ในศาลา
“พี่ชิงหยู!”
่เี่ิปรี่เข้าหาอ้อมอกเ่ิู ซุกหน้ากับอกเขาคราหนึ่งก็กระโจนออกมา ทั้งะโโลดเต้นและกู่ร้อง เห็นได้ชัดว่ายินดีถึงเพียงไหน ครู่หนึ่งนั่นแลถึงค่อยสงบลงได้
ท่ามกลางความสนใจจากสายตามากมาย นางกลับไม่ปกปิดความสนิทชิดใกล้ที่มีต่อเ่ิูเลยแม้แต่น้อย แสดงออกมาอย่างจริงใจเป็ที่สุด
“พี่ชิงหยู ท่านมาหาข้าจริงๆ หรือ?”
ดวงตากลมโตดำขลับยามหรี่ลงราวกับดวงดาวพร่างพราว เปี่ยมด้วยความคาดหวัง ยามแย้มยิ้มก็ยิ้มจนเห็นเขี้ยวขาววาววับราวกับเพชร
เ่ิูพยักหน้ารับ
เขาให้สัญญาณให้นางนั่งลง จากนั้นจึงหยิบของขวัญที่นำมาฝากเด็กน้อยจากในย่าม นอกจากอาภรณ์พอดีกายสองชุดแล้วก็ยังมีของกินเล่นเลิศรสมากมาย ตุ๊กตาดินเผาและเครื่องประดับของเด็กผู้หญิง ไม่ใช่ของเล่นสมัยก่อนแต่อย่างใด แต่เป็ของที่เ่ิูเลือกมาด้วยตัวเองทั้งนั้น
“ว้าว สวยจัง ข้าชอบ...ข้าชอบสุดๆ เลย!” เด็กหญิงน้อยลิงโลดขึ้นมาอีกครั้ง ตาโตแพรวพราวดั่งดาวดวงเล็ก “ขอบคุณค่ะพี่ชิงหยู”
เ่ิูเพียงคลี่ยิ้มเท่านั้น ไม่ได้โต้ตอบอะไร
ไกลออกไป
“อะ าามารเย่ยิ้มด้วยล่ะ ยิ้มอ่อนโยนมากเลย!” มีศิษย์สาวคนหนึ่งร้องออกมาเบาๆ
“ทำไมก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นกัน าามารเย่ยิ้มแล้วดูดีเหลือเกิน!”
“ข้าไม่เคยคิดเลยจริงๆ ว่าาามารเย่จะชอบเด็กไม่รู้จักโตคนนี้...เฮ้อ ดูท่าแล้วข้าคงไม่มีโอกาสแล้วล่ะ!”
เด็กนักเรียนหญิงมากมายกระซิบกระซาบกับเพื่อนสนิทตนเอง ยั่วเย้าหยอกเล่นกันไป
เ่ิูเป็ดาวคนสำคัญของปีหนึ่ง คนนับไม่ถ้วนให้ความสนใจมากนัก โดยเฉพาะเมื่อประมือกับฉินอู๋ซวงเสร็จครานั้น ก็ได้รับความเคารพยกย่องอย่างเงียบๆ จากศิษย์มากมาย เช่นในโลกที่ยกวรยุทธ์เป็เอกนี้แล้ว พลังแข็งแกร่งถึงจะเป็เหตุผลที่หนักแน่น
ศิษย์สตรีสิบคนที่รวมกลุ่มอยู่กับนารีชุดขาวและชุดแดงก็แอบซุบซิบเช่นกัน
ฉับพลัน ดวงหน้าหญิงชุดแดงก็ปรากฏยิ้มประหลาด ราวกับคิดสิ่งใดขึ้นได้ นางจึงเดินรี่ไปยังศาลาหลังนั้น
“ศิษย์พี่เจี๋ยง?” ศิษย์อาภรณ์ขาวนิ่งไป แต่ก็เดินตามหลังมาจนได้
นารีชุดแดงมาจนถึงข้างศาลา นางปรายมองเ่ิูแล้วเผยยิ้ม “ศิษย์น้องเย่ ได้ยินมาว่า่นี้เ้าโด่งดังหลายเื่นี่ เฮอะๆ เ้าก็ยังเหมือนเมื่อก่อนเลยนะ ชอบดั้นด้นจะโด่งดังขนาดนั้น หลายปีมานี้ก็ยังไม่เปลี่ยนเลยสักนิดนะ”
เ่ิูยิ้ม ไม่เอื้อนเอ่ยสิ่งใด
ความจริงแล้วนับแต่เี๋เี่าปรากฏกายขึ้นมาเขาก็เห็นนางแล้ว ถึงแม้จะไม่หลงเหลือความรู้สึกดีๆ ใดแก่เพื่อนเล่นข้างบ้านสมัยเยาว์วัย ผู้ประจบเอาใจผู้สูงศักดิ์แต่โอหังกับคนต่ำกว่า ทว่าก็ไม่อาจไม่ยอมรับ ว่าเด็กสาวจากเขตยากจนข้นแค้นนี้มีดวงหน้างดงามชวนให้คนตะลึง รวมกับอาภรณ์เครื่องแบบสีแดงดั่งเปลวเพลิงโหมไหม้นี้แล้ว ยิ่งเป็ตัวดึงดูดสายตามวลชนได้ดียิ่ง แค่ปรากฏตัวก็กลายเป็จุดศูนย์กลางความสนใจคนนับไม่ถ้วนได้ไม่ยากเย็นเลย
