อู่เอ้อร์ถูกตบก็รีบคายลูกชิ้นครึ่งลูกออกมา ด้วยสายตาคมกริบที่จ้องเขม็งและเต็มไปด้วยความโกรธของนางจาง จากนั้นก็ทั้งอายทั้งรู้สึกผิดจนร้องไห้ออกมาด้วยความอัดอั้นตันใจ
“คืนนี้เ้าไม่ต้องกินข้าวแล้ว” นางจางไม่ใช่คนที่มีคุณธรรมยิ่งใหญ่อันใด รู้เพียงว่าของที่ไม่ควรหยิบก็อย่าหยิบ ของที่ไม่ควรกินก็อย่ากิน เพื่อไม่ให้บุตรชายกระทำความผิดอีก จึงกล่าวกำชับเสียงเย็น “เ้ากินของที่เ้านายไม่อนุญาตให้กินก็คือการขโมยกิน ต่อไปหากเื่เช่นนี้เ้านายรู้เข้า เ้านายก็จะเอาเ้าไปขายทิ้ง เ้ามีความผิดที่ขโมยกินของของเ้านาย แล้วผู้ใดจะกล้าซื้อเ้า สุดท้ายเ้าจะถูกพวกค้ามนุษย์เอาไปขายในเหมือง ต้องทำงานใต้ดินั้แ่ฟ้าสว่างยันฟ้ามืด ไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน งานหนักจนเหนื่อยแทบตาย ต้องทนหิวทนลำบากมากมาย”
หลี่หรูอี้เดินเข้ามาพอดี เมื่อเห็นแก้มซ้ายของอู่เอ้อร์มีรอยนิ้วมือแดงๆ ปรากฏชัดเจนก็ไม่ได้ถามอะไร มารดาสั่งสอนบุตร นางย่อมไม่ยุ่งให้มากความ
ยามบ่ายอันเงียบสงบ จู่ๆ ก็มีเสียงสุนัขเห่าดังแว่วมาจากด้านนอก เป็เสียงของเจาไฉและจิ้นเป่านั่นเอง ยามนี้มีบุรุษแปลกหน้าควบม้ามาเยือน ผู้ที่นำทางให้พวกเขาก็คือ บิดาของหวังเซี่ยจื้อ
ผู้เฒ่าหวังกล่าวว่า “หลานหลี่ มีคนมาหา อยากให้หรูอี้ไปรักษาคนป่วย” จากนั้นจึงหันไปพูดกับชายทั้งสอง “เขาคือหลี่ซาน หมอเทวดาน้อยคือบุตรสาวของเขา”
บุรุษทั้งสองกล่าวพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย “ขอบคุณท่านลุงมากขอรับ”
ผู้เฒ่าหวังมีนิสัยชอบดูเื่สนุกจึงยังไม่ได้จากไป แต่ยืนดูอยู่ข้างๆ แทน
หลี่ซานเห็นชายหนุ่มทั้งสองสวมอาภรณ์สีดำและรองเท้าสีดำดูเข้มแข็ง ทั้งยังมีม้าหนุ่มที่พวกเขาจูงมาอีกด้วย เพียงมองก็ทราบว่าไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาแน่ จึงกล่าวอย่างระมัดระวัง “ทั้งสองคือ?”
