ยกตัวอย่างเช่น ห้องส้วมนั่งยองของสกุลหู
ครั้นหลิงเสี่ยนได้เห็นครั้งแรก รู้สึกแปลกใจอย่างยิ่ง หลังใช้เสร็จก็ค่อนข้างชื่นชมอย่างมาก เอาแต่ชื่นชมคนที่คิดค้นส้วมนั่งยองออกมา
และอีกอย่าง ท่อน้ำไม้ไผ่ของสกุลหู
สิ่งนี้ก็ทำให้หลิงเสี่ยนอุทานเช่นกัน การเชื่อมต่อกันที่ดูแล้วเหมือนไม่ซับซ้อน แต่ความเป็จริงแล้วทำให้สำเร็จได้ไม่ง่ายเลย ไม่เพียงต้องคุมฝีมือเท่านั้น และที่ทำให้เขาอุทานมากที่สุดคือผู้ที่เสนอความคิดนี้ ทำไมถึงได้เฉลียวฉลาดเช่นนี้
สกุลหูมีจุดที่ทำให้เขาประหลาดใจไม่น้อย ของใช้ในชีวิตประจำวันอย่างอ่างล้างหน้าบ้วนปาก อ่างล้างผัก ท่อลำเลียงน้ำที่ได้ใช้จริงเหล่านี้ ไม่เพียงแต่ใช้สะดวกสบายแต่ยังระบายน้ำออกง่ายด้วย
แล้วยังมีโรงเรียนวั้งหลิน หลิ่วฉางผิงบอกเขาว่านั่นเป็โรงเรียนไม่เสียค่าใช้จ่ายที่สกุลหูออกทุนตั้งขึ้น หลิงเสี่ยนเต็มไปด้วยความรู้สึกทึ่งทั้งหัวใจ สกุลหูแสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเป็แค่คนครอบครัวชาวนาที่ค่อนข้างร่ำรวยครอบครัวหนึ่ง พอที่จะนับได้ว่าเป็ครอบครัวร่ำรวยคหบดีในชนบทได้เลย แต่เมื่อได้ััแล้วกลับพบว่าสกุลหูเป็แค่ครอบครัวแห่งความดีที่มีจิตใจเมตตาดั่งพระโพธิสัตว์
โรงเรียนเป็สกุลหูออกเงินสร้างขึ้นด้วยตนเอง ให้เด็กในหมู่บ้านมาเข้าเรียนโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ท่านอาจารย์กับครูฝึกการต่อสู้ก็ถูกสกุลหูเชิญมาด้วยเงินเดือนสูงขณะที่พวกเขาตกอับ แล้วยังมีพวกเขาหลิงเสี่ยนสามคน ตอนที่ตกอยู่ในสภาพอับจนหนทาง สกุลหูก็ออกทุนให้สินบนผู้คุม ถึงโชคดีออกมาจากหนองน้ำแห่งความลำบากแล้วเริ่มใช้ชีวิตใหม่แบบคนปกติได้
หลิงเสี่ยนเลื่อมใสการใช้ชีวิตของสกุลหูเป็อย่างมาก ครอบครัวพวกเขาทำการกุศลมากมายเช่นนี้ แต่ทุกคนไม่ได้มีท่าทีรับรู้หรือสนใจกับการบริจาคเลย
การอยู่ร่วมกันกับพวกเขาก็เป็กันเองและสงบสุข ไม่มีการวางมาดแล้วก็ทำท่าทางเสแสร้ง
แน่นอนว่าสกุลหูยังมีสิ่งที่พิเศษมากยิ่งไปกว่านั้น เช่นแมวดำที่เฉลียวฉลาดตัวหนึ่งกับสุนัขสีเหลืองที่แสนปราดเปรื่อง
หลิงเสี่ยนไม่เคยเห็นแมวและสุนัขที่เข้าใจนิสัยของมนุษย์ได้มากไปกว่าพวกมันแล้ว
แมวดำะโขึ้นลงว่องไว ไม่มีที่ไหนที่มันไปถึงไม่ได้