“เหมือนว่าศิษย์น้องเย่จะชอบศิษย์น้องคนนี้มากเลยนะ” เี๋เี่าปรายมอง่เี่ิ ในแววตานั้นมีความยั่วเย้าอยู่ด้วย
เด็กหนุ่มมิปริปากเช่นเดิม
“ก็จริง เด็กนี่น่ะ บริสุทธิ์ผุดผ่อง แล้วก็หลอกง่ายดีด้วย ครู่เดียวก็บูชาคนๆ หนึ่งได้แล้วปะไร” เี๋เี่าพูดพลางยิ้มเชือดเฉือน
เ่ิูยังไม่พูดไม่จาดังเก่า
เขาทำเพียงเก็บสายตากลับมาแล้วคลี่ยิ้มเบาบาง ไม่หันไปมองเี๋เี่าอีกเลย
ท่าทางแบบนั้นทำให้เี๋เี่าโมโหอย่างหาสาเหตุไม่ได้ อีกนิดเดียวก็จะไม่อาจควบคุมอารมณ์ตัวเอง จนเกือบะเิออกมาแล้ว
นางสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วแจกยิ้มอีกรอบ “เ้าไม่ห่วงหรือ ว่าอาจมีสักวันที่ศิษย์น้องเติบใหญ่ เมื่อนางได้เห็นภูผาที่สูงยิ่งกว่า มองทิวทัศน์อันสดสวย พบเจอคนที่ดีกว่า แล้วก็จะไม่หลงรักบูชาคนเช่นเ้าอีก?”
“ไม่ใช่ทุกคนที่จะเปลี่ยนใจง่าย และไม่ใช่ทุกคนที่จะไม่ยอมรับให้คนอื่นเหนือกว่าตัวเองได้ แม้ว่าจะเป็เพื่อนของตัวเองก็ตาม หากเสี่ยวจวินสามารถพบทิวทัศน์งดงามกว่า พบพานคนที่ดียิ่งกว่า ข้าก็ย่อมยินดีกับนาง” เ่ิูคลี่ยิ้มแล้วเอ่ยเสียงเบา “แล้วก็ ศิษย์พี่เจี๋ยง วันนี้ท่านพูดมากไปหรือเปล่า?”
“พี่ชิงหยูเป็คนที่ดีที่สุดในโลก...และจะเป็ตลอดไป” เด็กน้อยปากเคลือบน้ำมันถือไม้เสียบเป็ดย่างไว้ในมือ นางเอ่ยเสียงดังและหนักแน่นยิ่งนัก จริงจังเสมือนว่ากำลังเอ่ยสัจธรรมของโลก
ศิษย์อาภรณ์ขาวซ่งชิงหลัวขมวดคิ้วน้อยๆ แล้วส่งสายตาไปให้นาง
เด็กหญิงหุบยิ้ม ยอมก้มหน้าอย่างไม่เต็มใจ ไม่เอื้อนเอ่ยอะไรอีกเลย
“คารวะศิษย์พี่เย่” ซ่งชิงหลัวออกหน้ามาก้มหัวคำนับ “ขอบพระคุณศิษย์พี่เย่ที่ไม่ท้าประลองในวันนั้น” วันนั้นที่เ่ิูะเิด้านบ้าคลั่งออกมาสะพัด ท้าประลองสิบสังเวียน เพียงนางผู้เดียวเท่านั้นที่ไม่ถูกท้าจึงยังรักษาสถานะเอาไว้ได้ นางจึงกลายเป็ที่เกรงขามเพิ่มขึ้นในหมู่ปีหนึ่ง ท้ายสุดก็นับว่าเป็เื่ดียิ่ง ควรจะขอบคุณเป็ล้นพ้น
เ่ิูพยักหน้า
“แต่ว่า ตระกูลซ่งกับท่าน ศิษย์พี่เย่ มีแนวทางและจุดมุ่งหมายที่ต่างกันนัก แม้เสี่ยวจวินจะอายุยังน้อย แต่ทุกการกระทำของนางในสำนักกวางขาวนี้ ก็เป็ตัวแทนของเครือการค้าชิงหลัวทั้งสิ้น” ซ่งชิงหลัวกับดวงหน้าดั่งเซียนนั้นส่อแววลังเลเป็ริ้วๆ สุดท้ายก็ยืนหยัดเอ่ยต่อว่า “เพื่อป้องกันมิให้ผู้ใดเข้าใจผิดไป ดังนั้น ศิษย์พี่เย่ หากท่าน้าทำเพื่อ่เี่ิจริงๆ เช่นนั้นก็โปรดอย่าพบเจอกับเสี่ยวจวินอีกเลยด้วยเถอะ!”