ชายหนุ่มร่างสูงตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “พวกเราคือองครักษ์ของจวนเจียงที่อยู่นอกตัวอำเภอฉางผิง เดินทางมาคราวนี้เพราะได้รับคำสั่งจากนายท่านให้มาเชิญหมอเทวดาน้อยไปตรวจรักษาผู้ดูแลเฒ่าของจวนขอรับ”
หลี่ซานไม่รู้จักจวนเจียง รู้เพียงว่าบุตรีสุดที่รักกล่าวเน้นย้ำครั้งแล้วครั้งเล่าว่า หากไม่ต้องออกไปตรวจที่บ้านผู้ป่วยได้ก็ไม่ต้องไป ดังนั้นเขาจึงกล่าวอย่างเนิบช้า “คำว่าหมอเทวดาน้อยคงไม่กล้ารับ บุตรีของข้าเพียงศึกษามาจากภรรยาข้าเท่านั้น กระทั่งใบรับรองฐานะแพทย์ของราชสำนักก็ยังไม่มี ย่อมไม่กล้าออกไปตรวจรักษาภายนอก”
หลี่หรูอี้เป็สตรีย่อมไม่มีคุณสมบัติสอบรับใบรับรองฐานะแพทย์ของราชสำนัก ดังนั้นจึงไม่ใช่หมอที่จวนขุนนางรับรอง บ้านหลี่ไร้อำนาจและอิทธิพล หากนางออกไปตรวจรักษาแล้วรักษาไม่ได้จนผู้ป่วยนำไปฟ้องทางการ ย่อมไม่อาจหนีความผิดไปได้ โทษสถานเบาก็คือ ถูกเฆี่ยนและปรับเงิน โทษสถานหนักก็คือ ถูกเนรเทศและยึดทรัพย์ทั้งหมด
ชายหนุ่มทั้งสองมองหน้ากัน พวกเขาไม่ได้คาดว่า บ้านหลี่จะกล่าวออกมาตามตรงว่า หลี่หรูอี้ไม่ใช่หมอที่ถูกต้องเช่นนี้
คำพูดก่อนหน้านี้ของผู้เฒ่าหวังยังวนเวียนอยู่ในหู “หากตระกูลเรามีคนป่วยก็จะมาให้บ้านหลี่รักษา หมอเทวดาน้อยจิตใจดังโพธิสัตว์ ไม่ว่าจะตรวจรักษาหรือออกเทียบยาก็ไม่เคยเก็บเงินพวกเราเลย”
“หากมีผู้ป่วยจากนอกพื้นที่มาหา หมอเทวดาน้อยจะรักษาแต่โรคแปลกประหลาด ส่วนโรคปกติจะไม่รักษาให้ จะบอกให้ผู้ป่วยไปหาหมอในตำบลหรืออำเภอแทน”
หลี่หรูอี้ที่อยู่ในห้องนอนได้ยินทั้งหมดแล้ว นางกลัวว่าชายหนุ่มทั้งสองจะไม่ยอมไป จึงเดินออกมาพบหน้าพวกเขาเสียหน่อย เมื่อพวกเขาเห็นนางที่มีอายุน้อยเพียงนี้ ในดวงตาพลันเกิดประกายเหลือเชื่อ
ชายหนุ่มร่างสูงกล่าวออกมาว่า “ท่านนี้คงเป็หมอเทวดาน้อยกระมัง?”
