เพราะเหมยเซียงคอยเร่งอยู่ไม่หยุดหย่อนท่านหมอหวังจึงลนลานตามไปด้วย เขายังไม่ทันได้แต่งตัวให้ดีทั้งยังปล่อยผมยาวรีบแบกหีบยาไว้ที่หลังแล้วเดินตามเหมยเซียงออกจากเรือนไป
เพิ่งมาถึงเรือนเฉินจื่อก็ได้ยินเสียงนางจ้าวร้องครวญครางดังมาท่านหมอหวังร้องในใจว่าไม่เข้าทีแล้ว คงมิใช่อาการของการแท้งบุตรหรอกนะ
สตรีที่ตั้งครรภ์สามเดือนแรกเพราะครรภ์ยังไม่เข้าที่จึงทำให้แท้งได้โดยง่ายจากสาเหตุนานา
“ฮูหยินใหญ่ ฮูหยินใหญ่เ้าคะ” เหมยเซียงรีบร้อนวิ่งเข้าไปในห้องก่อน
ท่านหมอหวังเร่งก้าวเท้าตามเหมยเซียงเข้าไปในห้อง
“เหมยเซียงไปจุดตะเกียงมาเพิ่ม ในห้องยังมืดเกินไป”ท่านหมอหวังสั่งพลางวางหีบยาลง เข้าไปจับชีพจรให้ฮูหยินใหญ่
เหมยเซียงโอดครวญออกมาคำหนึ่ง แล้วรีบออกไปเอาตะเกียงอีกสองดวงกลับมาและนำมาวางไว้บนชั้นที่หัวนอนของนางจ้าวอย่างรวดเร็วบนเตียงของนางจ้าวจึงสว่างขึ้นมาทันใด
ท่านหมอหวังตรวจอาการไปก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่นเข้ามาเรื่อยๆเหมยเซียงร้อนรนจนใจสั่นไปหมด
ที่สุดท่านหมอหวังวางมือของนางจ้าวลงเบาๆเอาแต่ก้มหน้าไม่พูดราวกับพบอาการเจ็บป่วยที่ยุ่งยากเช่นนั้น
“ท่านหมอหวัง ฮูหยินใหญ่เป็เช่นใดบ้าง” เหมยเซียงร้อนใจท่านหมอก็ว่ามาสักคำสิ
“ฮูหยินใหญ่ ท่านรู้สึกว่าไม่สบายเช่นใดขอรับ?” ท่านหมอหวังไม่ได้ตอบเหมยเซียงแต่กลับเอ่ยถามนางจ้าวขึ้นมา
“อืม” นางจ้าวแค่พยักหน้า ปากขยับน้อยๆเอ่ยออกมาคำหนึ่งอย่างบางเบาจนแทบไม่ได้ยินเสียง
“ฮูหยินใหญ่ สามารถบอกได้หรือไม่ว่าท่านไม่สบายที่ใด?” ท่านหมอหวังสอบถามอีกครั้งด้วยความอดทน
“ท่านหมอ ท่านไม่เห็นหรือว่าฮูหยินใหญ่มีเหงื่อออกทั่วทั้งหัว? ย่อมต้องเจ็บน่ะสิ ท่านตรวจได้ผลเป็เช่นใดก็บอกมาสิเ้าคะยามนี้ฮูหยินใหญ่จะมีเรี่ยวแรงไปตอบคำถามท่านหนแล้วหนเล่าได้อย่างไร”
เหมยเซียงร้อนใจ เห็นทีว่าท่านหมอหวังผู้นี้คงพึ่งพาไม่ได้วันพรุ่งคงต้องกลับไปที่เรือนฮูหยินผู้เฒ่า บอกให้ฮูหยินผู้เฒ่าเปลี่ยนคนเสีย
“ก็เพราะข้าตรวจไม่พบสิ่งใดจึงได้ถามฮูหยินใหญ่สาวใช้เช่นเ้าไม่รู้ความจะมาโวยวายเื่ใด พูดให้น้อยๆ หน่อย มารบกวนข้าตรวจรักษาระวังฮูหยินผู้เฒ่าจะลงโทษเ้า”
ท่านหมอหวังเองก็ร้อนใจ เขาเป็หมอมาก็หลายปีเห็นคนไม่เจ็บป่วยร้องครวญครางมานักต่อนักแล้ว
“ท่านหมอ ข้ารู้สึกเจ็บท้อง” ที่สุดนางจ้าวก็เอ่ยปาก
ท่านหมอหวังไม่เชื่อ จับชีพจรนางจ้าวอีกครั้งอย่างละเอียดแต่ก็ยังคงพบว่าอาการปกติดีเขาไม่มีความคิดใดในใจ ทั้งแน่ใจว่าวิชาแพทย์ของเขาไม่มีทางตรวจผิดไปได้หากแม้แต่ชีพจรปกติก็ยังตรวจไม่ถูกต้องก็เสียทีที่มีประสบการณ์ด้านการแพทย์มาหลายสิบปีแล้ว
“ฮูหยินใหญ่ วันนี้เหน็ดเหนื่อยเกินไปหรือไม่ขอรับ”ท่านหมอหวังเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมาเขาเคยได้ยินมาว่ามีสตรีท้องที่เป็ห่วงลูกในครรภ์เกินไป บางคราก็นึกคิดเอาเองว่าครรภ์ของตนมีปัญหาเป็อาการทางใจมิใช่อาการทางกาย โดยเฉพาะเมื่อเหน็ดเหนื่อยเกินไปก็จะรู้สึกว่าร่างกายผิดปกติ
“ใช่ๆๆ วันนี้ฮูหยินใหญ่เดินมาก เดินไปที่เรือนฮูหยินรองก่อนจากนั้นก็เดินไปที่เรือนฮูหยินอีก ฮูหยินไม่ยอมให้ฮูหยินใหญ่นั่งทำให้ฮูหยินใหญ่ได้แต่ยืนตอบคำฮูหยินอยู่เช่นนั้นนานนัก จะเป็เพราะยืนนานเกินไปจนเกิดปัญหาหรือไม่?”
