ท่องเที่ยวในฤดูใบไม้ร่วง?
ใบไม้ใบหญ้าทั่วูเาเริ่มกลายเป็สีเหลือง ฟ้าใสดูสดชื่นยิ่งนัก นัดเกลอรู้ใจสักสองสามคน ไปปืนเขานอกเมือง เมื่อเหนื่อยล้าก็พักเท้าระหว่างทางขึ้นเขา นำอาหารที่เตรียมพร้อมไว้ออกมา สุขสมกับทัศนียภาพอันไร้ขอบเขตของธรรมชาติ ชื่นชมอาหารเลิศรส เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ในฤดูใบไม้ร่วง—นี่สิถึงจะเรียกว่าท่องเที่ยวในฤดูใบไม้ร่วง
แต่การแบกถ้วยถังกะละมังหม้อ ก็เรียกว่าท่องเที่ยวในฤดูใบไม้ผลิเช่นกันได้หรือ?
ไม่แบ่งแยกชายหญิง ทุกคนล้วนแบกสัมภาระหนัก 10 กิโลกรัมทั้งสิ้น แบบนี้ไม่เรียกว่าท่องเที่ยวฤดูใบไม้ผลิแล้ว ต้องเรียกว่าฝึกภาคสนาม!
นอกจากกระเป๋าเป้ 10 กิโลกรัม ทุกคนยังต้องแบกปืนไรเฟิลไทป์ 56 อีกด้วย ทุกคนล้วนคุ้นเคยกับปืนชนิดนี้ดี เนื่องจากใช้มันในการฝึกซ้อมยิงเป้าทุกวันนั่นเอง แม้ไม่มีะุ แต่เมื่อแบกเป้ทหาร แบกปืนไรเฟิล ทุกคนย่อมรู้สึกว่าตนเหมือนเป็ทหารที่แท้จริง!
ตอนเพิ่งเดินทางออกจากค่าย มีคนยิ้มแย้มเบิกบานด้วยซ้ำ โดยเฉพาะนักศึกษาชายพวกนั้น หลังผ่านการฝึกฝนอันหนักหน่วงในหลายวันที่ผ่านมา น้ำหนักของเป้ทหารกับปืนไรเฟิลไทป์ 56 รวมกันก็แค่ประมาณ 15 กิโลกรัม ไม่ถือว่าเป็สัมภาระหนักแม้แต่น้อย
เทียบกับการฝึกที่น่าเบื่อในค่ายแล้ว แน่นอนว่าการฝึกภาคสนามนอกสถานที่ประเภทนี้น่าสนุกกว่า
ต่างจากเหล่านักศึกษาหญิง พวกเธอรู้สึกว่า 15 กิโลกรัมนี้หนักมากทีเดียว แม้ทว่าตอนแรกจะสามารถก็อดทนได้ก็ตาม
ปลายเดือนกันยายน ท้องฟ้าแจ่มใสอากาศสดชื่น กลุ่มคนทรงพลังเกรียงไกรเดินตามทิศทางที่ผู้ถือธงแถวหน้าสุดก้าวไป ทีละเล็กทีละน้อย ผ่านไปสักพักหลายคนเริ่มรู้สึกไม่สบาย ในรองเท้าของพวกเขาเปียกแฉะแล้ว มันเป็การเดินที่ไม่หยุด ถุงเท้าชุ่มเหงื่อ รองร้องเท้าระบายอากาศไม่มากพอ พออับนานเข้าทั้งชื้นและร้อน รู้สึกแย่จนเหมือนตัวจะะเิให้ได้
และยังมีกระเป๋าเป้ด้านหลังอีก ทำไมถึงมันหนักขนาดนี้นะ?
จังหวะหอบหายใจของเซี่ยเสี่ยวหลานก็ยุ่งเหยิงเช่นกัน แม้เธอจะดูบอบบางอ่อนแรง ทว่าอันที่จริงเธอให้ความสำคัญต่อการออกกำลังกายมาก สมรรถภาพทางกายถือว่าดีกว่าในหมู่หญิงสาวในวัยใกล้เคียงกัน แม้แต่เธอยังรู้สึกเหนื่อย คาดเดาได้ไม่ยากว่าคนอื่นจะเป็อย่างไร
ลฺหวี่เยี่ยนผู้มีรูปร่างเล็กใกล้จะทรุดเพราะรับน้ำหนักเป้ทหารใบโตไม่ไหว
เซี่ยเสี่ยวหลานเห็นเธอเดินตุปัดตุเป๋แล้วจึงเอ่ยขึ้นมา “เอาปืนมาให้ฉัน!”
