“อวี้เอ๋อร์ เธอว่าไงนะ” ตอนแรกมู่หรงเวยเวยคิดจะดึงกัวไฮว่เอาไว้แต่สุดท้ายก็ดึงไม่ได้จึงได้แต่ฟังอวี้เอ๋อร์พูดพึมพำอะไรบางอย่าง
“ไม่มีอะไร ตาบ้านั่นเรียกชื่อเธออยู่บนเวทีน่ะ รนหาที่ตายจริงๆให้หมอนั่นไปจัดการเขาเถอะ” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ
“เวยเวย อวี้เอ๋อร์ พวกเธอก็อยู่ด้วยเหรอ เมื่อกี้มีคนบอกว่าพี่ไฮว่จะสู้กับเขาจริงหรือเปล่าเนี่ย พี่ไฮว่ไม่เป็อะไรใช่ไหม” ในขณะที่ทั้งสองพูดคุยกันอยู่นั่นเองถังซีกับซูเยี่ยก็วิ่งมาพร้อมกับมีเหงื่อท่วมตัว
“กัวไฮว่ ถ้าเป็ลูกผู้ชายก็ลงสัญญาเป็ตายซะ จะเป็ตายบนเวทีก็ไม่เป็ไร” สวี่หู่พูดขึ้นด้วยเสียงดัง
“ฉันไม่อยากฆ่าคนนะ” กัวไฮว่เริ่มมีจิตสังหารทว่าเขาก็พยายามระงับมันลงถึงแม้ตัวเขาเองจะไม่รู้ว่าตัวเองจะรักษาเวลาบนแดนมนุษย์ได้นานแค่ไหนเขาสะสมกุศลในตอนนี้จะเป็ผลหรือไม่ทว่าเขายังเลือกที่จะอยากสั่งสอนเขาแทนที่จะเข่นฆ่าเขา
“ไอ้ขยะ ไอ้ป๊อด” สวี่หู่พูดเสียงดัง
“ฉันรู้ว่าใครเป็คนส่งแกมา อย่ามัวชักช้าเลย พวกแกแปดคนลุยมาด้วยกันเถอะ” กัวไฮว่มองสวี่หู่พลางพูดขึ้นยิ้มๆ
“พวกแกได้ยินแล้วยัง นายน้อยสี่กัว สี่ตัวอันตรายให้พวกเราลุยด้วยกันงั้นพวกเราก็ลุยด้วยกันเถอะ จำไว้นะ ในเมื่อลงสัญญาเป็ตายไว้แล้วก็ให้นายน้อยสี่กัวได้หายใจหายคอหน่อย” สวี่หู่พูดพลางหัวเราะเสียงดัง
ครั้งนี้กัวไฮว่ไม่ได้ไปมองไปยังสวี่หู่แต่เขาเคลื่อนสายตาไปจับจ้องที่มุมลับมุมหนึ่งในแผนกต่อสู้รอยยิ้มเย็นเยียบปรากฏขึ้น ฉินอวี้หลง ฉันจะไม่ฆ่าแก แต่เงินพันร้อยล้านนั่นฉันต้องได้
จู่ๆ ฉินอวี้หลงที่อยู่ในมุมมืดก็รู้สึกได้ถึงเหงื่อท่วมร่างกายเขากดหมวกให้ต่ำลงโดยไม่รู้ตัวไม่สนว่าโรงเรียนฟู่จงจะได้ที่เท่าไหร่ขอแค่ซัดกัวไฮว่ให้ล้มได้เท่านั้นอย่างไรเขาจะเป็คนที่นำฟู่จงคว้าแชมป์ไม่ได้เด็ดขาด การพนันจะต้องเป็โมฆะ
“พี่ๆ ยังเหม่ออะไรอยู่ ลุยด้วยกัน” สวี่หู่ะโเสียงดังลั่นแล้วพุ่งตรงไปยังทางกัวไฮว่
“พลังกรงเล็บอินทรี ในเมื่อเป็ผู้บำเพ็ญเพียรทำไมต้องมาเกี่ยวข้องกับชีวิตมนุษย์ด้วยเนี่ย” กัวไฮว่ส่ายศีรษะในตอนที่มือของสวี่หู่จับกัวไฮว่เอาไว้ได้ เพียงแค่กัวไฮว่หันข้างมือทั้งสองก็ประสานเข้ากับนิ้วมือของสวี่หู่ได้ด้วยความไวราวสายฟ้าแลบ
เสียง “เปรี๊ยะ!” ดังขึ้น ในเวลาเดียวกันกับที่สามนิ้วบนมือด้านขวาของสวี่หู่ถูกหักออกความเ็ปราวฉีกใจแล่นขึ้นมาจากนิ้วมือ
