นางตั้งใจจะเอื้อมมือไปจับ แต่กลับถูกหลี่อันหลินห้ามไว้
“ท่านพี่ ห้ามจับนะขอรับ จับแล้วจะแสบตามาก!”
หลี่อันอันถอยห่างออกไปไกลเช่นกัน เด็กหญิงอยากอยู่ห่างจากตัวการที่เคยเล่นงานตัวเองกับพี่ชายให้ไกล
ครั้นหลี่อันหรานเห็นปฏิกิริยาของเด็กน้อยทั้งสอง ก็อดหัวเราะไม่ได้ “พวกเ้าคงไม่ได้จับสิ่งนี้แล้วจับตาตัวเองต่อใช่หรือไม่”
เด็กน้อยทั้งสองต่างพยักหน้า
หลี่อันหรานหัวเราะร่วน นางเด็ดพริกใส่กระเป๋าเสื้อที่เย็บติดบนชุดผ้ากระสอบของตัวเองโดยไม่สนใจคำห้ามปรามของเด็กทั้งสอง ของสิ่งนี้มีมูลค่ายิ่งกว่าสัตว์ป่าเสียอีก ดูจากปฏิกิริยาของเด็กสองคนนี้ พวกเขาคงไม่รู้เช่นกันว่ามันกินได้
“ท่านพี่ ท่านจะเอาของสิ่งนี้ไปทำอันใด? มันมิมีผู้ใด้านะขอรับ มีพิษด้วย”
“อันหลิน กลับไปแล้วพี่จะทำของอร่อยให้กิน”
หลี่อันหรานไม่สนใจ นางลูบท้ายทอยหลี่อันหลินแล้วมุ่งหน้าเข้าไปยังส่วนลึกของูเาต่อ นางมองว่าในูเายุคโบราณอาจมีของที่คนไม่รู้จักอีกก็เป็ได้ ทว่าหลี่อันหลินกลับตื่นตระหนกใไปพักหนึ่งที่ถูกนางลูบศีรษะ เขากลัวว่าพิษจะออกฤทธิ์และทำให้ตัวเองแสบตาอีก แต่แล้วผ่านไปสักพักก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาอดลูบหน้าอกตัวเองด้วยความหวาดกลัวไม่ได้ จากนั้นจูงมือตามหลี่อันหรานไป
อุณหภูมิภายในป่าลึกแตกต่างจากแสงแดดแผดเผาจนหนังลอกด้านนอก อุณหภูมิในนี้ลดต่ำลงเรื่อยๆ ต้นไม้สูงระฟ้าช่วยบดบังแสงแดด รอบด้านมืดสลัว หากไม่ใช่เพราะด้านหลังมีน้องๆ สองคนตามมาด้วย หลี่อันหรานคงถอยกลับนานแล้ว
หลังจากที่เดินไปได้สักพัก อยู่ๆ นางก็ได้ยินคล้ายเสียงร้องโหยหวนของม้าดังมาจากด้านหน้า ตามมาด้วยเสียงของหนักร่วงตกสู่พื้นจนนางเผลอใ
หรือว่าจะมีสัตว์ดุร้ายบนูเาล่าเหยื่ออยู่!
นางเตรียมจะพาน้องๆ ทั้งสองวิ่งหนี แต่ต่อมาก็ได้ยินเสียงร้องโอดโอยของบุรุษดังมาจากไม่ไกล
“ท่านพี่ เหมือนว่าจะมีคนร่วงตกหน้าผาขณะขี่ม้า” หลี่อันหลินเอ่ยด้วยน้ำเสียงระแวดระวัง
หลี่อันหรานพยักหน้า น่าจะเป็ดังที่น้องชายว่า มีคนร่วงตกหน้าผาขณะขี่ม้า
นางตัดสินใจค่อยๆ ย่องไปข้างหน้า แหวกพงหญ้าที่ขวางทางออก และแล้วก็ได้เห็นม้าและคนผู้หนึ่งที่จมกองโลหิต
ครั้นเห็นดังนั้น นางเร่งฝีเท้าเข้าไปทันที แต่เมื่อบุรุษที่นอนบนพื้นพยายามหยัดกายขึ้น หลี่อันหรานจึงผ่อนฝีเท้าลง
ชายหนุ่มสูดหายใจเฮือกใหญ่ ดวงตาเปี่ยมด้วยจิตสังหาร เขาไม่ได้มองชาวนาสามคนตรงหน้า แต่กำลังเงยหน้ามองขึ้นไปยังหน้าผาสูง จิตสังหารภายในแววตาแรงกล้ากว่าเดิม
เขาสงบสติลงหลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สองครั้ง พลันอดหัวเราะเยาะอย่างสมเพชตัวเองไม่ได้ เขานึกไม่ถึงจริงๆ ว่าตัวเองซึ่งเป็ถึงแม่ทัพใหญ่จะถูกพวกคนเลวต่ำต้อยเพียงไม่กี่คนต้อนจนตกหน้าผา เขามองอาชาสีน้ำตาลอมแดงที่แน่นิ่งสิ้นใจ ความเศร้าโศกพลันปรากฏในส่วนลึกของความรู้สึก หากไม่ใช่เพราะอาชาที่อยู่กับตัวเองมาสามสี่ปีจนเข้าใจมนุษย์ และเอาตัวเองเป็เบาะรองให้ตอนร่วงลงมา ‘เจียงเฉิง’ คงตายจากโลกนี้ไปแล้ว
หลี่อันหรานมองภาพตรงหน้า อ้าปากค้างด้วยความใ
ชายผู้นี้ร่วงตกจากหน้าผาแต่กลับไม่ตาย!