พอคำนี้หลุดออกมา สีหน้าหลายคนก็เปลี่ยนทันที
“ท่านพี่...” ่เี่ิร้อนใจทันใด
“เ้าถอยไปทางนู้น อย่าพูดอะไรเด็ดขาด” ซ่งชิงหลัวสั่งน้ำเสียงแข็งกร้าว
“แต่ว่า...” หน้าทรงไข่นั้นแดงก่ำด้วย้าจะแก้ต่างในทันที
“หรือเ้าไม่คิดถึงแม่เ้าแล้ว?” ซ่งชิงหลัวเอ่ยถึงตรงนี้ น้ำเสียงก็เข้มงวดขึ้นมา
่เี่ินึ่งอึ้งไป
แววตาแจ่มจรัสของนวลนางบัดนี้พลันหม่นแสง จำใจก้มหน้าลงไปแล้วเงียบมิปริปาก
และเี๋เี่าที่ยืนอยู่อีกด้านกลับหัวเราะออกมา
“เฮอะๆ ช่างน่าสนใจจริงๆ ยังมีคนฉลาดที่พิจารณาเื่ราวจนมองได้ปรุโปร่ง ศิษย์น้องเย่ เหมือนลูกไม้ของเ้าจะหลอกได้แต่เด็กน้อย แต่หลอกคนทั้งหมดไม่ได้หรอกนะ” นางปิดเปลือกตาข้างหนึ่ง แววตาทั้งถากถางและยั่วยุ
ทว่าภาพที่คาดว่าจะเห็นเ่ิูโมโหนั้นกลับไม่ได้เกิดขึ้นดังใจ
เ่ิูก้มหน้าครุ่นคิดพักหนึ่ง
หลังจากนั้นใบหน้าหล่อเหลาก็เผยยิ้ม
“อืม นี่มันความเลินเล่อของข้าเอง” เด็กหนุ่มพยักหน้าอารามจริงจัง เขามองไปทางซ่งชิงหลัวแล้วว่าต่อ “ขอบใจที่เตือนสติข้านะ”
การตอบสนองเช่นนี้ทำซ่งชิงหลัวตะลึงจนแข็งค้างไป
ในใจนางทรมานจากความละอายใจ เ่ิูเคยเอาใจใส่นางมาก่อน ดังนั้นหากเขาจะลุแก่โทสะหรือโกรธจนกระฟัดกระเฟียดจากไป ซ่งชิงหลัวก็จะทำใจยอมรับไว้ แต่เื่ตรงหน้านี้มิใช่สิ่งที่นางคาดหมายไว้เลย
ทว่าไม่ว่าอย่างไร นางก็ต้องทำเช่นนี้
ตระกูลซ่งเป็เครือการค้าที่ใหญ่ที่สุดในนครลู่ินั่นก็ถูก หัวหน้าตระกูลซ่งเองก็ได้รับการแต่งตั้งตำแหน่งอันทรงเกียรติจากราชสำนักเสวี่ย ทว่าก็ยังมิใช่ชนชั้นสูงที่แท้จริง สำหรับแคว้นที่เคร่งในเื่ชนชั้นยิ่งกว่าอะไรดีนี้ อำนาจคือศูนย์กลางทุกสิ่งทุกอย่าง ทรัพย์สินมากมายล้นฟ้าเท่าใดก็ล้วนถูก่ชิงเอาไปได้ทั้งนั้น
เ่ิูทำผิดต่อกลุ่มอำนาจของชนชั้นสูง เป็หนามตำตาของบุคคลตัวเป้งมากมาย เป็บุคคลอันตราย หาก่เี่ิเป็เพื่อนกับเขาต่อไป อาจนำพาความเหนื่อยยากมาสู่วงศ์ตระกูล และนี่ไม่ใช่เื่ที่ตระกูลซ่งจะรับไว้ได้
ดังนั้นใจนางถึงชัดเจนนัก ว่าต่อหน้าสถานการณ์ล่อแหลมเช่นนี้ ระหว่างเ่ิูตัวคนเดียวกับกลุ่มชนชั้นสูง นางจะเลือกข้างไหน
ไม่ว่าจะมองในแง่ใด การเลือกเช่นนี้ก็เป็ความอับอายอย่างหนึ่งต่อเ่ิู
