เฉียวลู่หันไปมองต้นไม่ต้นนั้นที่ล้มนอนอยู่ ในหัวของนางวางแผนบางอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว คล้อยหลังเฉียวลู่อวี้หลงกับอวี้ชิงหันกลับมามองตากันแต่ไม่ได้พูดสิ่งใดออกมาเหมือนกับว่าเพียงพวกเขามองหน้ากันก็สามารถสื่อความนึกคิดถึงกันและกันได้แล้ว
เฉียวลู่ให้อวี้ชิงจุดไฟให้นางจากนั้นก็ทำอาหารง่ายๆ ที่เฉียวลู่พอจะทำได้กินกัน หลังจากนั้นนางก็อาบน้ำให้เด็กชายทั้งสองและตัวเองแล้วจึงพาเด็กชายนอนกลางวัน ในความคิดของเฉียวลู่คือเป็เด็กก็ต้องนอนให้มากๆ จะได้โตเร็วๆ ตอนเย็นเฉียวลู่ยังคงทำอาหารแบบง่ายๆ อีกครั้งในหัวของนางตอนนี้คือจะต้องสั่งหนังสือทำอาหารสักเล่ม ไม่อย่างนั้นหากต้องกินอาหารที่นางทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ เด็กๆ อาจจะเบื่อเอาได้
รุ่งเช้าสิ่งแรกที่เฉียวลู่นึกถึงคือหนังสือเล่มนั้น นางต้องสั่งของที่จำเป็ที่ต้องได้ใช้ในวันนี้ก่อนเป็อันดับแรก เฉียวลู่เขียนไฟแช็กลงไปในกระดาษ รอหลังจากหมึกซึมลงไปไฟแช็กเหล็กสี่เหลี่ยมเล็กๆ ก็โผล่มาแทนที่
จากนั้นสิ่งของอย่างที่สองที่เฉียวลู่นึกถึงคือเงิน บางทีนางอาจจะสั่งอะไรที่เป็สิ่งของมีค่าที่สามารถขายหรือแลกเปลี่ยนเป็เงินของที่นี่ได้ และไม่ว่าจะยุคสมัยไหนสิ่งของที่มีค่าสามารถตีราคาได้และผู้คนต่าง้าคือ ทอง ทันความคิดของตนเฉียวลู่เขียนลงไปในกระดาษทันที หลังจากที่น้ำหมึกซึมหายไปในกระดาษข้อความที่เฉียวลู่ได้รับคือ
“ไม่อนุมัติ”
“ห๊ะ ทำไมล่ะนึกว่าสั่งได้ทุกอย่างซะอีกเ้ากระดาษโง่นี่”
เฉียวลู่สบถออกมาอย่างหัวเสียนางนั่งหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่คนเดียว จากนั้นเฉียวลู่ยังลองสั่งของที่คิดว่าน่าจะนำมาขายที่นี่ได้อีกหลายอย่างแต่คำตอบที่ได้รับคือไม่อนุมัติ เฉียวลู่ไม่รู้ว่ากฎการสั่งของของเ้าหนังสือเล่มนี้คืออะไรมันไม่มีเขียนบอกเอาไว้โดยละเอียดแต่สิ่งหนึ่งที่เฉียวลู่รู้คือสั่งของมีค่าไม่ได้ สุดท้ายนางก็ล้มเลิกความตั้งใจไป
“ช่างเถอะในเมื่อไม่ให้ก็สั่งอย่างอื่นแทนละกัน สั่งอะไรดีนะ”
เฉียวลู่นั่งนึกถึงเื่เมื่อวานที่ตนเองทำอาหารให้เด็กๆ ทานแล้วจึงเขียนคำสั่งลงไป ไม่นานสิ่งที่เฉียวลู่้าก็ปรากฏต่อหน้านาง หนังสือสอนทำอาหารเล่มใหญ่วางอยู่ตรงหน้า เฉียวลู่ตาเป็ประกายนางนึกว่ามันจะเป็หนังสือเล่มเล็กๆ ที่สอนทำอาหารไม่กี่อย่างซะอีก หลังจากที่เปิดดูสารบัญปรากฏว่ามีสูตรการทำอาหารจีนหลายร้อยสูตรตามความหนาของหนังสือเล่มนั้น