“ใช่ นางเป็บุตรสาวข้า” ในน้ำเสียงของหลี่ซานเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
หลี่หรูอี้กล่าวด้วยท่าทางสงบ “นายท่านจากจวนสูงศักดิ์คงไม่ทราบว่าข้าไม่มีใบรับรองฐานะแพทย์ ท่านอาทั้งสองโปรดกลับไปรายงานนายของท่านตามตรงเถิด เขาเป็คนสูงศักดิ์ ย่อมไม่้าเด็กหญิงด้อยความรู้และประสบการณ์เช่นข้าเป็แน่ เมื่อรู้ความจริงแล้วย่อมเข้าใจข้าและไม่ตำหนิพวกท่าน”
คำพูดของนางทั้งยกยอนายท่านจวนเจียงและบอกกับชายหนุ่มทั้งสองว่า หากทำภารกิจไม่สำเร็จก็จะไม่ถูกตำหนิ ผู้เดียวที่นางกดให้ต่ำก็คือตนเอง
แต่ชายหนุ่มทั้งสองกลับไม่ได้ดูถูกนางเพียงเพราะนางไม่มีใบรับรองฐานะแพทย์ กลับกันพวกเขารู้สึกว่านางทั้งจริงใจและฉลาดเฉลียว ไม่เหมือนคนที่เกิดในชนบทเลย
“ในเมื่อเป็เช่นนี้พวกเราก็จะไม่บังคับ จะกลับไปก่อน” ชายหนุ่มร่างเตี้ยมีประกายขุ่นมัวในดวงตา สุดท้ายก็ทำภารกิจไม่สำเร็จ
ส่วนชายร่างสูงกลับยังไม่ยอมแพ้ เขาจับจองไปทางหลี่หรูอี้แล้วพูดว่า “หมอเทวดาน้อย ได้ยินว่าท่านรักษาโรคแปลกประหลาดได้ ผู้ดูแลจวนพวกเราก็ป่วยเป็โรคแปลกประหลาด ได้ยินว่ายามที่อาการไม่กำเริบเขาก็ปกติดี แต่เมื่ออาการกำเริบขึ้นมาจะปวดท้องจนทนไม่ไหวถึงขั้นทำร้ายตนเอง ท่านว่าเป็โรคอะไรหรือ” หากหลี่หรูอี้ช่วยวิเคราะห์อาการของลุงโจว กลับไปก็จะมีคำอธิบายแล้ว
หลี่หรูอี้กล่าวอย่างเรียบเฉย “ท่านเคยเห็นผู้ป่วยอาการกำเริบด้วยตนเองหรือไม่” ในท้องมีอวัยวะมากมาย สาเหตุที่ทำให้ปวดก็มีมาก ตัวผู้ป่วยไม่ได้มาด้วยตนเอง ไหนเลยจะรู้ว่าผู้ป่วยเป็อะไร
“ไม่เคย” ชายหนุ่มร่างสูงรู้สึกหดหู่ยิ่งนัก ที่เขากล่าวคือความจริง ทั้งยังนึกไม่ถึงด้วยว่า หมอเทวดาน้อยจะไม่ยอมไปที่จวนเจียง หากรู้ว่าจะเป็เช่นนี้ ก่อนหน้านี้เขาคงสอบถามลักษณะอาการของลุงโจวมาด้วยแล้ว
หลี่หรูอี้กล่าวไปตามตรง “ข้าไม่อาจวินิจฉัยได้เ้าค่ะ”
ชายหนุ่มร่างสูงยังคงไม่ยอมแพ้ “จวนของเรายินดีจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อเชิญท่านไปที่จวน” หลายวันมานี้จวนเจียงมีหมอมาตรวจอาการให้ลุงโจวมากมาย ต่อให้รักษาไม่ได้จวนก็ยังจ่ายเงินค่าเดินทางให้ เขาคิดว่าหลี่หรูอี้เป็เด็กหญิงในหมู่บ้านชนบท เงินหนึ่งตำลึงสมควรเป็เงินจำนวนมากแล้ว
หลี่หรูอี้ผายมือทั้งสองข้างออก “ขออภัย ข้าไม่มีใบรับรองฐานะแพทย์ ไม่อาจออกไปตรวจข้างนอกได้เ้าค่ะ”
“ไป” ยามนี้ชายร่างสูงยอมแพ้แล้ว เขาหมุนตัวไปจูงม้าแล้วเดินทางกลับไปพร้อมเพื่อนร่วมทาง
