บทที่ 91 ลุย
เย่จื่อเฉินพูดพร้อมกับกระตุกยิ้มมุมปากขึ้นมา
เ้านี่เลือกที่จะมาเอาเวลานี้ แถมยังพาลูกน้องมาเป็โขยง เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มาเล่นๆ แน่
“ปากเก่งดีนี่”
ไป๋หยางหรี่ตาลง ดวงตาแฝงไว้ด้วยความสมเพชจางๆ
เย่จื่อเฉินที่ได้ยินจึงเลิกคิ้วขึ้น พร้อมกับแสดงสีหน้าตื่นใออกมา
“นายรู้ได้ยังไงว่าฉันปากเก่ง หรือว่าพี่สาวนายจะบอกนายเื่ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเธอแล้ว?”
ทันทีที่พูดออกไป ไป๋หยางก็อึ้งทันที
เขามีพี่สาวจริงๆ แต่หมอนี่เป็อะไรกับพี่สาวเขา
แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มเยาะเย้ยตรงมุมปากของเย่จื่อเฉิน เขาถึงได้รู้ตัว จากนั้นหน้าตาก็เปลี่ยนเป็บึ้งตึง
“แกรนหาที่ตายสินะ”
“ไม่ๆ ฉันเพิ่งจะอายุยี่สิบเองนะ ฉันยังใช้ชีวิตไม่คุ้มเลย จะไปหาที่ตายได้ยังไงกันเล่า”
เย่จื่อเฉินส่ายนิ้วไปมา พอเห็นสีหน้าของไป๋หยางบึ้งตึงมากขึ้น เขาก็ไหวไหล่พูดพลางหัวเราะ
“อย่ามัวมาห่วงฉันอยู่เลย รีบไปเข้าห้องน้ำเถอะ แต่ขอเตือนด้วยความหวังดีนะ ข้างในมีอยู่แค่สี่โถ ดูเหมือนว่าพวกนายจะต้องต่อแถวกันแล้วล่ะ หรือจะเป่ายิ้งฉุบกันตรงนี้ดี ฉันเป็กรรมการตัดสินความยุติธรรมให้พวกนายได้นะ”
“เ้าหนู มาพูดกับคุณชายไป๋แบบนี้ได้ยังไง?”
คนที่พูดขึ้นมาคือชายที่มีผักติดฟันคนนั้น พอเห็นเขา รอยยิ้มที่มีอยู่บนใบหน้าของเย่จื่อเฉินก็หุบลงทันที
“ฉันคุยกับลูกพี่นาย สุนัขรับใช้อย่างนายจะมาเห่าหาอะไร?”
ใบหน้าของชายหนุ่มแดงก่ำขึ้นมาทันที เย่จื่อเฉินแสยะยิ้ม ความเยือกเย็นสว่างวาบขึ้นในดวงตา
“ดูท่าว่าพวกนายจะไม่้าให้ฉันเป็กรรมการ งั้นก็หลีกทางด้วย”
“จะตีหมาก็ต้องดูเ้าของ ประโยคนี้ นายไม่เคยได้ยินเหรอ?”
รอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเ้าเล่ห์ของไป๋หยาง เย่จื่อเฉินแสยะยิ้มมุมปาก ก่อนพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร
“อันที่จริง เ้าของหมาอย่างนายก็ไม่ได้อยู่ในสายตาฉันเลยด้วยซ้ำ รีบพาหมานายไปฉี่ซะ หมาที่ดีต้องไม่ขวางทางคนเดิน ประโยคนี้นายน่าจะเคยได้ยินนะ”
“เย่จื่อเฉิน นายอย่ามาทำเป็ไม่รู้หน่อยเลย”
น้ำเสียงของไป๋หยางเยือกเย็น พร้อมกับกลุ่มสุนัขรับใช้ข้างหลังเขาก็ได้ก้าวเท้าออกมา
“ไป๋หยาง นายจะทำอะไร?”