ตัวเธอเองไม่อาจรับกระเป๋าเป้ของลฺหวี่เยี่ยนมาได้ ถ้าเพิ่มอีก 15 กิโลกรัม เซี่ยเสี่ยวหลานคงต้องนอนคว่ำอยู่ที่เดิมเป็แน่ แบกปืนเพิ่มอีกหนึ่งกระบอกยังพอกัดฟันทนได้
ลฺหวี่เยี่ยนพูดไปหอบหายใจหนักไป “ฉัน ฉันยัง... ยังทนไหว”
ทนไหวอะไรกันเล่า
โจวลี่ิ่เคยชินกับอากาศร้อนแห้งเช่นนี้มากที่สุด เดิมทีหยางเฉิงก็ร้อนมากอยู่แล้ว แม้เธอจะอ่อนแรงเหมือนกัน ทว่าสภาพดีกว่าลฺหวี่เยี่ยนยิ่งนัก
“ทุกคนช่วยเธอแบ่งสัมภาระคนละนิดคนละหน่อย หนึ่งคนแบกเพิ่มสักสองชั่ง เธอแบกเป้เปล่าหลอกไว้ ครูฝึกไม่รู้หรอก!”
ลฺหวี่เยี่ยนไม่เพียงแต่รูปร่างเล็ก อายุของเธอยังน้อยที่สุดในห้องพักด้วย ปีนี้อายุเพิ่งครบ 17 หากใช้มาตรฐานในอนาคต ห้อง 307 มีแค่ลฺหวี่เยี่ยนที่ยังคงเป็ผู้เยาว์ ทุกคนจึงเอาใจใส่ดูแลเธอมากกว่าคนอื่นโดยไม่รู้ตัว
สิ่งที่เกิดขึ้นในฝั่งนักศึกษาหญิงนี้ ถูกสังเกตเห็นโดยนักศึกษาชายในชั้นเรียนเดียวกัน
ตอนเพิ่งเปิดภาคเรียน พวกเขาเขินอายเกินกว่าจะพูดคุยกับเพื่อนร่วมชั้นหญิง หลังผ่านการฝึกทหารใน่นี้ ทุกคนคุ้นเคยซึ่งกันและกันแล้ว
สาขาสถาปัตยกรรมห้อง 2 มีนักศึกษาหญิงทั้งหมดเพียง 5 คน ในห้องมีนักศึกษาชายหลายสิบคน กระทั่งสัมภาระเล็กน้อยจะแบ่งเบาไม่ไหวเชียวหรือ? ไม่ต้องถึงมือเซี่ยเสี่ยวหลานช่วยลฺหวี่เยี่ยนแบ่งสัมภาระด้วยซ้ำ แม้แต่เป้ทหารของเธอก็กลับถูกเพื่อนนักศึกษาชายถือไปด้วย เอิกเกริกชัดเจนขนาดนี้ แน่นอนว่าครูฝึกเห็นแล้ว แต่ครูฝึกไม่สนใจเลย!
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกได้รางๆ สีหน้าของครูฝึกเจือไปด้วยความพึงพอใจเสียด้วยซ้ำ
วัตถุประสงค์ของการฝึกภาคสนามคืออะไร?
นอกจากทดสอบจิตใจและสมรรถภาพทางกายแล้ว อาจรวมถึงคุณสมบัติเนื้อในด้วย
ก่อนออกเดินทางเน้นย้ำกับทุกคนว่าแบกสัมภาระของตนให้ดี เมื่อมีคนรับไม่ไหวจริงๆ เหล่า ‘สหายร่วมสนามรบ’ หยิบยื่นความช่วยเหลือให้ ไม่ใช่สิ่งที่สมควรหรือ? การเริ่มต้นของสาขาสถาปัตยกรรม ส่งผลต่อทั้งกอง แทบไม่มีนักศึกษาหญิงแบกกระเป๋าด้วยตัวเองแล้ว แม้มีสาขาวิชาส่วนน้อยที่จำนวนนักศึกษาหญิงมากกว่าชาย ไม่ใช่เพื่อนร่วมชั้นหรือสาขาแล้วจะเสียหายอะไร ทุกคนล้วนเป็ส่วนหนึ่งของชาว ‘หัวชิง’ กลุ่มใหญ่นี้ทั้งนั้น ก็แค่ช่วยเพื่อนนักศึกษาหญิงแบกกระเป๋ามิใช่รึ... ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน!
