ตอนนี้พวกเขายืนอยู่บนถนนสายหลัก ถนนสายนี้กว้างมากกว่าสี่จั้งครึ่ง ผู้คนสัญจรไปมาหนาแน่น รู้สึกถึงความรุ่งเรือง
ส่วนเบื้องหน้าของพวกเขาฝั่งตรงข้ามทางสามแยก เป็ทำเลทองของการค้าขาย สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่สูงมากกว่าสามสิบจั้งตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้น ตกแต่งภายนอกด้วยกระเบื้องสีทอง สะดุดตากว่าสิ่งก่อสร้างอื่นๆ โดยรอบอย่างเห็นได้ชัด
“สิ่งเหล่านี้เป็ของตระกูลเ้าทั้งหมดเลยหรือ” เสิ่นเสี่ยวเม่ยกล่าวถามด้วยความใ
ในอาณาเขตนี้ ตำแหน่งนี้ ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ไม่กล่าวไม่ได้เลยว่าร่ำรวยมาก
“ใช่แล้ว ที่นี่เป็ของตระกูลข้า แต่เพิ่งเปิดได้ไม่นาน ไม่ค่อยมีคน อีกแห่งหนึ่งดีกว่านี้หน่อย”
เฝิงเป่าเป่าพยักหน้า เขารู้สึกว่ามันเป็ข้อบกพร่องเล็กน้อย แม้จะไม่ได้เลวร้าย แต่ลูกค้าน้อยกว่าอีกแห่งอย่างชัดเจน
“โรงเตี๊ยมแห่งนี้ของเ้าต้องใช้เงินมากถึงห้าสิบล้านเหรียญทองเลยกระมัง”
เริ่นเสี้ยวเทียนคิดคำนวณด้วยการนับนิ้วก่อนจะกล่าว
“ห้าสิบล้านเหรียญทองอย่างนั้นหรือ จะว่าอย่างนั้นก็ได้ แต่ยังไม่รวมค่าตกแต่งนะ”
เฝิงเป่าเป่าพยักหน้า
“นำทางไปได้เลย ข้าอยากกินของอร่อยแล้ว”
เริ่นเสี้ยวเทียนกลอกตามองเฝิงเป่าเป่า อวดความมั่งคั่งได้ไม่เกรงใจเอาเสียเลย! ทั้งยังทำให้เขาตื่นตาตื่นใจมากอีกด้วย
“ได้เลย ต้องได้กินของอร่อยอย่างแน่นอน”
เฝิงเป่าเป่าเลื่อมใสในพวกเสิ่นเสวียน เห็นพวกเขาเป็ดั่งสหายอย่างจริงใจ
จากนั้นก็เร่งฝีเท้านำพวกเสิ่นเสวียนข้ามฝั่งมายังประตูโรงเตี๊ยม
หากกล่าวถึงความหรูหราแล้ว โรงเตี๊ยมแห่งนี้เรียกว่าอยู่ในอันดับต้นๆ เลยทีเดียว ถ้าพวกเขาไม่ใช่ผู้ฝึกตนคงตื่นกลัวไปแล้วจริงๆ เสียดายเสิ่นว่านซื่อไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย ไม่อย่างนั้นคงคุยกับเฝิงเป่าเป่าอย่างสนุกสนานไปแล้ว
“นายน้อยเป่า ท่านมาแล้ว”
ขณะนั้นเอง องครักษ์สองคนที่ยืนอยู่หน้าประตูเห็นเฝิงเป่าเป่ามาถึง จึงส่งเสียงทักทายเขาทันที
สำหรับพวกเขาแล้ว เฝิงเป่าเป่าออกไปหาซื้อของเพียงครึ่งปีเท่านั้นเอง
“กลับมาแล้ว ขอบใจมาก”
