“นายมีเงินหรือไง?” เซี่ยวอี๋ถามเสิ่นิที่ปากเต็มไปด้วยกลิ่นหญ้าในขณะที่กำลังข้ามถนนไปยังโชว์รูม BMW 4S
“ไม่มี”
“ไม่มีแล้วจะไป BMW ทำไม น่าอายไม่พอหรือไง?” ทั้งเนื้อทั้งตัวของเซี่ยวอี๋มีเงินพอแค่ซื้อ Volkswagen Bora มือสองเท่านั้น ตอนนี้พวกเขากลายเป็คนเร่ร่อนตกงานและไม่มีเงินำาญ เธอไม่กล้าใช้บัตรเครดิต การไปที่โชว์รูม BMW 4S เท่ากับหาเื่ให้ตัวเองขายหน้าไม่ใช่หรือ? เธออยากจะหนีไป แต่เอวของเธอก็ถูกเสิ่นิรัดเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
“ตอนนี้ไม่มีเงิน ไม่ได้หมายความว่าต่อไปจะไม่มีนี่ ไม่ต้องกังวล ผมเป็ผู้ชายที่มีเวทมนตร์” เสิ่นิพูดไปเรื่อย เขาจะให้เซี่ยวอี๋เข้าไปในโชว์รูม 4S ให้ได้
และเมื่อเห็นว่ามีสาวสวยคนหนึ่งมา หลิวเต๋อหวา ผู้จัดการร้านซึ่งเป็ชายวัยกลางคนหัวล้านอายุประมาณ 40 ปีก็รีบเข้ามาต้อนรับด้วยตัวเอง “ยินดีต้อนรับคุณทั้งสองเข้าเยี่ยมชมครับ เชิญเข้ามาข้างในก่อน เสี่ยวจาง ชงกาแฟให้พวกคุณเขาด้วย!”
“เราแค่มาดูเฉยๆ” เซี่ยวอี๋ยิ้มเจื่อนๆ
“ไม่เป็ไรครับ เชิญดูตามสบาย คุณสามารถบอกผมได้ว่าคุณชอบแบบไหน ่นี้เรากำลังจัดกิจกรรมฉลองวันครบรอบราคา สำหรับคุณทั้งสองรับประกันได้เลยว่าถูกที่สุดในเมือง ถ้าแพงกว่าคนอื่น คุณทั้งสองมาตบผมได้เลย”
“คุณชอบรถอะไร?” เสิ่นิยกแก้วกาแฟขึ้นจิบพลางถามสาวงามในอ้อมแขน ราวกับแม่ของเขาเพิ่งแต่งงานใหม่ครั้งที่ 13 แล้วเขาตกกระไดพลอยโจนได้กลายเป็ลูกชายของคนรวย
“คุณไม่รู้จักงานอดิเรกของฉันเหรอ? แน่นอนว่าต้องเป็รถสปอร์ตสิ” เซี่ยวอี๋หมั่นไส้ที่เสิ่นิไม่มีเงินแต่ยังทำกร่าง ที่แท้ก็จะมาหลอกกินฟรีดื่มฟรี เธอเลิกคิ้วขึ้นและพร้อมที่จะฉีกหน้าเสิ่นิให้เขาไปต่อไม่เป็
“รถสปอร์ตเหรอ ดีครับ! ดาบชั้นเยี่ยมสำหรับฮีโร่ รถโฉบเฉี่ยวเหมาะกับสาวงาม ด้วยนิสัยอันโดดเด่นอย่างคุณผู้หญิงแล้ว แน่นอนว่ารถสปอร์ตเท่านั้นที่คู่ควร” ดวงตาของหลิวเต๋อหวากลายเป็รูปตัว “¥” ขึ้นมาเลย “เชิญคุณทั้งสองลองชมดูได้ครับ!”