เจียงเฉิงหันมามองนาง คิ้วทรงกระบี่เลิกขึ้น ก่อนที่เืลมภายในอกจะปั่นป่วนฉับพลันจนกระอักโลหิตออกมา ถึงกระนั้น เขากลับใช้แขนเสื้อเช็ดมุมปากและถามอย่างไม่ยี่หระ “ที่นี่คือที่ใด?”
หลี่อันหรานพยายามตั้งสติ นางตอบกลับไป “ที่นี่เป็เพียงหมู่บ้านในูเาเล็กๆ ไม่มีชื่อเสียงอันใด”
เจียงเฉิงพยักหน้า เขาปลดห่อผ้าจากร่างม้าที่ตายไปแล้ว ในนั้นมีอาหารและเงิน เดิมทีเขามาตามหาหมู่บ้านที่อดีตเ้าเมืองย้ายกลับมาอยู่ตามเส้นทางที่สายสืบรายงาน แต่ตอนนี้เขาไม่รู้เลยว่าตัวเองมาอยู่ที่ใด นอกจากนี้ยังาเ็ภายในอย่างหนัก จำเป็ต้องพักรักษาตัว
ดูท่าว่าเขาคงต้องปล่อยเื่ยกเลิกการหมั้นหมายไปก่อน
“แถวนี้มีโรงเตี๊ยมหรือไม่?” เขาถาม
หลี่อันหรานส่ายหน้า
คิ้วกระบี่ของเจียงเฉิงพลันขมวดเล็กน้อย ใบหน้าอาจหาญหล่อเหลามีร่องรอยของความผิดหวังเต็มที
เขาคงมาถึงหมู่บ้านอันทุรกันดารมากสินะ
หลี่อันหรานพิจารณาบุรุษเบื้องหน้าแล้วถอนหายใจกับตัวเอง หากอยู่ในยุคปัจจุบัน หน้าตาของบุรุษผู้นี้เพียงพอที่จะเป็ดาราดังได้เลย เขาหล่อเหลาจนละสายตาไม่ได้ จากการแต่งกายอันประณีตแล้วต้องเป็คนมีเงินแน่นอน ด้วยเหตุนี้จึงถามออกไปว่า “ท่าน้าที่พักหรือ?”
เจียงเฉิงมองคนเบื้องหน้าทั้งสามที่ไม่มีท่าทีปองร้ายและมีเพียงความสงสัย เขาพยักหน้า “ใช่”
เมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ หลี่อันหรานจึงดีดนิ้วดังเป๊าะ นางแสร้งว่า “ที่นี่เป็พื้นที่ห่างไกล ไม่มีโรงเตี๊ยมแต่มีบ้านชาวนาอยู่ไม่น้อย หากท่านไม่รังเกียจก็ไปพักที่บ้านข้าก่อนได้”
เจียงเฉิงพยักหน้า ดูเหมือนจะต้องเป็อย่างนั้น
แต่หลี่อันหรานพูดต่อ “แต่จะอยู่เปล่าไม่ได้”
“แน่นอน ข้าจะจ่ายเงินให้” เจียงเฉิงพูดแล้วนำเงินก้อนหนึ่งจากในห่อผ้ามาโยนให้หลี่อันหราน “พอหรือไม่?”
