต้องจากไปแล้ว จิตใจจึงครุ่นคิดว่า หากภายในเมืองชุ่นเทียนสามารถสงบสุขได้คงจะดีนักแล ดังนั้นจึงมีความคิดอยากเปลี่ยนเื่ใหญ่ให้เป็เื่เล็ก เื่เล็กกลายเป็ไม่มีเื่ ข้าเป็เพียงสตรีที่ผ่านการออกเรือนผู้หนึ่งเท่านั้น จิตใจได้หวนคืนสู่พระพุทธศาสนามานานแล้ว เื่ราวทางโลกมิได้เกี่ยวข้องอันใดกับข้า เหตุการณ์ในเมืองชุ่นเทียนย่อมเป็การตัดสินใจของฝ่าากับฮองเฮา เมื่อครู่นี้ข้าแค่ครุ่นคิดมากไปจึงกล่าวมากความ ฝ่าา ฮองเฮาโปรดอย่าได้ใส่ใจ” ฉางไทเฮาตรัสอย่างนุ่มนวลไม่รีบเร่งและสงบเยือกเย็น ครั้นเอ่ยจบจึงค่อยๆ ปิดตาลง นับลูกประคำต่อไป ราวกับเื่ที่เกิดขึ้นตรงหน้ามิได้เกี่ยวข้องกับนางจริงๆ
เหนียนยวี่จ้องมองสตรีผู้เรียบง่ายเฉยเมยทว่าสง่างาม จากนั้นจึงหันไปมองฮองเฮาอีกครั้ง แค่การปะทะคารมก็เผยหลายสิ่งหลายอย่างออกมามากแล้ว
ฉางไทเฮากล่าวดีกว่าเล็กน้อย
เหนียนยวี่รู้มาตลอดว่า สตรีผู้นี้ยากจะรับมือ และในยามนี้ฮองเฮาอวี่เหวิน... เหนียนยวี่หันไปมอง เห็นฮองเฮาขมวดปมคิ้วเล็กน้อย ชัดเจนว่าดูจะค่อนข้างหงุดหงิดใจ หากนางกล่าวซักไซ้ไล่เลียงต่อไป กลับยิ่งจะฉายชัดว่านางตั้งใจพุ่งเป้าฉางไทเฮา เกรงว่าจะตกเป็ขี้ปากคนได้
ในเวลานี้ ฮ่องเต้หยวนเต๋อเองก็มิได้ตรัสสิ่งใด หนทางที่ดีที่สุดสำหรับฮองเฮาอวี่เหวินคือการถอยกลับมาสักก้าว
อย่างที่คิด ฮองเฮาอวี่เหวินเป็คนฉลาด นางจึงหัวเราะอย่างอ่อนโยน “วันนี้อย่างไรเสียก็เป็วันที่ดีวันหนึ่ง ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงเองก็เจอคุณหนูใหญ่เหนียนแล้ว คงจะวางใจได้แล้วใช่หรือไม่?”
“วางใจแล้วเพคะ หม่อมฉันวางใจแล้วเพคะ” ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงพยักหน้า ในเวลาเดียวกันที่เงยหน้ามองฮองเฮาอวี่เหวิน สายตานำพาฉางไทเฮาเข้ามาในวิสัยทัศน์ สตรีเรียบง่ายงดงาม สงบนิ่งเฉยเมย นับลูกประคำอย่างจดจ่อ ท่าทีดูราวกับไม่้าแก่งแย่งสิ่งใด แต่ผู้ใดจะรู้ว่า ภายในใจของนางมีความมุ่งมาดปรารถนาอย่างแรงกล้าแอบซ่อนอยู่
เมื่อครู่นี้การกล่าวขอร้องของนาง เป็ถ้อยคำที่กำลังเตือนฮูหยินผู้เฒ่าหนานกง ถึงพันธสัญญาระหว่างพวกเขางั้นหรือ?
ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงพลันฉุดคิดถึงยามที่ออกจากสวนร้อยสัตว์เมื่อครู่นี้ ถ้อยคำของฉางไทเฮา...