“อ๊าก! มือฉัน” สวี่หู่ะโเสียงดังลั่น “ขึ้นมา ฆ่ามัน พวกแกต้องฆ่ามัน หากมีอะไรสำนักเหยี่ยวดำจะรับผิดชอบเอง”
เจ็ดคนที่เหลือไม่ทันเห็นว่ากัวไฮว่ลงมือยังไงทั้งเจ็ดคนมาจากคนละสำนัก แต่เพียงชั่วขณะเดียว ทั้งเจ็ดคนก็ล้มกองกับพื้นแต่ละคนเอามือกุมเอวหรือไม่ก็คอของตัวเองเอาไว้ ไม่อาจขยับเขยื้อนได้
“กัวไฮว่ ฉันอยากให้แกตาย” สวี่หู่เบิกตาโพล่งเขาไม่คิดเลยว่ากัวไฮว่จะเก่งขนาดนี้ ถึงตอนนี้เขาก็ทนไม่ไหวแล้วและไม่รู้ว่าในมือของเขามีปืนั้แ่เมื่อไหร่ เขาเตรียมจะยิงไปยังศีรษะของกัวไฮว่
“อ๊ะ! รีบหนีเร็ว เขามีปืน” คนคนหนึ่งในฝูงชนะโเสียงดังไม่นานทั่วทั้งแผนกต่อสู้ก็วุ่นวายโกลาหล
“พี่ไฮว่ระวัง!” เด็กสาวสองสามคนที่อยู่ไม่ไกลยังไม่ทันพูดจบปืนสั้นของสวี่หู่ก็ลั่นเสียงเสียแล้ว
“ปัง ปัง ปัง!” เสียงปืนดังติดกันสามครั้งในระยะที่ใกล้เช่นนี้ ถังซีและซุนหลิงหลิงวิ่งไปยังเวทีมวยอย่างบ้าคลั่งซูเยี่ยตะลึงอึ้งไปแล้ว ส่วนมู่หรงเวยเวยทรุดไปกองกับพื้น
“ในเมื่อแกมีจิตสังหาร งั้นแกก็ตายซะเถอะ” ลูกะุลอยออกมาจากมือกัวไฮว่ทะลุผ่านศีรษะสวี่หู่ เสียชีวิตคาที่
“พี่ไฮว่ พี่ไฮว่ พี่ไม่เป็ไรใช่ไหม” ถังซีร้องะโเสียงดังทั้งหน้าเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา
“หลิงหลิง ดูแลพวกเขาให้ดี ฉันไม่เป็ไร” กัวไฮว่พูดยิ้มๆจากนั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร
“คุณพ่อตา เกิดเื่ที่โรงเรียนครับ ตายไปหลายคนเลย เป็คนของสำนักเหยี่ยวดำหมดคุณหาวิธีจัดการหน่อยเถอะ เดี๋ยวผมพาเวยเวยออกไปก่อน” เมื่อกัวไฮว่พูดจบก็พาสาวๆ ออกไปจากแผนกต่อสู้
“สวี่หู่ตายไปแล้ว กัวไฮว่ฆ่าเขา” ฉินอวี้หลงที่อยู่ที่ไกลๆพูดพึมพำขึ้น “กัวไฮว่ฆ่าคน เขาเป็ฆาตกรเขาอาจถูกลงโทษ เขาไม่อาจเข้าร่วมการแข่งขันวิชาการได้แล้ว”
“ไอ้บ้า รู้จักคำว่าป้องกันตัวหรือเปล่าถึงแม้คนอื่นไม่ปริปากแต่ฉันก็จะไปเป็พยานให้พี่ไฮว่ได้ ว่านี่เป็การป้องกันตัว” ไม่รู้ว่าหลิวฉ่วงปรากฏตัวอยู่ข้างหลังฉินอวี้หลงั้แ่เมื่อไหร่ “ฉินอวี้หลง เื่ของเรายังไม่จบ ค่อยๆ ว่ากันนะ” พูดเสร็จ หลิวฉ่วงก็เดินออกออกจากแผนกต่อสู้ไป
“อะไรนะ ปู่บอกว่ากัวไฮว่ใช้มือรับะุเหรอ” เมื่อหลิวฉ่วงออกจากแผนกต่อสู้มาแล้วก็ต่อสายโทรหาสายทหารแล้วพูดขึ้นเบาๆ กับไมค์ “ถ้าพี่เย่าเป็าาทหารงั้นก็เกรงว่าเขาจะเป็ยอดฝีมือแดนเซียนเทียนแล้วล่ะ สู้ตัวคนเดียวต่อให้มีผมสิบคนก็สู้กับเขาไม่ไหว ถ้าเป็าจริงผมไม่มีทางต้านเขาได้เลย”
