“เพราะว่าฐานะของเสด็จแม่ของข้า หลังจากเสด็จแม่สิ้นพระชนม์ไปก็ไม่มีใครปกป้องข้า ตอนนั้นร่างกายของเสด็จพ่อไม่ค่อยดี อีกทั้งตอนนั้นครอบครัวมารดาของกู้ไท่เฟยก็มีอำนาจมากในราชสำนัก เขากลัวว่าจะปกป้องข้าไม่ได้ จึงส่งข้าออกจากวัง เขาคิดว่าถ้าส่งข้าไปที่ไกลๆ ข้าก็จะไม่ถูกลากเข้ามาเกี่ยวข้อง ที่พี่สามมักจะมาหาข้าบ่อยๆ เป็เพราะเสด็จพ่อเคยกำชับเขาไว้ เื่พวกนี้ล้วนเป็พี่สามมาบอกข้าทีหลัง แต่ราชวงศ์นี้อย่างไรก็โเี้อยู่แล้ว หลังจากข้าถูกส่งออกไปก็เริ่มมีคนมาไล่ฆ่าไม่หยุด”
“ข้าไม่รู้ว่าเป็คนของใคร แต่คนที่้าจะเอาชีวิตข้ามีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น โชคดีที่เสด็จพ่อส่งคนจำนวนมากมาแอบปกป้องอยู่ข้างกายข้า ข้าถึงได้รอดปลอดภัย”
ซูิเยว่ก็พลันรู้สึกเอ็นดูจี๋โม่หานขึ้นมา เมื่ออยู่ในวังแห่งนี้ ชะตาชีวิตก็ไม่อาจควบคุมได้ด้วยตัวเอง ตอนนั้นจี๋โม่หานยังเด็กมาก นางไม่รู้ว่าหลายปีก่อนเขาผ่านมันมาได้อย่างไร
จี๋โม่หานเหมือนรู้สึกถึงอารมณ์ที่สั่นไหวของซูิเยว่ เขาเอาหน้าผากมาัักับหน้าผากของนางแล้วพูดเสียงอ่อนโยน “ข้าไม่เป็ไร แม่หนู อย่างน้อยโชคดีทั้งหมดของข้าก็ทำให้ข้าได้มาเจอกับเ้า แค่นี้ข้าก็พอใจแล้ว”
ซูิเยว่ทำเสียงขึ้นจมูก “จากนั้นล่ะ?”
“ต่อมา” จี๋โม่หานนึกย้อนกลับไปในอดีตแล้วเล่าต่อ
“ตอนที่ข้าอายุสิบสองปี เสด็จพ่อก็สิ้นพระชนม์ ข้าถึงได้ถูกเรียกกลับเข้าวังอีกครั้ง ใน่เวลาที่เสด็จพ่อสิ้นพระชนม์ เขาได้ส่งคนให้เอาป้ายเหมี่ยนเซ่อมาให้ข้า หลังจากเสด็จพ่อสิ้นพระชนม์แล้ว ฮ่องเต้ก็ขึ้นดำรงตำแหน่ง องค์ชายหลายคนก็ต่างประดับยศองค์ชายแล้วมีเมืองเป็ของตัวเอง หลังจากข้ากลับมาที่วัง พี่สามกลัวว่าข้าจะถูกรังแก เขาจึงทิ้งที่ดินมาแล้วทำตัวเป็องค์ชายว่างงานเพื่ออยู่ดูแลข้าที่เมืองหลวง ต่อมาฮ่องเต้เริ่มให้ข้าเข้าร่วมราชสำนัก แล้วก็ติดตามทหารออกไปทำาใหญ่เล็ก ต่อจากนั้น ข้าก็นำทัพเข้าาด้วยตัวเอง”
เื่พวกนี้ซูิเยว่เองก็รู้ จี๋โม่หานอายุมากกว่านางครึ่งรอบ นางเริ่มจะจำเื่ราวขึ้นมาได้เล็กน้อย ทั้งยังได้ยินชื่อเสียงผลงานของจี๋โม่หานมาไม่น้อย จี๋โม่หานในตอนที่เพิ่งจะสิบเจ็ดสิบแปดก็ได้กลายเป็วีรบุรุษเทพแห่งาของเมืองหลวงแล้ว ผู้ที่รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง
“ตอนข้าอายุสิบแปด ตงฉือมาโจมตี ข้าถูกสั่งให้ไปอยู่แนวหน้า” พูดถึงตรงนี้ ซูิเยว่ก็รู้สึกว่าเสียงของเขาอึมครึมลง าครั้งนี้ทำให้จี๋โม่หานตาบอดและพิการ