หลิวเต๋อหวาพาเสิ่นิและเซี่ยวอี๋มายังกลางร้าน รถสปอร์ต BMW Z4 สีดำจอดอยู่บนเวทีหมุนทรงกลม แน่นอนว่ามันไม่ใช่ซีรีส์หนึ่งของซูเปอร์คาร์ซึ่งมีมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ แต่มันก็ยังคงตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางสปอตไลต์
“รถสปอร์ตสุดหรู BMWZ รุ่นปี 2013 sDrive35i! พิเศษเฉพาะโชว์รูมเรา โชว์รูม 4S รอบเมืองไม่มีรุ่นนี้ ขนาด 3.0 ลิตร ติดตั้งเครื่องยนต์ 6 สูบแบบอินไลน์ ใช้เทอร์โบชาร์จเจอร์ สูงสุด 306 แรงม้า! ใช้เวลาเพียง 5.1 วินาทีในการเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตร! ด้วยสภาพถนนและการจราจรในประเทศ คันนี้ไม่ช้าไปกว่า Porsche 911 แน่นอน!” หลิวเต๋อหวากล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ เขาแนะนำจนมันดูน่าสนใจกว่ารถ Ferrari
“ชอบเหรอ?” เสิ่นิซดกาแฟพร้อมเอ่ยถามเซี่ยวอี๋
“สมองนายมีปัญหาเหรอ? รถคันนี้อย่างน้อยๆ ก็ต้องมี 1 ล้านล่ะมั้ง?” เซี่ยวอี๋โกรธเกรี้ยว ผู้ชายคนนี้ยังขี้อวดไม่เลิก
“ไม่ ไม่! ผมคิดให้คุณทั้งสองในราคาต้นทุนต่ำที่สุด เช็กระยะฟรี ประกัน 100,000 กิโลเมตร ฟรี ในราคาเพียง 928,000!” หลิวเต๋อหวาเอาเครื่องคิดเลขออกมาคำนวณ
“ไปกันเถอะ ฉันแสดงต่อไปไม่ไหวแล้ว” เซี่ยวอี๋ถอนหายใจ รถสปอร์ตคันนั้นดีงาม แต่น่าเสียดายที่เธอไม่มีเงิน เธอได้แต่หมุนตัวเดินหนีไป
“อย่าเพิ่งไป! คุณไม่ได้บอกว่าหรือว่าให้ผมขยันทำงาน คุณอยากมีรายได้หรือเปล่า? คราวนี้การทำธุรกรรมจะมีการเปลี่ยนแปลง เก็บเงินก่อน แล้วค่อยเริ่มงาน!” เสิ่นิจับมือของเซี่ยวอี๋
ณ ขณะนั้น ที่ทางเข้าของโชว์รูม 4S ชายหนุ่มซึ่งอยู่ในชุดราชวงศ์ถังสีแดงตัวโคร่งเดินเข้ามาพร้อมกับกระเป๋าผ้าใบใหญ่ นอกจากนี้เขายังถักเปียยาวจนถึงเอว ให้ความรู้สึกเหมือนว่าเขาเพิ่งกลับมาจากการถ่ายทำซีรี่ส์เื่ ‘องค์หญิงกำมะลอ ภาค 5’ แล้วไม่มีเวลาเปลี่ยนชุด
“คุณผู้ชาย? ไม่ทราบคุณสนใจรุ่นไหน?” ลูกค้าประเภทนี้ซึ่งดูเหมือนเื่ขบขัน การต้อนรับจึงตกเป็ของเสี่ยวจาง
ชายหนุ่มเงียบกริบ เขาสะพายเป้เดินตรงไปยังเสิ่นิ และยัดเป้นั้นเข้าไปในอ้อมแขนของหลิวเต๋อหวา
“ในนั้นมีเงินอยู่ล้านหนึ่ง ลองนับดู ถ้าไม่พอก็บอกผม” ชายหนุ่มพูดด้วยสีหน้าที่แข็งทื่อ หลิวเต๋อหวายังไม่รู้ว่านี่มันคือเื่อะไรกัน กระเป๋าสัมภาระในแขนนั้นดูแน่นๆ เงินหยวนสีแดงร่วงลงมาปึกหนึ่ง
พวกเขาเคยเห็นคนที่ซื้อรถด้วยเงินสด แต่น้อยคนนักที่จะซื้อรถสปอร์ตด้วยเงินสด หลิวเต๋อหวาตื่นเต้นราวกับได้รับตุ๊กตาทองคำ เขาะโบอกผู้ชายข้างๆ “มาเร็ว! ช่วยฉันเอาเงินไปนับที!”