เฝิงเป่าเป่าดีใจมากที่ได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่คุ้นตาที่นี่ ั้แ่เกิดเื่เฉียดตายกลับมา ความรู้สึกดีใจที่เกิดขึ้นนี้ไม่อาจอธิบายเป็คำพูดได้เลย ขณะที่กล่าว เขาหยิบเอาเม็ดทองออกมาสองเม็ด แล้วส่งให้องครักษ์คนละเม็ด
เม็ดทองนี้คือหนึ่งร้อยตำลึง หากมีเงินจำนวนมากต้องพกบัตรไป แต่ก็ต้องเตรียมเศษเงินไปด้วยเช่นกัน แต่แม้จะเป็เพียงเศษเงิน ยังนับว่าเป็มูลค่ามหาศาลสำหรับองครักษ์สองคนนี้อยู่ดี
“ขอบคุณนายน้อยเป่า”
“ขอบคุณนายน้อยเป่า”
องครักษ์ทั้งสองคนมองเม็ดทองคำในมือด้วยสีหน้ามีความสุข มันมีมูลค่ามากกว่าที่พวกเขาทำงานมาตลอดทั้งปี และเนื่องจากคนตระกูลเฝิงใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย พวกเขาจึงได้รางวัลอยู่บ่อยครั้ง จึงยอมทำงานให้ตระกูลเฝิงด้วยใจภักดีมาตลอด
“ทำงานดีๆ ข้าเข้าข้างในล่ะ”
เฝิงเป่าเป่ายิ้มให้ทั้งสองคน จากนั้นก็พยักหน้าเรียกให้พวกเสิ่นเสวียนเดินตามเขาเข้าไปด้านในโรงเตี๊ยม
“นายน้อยเป่ามาแล้ว เข้ามาเลย! เข้ามา!”
เ้าของโรงเตี๊ยมเป็หนึ่งในสมาชิกคนสำคัญของตระกูลเฝิง เมื่อเห็นเฝิงเป่าเป่ามาถึงก็เข้าไปต้อนรับทันที
“ท่านลุงหวา ช่วยโอนย้ายเงินไปยังคลังของข้าสักยี่สิบล้านเหรียญทอง”
เฝิงเป่าเป่าเห็นเ้าของโรงเตี๊ยมเข้ามาต้อนรับ สิ่งแรกที่บอกเขาไปก็คือให้เขาไปเอาเงินให้
“ได้ๆ นายน้อยเป่าเชิญเข้ามาก่อน ข้าจะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้”
หลังจากได้ยินคำของเฝิงเป่าเป่า เ้าของโรงเตี๊ยมไม่ถามไถ่อะไรเลยด้วยซ้ำ เขาจัดเตรียมให้เฝิงเป่าเป่าและพวกเสิ่นเสวียนเข้าไปด้านใน จากนั้นก็ไปยังโต๊ะด้านหน้าเพื่อจัดการธุระ
เงินยี่สิบล้านเหรียญทอง ไม่ว่าเป็ที่ไหนก็ไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ เลย เื่นี้เริ่นเสี้ยวเทียนเข้าใจดี ทั้งเนื้อทั้งตัวเขามีเงินอยู่สิบสามล้านสองแสนเหรียญทอง ก่อนที่จะได้รู้จักเฝิงเป่าเป่าเขาคิดมาตลอดว่าตนเองร่ำรวยมาก
เพราะแม้ศาสตราวิเศษจะมีค่า แต่ก็ไม่มีผู้ฝึกตนคนไหนเอาศาสตราวิเศษของตนเองมาขายเพื่อแลกเปลี่ยนเป็เงิน เงินยังมีมูลค่า แต่ศาสตราวิเศษกลับประเมินค่าไม่ได้ ขายไปแล้วยากที่จะซื้อกลับมาได้อีก ดังนั้นสิ่งนี้จึงเป็การเพิ่มมูลค่าเงินทางอ้อมให้กับการค้าของทวีปหลิงโซ่ว
