ที่ชายแดนของราชวงศ์เพลิง์ ทหารม้าัดำได้ถูกแบ่งออกเป็สามส่วน กระจายกำลังป้องกันและเตรียมพร้อมสำหรับการบุกโจมตีทิศต่าง ๆ ยกเว้นทิศเหนือ กองกำลังทหารม้าัดำในทิศตะวันตกและทิศตะวันออกมีจำนวนพื้นที่ละ 20,000 คน และที่ทิศตะวันตกนั้น เฮยหลงรับหน้าที่เป็ผู้นำทัพเองพร้อมทหารม้าัดำอีก 12,700 นายที่พร้อมจะโจมตีทวีปเ่าั้แล้ว
ขณะนั้นเอง ชายคนหนึ่งจากหน่วยลับเงาทมิฬได้มารายงานคำสั่งจากหลี่หวง เฮยหลงฟังคำสั่งนั้นด้วยความเคารพ และเมื่อทราบว่าได้รับอนุญาตให้โจมตีทวีประดับต่ำทั้งสามแห่งที่มีพรมแดนติดกับราชวงศ์เพลิง์ได้แล้ว เขาก็สั่งการกองทัพให้เคลื่อนตัวทันที เสียงฝีเท้าม้าดังกึกก้องไปทั่วทุกทิศทาง ขณะเดียวกัน กองทัพในทิศตะวันตกและตะวันออกก็ได้รับคำสั่งเช่นกัน พวกเขาเริ่มเคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว การบุกยึดทวีประดับต่ำทั้งสามดำเนินไปอย่างราบรื่นเนื่องจากความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันเกินไป กองกำลังศัตรูในทวีประดับต่ำนั้นถูกบดขยี้และถูกทำลายลงอย่างง่ายดาย
เมื่อการยึดครองทวีปทั้ง 3 แห่งสำเร็จแล้ว หลี่หวงได้รับแต้มสังหารเพิ่มขึ้น โดยคะแนนสังหารที่ได้จากการควบคุมทวีปทั้ง 3 โดยไม่นับรวมการทำลายกองกำลังศัตรูในแต่ละทวีปนั้นๆ จะอยู่ที่ั้แ่ 1,000 ล้านถึง 3,000 ล้านแต้มสังหาร โดยจำนวนแต้มสังหารมันจะขึ้นอยู่กับขนาดและระดับพลังิญญาในทวีปนั้นๆ
[แต้มสังหารทั้งหมด: 14,295,948,220 แต้ม]
ขณะนั้น หลี่หวงกำลังนั่งคำนวณแต้มสังหารและประเมินสถานการณ์อย่างเงียบ ๆ อยู่ภายในรถม้าสีทองที่เคลื่อนตัวไปอย่างสงบ แต่จู่ ๆ เสียงดังสนั่นก็ดังขึ้น รถม้าคันหนึ่งวิ่งเข้าชนกับรถม้าของหลี่หวงอย่างรุนแรงจนเกิดแรงสั่นะเืไปทั่วบริเวณ และไม่นานนัก การโจมตีบางอย่างก็ได้พุ่งตรงมาที่รถม้าทั้งสองคันพร้อมเสียงะเิที่ดังกึกก้อง
ตูมมมมม!
กลุ่มควันพุ่งฟุ้งกระจายปกคลุมพื้นที่ทั้งหมดทันที และนอกควันแห่งนั้น เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นอย่างเย้ยหยัน
"เ้าคิดว่าจะหนีรอดไปได้จริงๆ งั้นหรือ? หลี่เซียน! หลี่ถิง! หลี่ชิง! นายน้อยของข้า้าพวกเ้าไปเป็นางสนม นั่นถือว่าเป็โชคดีของพวกเ้าแล้วแท้ ๆ แต่พวกเ้ากลับไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง กล้าปฏิเสธแม้กระทั่งนายน้อยของข้า!"
ทันใดนั้นเองควันจากะเิก็จางลง ภาพปรากฏให้เห็นว่ารถม้าสีทองของหลี่หวงยังคงตั้งตระหง่านอยู่โดยไม่มีร่องรอยของความเสียหายใด ๆ ม่านพลังิญญาสีทองสว่างไสวห่อหุ้มรอบตัวรถม้าเอาไว้ แต่รถม้าอีกคันหนึ่งที่ถูกโจมตีกลับพังทลายและแตกกระจายออก เผยให้เห็นหญิงสาวสามคนที่ยืนอยู่ในสภาพน่าเวทนาที่เต็มไปด้วยาแทั่วร่างกาย
ชายอ้วนผู้บ่มเพาะพลังระดับนักบุญที่เป็ผู้ลงมือโจมตีรถม้าหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างหยิ่งผยอง
“เ้ายอมจำนนเสียเถอะ แล้วข้าจะพาเ้าขอโทษนายน้อยเอง แล้วพวกเ้าจะรู้ว่าความสุข…..” แต่ทว่ายังไม่ทันที่คำพูดของชายคนนั้นจะจบลง ดาบสีทองขนาดใหญ่ได้ปรากฏขึ้นในอากาศ ฟาดลงไปยังชายอ้วนคนนั้นอย่างไม่มีความปรานีใดๆ
ชายอ้วนคนนั้นเบิกตากว้างและตกตะลึงกับพลังที่ถาโถมเข้ามาหาเขา เขาะโออกมาอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“นักบุญระดับ 9… ในทวีประดับต่ำเช่นนี้เนี่ยนะ!”