และในขณะที่หลิวเต๋อหวากำลังนับเงินอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์อยู่นั้น เสิ่นิ เซี่ยวอี๋และชายหนุ่มคนนั้นก็นั่งอยู่บนโซฟาในโซน VIP เสิ่นิถึงขนาดสั่งสเต๊กมาทาน หลิวเต๋อหวาเอาใจถึงขนาดขอให้เสี่ยวจางขับรถออกไปซื้อมาให้
“เขาเป็ใคร?” ทั้งสามมองหน้ากันและอยู่ในความสงบ เซี่ยวอี๋แทบนั่งไม่ติด เธอถามเสิ่นิที่กำลังกินสเต๊กอยู่
“ผมก็ไม่รู้จัก เคยเห็นหน้าแค่ครั้งเดียว” เสิ่นิกล่าวอย่างจริงจัง ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาคือนายน้อยหน้ากากทองคำ หัวหน้าตระกูลเฝิงที่เขาเคยพบเมื่อตอนช่วยเหลือฟางหยวน นั่นทำให้เขาและ “จตุปีศาจแห่งพสุธา” เกือบได้ประมือกัน
“เคยเห็นหน้าแค่ครั้งเดียว แล้วนายรู้ได้ยังไงว่าเขาจะซื้อรถให้นาย?” เซี่ยวอี๋คิดว่าเสิ่นิไม่ควรเป็บอดี้การ์ดแล้ว ควรเปลี่ยนชื่อเป็ “เสิ่นิ หมอดูระดับเทพ”
“เพราะว่าหมอนี่เดินไปเดินมาที่หน้าบ้านเรามา 3 วันแล้ว ขนาดวันนี้ก็ยังตามเรามาอีก ถ้าเขาไม่ได้อยากนอนกับผม ก็คงแค่อยากจะมาขอความช่วยเหลือจากผม ตาเฒ่าเฝิงทำธุรกิจเพื่อช่วยลูกค้าจัดการกับเื่ปวดหัว
ปัญหาที่ตระกูลเฝิงไม่สามารถจัดการได้ ราคารถคันหนึ่ง ผมว่าเขายินดีที่จะจ่าย” เสิ่นิเดาได้อย่างเฉียบคม
“นายฉลาดมาก สหาย ที่จริงแล้วผมเองก็ลังเลว่าจะไปหานายดีหรือไม่? ตาเฒ่าเฝิงทำเื่ต่างๆ มากมาย แต่สิ่งที่เกลียดที่สุดคือการขอความช่วยเหลือจากบุคคลภายนอก เื่นี้จะทำลายชื่อเสียงของเราได้ แต่สถานการณ์ตอนนี้มันแตกต่างไป หาก ‘บุญคุณ’ นี้ทดแทนไม่ได้ ผมเดาว่าพอผมกลับไป ผมคงถูกเผาทั้งเป็” นายน้อยตระกูลเฝิงถอนหายใจ “แนะนำอย่างเป็ทางการนะ ผมชื่อเฝิงเฉวียน นายน้อยคนที่ 15 ของตาเฒ่าเฝิง อายุ 16 ปี”
“ผมชื่อเสิ่นิ เธอชื่อเซี่ยวอี๋ ตัดคำพูดไร้สาระออกไปเถอะ ว่าเื่ธุรกิจมาเลย อะไรที่ทำให้คุณมาขอความช่วยเหลือจากผม?” เสิ่นิทานสเต๊กใกล้จะเสร็จแล้ว
เฝิงเฉวียนไม่พูดอะไร เขาหยิบปลอกะุออกมาจากกระเป๋าสตางค์และวางไว้ที่ข้างจานของเสิ่นิ
เมื่อเห็นเ้าสิ่งนั้น สีหน้าของเสิ่นิก็แน่นิ่งในทันที “ะุปืนทหาร M33 ของอเมริกา ส่วนมากใช้กับอาวุธปืนสไนเปอร์ต่อต้านรถถังขนาดลำกล้อง 12.7 มม. ปืนไรเฟิลที่รู้จักกันดีอย่าง Barrett M82A1