“าครั้งนี้ ตงฉือมาด้วยอำนาจเต็มเปี่ยม ฮ่องเต้ส่งพี่สามติดตามข้ามาออกรบด้วยกัน แต่ต่อมาเป็เพราะแนวหน้าไปสืบข้อมูลมาผิด พวกเราจึงติดกับดัก คนเป็พันล้มตายทั้งหมด ข้ากับพี่สามหนีมาด้วยกัน เพราะขาของข้าได้รับาเ็ ตาก็ถูกพิษ เพื่อปกป้องข้าพี่สามได้ล่อศัตรูออกไป ไม่เช่นนั้น คนที่ตายในคืนนั้นก็คงจะเป็ข้า”
ลมหายใจของซูิเยว่หยุดชะงัก แววตาฉายความใแล้วหันไปมองใบหน้าของจี๋โม่หานที่หลับตาอยู่ ใบหน้านิ่งสงบมาก มองแทบไม่ออกเลย
ปกติแล้วเขาก็เป็เช่นนี้ ไม่แสดงความรู้สึกผ่านทางใบหน้า แต่ซูิเยว่กลับรู้ดี ในใจของจี๋โม่หานจะต้องตำหนิตัวเองอย่างหนัก หลายปีมานี้ สำหรับเขาแล้วเื่นี้ถือเป็หนามทิ่มแทงใจที่ไม่อาจกำจัดออกไปได้
ซูิเยว่ไม่รู้ว่าควรจะพูดปลอบใจอย่างไร ในเวลาแบบนี้การปลอบโยนภาษาใดใดก็ไม่อาจช่วยได้ นางทำได้แค่ฝืนความเ็ปบนร่างกายแล้วหันไปกอดจี๋โม่หาน
จี๋โม่หานก้มหน้าไปซบที่คอของนางก่อนจะหัวเราะเบาๆ
“ข้าไม่เป็ไรแม่หนูน้อย ที่ข้าพูดเื่นี้ไม่ใช่เพื่อให้ใครมาเห็นใจ แต่ข้าแค่อยากจะเล่าอดีตของข้ากับเ้า อนาคตของข้าจะมีเ้ามาเข้าร่วมด้วย โชคดีทั้งหมดในชีวิตครึ่งแรกของข้าได้ใช้หมดไปแล้วเพื่อมาเจอเ้า ข้าดีใจมาก”
ซูิเยว่ยกยิ้ม “หม่อมฉันเองก็ด้วย”
เมื่อชาติก่อนนางมีชีวิตอยู่กับการหักหลัง ์จึงให้นางมาเกิดใหม่ ยังดีที่นางได้เจอเขา
จี๋โม่หานสูดหายใจเข้าลึกๆ น้ำเสียงไม่ได้อึมครึมเหมือนเมื่อครู่ ในที่สุดก็กลับไปที่ประเด็นหลัก
“ฮองเฮาเวินเยว่เป็บุตรสาวคนเดียวของสกุลเวิน ตอนนั้นราชครูเวินเป็ขุนนางที่ได้รับความชื่นชอบจากเสด็จพ่อมากที่สุด ต่อมาก็มีพระดำรัสว่า ต่อไปไม่ว่าองค์ชายคนไหนจะได้ตำแหน่งฮ่องเต้ไป เวินเยว่นั้นจะต้องมาเป็ฮองเฮาของเขา เวินเยว่กับกลุ่มองค์ชายเติบโตมาด้วยกัน คนที่เล่นกับนางนานมากที่สุดก็คือพี่สาม ทั้งสองคนถือว่าเป็เพื่อนสนิทกัน”
จี๋โม่หานพูดถึงตรงนี้ ในที่สุดซูหมิบเยว่ก็เข้าใจ
“เพียงเพราะพระดำรัสเดียว สุดท้ายเวินเยว่ก็ไม่สามารถอยู่กับพี่สามได้ ต่อมาเวินเยว่ก็กลายเป็ฮองเฮา พี่สามจึงไม่แต่งงานมาตลอด ข้าติดหนี้ชีวิตพี่สาม ดังนั้นเวินเยว่ถึงได้มั่นใจว่าข้าจะต้องช่วยนาง”
จี๋โม่หานพูดจบก็จมอยู่กับความเงียบ ซูิเยว่หันไปมองใบหน้าด้านข้างเงียบๆ ตอนนั้นไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี จากนิสัยของจี๋โม่หาน พี่สามดีกับเขาขนาดนั้น ดังนั้นเื่นี้เขาจะไม่สนใจได้อย่างไร
ซูิเยว่ถอนหายใจเบาๆ “ดังนั้นเพราะเวินเยว่ไม่ชอบฮ่องเต้ก็เลยวางยาพิษเขา?”