“เยี่ยมไปเลยถ้าขายทองไม่ได้ก็เขียนสูตรอาหารขายก็แล้วกัน”
เฉียวลู่ยิ้มอย่างดีใจหนทางความสบายรออยู่ตรงหน้าพวกนางแม่ลูกแล้ว หลังจากเก็บสมุดบันทึกเล่มนั้นกลับไปที่กล่องไม้เก่าเฉียวลู่ก็ประเดิมโดยการจุดไฟโดยใช้ไฟแช็กนางยิ้มอย่างผู้มีชัย หินยุคโบราณหรือจะสู้ไฟแช็กของนาง
เฉียวลู่ไม่รู้สึกกดดันมากนักเพราะตอนนี้นางมีอาหารเพียงพอสำหรับหลายวัน ในมือของนางก็มีเงินที่ขายเนื้อหมูป่าให้ชาวบ้านอยู่สิบกว่าตำลึง เฉียวลู่ยังไม่เปิดหนังสือสอนทำอาหารตอนนี้เพราะนางคิดว่าเอาไว้ให้ว่างกว่านี้ก่อนค่อยนำมาศึกษา
หลังจากที่ทำโจ๊กสำหรับสามคนเสร็จแล้วอวี้หลงกับอวี้ชิงก็ตื่นขึ้นมาพร้อมกัน เด็กชายทั้งสองเดินงัวเงียมาหาเฉียวลู่ในครัว
“ตื่นแล้วหรือจ๊ะเด็กๆ ของแม่มาเถอะเดี๋ยวแม่จะล้างหน้าแต่งตัวให้”
เด็กชายทั้งสองทำตามเฉียวลู่อย่างว่าง่าย เมื่อทั้งสามแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็จัดการอาหารเช้าที่เฉียวลู่ทำเตรียมเอาไว้ วันนี้รสชาติดีกว่าเมื่อวานเพราะมีเครื่องปรุงบางอย่างที่เฉียวลู่แลกมาจากชาวบ้าน ระหว่างที่กำลังล้างชามอยู่เฉียวลู่หันไปพูดกับอวี้หลงกับอวี้ชิงที่ยืนรออยู่ด้านหลัง
“วันนี้อวี้หลงกับอวี้ชิงช่วยอะไรแม่บางอย่างได้หรือไม่”
เฉียวลู่พูดออกมาด้วยท่าทางมีเลศนัย
“วันก่อนลูกให้ไข่นกกับแม่มาสองฟองใช่มั๊ยจ๊ะ แม่ใส่มันลงไปในโจ๊กแล้ว ที่บ้านของเราไม่มีไข่แล้วลูกสองคนตอนนี้ไม่มีอะไรทำช่วยไปหาไข่นกมาให้แม่ได้หรือไม่”
ความจริงเฉียวลู่แค่คิดอยากให้เด็กชายทั้งสองออกไปวิ่งเล่นกับเพื่อนๆ ที่เป็เด็กในวัยเดียวกันบ้างไม่ใช่เอาแต่ตามติดนางอยู่แบบนี้ ในความคิดของนางเป็เด็กก็ควรเล่นให้เหมือนเด็กค่อยๆ เติบโตอย่างมีคุณภาพ ไม่ใช่ว่างท่าเป็ผู้ใหญ่ั้แ่อายุสามขวบเช่นนี้
หลังจากอวี้หลงและอวี้ชิงได้ฟังคำขอของเฉียวลู่พวกเขาก็พยักหน้าขึ้นลงพร้อมกันด้วยท่าทางยินดี เหมือนกับว่าวันนี้เขาได้ทำประโยชน์ให้กับท่านแม่ของเขาแล้ว เมื่อเด็กทั้งสองคนออกจากกระท่อมไปเฉียวลู่ได้นำหนังสือสูตรทำอาหารมาอ่าน นางหั่นเนื้อหมูและหมักส่วนที่เหลือเพื่อเอามาทำเนื้อแดดเดียวตามสูตรที่เฉียวลู่อ่านเจอในหนังสือ จากนั้นนางยังเจียวมันหมูเอาน้ำมันไว้ใช้ทำอาหารในครั้งต่อไป