ขณะที่ชายอ้วนคนนั้นพยายามรับมือกับการโจมตีที่ทรงพลังนี้ เืจากปากของเขาพุ่งกระเซ็นออกมา ผู้ติดตามทุกคนของชายอ้วนคนนั้นล้มตายลงในไปทันทีเพียงเพราะแรงกดดันจากดาบสีทองเล่มนั้น ชายอ้วนพูดด้วยเสียงสั่นเครือ
“สหายเต๋า… ข้าขออภัยด้วย ช่วยเมตตาข้า…”
คำพูดของชายอ้วนคนนั้นยังไม่ทันจบเช่นเคย ร่างของชายอ้วนก็ถูกตัดขาดออกเป็สองท่อน ล้มลงสู่พื้นดินทันที หญิงสาวทั้งสามที่รอดชีวิตมายืนดูเหตุการณ์ด้วยความใและไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง หญิงสาวที่ดูมีอายุมากที่สุดในกลุ่มเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่อ่อนล้า “ขอบคุณท่าน…”
แต่ก่อนที่นางจะได้กล่าวคำขอบคุณจบ ชายที่ยืนอยู่ข้างรถม้าของหลี่หวงพลันสร้างดาบสีทองอีกจำนวนมากและดาบสีทองเ่าั้มันได้พุ่งตรงไปยังพวกนางทันที หญิงสาวทั้งสามคนหน้าซีดเผือด พวกนางขยับตัวไม่ไหวอีกแล้วและพวกนางทำได้เพียงหลับตาลงและยอมรับชะตากรรมและรอคอยความตายที่จะมาถึงในอีกไม่กี่อึดใจเท่านั้น
ทว่า ก่อนที่ดาบสีทองเ่าั้จะทันได้ฟันร่างกายของพวกนาง ดาบเ่าั้ก็หยุดลงพร้อมกับเสียงหนึ่งที่ดังขึ้น
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ… พี่สาว และน้องสาวของข้า”
หญิงสาวทั้งสามคนค่อย ๆ ลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงพูดนั้น ดวงตาของพวกนางเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจและแทบจะไม่อยากเชื่อในสายตาตนเองเลย หญิงสาวที่อายุน้อยที่สุดกระซิบขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “พี่ชายคนที่แปด…” แต่ยังไม่ทันที่นางจะพูดจบ หญิงสาวอีก 2 คนก็รีบคุกเข่าลงกลางอากาศพร้อมกัน ใบหน้าของพวกนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความหวาดกลัวเท่านั้น เมื่อนางทั้ง 2 คนได้เห็นหลี่หวงมันทำให้พวกนางขนลุกและรู้สึกว่าพวกนางสามารถตายได้ทุกเมื่อ
“พวกเราได้พบองค์จักรพรรดิแล้ว!” ทั้งสองกล่าวพร้อมกันด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เพื่อแสดงถึงความเคารพสูงสุด
หลี่หวงแสดงรอบยิ้มอย่างอ่อนโยนที่นานวันมันก็หาได้ยากขึ้นทุกที แล้วเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ… น้องสาวคนที่สิบสี่ พี่สาวคนที่เจ็ด และพี่สาวคนที่หก” เขากล่าวพลางจับจ้องไปยังหญิงสาวทั้งสามด้วยแววตาที่ไร้อารมณ์ใดๆ แต่ก็แฝงไว้ด้วยความคิดบางอย่าง
ชื่อ: หลี่เซียน
ตัวตน: องค์หญิงคนที่ 7 แห่งราชวงศ์เพลิง์, ลูกสาวของผู้นำลัทธิสุริยัน
ระดับการเพาะปลูก: ก่อตั้งิญญา ระดับที่ 8
ร่างกาย: ร่างดาบสุริยัน (ระดับจักรพรรดิ)
ความชอบ: 60
……………….
ชื่อ: หลี่ถิง
ตัวตน: องค์หญิงคนที่ 6 แห่งราชวงศ์เพลิง์, ลูกสาวของผู้าุโสูงสุดแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ดวงดาว
ระดับการเพาะปลูก: ก่อตั้งิญญา ระดับที่ 9
ร่างกาย: ร่างดาราศักดิ์สิทธิ์ (ระดับจักรพรรดิ)
ความชอบ: 60
……………….