“กัวไฮว่นี่เป็คนในผู้มีพลังวิเศษหรือเปล่า” ปลายสายถามขึ้น
“ไม่ทราบครับ คุณอยากรู้ก็ไปหาเองสิ” พูดเสร็จหลิวฉ่วงก็ไม่ได้เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายพูด ตัดสายโทรศัพท์ไป
“เด็กบ้า กล้าตัดสายปู่ ไม่รู้ว่าลูกชายบ้าฉันมันสั่งสอนลูกชายยังไง” ชายชรานายทหารชั้นกลางที่อยู่ปลายสายด่าขึ้น
“ฉันฆ่าคน” กัวไฮว่มองสองสามคนที่ตกอกใอยู่แล้วพูดขึ้นยิ้มๆ “ฉันไม่ได้อยากฆ่าเขาเลย แต่เหมือนเขาจะฆ่าฉัน”
“ฆ่าก็ฆ่าไป ไม่เห็นต้องพูดอะไรมากมาย” อวี้เอ๋อร์พูดขึ้นยิ้มๆเธอมีท่าทีที่นิ่งเฉยที่สุด
“ฉันติดต่อพ่อฉันแล้ว ทุกเื่เป็ไปอย่างเรียบร้อย นายไม่ต้องกังวลนะ” ซุนหลิงหลิงพูดขึ้นเบาๆ
“ฉันโทรศัพท์หาคุณปู่แล้ว เขาจะจัดการสำนักเหยี่ยวดำเอง” โหยวโยวโยวพูดขึ้นเบาๆ
“ไม่ต้องกังวลหรอก ฉันโทรศัพท์หาพ่อเวยเวยแล้วล่ะตระกูลมู่หรงจะจัดการเื่นี้ให้เรียบร้อยเอง” กัวไฮว่พูดเบาๆ “พวกเธอจะรู้สึกว่าฉันโเี้ไหมนะ”
“เขาสมควรตาย เขาเอาปืนออกมาจะฆ่านายก่อน” ถังซีกับซูเยี่ยพูดขึ้นเสียงดัง
กัวไฮว่หัวเราะด้วยความอารมณ์ดีจะมีอะไรดีไปกว่าการที่ผู้หญิงของตนเองเข้าใจอีกล่ะ
“ฮ่าๆ ไปกัน ไปกินข้าว วุ่นวายกันครั้งนี้ทำฉันหิวจริงๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ จากนั้นก็พาสาวสวยทั้งห้าไปยังโรงอาหาร
“กัวไฮว่ เธอไม่เป็ไรใช่ไหมเมื่อกี้ครูได้ยินว่าเธอถูกนักเรียนจากต่างโรงเรียนยิงเข้า ไม่เป็ไรใช่ไหม” หลินซวงพูดทางโทรศัพท์ด้วยความกระสับกระส่าย
“ขอบคุณครูหลินที่เป็ห่วงนะครับ ผมไม่เป็ไร มากินข้าวด้วยกันที่โรงอาหารเถอะดูเหมือนว่าการได้ดูคนสวยกินข้าวจะช่วยให้ผมหายช็อคได้นะ”
“ไม่เป็อะไรก็ดี เดี๋ยวครูไป” พูดเสร็จ หลินซวงก็ตัดสายโทรศัพท์ไปเธอก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องตอบตกลงกัวไฮว่ด้วย จากนั้นก็เดินมายังโรงอาหาร
“เื่จัดการเรียบร้อยแล้ว ทางด้านสำนักเหยี่ยวดำเซียวฉันจะออกหน้าเอง” มู่หรงกูพูดยิ้มๆ “ถ้าเธอมีพลังพิเศษงั้นก็ไปที่กลุ่มผู้มีพลังพิเศษหน่อยสิ ฉันมีคนสนิทอยู่ที่นั่น”
“ขอบคุณคุณพ่อตาครับ เขตแดนเซียนเทียนนี่ไม่นับว่าเป็พลังพิเศษนะ ฮ่าๆ” กัวไฮว่ยิ้มแล้วกดตัดสายไป