เหมยเซียงเห็นนางจ้าวส่งสายตาให้นาง ไหวพริบของนางก็แล่นทันใดรีบเอ่ยตามน้ำสำทับคำของท่านหมอหวัง
นางจ้าวรีบก้มหน้าลงเงียบๆ เพื่อปกปิดรอยยิ้มของนางเหมยเซียงผู้นี้ต่อไปสามารถรับหน้าที่สำคัญได้ ไม่เลวๆ
“เป็ดังนี้หรือ เช่นนั้นก็ถูกต้องแล้วคงเพราะฮูหยินใหญ่ยืนนานเกินไปครรภ์จึงปรับตัวไม่ได้ด้วยเหตุนี้ฮูหยินใหญ่จึงรู้สึกไม่สบาย”
“สิ่งใดคือครรภ์ปรับตัวไม่ได้และฮูหยินใหญ่ไม่สบาย?”
ท่านหมอหวังเพิ่งอธิบายไปสองสามคำก็ได้ยินเสียงคำรามด้วยความโกรธอันน่าเกรงขามของหั่วอี้ดังเข้ามาที่หู
ท่านหมอหวังและเหมยเซียงต่างก็ใว่าท่านแม่ทัพมาถึงเมื่อใดกันส่วนนางจ้าวก็ยังสะดุ้งอยู่ในใจ ท่านแม่ทัพมาหนนี้เรียกว่ามาเร็วไม่สู้มาได้จังหวะได้ยินประโยคสุดท้ายอย่างพอเหมาะพอเจาะเสียจริงๆ
ที่แท้หลังจากนางจ้าวสั่งให้เหมยเซียงไปตามหมอมานางก็สั่งให้คนอื่นไปเชิญท่านแม่ทัพมาด้วยนางไม่เชื่อว่าท่านแม่ทัพจะไม่แยแสความปลอดภัยของลูกจนไม่ยอมมา
วานนี้หั่วอี้กลับมาช้า ตอนเขากลับมา เหล่าสหายร่วมงานล้วนแยกย้ายกันไปนอนเขาเองก็รีบอาบน้ำเร็วๆ และนอนสักพัก แต่กลับมีทั้งฝันดีฝันร้ายเข้ามาในหัวไม่หยุดทำให้เขานอนหลับไม่สนิท เมื่อมีเด็กรับใช้จากเรือนเฉินจื่อมาเชิญจึงลุกตื่นขึ้นทันทีเขาวิ่งมาอย่างร้อนใจและได้ยินประโยคสุดท้ายของท่านหมอหวังเข้าพอดี
“พูดสิ เ้าพูดมา”หั่วอี้เห็นว่าคนทั้งห้องคล้ายถูกเขาทำให้ใกันหมดจึงไปถลึงตาใส่ท่านหมอหวังอย่างเหลืออด
“เรียนท่านแม่ทัพ คืนนี้ฮูหยินใหญ่เป็กังวลถึงงานวันเกิดฮูหยินผู้เฒ่าจึงไปมอบหมายงานที่เรือนฮูหยินรอง จากนั้นก็ไปที่เรือนฮูหยินนึกไม่ถึงว่าฮูหยินไม่พอใจที่ฮูหยินใหญ่มอบหมายงานให้นางทำจึงไม่ยอมให้ฮูหยินใหญ่นั่ง เพราะฮูหยินใหญ่ต้องเคารพอำนาจของฮูหยินจึงต้องยืนสนทนากับฮูหยิน เห็นหรือไม่เ้าคะ ถึงได้เหน็ดเหนื่อยเกินไปจนเมื่อครู่เจ็บท้องขึ้นมาเ้าค่ะ”
เมื่อเห็นสถานการณ์ดังนี้แม้เหมยเซียงจะไม่รู้ว่าที่ฮูหยินใหญ่เจ็บท้องนั้นเป็จริงหรือเท็จแต่นางก็นับว่าเข้าใจสิ่งที่ฮูหยินใหญ่้าทำแล้ว ไม่รอให้ท่านหมอหวังเอ่ยปากนางจึงพูดออกไปก่อน