หลี่อันหรานยิ้มหน้าบานทันที นางพยักหน้าพลางว่า “พอแล้วๆ”
หลี่อันหลินกับหลี่อันอันต่างก็ไม่พูดอะไร ทั้งสองทำแค่มองบุรุษแปลกหน้างงๆ พวกเขาไม่รู้ว่าบุรุษร่างสูงใหญ่ที่แต่งกายไม่เหมือนชาวนาผู้นี้มาจากที่ไหน
ยามขึ้นเขามากันสามคน ทว่าขากลับกลับมีสี่คน
หลังจากออกจากป่าทึบ เจียงเฉิงที่เนื้อตัวมีแต่เืบอกให้หลี่อันหรานกับเด็กทั้งสองถอยห่างแล้วลงไปล้างคราบเืในแม่น้ำ เขาไม่อยากถูกจับเพราะถูกเข้าใจผิดว่าเป็โจรที่ไปสังหารคนมา ด้วยอาการาเ็ของเขาในตอนนี้ เขาไม่อยากเพิ่มปัญหาเท่าไรนัก
เจียงเฉิงเปลี่ยนมาสวมชุดสีขาวหลังจากล้างเนื้อล้างตัวเรียบร้อย ภาพของเขาทำให้หลี่อันหรานตะลึงงันอีกครั้ง
เจียงเฉิงมองหญิงสาวที่นิ่งงันอยู่ใต้แสงแดด ชายหนุ่มได้แต่ส่ายหน้ากับตัวเองในใจ เสียดายที่ใบหน้าของอีกฝ่ายถูกทำให้เสียโฉม
เขากล่าวเสียงเบา “นำทางเถิด”
ครั้นหลี่อันหรานได้สติ ใบหน้าพลันขึ้นสีแดงเรื่อกระดากอาย “ตามข้ามา”
ในที่สุดเงาหลังของทั้งสี่คนก็ค่อยๆ หายไปจากสายตาของสตรีผู้หนึ่งที่หลบอยู่หลังต้นไม้บริเวณนั้นเป็หลี่เยวี่ยซือที่แอบซ่อนอยู่ นางมีสีหน้าแดงก่ำ หน้าตาและรูปร่างของบุรุษที่อยู่ในแม่น้ำเมื่อครู่ยังตราตรึงอยู่ในหัวนาง ความอิจฉาถาโถมอยู่ในใจนาง เหตุใดน้องสาวญาติผู้น้องคนนี้เสียโฉมไปแล้วยังล่อลวงบุรุษรูปงามแบบนี้ได้อีก
เจียงเฉิงถูกหลี่อันหรานพากลับมาที่บ้าน เขาไม่รู้สึกรังเกียจบ้านอันชำรุดทรุดโทรมหลังนี้แต่อย่างใด เพราะตอนที่ต้องไปทำา เขาเคยกินอาหารมาแล้วทุกแบบ อยู่มาแล้วทุกที่
หลี่อันหรานเก็บห้องโคลนที่ปกติแล้วทิ้งว่างและใช้เก็บของให้เจียงเฉิงอยู่ ห้องนี้ก็คือห้องที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของบ้าน พอเก็บกวาดเรียบร้อยแล้วปูเสื่อฟางที่สะอาดกับผ้าห่มที่เสิ่นอิ๋นหวนเก็บไว้ให้เป็สินเดิมติดตัวของนาง
“เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ไม่ต้องสนใจข้า ข้าเพียงต้องพักผ่อนเงียบๆ ก็พอ” เจียงเฉิงบอกให้หลี่อันหรานไม่ต้องทำอะไรมาก เขาไม่มีข้อกำหนดเื่ที่พักแต่อย่างใด ขอแค่เงียบสงบก็พอแล้ว
หลี่อันหรานพยักหน้าแล้วออกไป นางวิ่งไปที่ห้องครัวแล้วนำพริกหนึ่งกำออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ในเมื่อล่าสัตว์ไม่ได้ เช่นนั้นคงได้แต่ทำอาหารกระตุ้นต่อมรสชาติมาเติมปากอันจืดชืดแทน
นางแค่นึกถึงหมั่นโถวเนื้อแห้งก็เป็ทุกข์แล้ว นางจะยกระดับอาหารการกินตอนนี้ด้วยอาหารในยุคปัจจุบัน เมื่อมองไปยังพริก นางก็คิดได้ว่าจะทำอะไร
เต้าเจี้ยวเผ็ด เ้าสิ่งนี้เป็ที่นิยมในยุคปัจจุบัน อีกทั้งนางก็อาจเป็คนแรกที่ทำของแบบนี้ออกมาในยุคนี้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้