จี๋โม่หานไม่ได้พูดอะไร
ซูิเยว่ยกมือไปนวดใบหน้าของจี๋โม่หานแ่เบา “ท่านไม่จำเป็ต้องตำหนิตัวเอง หากพี่สามของท่านรู้ เขาคงจะหวังให้ท่านมีชีวิตดีๆ แน่นอน"
จี๋โม่หานกุมมือซูิเยว่แน่นขึ้น น้ำเสียงแฝงไปด้วยความเศร้าอยู่หลายส่วน “ความจริงแล้วไม่ใช่แค่เพราะเื่นี้อย่างเดียว”
ซูิเยว่ชะงักไป
เสียงของจี๋โม่หานอึมครึมไปหลายส่วน “ต่อมาข้าก็ได้รู้ว่าแนวหน้าที่มาโกหกข่าวนั้นคือคนที่ฮ่องเต้สั่งให้มาอยู่ข้างกายข้า ให้พวกข้าติดกับดัก นี่เป็แผนของฮ่องเต้ เขา้าชีวิตของพวกเราสองคน หลังจากข้ากลับมาแล้ว ตาก็บอด ขาก็พิการ แต่หลังจากรักษาขาหายแล้ว แต่นี่ก็ไม่ได้ลดความระมัดระวังของฮ่องเต้ลง ข้าไม่ได้บอกเื่ขาของข้ากับภายนอก”
ดวงตาของซูิเยว่เบิกกว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง นางคิดไม่ถึงว่าเื่ที่จี๋โม่หานได้รับาเ็จะมีเื้ัแบบนี้อยู่ ถึงว่าจี๋โม่หานถึงต้องเสแสร้ง
ที่แท้ที่เขาาเ็ทั้งหมดก็เป็เพราะฮ่องเต้เป็คนสร้างสถานการณ์ขึ้นมา ฮ่องเต้ได้ขึ้นครองตำแหน่งตามที่ปรารถนาแล้วก็ยังใช้วิธีการแบบไม่เลือกอีก
ซูิเยว่กุมมือจี๋โม่หานแน่น ในใจปวดร้าว “จะต้องหายแน่ หม่อมฉันจะต้องรักษาดวงตาของท่านให้ได้”
จี๋โม่หานตบเบาๆ ที่บ่าของนางสองทีเป็การปลอบนาง ในเวลาแบบนี้จี๋โม่หานก็ยังคิดถึงนาง ตอนนั้นในใจของซูิเยว่ก็ยิ่งทรมาน
“ไม่เป็ไร มันจะดีขึ้นทั้งหมดเอง” ซูิเยว่รู้สึกว่าในเวลาแบบนี้คำพูดที่ออกมาล้วนแสดงถึงความอ่อนแอ ซึ่งจี๋โม่หานไม่มีทางแสดงความอ่อนแอของเขาออกมา แต่นางกลับเข้าใจมันทั้งหมด
“แม่หนู” จี๋โม่หานพูดเสียงเบา “ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเ้า แต่ว่าข้าหวังว่าข้าจะเป็ที่พึ่งของเ้าได้ ต่อไปหากมีเื่อะไรก็อย่าฝืนเอาไว้ หากครั้งนี้ไม่ได้เกิดเื่นี้ขึ้น เ้าก็ยังคิดจะแอบจัดการเื่ของเวินเยว่เองเพียงคนเดียวโดยไม่บอกข้า”
ซูิเยว่เงียบไป นางไม่อยากจะรบกวนจี๋โม่หานจริงๆ แต่ไม่ใช่เพราะนางไม่เชื่อใจจี๋โม่หาน เื่ที่เกิดขึ้นกับตัวนางมันเกินกว่าที่จะใช้เหตุผลปกติอธิบายได้
ตอนที่นางเกิดใหม่อีกครั้งก็ยังสงสัยว่าเื่ราวทั้งหมดที่เคยประสบมานั้นเป็เพราะนางฝันไปใช่หรือไม่ กระทั่งนางได้เจอเสี่ยวหยวนที่มาขโมยของที่เรือนหลัง