ตอนนี้เื่อาหารเฉียวลู่วางใจไปได้เปลาะหนึ่ง ที่นางกังวลอยู่ตอนนี้คือกระท่อมหลังนี้ที่คนทั้งสามใช้เป็ที่อาศัยบังลมบังฝน ดูท่าทางของมันไม่น่าจะอยู่ได้พ้นปีเพราะมันง่อนแง่นเต็มทีแล้ว เฉียวลู่ตัดสินใจขึ้นไปบนเขาอีกครั้งแต่ครั้งนี้นางไปคนเดียวเพราะเฉียวลู่ยังหวาดกลัวเื่หมูป่าเมื่อวานอยู่ ที่นางให้เด็กทั้งสองออกไปก่อนก็เพราะเื่นี้เหมือนกัน ต่อให้นางรู้สึกว่าตนเองมีกำลังเพิ่มขึ้นแต่นางไม่อาจพาเด็กๆ ของนางมาเสี่ยงในูเาลูกนี้อีกแล้ว
ตอนที่ยังอยู่ในโลกก่อนถึงเฉียวลู่จะเคยเรียนกังฟูจีนมาบ้างด้วยเพราะนางจะต้องเข้าบทบาทแสดงการต่อสู้ในซีรีส์บางเื่โดยเฉพาะแนวพีเรียดนั่นยิ่งต้องเข้าถึงบทบาทและทำให้สมจริง นับเป็เื่ดีสำหรับนางในตอนนี้เพราะถ้านำกังฟูที่เคยเรียนและกำลังที่มากขึ้นของนางมาประยุกต์เข้าด้วยกันเฉียวลู่คิดว่านางจะยังพอช่วยเหลือตนเองในยามคับขันได้
เฉียวลู่คว้าตะกร้าสะพายหลังและมีตัดฟืนประจำตัวของนางขึ้นมาแล้วมุ่งหน้าตรงขึ้นเขาที่อยู่ด้านหลังกระท่อมของนางไปทันที เมื่อขึ้นเขามาแล้วเฉียวลู่มองไปรอบๆ อย่างนึกวางแผนนางอยากจะตัดต้นไม้พวกนี้เอาไว้เพื่อสร้างบ้านของนางแต่จะตัดแล้วลากลงไปแบบนี้เลยคงจะไม่ได้ เดี๋ยวชาวบ้านได้หาว่านางเป็ปีศาจมาสิงร่างของเฉียวลู่จะแย่เอา
แค่เพียงขับไล่นางไปไม่เท่าไหร่แต่ถ้าจับเผาหรือถ่วงน้ำขึ้นมานางได้ไปเกิดใหม่อีกรอบแน่ แล้วบุตรชายทั้งสองของนางจะอยู่ยังไงดีไม่ดีโดนเผาไปด้วยกัน นางไม่อยากจะเสี่ยงในทุกเื่ที่จะสามารถเป็อันตรายต่อพวกเขา
ดังนั้นเื่นี้จึงต้องทำอย่างระมัดระวังและวางแผนให้ดี เฉียวลู่คิดวาดภาพบ้านเอาไว้ในใจแล้วตอนนี้ที่นาง้าคืออุปกรณ์เท่านั้น เฉียวลู่ขึ้นเขาไปครึ่งวันตอนบ่ายนางก็กลับลงมา ทั้งยังลากท่อนซุงขนาดใหญ่กลับมาด้วยสามท่อนและซ่อนเอาไว้ก่อน เมื่อนางเดินกลับเข้ามาในกระท่อมน้อยจึงเห็นลูกชายทั้งสองของนางกำลังนอนหลับฝันหวานท่าทางน่าเอ็นดู
เฉียวลู่เดินย่องเข้าไปหาเด็กชายทั้งสอง นางกำลังจะก้มลงหอมแกมพวกเขาเสียงเดินเบาๆ ด้านนอกทำให้เฉียวลู่หยุดชะงัก นางผละออกจากเด็กทั้งสองที่กำลังหลับสนิทแล้วออกไปดูว่าใครกันที่มาที่นี่ พบว่าหน้ากระท่อมของนางมีเด็กชายร่างผอมแห้งคนหนึ่งกำลังเดินวนไปวนมาท่าทางเหมือนยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเรียกนางดีหรือไม่
เฉียวลู่กระแอมไอเสียงเบาเพื่อให้เขารู้ตัวเด็กชายหันกลับมาท่าทางเอียงอายเมื่อถูกจับได้ว่าเขามาด้อมๆ มองๆ ที่เรือนของผู้อื่น
“เ้ามาทำอะไรที่นี่หรือ”
ฉินจื่อเฉินมองหน้าเฉียวลู่ครู่หนึ่งท่าทางของเขาดูอึดอัดจากนั้นจึงยกมือประสานคารวะส่งมาให้เฉียวลู่นางมองอย่างไม่เข้าใจ
“ข้ามาขอบคุณพี่สาวที่ท่านเมตตาข้าเมื่อวาน ขะ...ข้านำมันเทศเผามาให้ท่านด้วย”
เฉียวลู่มองมันเทศเผาที่อยู่ในถังไม้ที่ถูกล้างจนสะอาดแล้ว นางเลิกคิ้วเป็คำถาม
“ท่านจะไม่รับเอาไว้ก็ได้ข้ารู้ว่ามันเทศของข้าไม่สามารถเทียบกับเนื้อหมูป่าที่ท่านให้มาเมื่อวานได้แต่ว่า.....”
เฉียวลู่ดึงถังไม้ในมือของฉินจื่อเฉินมาไว้ในมือของตน
“ขอบใจนะ”
เพียงคำพูดสั้นๆ ของนางทำเอาฉินจื่อเฉินใจชื้นขึ้นมา เขาทำท่าคารวะนางอีกครั้งจากนั้นจึงวิ่งหายไปทางหมู่บ้าน
เฉียวลู่มองตามหลังเด็กชายจนสุดสายตาจากนั้นจึงส่ายหัวให้กับความขี้เกรงใจของเขา
“เ้าเด็กน้อยพึ่งอายุเท่าไหร่หัดรู้จักเกรงใจผู้อื่นแล้ว”
เฉียวลู่หัวเราะกำลังจะเดินหันหลังกลับเขากระท่อมน้อยของตนก็ต้องปะทะเข้ากับสายตาของบุตรชายทั้งสองของนาง ในมือของพวกเขามีไข่นกสี่ฟองเฉียวลู่ลูบหัวอวี้หลงกับอวี้ชิงอย่างรักใคร่
“เด็กดีตื่นแล้วหรือ มาเถอะแม่จะทำอะไรให้กิน”
เด็กชายทั้งสองเดินตามเฉียวลู่กลับเข้าไปในกระท่อมอย่างว่าง่าย หลังจากที่ล้างหน้าให้อวี้หลงกับอวี้ชิงแล้วเฉียวลู่ก็ทำเจียนปิ่งไส้เนื้อง่ายๆ ให้พวกเขาทานและใส่ไข่นกทั้งสี่ฟองลงไปด้วย ดูเหมือนเฉียวลู่จะมีพร์ในทุกด้านไม่ว่าจะหยิบจับอะไรนางก็สามารถทำออกมาได้ดี แม้กระทั่งการทำอาหารที่ถึงแม้จะทำเป็ครั้งแรกนางก็สามารถทำมันออกมาได้น่ากิน อวี้หลงกับอวี้ชิงที่เป็เด็กตัวเล็กๆ อายุเพียงแค่สามขวบแต่กลับกินเจียนปิ่งที่เฉียวลู่ทำถึงคนละสองอัน ทำเอาเฉียวลู่ปลื้มปริ่มกับความสามารถในการทำอาหารของตน
วันนี้เฉียวลู่ทำงานทั้งวันแต่นางกลับไม่รู้สึกเหนื่อยล้าเลยสักนิดกลับกันนับวันร่างกายของเฉียวลู่ยิ่งเหมือนมีพละกำลังมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ทำเอานางรู้สึกแปลกใจในความเปลี่ยนแปลงของตน