เงินยี่สิบล้านเหรียญทอง แค่คิดก็รู้แล้วว่ามากมายเพียงใด
“เข้ามาเลย นี่คือห้องส่วนตัวของข้า ปกติแล้วจะไม่มีใครเข้ามา รับรองได้ว่าเงียบสงบ”
เฝิงเป่าเป่าพาพวกเขามายังห้องหนึ่งในชั้นที่สอง บนประตูเขียนชื่อไว้ว่า ‘เฝิงเป่าเป่า’
ใช้ชื่อแสดงถึงตำแหน่งและฐานะของตนเอง
เสิ่นเสี่ยวเม่ยและเสิ่นเลี่ยนไม่กล่าวอะไรออกมาเลย พวกเขามองดูสิ่งก่อสร้างของที่นี่อยู่ตลอด ความมั่งคั่งของที่นี่เกินกว่าที่พวกเขาจะเข้าใจได้ในเมืองอวี่ฮว่า
ในตอนแรกเริ่ม เมืองอวี่ฮว่าเป็เมืองที่ใหญ่ที่สุดในใจของพวกเขาแล้ว รวมเข้ากับตระกูลเสิ่นที่ได้ชื่อว่าเป็ตระกูลใหญ่ในเมืองอวี่ฮว่าด้วยแล้ว เรียกได้ว่าค่อนข้างมั่งคั่งเลยทีเดียว แต่เมื่อออกจากเมืองอวี่ฮว่าเดินทางไปถึงเมืองเสียเยว่ ก็พบว่าเมืองอวี่ฮว่ามีขนาดเล็กกว่า และเมื่อมาถึงเมืองชางฉงแห่งนี้ทำให้พวกเขาต้องทำความเข้าใจใหม่ทั้งหมด
หากเอาเมืองชางฉงเทียบเป็เมืองหนึ่ง อย่างนั้นแล้วเมืองอวี่ฮว่าคงเป็ได้เพียงหมู่บ้านหนึ่งเท่านั้น และยังเป็หมู่บ้านที่เล็กมากอีกด้วย
เมื่อเปิดประตูแล้วเดินเข้าไป สิ่งที่เห็นคือทองคำและอัญมณีมากมาย อัญมณีแต่ละเม็ดมูลค่าไม่ธรรมดา ดูจากการตกแต่งของห้องนี้แล้วน่าจะมีมูลค่ามากกว่าล้านเหรียญทอง
โรงเตี๊ยมแห่งนี้สูงกว่าสามสิบจั้ง มีห้องมากมายนับไม่ถ้วน มูลค่าแท้จริงของมันจะสูงเพียงใด
“ไม่แปลกใจเลยที่เ้าบอกว่าไม่รวมค่าตกแต่ง มิอาจรวมเข้าไปได้จริงๆ”
เริ่นเสี้ยวเทียนนั่งลงบนเก้าอี้หนังแท้ตัวหนึ่งด้วยความรู้สึกปลง
เขาคิดมาตลอดว่าผู้ฝึกตนอย่างพวกเขาเป็บุคคลที่รุ่งเรืองมากที่สุดในการใช้ชีวิตบนโลกนี้แล้ว และยังร่ำรวยที่สุดอีกด้วย ทว่าตอนนี้เขาพบว่าตนเองคิดผิดไป คนธรรมดาสามารถใช้ชีวิตได้ดีเช่นเดียวกัน แม้แต่พลังยุทธ์ขั้นบรรพบุรุษอย่างเฝิงเป่าเป่ายังสามารถเอาเงินมาใช้ได้อย่างสบายๆ
“แหะๆ ห้องนี้ข้าตกแต่งด้วยความตั้งใจทำให้มีมูลค่าสูงเล็กน้อย น่าจะสักสิบล้านเหรียญทองได้! ส่วนห้องอื่นๆ ตกแต่งไปประมาณล้านกว่าเหรียญทองเท่านั้น” เฝิงเป่าเป่าหัวเราะแหะๆ เหมือนกำลังเล่าเื่ที่ไม่ได้สำคัญอะไร
“ข้าเริ่มรู้สึกว่า ราคาที่ข้าเสนอไปต่ำเกินไปหรือเปล่า”