เหล่านักศึกษาหญิงไม่สามารถรู้สึกสบายใจที่จะโยนภาระหนักทั้งหมดให้นักศึกษาชายได้เช่นกัน
ดังนั้นการถือปืนของตนเองจึง เป็เงื่อนไขพื้นฐานที่สุด
ไม่รู้ว่าใครเริ่มนำร้องเพลงทหาร ต่อมาก็กลายเป็คณะร้องประสานเสียง แผดเสียงที่แหบแห้ง คำรามทั้งที่หอบหายใจเหนื่อย แม้นชัดเจนว่าเป็วิธีที่เปลืองเรี่ยวแรงกว่าเดิม ทว่ากลับซึมซับแรงจูงใจที่จะยืนหยัดต่อไปจากการร้องประสานเสียงได้ เซี่ยเสี่ยวหลานกำลังร้องเพลงเช่นกัน ร้องจนควันลอยออกมาจากในลำคอ ฝีเท้าหนักอึ้ง ทว่าจิติญญามุ่งมั่นจะยอมรับความพ่ายแพ้ไม่ได้!
โจวเฉิงหันกลับมามองอยู่บ่อยครั้ง เขามักกังวลว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะทนไม่ไหว
การพักระยะสั้นคือสิ่งจำเป็ แต่เขาไม่อาจออกคำสั่งให้พักระยะยาวเพื่อเซี่ยเสี่ยวหลานได้ จะพักรอบหนึ่งนานเท่าไร จุดหมายปลายทางอยู่ตรงไหน ผ่านการหารือร่วมกันของคณะครูฝึกวิชาทหารเรียบร้อยแล้วนั่นเอง
ในที่สุด เสียงนกหวีดยาวก็ดังขึ้นแล้ว!
“เตรียมตั้งค่าย กินข้าวเสร็จค่อยไปต่อ!”
นึกว่าจะยืนหยัดไม่ไหวด้วยซ้ำ ปรากฏว่าเดินมาจนถึงสถานที่ตั้งค่ายจนได้
ครูฝึกแจ้งว่า่เช้าพวกเขาเดินเป็ระยะทาง 20 กิโลเมตร และเป็ทางเขาทั้งหมด บนใบหน้านักศึกษาทุกคนเผยความภาคภูมิใจเต็มเปี่ยม แม้จะเหนื่อยล้าหมดแรงแล้ว แต่ก็ภูมิใจล้นเหลือ เหล่านักศึกษาชายเหนื่อยจนไม่อยากขยับเขยื้อน กระเป๋าเป้ที่นักศึกษาหญิงรับคืนไป พวกเขาต้องผลัดกันแบกให้กระเสือกกระสนมาถึงจุดตั้งค่ายได้
เช่นนั้นจะทำอย่างไร?
จุดตั้งค่ายคือริมน้ำ ตักน้ำได้สะดวก สำหรับการก่อเตา เซี่ยเสี่ยวหลานเองก็ไม่อยากแตะเหมือนกัน ทว่าสุดท้ายก็ขยับเท้าที่หนักราวถ่วงด้วยตะกั่วอยู่ดี
“เพื่อนๆ ฉันมีข้อเสนอ ให้พวกผู้ชายพักผ่อนสักครู่ พวกเราผู้หญิงรับผิดชอบทำอาหารดีไหม?”