‘คุณหนูอีหลานเป็คนโชคดี ไม่มีทางเป็อันใดแน่’
กลับมาคิดดูในยามนี้ เมื่อครู่นี้นางรู้สึกแปลกใจ คำนั้นฟังดูราวกับว่าฉางไทเฮารู้ั้แ่แรกแล้วว่าอีหลานมิได้เป็อันใด
ครั้นคิดอะไรขึ้นได้ ในใจของฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงสั่นสะท้าน สายตาที่มองเหมือนไม่มองสตรีผู้ซึ่งเรียบง่ายแต่งดงามผู้นั้นพลันเคร่งขรึมยิ่งกว่าเดิม
หากการที่อีหลานปลอดภัยเกี่ยวข้องกับฉางไทเฮาอย่างที่คิดจริงๆ เช่นนั้น...
โทสะผาดผุดขึ้นในใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงยันไม้เท้าในมืออย่างแรง ยิ่งมองใบหน้าสงบนิ่งเฉยชานั่นมากเท่าใด ในใจก็ยิ่งเดือดดาลมากขึ้นเท่านั้น
ดี ดียิ่งฉางไทเฮา!
แต่ละเื่ราวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ นางจงใจเฝ้ามองเื่ตลกของคนตระกูลหนานกงงั้นหรือ?
คลื่นนับพันสาดซัดในใจของฮูหยินผู้เฒ่าหนานกง ทว่าต่อหน้ากลับไม่กล้าเผยอารมณ์ออกมามากนัก ระหว่างที่ครุ่นคิด เสียงของฮองเฮาอวี่เหวินดังขึ้นต่อไปว่า...
“อย่างไรเสีย เ้าก็พักฟื้นอยู่ในตำหนักหลังนี้มาหลายวันแล้ว ประจวบเหมาะยิ่งนัก วันนี้ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงเข้าวังมาด้วยตัวเอง อีกประเดี๋ยวเ้าก็กลับไปกับพวกเขาเถิด” ฮองเฮาอวี่เหวินเหลือบมองเหนียนอีหลานอย่างแฝงนัยลึกซึ้ง น้ำเสียงแ่เบา
ทว่าถ้อยคำนี้ เมื่อดังเข้าโสตประสาทของผู้คนบางส่วนกลับกลายเป็ถ้อยคำประชดประชัน
แม้หลังสงบสติอารมณ์หลายชั่วยาม เหนียนอีหลานกลับยังคงไม่สามารถสงบความหวาดหวั่นในใจได้
กลับไป?
หากนางได้ยินข่าวนี้ก่อนหน้าเมื่อคืน นางคงจะมีความสุข
หลายวันมานี้ ในตำหนักชีอู๋ นางได้รับความทุกข์ทรมานทุกวี่วัน ครุ่นคิดถึงความทรมานและความหวาดกลัวในยามนี้ มันยังคงหลงเหลืออยู่ในใจ นางคิดอยู่ตลอดเวลาว่า ท่านยายกับท่านแม่จะช่วยนางออกไปได้ ทว่าไม่ว่าอย่างไร นางเองก็มิคาดคิดว่า ยามนี้สถานการณ์จะเป็เช่นนี้
กลับไปหรือ?
ในสายตาของท่านยาย ตนเป็เพียงหมากที่ทอดทิ้งไปแล้ว
ต่อให้กลับไป พวกเขายังจะสามารถปฏิบัติกับนางเหมือนเมื่อก่อนได้อีกหรือ?
หรือจะทอดทิ้งไปอีกครั้ง?
ยิ่งคิด เหนียนอีหลานก็ยิ่งตื่นกลัวไม่สบายใจมากขึ้นเท่านั้น
“เพคะ อีหลาน ยังไม่กล่าวขอบพระทัยฮองเฮาที่ดูแลมาหลายวันอีกหรือไร?”
ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงกลับมาได้สติ ในใจเข้าใจแจ่มแจ้ง คิดดูแล้ว ฮองเฮาอวี่เหวินคงจะไม่ซักไซ้ไล่เลียงความบุ่มบ่ามหยาบคายเมื่อครู่นี้ของพวกเขาอีกต่อไปแล้ว ในใจนางรู้สึกโล่งใจ ทว่าเมื่อคิดถึงความล้มเหลวในเป้าหมายของตระกูลหนานกงวันนี้ ถึงอย่างไรก็ยังไม่เต็มใจนัก เื่นี้สลับซับซ้อนยากจะแก้ไข คงไม่พ้นเกี่ยวข้องกับเหนียนอีหลานแน่!