เมื่อทั้งสองกลับมาถึงจวนเจียงก็นำเื่นี้ไปรายงานลุงฝู ลุงฝูคาดหวังกับหลี่หรูอี้ไว้สูง นึกไม่ถึงว่านางจะกล่าวมาตามตรงว่าไม่มีใบรับรองฐานะแพทย์ ต่อให้จวนเจียงจะจ่ายเงินให้มากนางก็ไม่ยอมมา ในเมื่อเป็เช่นนี้ หรือจะให้เหล่าโจวไปที่บ้านหลี่สักครั้ง
เมื่อเจียงชิงอวิ๋นที่อยู่ในห้องหนังสือฟังคำรายงานของลุงฝูจบ ดวงตาที่งดงามดุจตาหงส์ก็เต็มไปด้วยประกายซับซ้อน ปฏิกิริยาของบ้านหลี่อยู่เหนือความคาดหมายจริงๆ มิได้กล่าวยกยอว่าพวกตนมีวิชาแพทย์สูงส่ง แต่กลับกล่าวถ่อมตนว่า ไม่มีใบรับรองฐานะแพทย์
หมอเทวดาน้อยกลัวว่าหากเข้าจวนเจียงมาแล้ว ผู้อื่นจะรู้ว่านางไม่เป็วิชาแพทย์หรือ และที่บอกว่ามีวิชาแพทย์สูงส่งเป็เพียงคำอวดอ้าง จึงกลัวผู้มีอำนาจจนไม่กล้าเข้าจวนเจียงหรือ
ลุงฝูกล่าวถาม “นายท่าน ท่านว่าพรุ่งนี้บ่าวพาเหล่าโจวไปหาหมอเทวดาน้อยที่หมู่บ้านหลี่ดีหรือไม่”
เจียงชิงอวิ๋นกล่าวอย่างเนิบช้า “พรุ่งนี้ลุงโจวและนางหลิวจะไปจวนเยี่ยนอ๋องกับข้า ท่านน้าอยากเจอนางหลิว ข้าก็อยากเจอท่านน้า”
ลุงฝูฟังแล้วก็รู้ว่าเจียงชิงอวิ๋น้าให้เขาอยู่เฝ้าจวน จึงพยักหน้าโดยพลัน “บ่าวจะไปเตรียมของขวัญให้จวนอ๋องขอรับ”
จวนอ๋องมีทุกอย่าง จวนเจียงก็ต้องพึ่งจวนอ๋อง ทว่าเื่ของขวัญย่อมมิอาจขาดไปได้ ต่อให้เป็ญาติก็ไม่อาจไปมือเปล่า
เจียงชิงอวิ๋นไม่ได้มีปฏิกิริยาใดๆ ซึ่งก็นับว่าเห็นด้วย แม้ตระกูลเจียงจะอยู่ใน่ตกต่ำ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีอะไรเลย เขาเป็บ้านเดิมของฉินไท่เฟย หากไปจวนอ๋องก็ต้องนำของขวัญไปบ้าง เพื่อไว้หน้าฉินไท่เฟย
“ข้าจะอยู่ที่เมืองเยี่ยนสักหลายวัน จะเชิญหมอมีชื่อของที่นั่นมาตรวจให้ลุงโจว”
“นายท่านคิดได้รอบด้านจริงๆ บ่าวขอบคุณท่านแทนเหล่าโจวด้วยขอรับ” ลุงฝูรู้สึกซาบซึ้งใจ
เมื่อเป็เช่นนี้สองนายบ่าวจึงเก็บเื่หมอเทวดาน้อยแห่งตระกูลหลี่เอาไว้ก่อนชั่วคราว
ยามพลบค่ำเด็กชายทั้งสี่แห่งตระกูลหลี่กลับมาแล้ว หลี่ิ่หานที่คุยถูกคอกับอู่เอ้อร์เห็นรอยบนใบหน้าของอีกฝ่าย ซึ่งที่จริงผู้อื่นก็มองออก เพียงแต่ไม่ได้ถามต่อหน้าเช่นหลี่ิ่หาน “ผู้ใดทำร้ายเ้า”
อู่เอ้อร์กล่าวเสียงเบา “ท่านแม่”
“เหตุใดนางจึงตบเ้า!” หลี่ิ่หานรู้สึกหนาวเหน็บในใจ ปีนี้อู่เอ้อร์อายุสิบสี่แล้ว เขาทำความผิดอันใดกันแน่จึงถูกนางจางตบตี
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้