“เป็เช่นนั้นหรือท่านหมอหวัง ยามนี้ไฉ่เอ๋อร์เป็อย่างไรบ้างไม่เป็ไรใช่หรือไม่?” หั่วอี้ฟังแล้วมีสีหน้าถมึงทึงขึ้นมาทันใด
“เรียนท่านแม่ทัพ ตอนนี้ฮูหยินใหญ่ไม่มีความผิดปกติใดขอรับพักผ่อนให้มากก็หายแล้วขอรับ” ท่านหมอหวังบอกอาการของนางจ้าวไปตามจริง
แต่หั่วอี้กลับเข้าใจว่าตอนนี้นางจ้าวไม่เป็ไรแล้วทว่าก็เพราะก่อนนี้เหน็ดเหนื่อยเกินไปจนเกือบจะเกิดเื่เพลิงอารมณ์ของเขาจึงปะทุขึ้นมาเขาเคยได้ยินเื่ราวจากแต่ละจวนมาบ่อยครั้งว่าเมื่อฮูหยินคนนั้นคนนี้ตั้งท้องภายในจวนก็จะไม่สงบอีก นึกไม่ถึงว่าในจวนของเขาเองก็จะเกิดเื่เช่นนี้หนำซ้ำยังเกิดเื่ขึ้นเพราะองค์หญิงที่เขานึกว่าเป็คนที่มีการศึกษาเข้าใจเหตุผล
เขานั่งต่อไปไม่ได้แล้ว จึงลุกขึ้นออกไปทันที
นางจ้าวเบิกบานใจนัก อยากหัวเราะแต่ก็ไม่กล้าหัวเราะออกมา เหมยเซียงที่พอจะมองรูปการออกรีบบอกกับท่านหมอหวังว่า “ท่านหมอเช่นนั้นฮูหยินใหญ่ก็ไม่ต้องทานยา แค่พักผ่อนดีๆ เป็พอแล้วใช่หรือไม่เ้าคะ”
ท่านหมอหวังพยักหน้ารับหงึกหงัก
“คืนนี้ลำบากท่านหมอหวังแล้วจริงๆเหมยเซียงขอขอบคุณท่านหมอหวังแทนฮูหยินใหญ่เ้าค่ะ” เหมยเซียงเอ่ยคำส่งแขก
ท่านหมอหวังจึงลุกขึ้นเอ่ยคำลาอย่างรู้กาลเทศะ
หลังจากเหมยเซียงส่งท่านหมอหวังออกไปพ้นเรือนเฉินจื่อจึงกลับไปที่ห้องของนางจ้าวด้วยความสงสัย
“ฮูหยินใหญ่เ้าคะ ท่านไม่เป็ไรใช่หรือไม่เ้าคะ”เหมยเซียงยังคงไม่ค่อยวางใจ
“เหมยเซียง เ้าเห็นว่าข้าคล้ายเป็อะไรหรือไม่? หากยังไม่สบายแล้วข้าจะปล่อยให้ท่านหมอไปง่ายๆ ได้อย่างไรต้องรู้เสียก่อนว่าลูกในท้องข้ามีความสำคัญไม่ใช่ธรรมดา”นางจ้าวมองไปทางหอหั่วเยี่ยนด้วยสายตาดุดันนางอยากรู้เหลือเกินว่าที่หอหั่วเยี่ยนยามนี้เกิดเื่ใดขึ้นบ้างแต่น่าเสียดายนัก นางไม่มีเหตุผลให้ไปดูเื่สนุกในเวลานี้
หั่วอี้มีเพลิงโทสะลุกโชนรีบเดินมาตลอดทางทำให้กลับมาถึงหอหั่วเยี่ยนอย่างรวดเร็วอวี้จิ่นที่ยืนเฝ้าอยู่นอกห้องเห็นหั่วอี้มายังไม่ทันคำนับเขาก็กลับเห็นหั่วอี้ถีบประตูบุกเข้าห้องของหลิ่วจิ้งไปแล้ว
อวี้จิ่นกรีดร้องอย่างใ แล้วรีบตามเข้าไป
_____________________________