เสิ่นเสวียนนั่งลงบนเก้าอี้ หลังจากได้เห็นความฟุ่มเฟือยของเฝิงเป่าเป่าแล้ว ก็พบว่าตนเองเสนอราคากระดานหมากต่ำเกินไปจริงๆ
“สหายเสิ่น พวกเราคุยเื่นี้กันได้อีก ข้าเพิ่มให้อีกสิบล้านเหรียญทองเป็อย่างไร”
เฝิงเป่าเป่าเห็นเสิ่นเสวียนไม่ค่อยพอใจจึงเพิ่มเงินให้อีกสิบล้านเหรียญทองในฉับพลัน
ในความเป็จริงค่าสิทธิบัตรไม่ค่อยคุ้มค่ามากนัก เนื่องจากอัตราส่วนแบ่งต่ำมากเกินไป เมื่อพิจารณาถึงต้นทุนการผลักดันออกสู่ตลาดแล้ว หาก้าให้ได้กำไรกลับคืนมาต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง แต่สิ่งที่เฝิงเป่าเป่าชำนาญคือ เขามองอนาคตได้ไกลกว่าคนอื่น
เื่เงินไม่สำคัญ ที่สำคัญคือการที่พวกเขาได้รู้จักกันและได้ร่วมงานกันอย่างดีในภายหลัง นี่ต่างหากคือประเด็นหลัก
เด็กอายุสิบกว่าปีกลุ่มหนึ่งมีพลังน่ากลัวเพียงพอที่จะทำให้ทั่วทั้งเมืองต้องหวั่นเกรง แสดงให้เห็นเลยว่าพวกเขาในอนาคตจะรุ่งเรืองเพียงใด
แม้พวกเขาตระกูลเฝิงจะร่ำรวยและมีผู้แข็งแกร่งาุโมากมายเฝ้าดูอยู่ แต่สุดท้ายแล้วก็มิอาจรับมือผู้ศักดิ์สิทธิ์ได้เลย และเมื่อรับมือผู้ศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ ก็จะกลายเป็อำนาจยิ่งใหญ่ในทวีปหลิงโซ่วไม่ได้ไปตลอดกาล
สิ่งที่เขาต้องทำก็คือ ทำให้กิจการของตระกูลเฝิงเป็อันดับหนึ่งในทวีปให้ได้
และพวกเสิ่นเสวียนต่างมีศักยภาพที่จะเป็ผู้ศักดิ์สิทธิ์ได้
“ช่างเถอะ สิบล้านเหรียญทองนั่นแหละ เก็บความลับให้ดี เ้าคือผู้คิดค้นกระดานหมากนี้ เข้าใจไหม”
เสิ่นเสวียนกล่าวกับเฝิงเป่าเป่าพลางยิ้มน้อยๆ เขาไม่ได้สนใจเื่เงินมากขนาดนั้น
“ข้า? ได้หรือ” เฝิงเป่าเป่าไม่อยากเชื่อเลย
“ได้อยู่แล้ว แต่ต่อให้โดนฆ่าตายก็ต้องกลืนความลับเอาไว้”
“เข้าใจแล้ว แม้โดนฆ่าก็ไม่ปริปาก”
เฝิงเป่าเป่ารู้สึกดีใจเป็อย่างมาก มอบชื่อเสียงมาให้เช่นนี้ หากไม่รับไว้คงเสียดายแย่
หลังจากได้ยินเฝิงเป่าเป่าตอบรับเช่นนั้นแล้ว เสิ่นเสวียนจึงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ หลังจากพวกเขานั่งลงแล้ว เฝิงเป่าเป่าที่นั่งอยู่ข้างๆ จึงส่งเสียงเรียกออกไปด้านนอกทันที
“ยกอาหารเข้ามา”
หลังจากที่เขาะโออกไป ไม่รู้เลยว่ามีคนมาเตรียมตัวอยู่ด้านนอกั้แ่เมื่อไร พวกเขาเดินเข้ามาพร้อมกับอาหารหลากหลายชนิด