วันนั้น เขากำลังทำท่าทางระบุตำแหน่งที่จะปลูกต้นหงเฟิง แมวดำก็พุ่งออกไปจากข้างกายพวกเขาอย่างรวดเร็วและรุนแรง ะโพรวดขึ้นต้นไม้ต้นหนึ่งอายุร้อยปี ะโไปสามทีห้าทีมันก็ยืนอยู่บนยอดไม้สูงแล้วมองลงไปที่ไกลๆ อยู่พักหนึ่ง หลังจากนั้นก็ะโลงมาตามอำเภอใจ
หลิงเสี่ยนตื่นใจนบนกายล้วนมีเหงื่อออก แต่เห็นว่ามันััเบาๆ กับกิ่งไม้หนึ่งที่ยื่นออกมา และถือโอกาสะโหนึ่งที ทิ้งตัวลงที่พื้นอย่างปลอดภัย
เขามองเงาร่างสีดำที่งดงามมีสง่าเดินไกลออกไปอย่างตะลึงงัน
ส่วนหลิ่วฉางผิงที่อยู่ด้านข้างกลับเห็นจนชินตา จึงหัวเราะแล้วกล่าวกับเขาว่าการปีนกำแพงขึ้นต้นไม้ แมวดำของสกุลหูไม่ได้แย่ไปกว่าลิงในป่านั่นเลย พวกเขาเห็นมากเลยไม่แปลกประหลาดใจแล้ว
สุนัขสีเหลืองตัวโตของสกุลหูก็เฉลียวฉลาดมากเช่นกัน เ้านายให้มันไปทางตะวันออกมันย่อมไม่ไปทางตะวันตกโดยเด็ดขาด ให้มันไม่เห่ามันก็ไม่เห่าเลย ตอนอาบน้ำบอกให้มันไม่สะบัดน้ำบนตัวมันก็ไม่สะบัด กินข้าวเสร็จยังรู้จักคาบถ้วยของมันไปข้างอ่างล้างถ้วยอีกด้วย
ทำเอาหลานสองคนของเขาอิจฉายิ่ง ล้วนเอาใจเ้าแมวหนึ่งตัวและสุนัขหนึ่งตัวนี่ทุกวัน
อาหารการกินของสกุลหูก็ทำได้ดีอย่างมาก แม้หลิงเสี่ยนได้รับความยากลำบากมาสิบกว่าปี แต่อย่างไรเสียก็เคยดำรงตำแหน่งกงปู้ เคยทานของเอร็ดอร่อยมาไม่น้อย
แต่อาหารการกินของสกุลหูดีมากจริงๆ ผักกวางตุ้งธรรมดาๆ ทานเข้าในปาก ล้วนมีความหอมสดชื่น เครื่องในหมูแต่ละอย่างที่ทำการพะโล้นั้น หากสกุลหูไม่บอก ก็ทานได้ไม่มีกลิ่นเหม็นคาวของเครื่องในหมูออกมาเลยสักนิด แต่กลับมีรสชาติเป็เอกลักษณ์อย่างหนึ่งที่ทำให้คนหยุดทานไม่ได้
หลิ่วฉางผิงที่อยู่ข้างกายเขามาโดยตลอด อดอิจฉาพวกเขาอย่างมากไม่ได้
พักอาศัยอยู่บ้านสกุลหู อาหารสามมื้อหนึ่งวันล้วนได้ทานของอร่อย ด้านอาหารของสกุลหูแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยตระหนี่ ทุกครั้งที่หลิ่วฉางผิงหยุดทานข้าวอยู่บ้านสกุลหู บนโต๊ะมักขาดอาหารประเภทเนื้อแต่ละอย่างไปไม่ได้เลย ก็ไม่รู้ว่าอุปทานไปเองหรือไม่ เห็นๆ กันอยู่ว่าวิธีทำเหมือนกันแต่ของที่สกุลหูทำอร่อยกว่าเล็กน้อย
หลิงเสี่ยนกับหลานอีกสองคนมาถึงบ้านสกุลหูได้ไม่กี่วัน แก้มผอมตอบก็แดงชุ่มชื้นอุดมสมบูรณ์ขึ้นมาชัดเจน