ชื่อ: หลี่ชิง
ตัวตน: องค์หญิงคนที่ 14 แห่งราชวงศ์เพลิง์, ลูกสาวของราชินีแห่งเผ่าเทพอสูร
ระดับการเพาะปลูก: -
ร่างกาย: ร่างเทพอสูรหยินหยาง ถูกปิดผนึกอย่างสมบูรณ์ (ระดับจักรพรรดิ)
ความชอบ: 95
เมื่อหลี่หวงตรวจสอบข้อมูลของทั้งสามคน ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยความสงสัยในอดีตที่ไม่เคยเปิดเผยให้ใครรู้มาก่อน หลี่หวงพยายามเรียบเรียงเื่ราวเกี่ยวกับบิดาของเขาที่ดูจะมีเงื่อนงำมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาระลึกได้ว่าเหตุการณ์นิกายปีศาจหยินหยางเข้ายึดราชวงศ์เพลิง์นั้นเกิดขึ้นง่ายดายเกินไปและเต็มไปด้วยสิ่งแปลก ๆ ที่เขาเคยสังเกตเห็น แต่ไม่เคยคิดเชื่อมโยงกันมาก่อน
หลี่หวงจำได้ว่าครั้งหนึ่งเขาเคยขุดศพบิดาขึ้นมาจากสุสานจักรพรรดิด้วยความหวังว่าจะได้ค้นพบร่างกายพิเศษบางอย่างที่อาจเป็ประโยชน์ แต่สิ่งที่เขาพบกลับกลายเป็ศพปลอม ที่มีเพียงสายเืตระกูลหลี่เท่านั้น มันไม่ใช่บิดาของหลี่หวงอย่างแน่นอน อีกทั้งเมื่อนึกถึงชื่อของบิดาเขา หลี่หวงกลับพบว่าเขาจำชื่อพ่อของตัวเองไม่ได้เลยด้วยซ้ำ และไม่กี่วันก่อนหลี่หวงได้ส่งคนไปสืบค้นเกี่ยวกับตัวตนของพ่อเขาเอง แต่ว่าประชาชนทุกคนในราชวงศ์เพลิง์ก็ไม่สามารถบอกชื่อของบิดาของหลี่หวงได้ มีเพียงคำเรียกว่า “จักรพรรดิแห่งราชวงศ์เพลิง์รุ่นที่สิบสอง” เท่านั้นที่ถูกกล่าวถึงรวมถึงที่เขียนอยู่หน้าโลงศพด้วยเช่นกัน
หลี่หวงครุ่นคิดกับเื่ราวอันซับซ้อนนี้ เขารู้ว่าพ่อของเขาต้องมีอะไรแอบซ่อนไว้แน่นอนเพราะว่ามารดาของเ้าชายและเ้าหญิงแต่ละคนนั้นไม่มีใครธรรมดาสักคน และอาจจะรวมถึงตัวหลี่หวงเองด้วย ดวงตาสีแดงของหลี่หวงมันน่าจะได้รับการสืบทอดมาจากแม่ของเขาแน่นอนเพราะว่าพี่น้องคนอื่นไม่มีใครที่มีสีตาเดียวกับเขาเลย และระบบเองก็บอกข้อมูลเกี่ยวกับหลี่หวงมาแค่นิดเดียวเท่านั้นเอง
หลี่หวงหยุดคิดก่อนจะโบกมือให้ทั้งสามคนทำตัวตามสบาย หญิงสาวทั้งสามมองหน้ากันด้วยความไม่แน่ใจ แต่ในที่สุด หลี่ชิงซึ่งเป็น้องสาวคนเล็กสุดก็ะโเข้ามากอดหลี่หวงทันทีด้วยความคุ้นเคยและคิดถึงอย่างลึกซึ้ง เพราะทั้งคู่เคยสนิทสนมกันมากในวัยเด็ก เนื่องจากว่าทั้งคู่ต่างถูกละเลยจากบิดาเช่นเดียวกัน ทำให้พวกเขาสองคนมักจะได้เล่นด้วยกันบ่อยครั้ง แต่เมื่อหลี่ชิงอายุได้สิบสองปี นางก็ถูกพาตัวจากไปอย่างไร้ร่องรอย หลี่หวงในเวลานั้นเพิ่งอายุสิบหกปีและยังอ่อนแอ ไม่มีอำนาจใด ๆ ในวัง แม้แต่คนรับใช้ยังเมินหลี่หวง ทำให้เขาไม่สามารถรู้เื่ราวเกี่ยวกับการหายตัวไปของหลี่ชิงได้เลย