ระยะยิงที่มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานของอาวุธชนิดนี้ก็คือ 1,850 เมตร แต่มันมีศักยภาพที่จะสังหารเป้าหมายได้ในระยะ 6,800 เมตร ถ้าอยู่ในมือของผู้ชำนาญการ ปืนนั่นถือว่าเป็ฝันร้าย”
“คู่ต่อสู้ของผมในครั้งนี้ ใช้สิ่งนี้ เขาสังหารจตุปีศาจแห่งพสุธาไปแล้วสองตัวในสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ตอนนี้เรายังไม่เห็นแม้กระทั่งใบหน้าของผู้ชายคนนั้นเลย” เฝิงเฉวียนกล่าวพร้อมบิดี้เี “และเมื่อเช้านี้เอง ไพรโทร.มาบอกว่า ภูต...เพิ่งจะโดนสังหารไป การตอบแทนบุญคุณของตาเฒ่าเฝิงจะมีกรอบเวลาอยู่ ผมยังมีเวลาอีกหนึ่งสัปดาห์ ไม่ว่างานจะสำเร็จหรือล้มเหลว ก็ต้องกลับไปรายงานต่อตาเฒ่าเฝิงทั้งหมด
ลูกน้องตายนับว่าเป็ความสูญเสีย แต่ไม่ถึงกับสูญเสียชีวิต แต่ถ้าแทนคุณไม่สำเร็จ อาจรักษาชีวิตไว้ไม่ได้
เพื่อที่จะจ้างนาย ผมเอาอั่งเปาตลอด 16 ปีของผมมาด้วย อยากถามนายว่า นายจะช่วยหรือไม่? "
และในขณะนั้นเอง หลิวเต๋อหวาก็นับเงินเรียบร้อยแล้ว เขาดำเนินขั้นตอนการซื้อรถ เขานำเงินกุญแจรถและเงินที่เหลืออีก 80,000 หยวน ใส่ถาดมาคืนให้ หลิวเต๋อหวาหน้าตาชื่นมื่น รถมูลค่า 920,000 เอาเศษที่เหลือ 8 หมื่นคืนไป ถือเสียว่าเป็ตัวเลขมงคล
“กินสเต๊กคนอื่นเขาหมดแล้ว จะคืนรถตอนนี้ก็ไม่เหมาะสมมั้ง?” เสิ่นิใช้ทิชชูเช็ดปาก ในที่สุดก็สิ้นสุดวันแห่งการกินหญ้าของเขา เขาเซ็นชื่อของเขาในสัญญาซื้อรถ แต่กลับโยนกุญแจใส่มือของเซี่ยวอี๋
“ขอบคุณ” เฝิงเฉวียนกล่าวด้วยความจริงใจ หลังจากที่ได้รู้ถึงคู่ต่อสู้ของเขาแล้ว แปลกที่เสิ่นิยังสามารถสดชื่นอยู่ได้ขนาดนี้
“ไม่ต้องขอบคุณผม นายให้เงินมาแล้ว ออกเดินทางพรุ่งนี้เช้า ส่วนตอนนี้ ไปซิ่งกันก่อน” เสิ่นิยิ้มพลางหยิบ 80,000 ที่เหลืออยู่บนถาด ก่อนจะกล่าวอำลาด้วยรอยยิ้ม
ทุกอย่างเป็เหมือนกับความฝัน เมื่อเซี่ยวอี๋นั่งอยู่ในตำแหน่งคนขับของ BMWZ4 สีดำจริงๆ เมื่อมือของเธอััที่พวงมาลัยหุ้มหนัง นั้นก็นับว่าเธอยังไม่ตื่นจากฝันเลย
เธอลองเร่งเครื่องด้วยฝีเท้า เสียงคำรามของเทอร์โบคู่มันทำให้เธอตื่นขึ้นมา
“แม่เ้า รถราคาเกือบล้าน จู่ๆ ก็ได้มาแบบนี้เลยเหรอ? แม่เอUย!” เซี่ยวอี๋ใจนนึกคำพูดไม่ออก เธอสุขใจจนเอาหน้าแดงระเรื่อไปถูไถที่โลโก้ BMW เหมือนกับแมวน้อยขี้อ้อน
“คุณชอบก็ดี ตอนนี้เราหายกันแล้วใช่ไหม?” เสิ่นิกล่าวอย่างภาคภูมิ
“หายกัน! เป็อันหมดหนี้!” น้ำเสียงของเซี่ยวอี๋ฟังดูสบายอกสบายใจ “ตอนนี้จะไปทำอะไรล่ะ?”