อาหารมื้อใหญ่เป็เนื้อแพะหนึ่งมื้อ ทานกันจนคนทั้งห้องเหงื่อออกทั่วทั้งกาย
อากาศเริ่มร้อนขึ้นช้าๆ เนื้อแพะก็ช่วยบำรุงพลังหยาง ยุคที่ไม่มีพัดลมและเครื่องปรับอากาศ เครื่องมือลดอุณหภูมิที่ดีที่สุดจึงเป็พัดใบปาล์มหนึ่งอัน
หลังมื้ออาหาร เจินจูเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก โบกพัดใบปาล์มในมือพร้อมกับถือถ้วยน้ำชาอย่างเอื่อยเฉื่อย โผล่ไปในห้องของหลี่ซื่อ
หลี่ซื่อที่เป็เพราะเื่เมื่อวาน อารมณ์ยังตกต่ำอยู่ตลอด
วันเวลา่นั้นที่อยู่ในลานบ้านส่วนลึกของที่พักใหญ่ ได้ฝังลึกอยู่ในใจนาง และยังโผล่มาในความฝันกลางดึกเป็ครั้งคราว ซึ่งเป็วันเวลาที่ก้มมองสีหน้าคนเ่าั้ด้วยความต่ำต้อย
เมื่อวานได้พบเข้ากับเมอเมอหวังอย่างกะทันหัน ได้ปลุกความทรงจำที่ฝุ่นจับเต็มไปหมดในก้นบึ้งหัวใจนางให้ตื่นขึ้น
นางหวาดกลัว...
หลังเื่ของคุณหนูถูกพบเข้า คนรับใช้หญิงค่อนข้างโตที่ติดตัวนางล้วนถูกฮูหยินตีจนตายทั้งหมดทันที
คนรับใช้หญิงระดับสองจำนวนสามคน คนรับใช้หญิงที่ทำงานหนักสี่คน และหญิงชราที่เฝ้าประตูสองคน ล้วนถูกอุดปากกรอกยาใบ้แล้วขายออกไปยังเขตูเาอันไกลโพ้นทั้งสิ้น
เมอเมอหวังเป็หนึ่งในเมอเมอที่ทำงานดีข้างกายฮูหยินมาโดยตลอด เป็นางที่พาสาวรับใช้ร่างสูงใหญ่แข็งแรงมามัดพวกนางที่เป็คนในลานบ้านทั้งหมดไว้ หลังกรอกยาใบ้แล้วยังตักเตือนอย่างโเี้ดุร้ายหนึ่งรอบด้วย
หากเมอเมอหวังทราบเข้าว่าเสียงของตนเองหายดี สามารถพูดจาได้แล้ว เกรงว่าไม่มีทางปล่อยผ่านนางไปได้กระมัง
นางหวาดกลัวมาก ความเป็อยู่ของครอบครัวนางกว่าจะดีขึ้นได้หน่อยไม่ง่ายเลย จึงกลัวว่าจะเกิดคลื่นความวุ่นวายลูกใหญ่เพราะเื่ของนางขึ้น
หลี่ซื่อกระสับกระส่ายและเห็นอาหารก็อยากคลื่นไส้เล็กน้อย เนื้อแพะหนึ่งโต๊ะวันนี้ นางไม่ได้ทานสักคำแค่ได้กลิ่นเนื้อแพะนางก็อยากอาเจียนแล้ว
“ท่านแม่!” เมื่อเจินจูเข้าห้องมาก็พบว่าสีหน้ามารดาไม่ดีอย่างมาก
ใบหน้าขาวซีดและมีเหงื่อไหลออกมามากผิดปกติอยู่บ้าง
นางรีบวางถ้วยน้ำชาและพัดใบปาล์มในมือลงด้านข้าง เข้าไปพยุงหลี่ซื่อทันที “ท่านแม่ ท่านเป็อะไรไป ไม่สบายหรือเ้าคะ? ข้าให้ท่านพ่อไปเชิญท่านหมอดีหรือไม่?”