ทว่าไม่นึกเลยว่าบุรุษคนนี้จะตอบกลับมาเช่นนี้จริงๆ
หลัง่เวลาแห่งความตะลึง ด้วยความชาญฉลาดของนางก็จับความได้ว่า เ่ิูตอบมาเช่นนี้มิใช่ในฐานะของผู้ปกปักน้องนาง มีเพียงสหายที่แท้จริงเท่านั้นจึงจักครวญคิดได้ลึกและรอบคอบขนาดนี้
ทว่าาามารเย่ผู้นี้...ผู้เดียวกับที่ทำลายสังเวียนด้วยตัวคนเดียวกับหอกสองด้าม โค่นล้มยอดฝีมือนชั้นสูงของปีหนึ่งจนเกลี้ยง กลับยอมรับเงื่อนไขที่น่าอับอายนี้อย่างเต็มใจเพื่อ่เี่ิ
ใจนางคันยิบๆ ด้วยอารมณ์อิจฉาริษยา
นางไม่รู้ว่าาามารเย่มองเห็นส่วนดีตรงไหนของ่เี่ิ
นางสวยสดกว่าเด็กกะโปโลคนนี้นัก ด้านอื่นก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่า พื้นเพครอบครัว ความสามารถในการจัดการสถานการณ์ การควบคุมอารมณ์ ทักษะ พลัง...ไม่ว่าจะคุณสมบัติของสตรีส่วนใด นางก็คิดว่าตนดีกว่า่เี่ิไม่รู้กี่ขุม
แต่าามารเย่กลับไม่คิดโปรดปรานนางเลยสักนิด
อีกด้านหนึ่ง
เี๋เี่าก็จับกุญแจสำคัญของเื่ได้แล้วเช่นกัน ความอิจฉาพลันโอบรัดใจนางไว้แ่า
ความห่วงใยและทะนุถนอมนั้น เคยเป็ของนาง ทว่านางเองที่เป็ฝ่ายทิ้งมันอย่างไม่ไยดี และก็คิดมาตลอดว่าจะไม่มีวันเสียใจภายหลัง แต่ยามนี้ที่เด็กหญิงตัวกะเปี๊ยกแบนเหมือนไม้กระดานได้มันไป ไม่รู้เพราะอะไร นางถึงได้ริษยานัก
แล้วยังโกรธขึ้งอีกด้วย
“ซาบซึ้งใจเหลือเกิน” เี๋เี่ายิ้มเย็นพลางปรบมือพลาง “เ่ิู เ้านี่ช่างคิดจริง แต่ใช้กลอุบายอย่างนี้กับเด็กที่ยังไม่รู้ประสีประสา จะไม่หมกหมุ่นเกินไปหน่อยหรือ?”
ยังไม่มีใครอื่นเอ่ยอะไร เด็กหญิงน้อยก็อดไม่ไหว อ้าปากเถียงเสียงดังจนได้ “เหลวไหล! เหลวไหล! เ้ามันคนเลว พี่ชิงหยูเป็พี่ชายที่ดีที่สุดโลกนี้ เ้าอิจฉาก็เลยพูดแบบนี้ เ้าผู้หญิงเลว!”
“หุบปาก” ซ่งชิงหลัวข่มขู่ขึ้นมาในพลัน “รีบกลับหอพักเ้าเดี๋ยวนี้”
เี๋เี่าเป็ศิษย์ปีสี่ ตำแหน่งไม่ต่ำต้อย พลังหรือวรยุทธ์ล้วนแล้วแต่แข็งแกร่ง มีแรงกระทบอย่างมาก เป็คู่สำคัญที่ซ่งชิงหลัวสมาคมและพึ่งพิงได้ในยามนี้
นวลนางก้มหน้าลง น้ำตาใสพร่ารอบดวงตา
นางยังคงกลัวซ่งชิงหลัว ลูกพี่ลูกน้องคนนี้
เ่ิูขมวดคิ้ว ไม่เอื้อนเอ่ยอะไรและตบหน้าผากเด็กน้อยเบาๆ ก่อนขยิบตา เด็กหญิงเงยหน้ามองเห็นก็เปลี่ยนจากน้ำตาเป็รอยยิ้ม