ในตอนนี้อู๋ฮ่าวอวี่ผู้ใสซื่อก็ได้ก้าวออกมาเช่นเดียวกัน ไป๋หยางที่เห็นเขาสายตาก็ฉายแววสมเพชออกมา
“ไอ้น้อง ไม่มีอะไรเกี่ยวกับแก ถอยไปยืนทางนู้นไป แกนี่โชคดีใช้ได้นะ ที่ปีนขึ้นไปสอยดอกฟ้าได้ ฉันทำอะไรแกไม่ได้ก็จริง แต่แกอย่าคิดที่จะเสนอหน้ามายุ่ง แมงดาอย่างแก…”
ยกนิ้วขึ้นชี้หน้าพร้อมกับค่อยๆ แค่นยิ่มสมเพช ทันใดนั้นสีหน้าโกรธจัดก็ได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าใสซื่อของอู๋ฮ่าวอวี่เป็ครั้งแรก
เขาขมวดคิ้วมุ่นจะเดินเข้าไปต่อว่า แต่กลับโดนเย่จื่อเฉินคว้าไหล่เอาไว้ แล้วกระชากกลับมา
เย่จื่อเฉินเดินไปหยุดอยู่ข้างไป๋หยาง แล้วเงยหน้าขึ้นจ้องมองเขา ก่อนจะสบถออกมาชัดถ้อยชัดคำ
“ไส หัว ไป”
...
“ซูซู เธอไปหาแฟนที่มีอารมณ์ขันแบบนี้มาจากไหน ตลกชะมัดเลย”
เสียงหัวเราะของหลินหรูมันต่ำและน่ากลัวจริงๆ จนถึงตอนนี้เธอก็ยังอดนึกถึงเื่เมื่อครู่ไม่ได้
ซูเหยียนก้มหน้าหัวเราะเสียงแ่ โดยไม่พูดอะไร หลินหรูที่อยู่ข้างกายถอนหายใจออกมาเล็กน้อย แล้วจึงพูดขึ้น
“ถ้าอู๋ฮ่าวอวี่มีอารมณ์ขันได้สักครึ่งหนึ่งของแฟนเธอก็คงดี แต่ละวันน่าเบื่ออย่างกับอะไร โง่เง่าซื่อบื้อ”
“ที่จริงผู้ชายคนนั้นก็ไม่เลวเลยนะ ดูออกเลยว่าเขาชอบเธอมากจริงๆ”
ซูเหยียนยิ้ม จู่ๆ หลินหรูก็หน้าแดงขึ้นมา แต่ปากกลับยังพยายามฝืนพูด
“ใครใช้ให้เขามาชอบล่ะ ทึ่มอย่างกับท่อนไม้”
ปากไม่ตรงกับใจเป็ปัญหาที่พบบ่อยในผู้หญิง ซูเหยียนรู้สึกได้ว่าที่จริงแล้วในใจของหลินหรูก็แคร์ผู้ชายใสซื่อคนนั้นอยู่เหมือนกัน
ยิ้มออกมาเล็กน้อย แล้วก็ไม่ได้คุยถึงเื่นี้กันอีก ทันใดนั้นเกาซ่างก็เดินถือแก้วไวน์ทรงสูงมาจากอีกทาง
“หลินหรู ซูเหยียน”
ในตอนที่ทักทายหลินหรู ท่าทางของเกาซ่างดูระวังอย่างเห็นได้ชัด พอเป็ซูเหยียนถึงได้ดูปกติขึ้นมาก
“เธอมาทำไม?”
หลินหรูเลิกคิ้ว ถ้าเธอจำไม่ผิด ตอนที่ไป๋หยางมาหาเื่ ผู้หญิงคนนี้ก็ยืนอยู่ข้างเขาด้วย
เธอไม่ได้อคติอะไรกับเกาซ่าง แต่แค่อยู่กับไป๋หยาง เธอก็ไม่ชอบแล้ว
“หลินหรู ฉันอยากมาคุยกับซูเหยียนนิดหน่อยน่ะ”
บนใบหน้าของเกาซ่างประดับไว้ด้วยรอยยิ้ม หลินหรูเลิกคิ้วมองซูเหยียน
ในตอนนี้ซูเหยียนก็เก็บความอ่อนโยนบนใบหน้าเอาไว้เช่นกัน ก่อนจะพูดขึ้น
“ถ้าเธอยังคิดจะจับคู่ฉันกับไป๋หยางอีก ฉันบอกเลยว่าไม่ต้องเปลืองน้ำลายพูดหรอก”
“ซูเหยียน ถ้าเทียบกันระหว่างคุณชายไป๋กับผู้ชายคนนั้น มีตรงไหนที่คุณชายไป๋เทียบเขาไม่ได้เหรอ?”