เสียงของฮูหยินผู้เฒ่าหนานกง ทำให้เหนียนอีหลานพลันได้สติ มิรู้เพราะเหตุใด แผ่นหลังของท่านยายที่กำลังคุกเข่าอยู่ด้านหน้าราวกับนางเห็นภาพลวงตา ท่านยาย...ยังคงอยากให้ข้าตาย หรือบางทีนางคงเกลียดชังข้าที่ไม่ตายในน้ำมือของจื่อหลิงอย่างที่นางปรารถนา!
"อีหลาน..."
เมื่อเห็นว่าเหนียนอีหลานไม่ตอบสนองเป็เวลานาน ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงจึงเร่งเร้า
เหนียนอีหลานชะงักงัน ฮองเฮาอวี่เหวินก้าวมาข้างหน้าแล้ว นางจับมือของเหนียนอีหลานอย่างสนิทสนม รู้สึกถึงความเย็นเยียบจากฝ่ามือของเหนียนอีหลาน สายตาที่มองนางจึงยิ่งแฝงนัยลึกซึ้ง
“ดูสิ อีหลาน เพราะจะได้กลับบ้าน จึงดีใจจนเหม่อลอยไปเสียแล้ว ดูๆ แล้วตำหนักชีอู๋ของเปิ่นกง สุดท้ายคงจะมิอาจเทียบเท่าจวนหนานกงกับจวนเหนียนที่ทำให้เหนียนอีหลานสบายใจ” ฮองเฮาอวี่เหวินแย้มสรวล พลางทอดถอนหายใจ เมื่อได้ยินว่าเหนียนอีหลานดูเสียขวัญ
เหนียนอีหลานตื่นตระหนก รีบฉีกยิ้มทันที “มิได้เป็เช่นนั้นเพคะฮองเฮา หลายวันมานี้ โชคดีที่ได้ฮองเฮาดูแล อีหลานรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างหาที่สุดมิได้ อีหลาน...อีหลานขออยู่ในวังต่อไปได้หรือไม่เพคะ?”
เหนียนอีหลานโพล่งปากออกไป แม้แต่ตัวนางเอง แค่เพียงพริบตาคิดแล้วก็ยังรู้สึกเสียใจ
การที่ตนอยู่ในตำหนักแห่งนี้ดูจะอันตรายยิ่งกว่า!
คำพูดโพล่งออกไปแล้ว ยากจะกลับมาแก้ไข
ในสายตาของผู้คนที่ไม่รู้เื่ราวล้วนรับรู้ว่า เหนียนอีหลานอยู่ในวัง ฮองเฮาอวี่เหวินทรงดูแลนางอย่างดี นางจึงมีความสุขจนลืมบ้านของตนเอง ทว่าในสายตาของบางคน...
ไม่เพียงแต่ฮองเฮาอวี่เหวินและองค์หญิงใหญ่ชิงเหอ ทว่าเหนียนยวี่เองก็ประหลาดใจเช่นกัน สำหรับเหนียนอีหลาน การใช้ชีวิตอยู่ในสวนร้อยสัตว์กับจวนเหนียนนั้นแตกต่างราวฟ้ากับเหว ทว่าคิดไม่ถึงเลยว่านางอยากจะอยู่ในวัง ช่างน่าสนใจอย่างยิ่ง!
นางกลัว...กลัวที่จะต้องออกไปงั้นหรือ?
เหนียนยวี่เหลือบมองเหนียนอีหลาน เชื่อมโยงเื่ราวทั้งหมด การคาดเดาที่คิดขึ้นเมื่อครู่นี้กลายเป็ความมั่นใจ
เหนียนอีหลานเอ๋ยเหนียนอีหลาน เ้าเองก็มี่เวลาที่ถูกทอดทิ้งเช่นกันหรือ?