นักศึกษาหญิงก็เหนื่อยล้าไม่แพ้กัน
แต่ทุกคนเป็กลุ่มก้อนเดียวกัน ต่างคนต่างต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา
ข้อเสนอของเซี่ยเสี่ยวหลานได้รับความเห็นชอบจากทุกคน
แม้เหล่านักเรียนชายกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง แต่ในเมื่อด้านนักศึกษาหญิงกระตือรือร้นเสนอตัว พวกเขาก็จะพยายามให้ความร่วมมือเต็มที่เช่นกัน หยิบก้อนหินมาก่อเตา ไปยังพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อเก็บฟืนไม้ โจวเฉิงเห็นว่าภรรยาตนยังคงกระฉับกระเฉง เขาก็ภาคภูมิใจในตัวเธอเหมือนกัน จากนั้นก็ดึงครูฝึกคนหนึ่งมากำชับ
“ไม่อนุญาตให้พวกเขาแตะต้องของในูเานะ เห็ดชนิดไหนมีพิษบ้าง คนส่วนใหญ่แยกไม่ออกหรอก”
่เดือนกันยายน ในป่าบนเขาของมณฑลจี้เป่ยยังคงสามารถหาเห็ดป่าได้ โจวเฉิงจึงไม่กล้าปล่อยให้เหล่านักศึกษาไปกินของแบบนี้ ในกลุ่มเห็ดไร้พิษจำนวนมาก อย่างไรก็ต้องมีเห็ดพิษปะปนอยู่หลายดอก ใครกินเข้าไปจะแย่อย่างแน่นอน
หยางหย่งหงเสียดายยิ่งนัก
เธอมีแผนนี้จริงๆ และ้ายุสมาชิกห้อง 307 ให้ไปกับเธอเสียด้วย ใกล้ข่งเจียจวงมีผลผลิตเห็ดอะไรบ้าง หยางหย่งหงจะไม่รู้หรือ? ในกลุ่มนักศึกษาใหม่ก็ไม่ได้มีเธอคนเดียวที่มาจากมณฑลจี้เป่ยเสียหน่อย ทว่าเมื่อครูฝึกออกคำสั่ง นักเรียนคนอื่นที่เตรียมพร้อมสร้างความวุ่นวายก็หยุดความคิดกันหมด
สยฺงไป่เหยียนกับเพื่อนชายอีกจำนวนหนึ่งเคยท้าทายโจวเฉิงซึ่งหน้า แม้โจวเฉิงจะชนะเขา ทว่าความแตกต่างกลับไม่ได้ชัดเจนเท่าไร การแข่งขันทักษะยิงปืนกับจี้เจียงหยวนยิ่งได้ผลเสมอกันด้วยซ้ำ
ทำหน้าเ็าบึ้งตึงทั้งวัน ราวกับใครติดหนี้เขาแล้วไม่คืน!
“เหล่าจี้ พวกเราไปเดินเล่นกันดีไหม? นายดูสิ วันนี้หนักหนาสาหัสจะตายไป ถ้าเราเจอสัตว์ป่า จะได้เพิ่มอาหารให้ทุกคนได้ด้วยนะ”
จี้เจียงหยวนเกิดความสนใจขึ้นมา
เขาเองก็ใจกล้ามาจากในกระดูก มิเช่นนั้นจะกล้าเล่นปืนได้อย่างไร
“สัตว์ป่า นายหมายถึงหมูป่า? จะมีอันตรายหรือเปล่า พวกเราเอาปืนไรเฟิลมานะ แต่ข้างในไม่มีะุเสียหน่อย”
ตอนฝึกฝนยิงเป้าเข้มงวดมาก จ่ายะุฝึกจำนวนเท่าไร สุดท้ายครูฝึกจะนับหัวะุ เนื่องจากกลัวว่าจะมีคนซุกซ่อนะุไว้จนเกิดอุบัติเหตุ สยฺงไป่เหยียนหัวเราะชอบใจ “เสียงดังจากคนเยอะแยะขนาดนี้ ขนาดไก่ป่ายังใหลบในรังรอให้พวกเราไปจับ นายคิดว่าจะเจอหมูป่าอีกหรือ เป็ไปไม่ได้!”
นักศึกษาชายใช้ข้ออ้างเก็บฟืนออกจากจุดตั้งค่าย
ผ่านไปครู่ใหญ่ก็ยังไม่กลับมา ครูฝึกที่รับผิดชอบพวกเขาจึงรู้สึกร้อนใจขึ้นมา
“ไปเถอะ พวกเราลองไปลองตามหาดู”
โจวเฉิงตบบ่าครูฝึก ส่งสัญญาณว่าอย่าทำให้คนหมู่มากใ เพื่อเลี่ยงการเกิดความตื่นตระหนกวุ่นวายของนักศึกษา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้