“แน่นอนว่าไปกินบะหมี่ลักซา คุณค้างผมอยู่” เสิ่นิยิ้มอย่างเ้าเล่ห์
“ได้! ซื้อให้ 2 ชามเลย! ชามหนึ่งกิน! อีกชามเททิ้ง!” ณ ขณะนั้น เซี่ยวอี๋รู้สึกเหมือนเดินมาถึงจุดสูงสุดของชีวิตแล้ว
เมื่อสาวงามขับ BMWZ4 ออกไปจากโชว์รูม 4S เถ้าแก่ที่เพิ่งจะมองคนด้วยสายตาเหยียดหยามเมื่อครู่นี้ก็มองจนตาแทบถลน เขาได้แต่นึกโทษตัวเองที่มีตาแต่หามีแววไม่
วันนี้ทั้งวัน เซี่ยวอี๋ยิ้มจนหน้าบานเป็จานดาวเทียม มนุษย์ก็เป็เช่นนี้ มีเงินก็ยิ้ม ไม่มีเงินก็คร่ำครวญ ความฟุ่มเฟือยของเสิ่นิ พอจะหักล้างกับการที่เขาขโมยจูบแรกของเซี่ยวอี๋ไปได้ ั้แ่เช้าจนถึงบ่าย ทั้งสองคนไม่ได้ทำอะไรเลย ได้แต่ขับรถกินลม จอดรถทานข้าว จากนั้นก็ขับรถไปรับลมต่อ เพราะอยู่ใน่ปรับตัวให้เข้ากับรถ เซี่ยวอี๋จึงไม่กล้าเหยียบคันเร่ง เธอได้แต่เปิดหลังคาซันรูฟ ช่างให้ความรู้สึกเหมือนกับบินได้
พวกเขาขับรถเล่นกันจนค่ำมืด ก่อนจะจอดรถที่ริมทะเล ชมความสวยงามของเมืองเป๋ยไห่ในยามค่ำคืน พวกเขานั่งอยู่บนฝากระโปรงรถพลางกินทาโกะยากิไปด้วย มันช่างสบายเสียจริง
กระทั่งตอนนี้ เซี่ยวอี๋ถึงได้มีใจที่จะสนใจงานที่กำลังจะเกิดขึ้น “เล่ามา มือปืนนั่น นายแน่ใจแค่ไหนว่าจะเอาชนะได้?”
“ถ้าเป็ 1 ต่อ 1 ละก็ในกรณีที่มีอุปกรณ์เหมือนกัน บนโลกใบนี้มีสไนเปอร์ไม่เกิน 3 คนหรอกที่จะสามารถเอาชนะผมได้ แต่ตอนนี้ผมเป็บอดี้การ์ด ผมอยู่ในที่แจ้ง ศัตรูอยู่ในที่มืด และไม่มีอุปกรณ์เช่นเขา อัตราการตายใกล้เคียง 98% เห็นจะได้มั้ง?” เสิ่นิกล่าวโดยประมาณ
พอเซี่ยวอี๋ได้ยินแล้วแบบนั้นก็พ่นทาโกะยากิออกมา แต่เมื่อรู้ตัวว่าทำรถใหม่เปื้อน เธอจึงดึงกระดาษทิชชูออกมาเช็ด เธอเช็ดไปด่าไป “สมองนายพังไปแล้ว! งานอันตรายแบบนี้ยังจะรับอีก!”
“ั้แ่เปิดกิจการมาจนถึงตอนนี้ มีงานไหนบ้างที่ไม่อันตราย? บอดี้การ์ดที่เลือกลูกค้าไม่ใช่บอดี้การ์ดที่ดี นี่คือเส้นทางที่พ่อผมสอนผมทำธุรกิจมา” เสิ่นิยิ้มตาหยี
“นั่นไม่ใช่เส้นทางทำธุรกิจ แต่เป็เส้นทางไปสู่ความตาย ไม่ได้การแล้ว นายบอกรหัสเอทีเอ็มฉันมา เผื่อว่านายตายไป เงิน 80,000 หยวนนั่นฉันจะได้ถอนออกมาใช้!”
“มีผู้ช่วยดีขนาดนี้ ผมคงนอนตายตาไม่หลับ...”