“ตรงไหนก็เทียบเขาไม่ได้ทั้งนั้น” ความเยือกเย็นยิ่งฉายชัดขึ้นบนใบหน้าของซูเหยียน “เกาซ่าง ถึงยังไงตอนมอปลายเราก็อยู่โรงเรียนเดียวกัน ฉันไม่อยากให้สุดท้ายเราต้องมาพลอยไม่มีความสุขกันเพราะเื่นี้”
เกาซ่างที่ได้ยินก็มีสีหน้าหนักใจ คุณชายไป๋รับปากเธอไว้แล้วว่าถ้าเธอสามารถจับคู่ซูเหยียนกับเขาได้ เขาก็จะให้รถสปอร์ตเธอหนึ่งคัน
รถสปอร์ตเลยนะ
ถ้าเธอมีรถสปอร์ต ต่อไปเธอก็จะสามารถหาแฟนรวยๆ ได้
“ฉันว่าเธอโง่มากจริงๆ ซูเหยียน…”
“อ้าวๆ เดี๋ยวนะ” หลินหรูเดินออกมาจากทางด้านข้าง ก่อนพูดอย่างแฝงความนัย “แล้วแฟนซูเหยียนไม่ดียังไง มีอารมณ์ขันจะตาย เธอไม่เห็นเหรอ?”
ใน่ที่หลินหรูอยู่มัธยมปลาย ครูประจำชั้นเผลอหลุดปากเกี่ยวกับฐานะของเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ
สายเืตระกูลหงรุ่นที่สาม
ด้วยสถานะนี้ทำให้ตอนมัธยมปลายหลินหรูนั้นอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าคนอื่นมาตลอด มีไม่กี่คนที่กล้าทะเลาะกับเธอ
ถ้าเป็ก่อนหน้านี้เธอไม่กล้าต่อปากต่อคำกับหลินหรูแน่นอน แต่เพื่อรถสปอร์ตถึงได้กล้าพูดออกมา
“อารมณ์ขันมันกินได้เหรอ?”
สายตาดูแคลนฉายขึ้นในดวงตาของเกาซ่างวูบหนึ่ง
“เป็ผู้หญิงก็ต้องรักตัวเองหน่อยสิ ต้องหาต้นไม้ใหญ่ที่สามารถพึ่งพิงได้ ไม่ใช่ไปหาคนที่ดีแต่ปากจัดพวกนั้น คุณชายไป๋อายุยังน้อย หน้าตาก็ดี ยังหนุ่มยังแน่น แถมยังมีเงินอีก ซูเหยียนทำไมเธอถึงไม่เข้าใจ”
“ก็ถ้าไป๋หยางดีขนาดนั้น ทำไมเธอไม่คบกับเขาล่ะ?”
หลินหรูที่อยู่ข้างๆ เบ้ปาก เกาซ่างอดมองค้อนไม่ได้หลังจากที่ได้ยิน
ถ้าคุณชายไป๋ชอบเธอ มีหรือที่เธอจะไม่ชอบ
ถ้ามีโอกาส เธอก็อยากส่งตัวเองไปให้ถึงเตียงของคุณชายไป๋เลยล่ะ
โครม!
ทันใดนั้น เสียงโครมครามก็ดังมาจากทางห้องน้ำ
หลินหรูกับซูเหยียน หลังจากที่สบตากันก็วิ่งไปทางนั้นทันที
“ฉันไม่พอใจนายมาตั้งนานแล้ว นายรู้ไหม?”
เย่จื่อเฉินขมวดคิ้วมุ่นมองดูไป๋หยางที่นอนอยู่กับพื้นห้องน้ำ โดยที่มุมปากมีเืไหลออกมา
“ขอบอกนายไว้เลยนะ ซูเหยียนคือผู้หญิงของฉัน ผู้หญิงของฉัน นายรู้ไหมว่ามันหมายความว่ายังไง?”
ตุบ
ยกเท้าขึ้นเตะอัดลำตัวไป๋หยางอีกที จนเขาไถลออกไปไกลถึงเจ็ดแปดเมตร
สุนัขรับใช้ที่อยู่ด้านข้างพวกนั้นพากันช็อกไปแล้ว เย่จื่อเฉินลงมือรวดเร็วมาก แค่พูดไม่เข้าหูก็ลงไม้ลงมือทันที
แล้วอีกอย่าง…
มือยังไวมากอีกด้วย
ไป๋หยางแทบจะโดนเย่จื่อเฉินตีจนหมดแรง เย่จื่อเฉินเดินเข้าไปหา แล้วทรุดตัวนั่งยองตรงหน้าเขา
เขายกมือขึ้นปกป้องใบหน้าตามสัญชาตญาณ แต่สิ่งได้รับกลับกลายเป็หมัดที่ซัดเข้าบริเวณส่วนท้อง
“จำเอาไว้ ซูเหยียนคือผู้หญิงของฉัน อย่าแตะต้อง เข้าใจไหม?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้