หลี่ซื่อจับมือของนางไว้ ส่ายหน้าอย่างไร้เรี่ยวแรง “อย่า แม่ไม่ได้เป็อะไร แค่เวียนหัวเล็กน้อย พักนิดหน่อยก็หายแล้ว”
เจินจูรู้สึกว่าหลี่ซื่อน่าจะเป็เพราะในใจกดดันจนเกินไป เมื่อคืนก็พักผ่อนไม่เพียงพออีก จึงกำลังวังชาไม่ดีอยู่บ้าง
นางประคองหลี่ซื่อนั่งลงที่ขอบเตียง ตบแผ่นหลังของหลี่ซื่อและปลอบโยน “ท่านแม่ วันนี้ข้าไปหากู้อู่มาแล้ว เขาบอกว่าเื่ของเมอเมอหวังเขาจัดการได้ ให้ท่านไม่ต้องกังวลใจไปเ้าค่ะ”
หลี่ซื่อได้ยินดังนั้น มองไปทางนางทันที บนใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “ทำ... ทำไมเ้ารู้เื่ของเมอเมอหวังได้?”
เจินจูยิ้มบางๆ และใช้น้ำเสียงซุกซน “ท่านแม่ ลูกสาวของท่านไหวพริบดีเพียงนี้ เมื่อวานที่ท่านลืมตัวเสียมารยาทตอนเห็นหญิงชราผู้นั้น ข้าเห็นอยู่ในสายตา เพราะอย่างนั้นเช้าตรู่วันนี้ข้าเลยไปถามกู้อู่ เมื่อวานเขาก็ค้นพบเื่ของท่านกับเมอเมอหวังด้วยเช่นกัน เขากล่าวว่าเ้านายของเมอเมอหวังเป็ท่านน้าสะใภ้ของเขา เื่ของท่านไม่ต้องกังวล หากท่านน้าของเขาสืบสวนขึ้นมา เขาจะช่วยไกล่เกลี่ยแน่นอน”
นางกล่าวเื่ราวออกมารวดเดียว เพราะไม่อยากให้หลี่ซื่อกังวลใจกับเื่ที่ผ่านมาแล้วมากเกินไป
สีหน้าของหลี่ซื่อเลื่อนลอยไปชั่วขณะ นางเคยคาดคะเนฐานะของกู้อู่ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะบังเอิญเช่นนี้จริงๆ
คุณหนูโหยวเป็ลูกผู้น้องของเขา เมอเมอหวังเป็คนที่ติดตามคุณหนูโหยว นั่นไม่ต้องเอ่ยอะไรก็เห็นได้ชัดว่ามารดาของคุณหนูโหยวเป็คุณหนูเฉินในตอนนั้น
คิดไม่ถึงเลยว่าบุตรสาวของคุณหนูจะโตกว่าเจินจูเล็กน้อย ดูแล้วเื่ราวเกิดขึ้นได้ไม่นาน นางก็แต่งงานคลอดบุตรสาวแล้ว
ความรู้สึกของหลี่ซื่อประดังประเดกันเข้ามา ชีวิตผกผันแต่กลับมาพบกันอีกเสียได้
“คุณชายกู้อู่กล่าวเช่นนี้จริงหรือ?” หลี่ซื่อกุมมือของบุตรสาวไว้ ถามด้วยความตึงเครียดเล็กน้อย หากคุณชายสกุลกู้จะช่วยอย่างแน่นอนล่ะก็ เช่นนั้นคงทำให้นางสบายใจได้ไม่น้อยเลยจริงๆ
“ใช่สิเ้าคะ เขาบอกว่าไม่ว่าเื่ในตอนนั้นจะเป็อย่างไร ล้วนผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว ไม่ควรรื้อฟื้นขึ้นมาทำให้เ็ปอีก ดังนั้นเขาจะช่วยพูดขอร้องให้แน่นอน ให้ท่านอย่าได้ทุกข์ใจ” เจินจูพยักหน้ายืนยัน
หลี่ซื่อทั้งดีใจและแปลกใจไม่หยุด แต่ไม่นานนางก็น้ำตาคลอหน่วย “เจินจู เื่... เื่ที่แม่เคยเป็สาวรับใช้… เ้าก็รู้ทั้งหมดแล้ว เ้า... อย่าตำหนิแม่เลย”
ชีวิตสาวรับใช้ที่เคยด้อยกว่าคนทั่วไป เป็ความเ็ปในใจหลี่ซื่อมาโดยตลอด อีกทั้งยังโดนกรอกยาใบ้และขายทิ้งอีก
หลี่ซื่อกังวลว่าหลังบุตรสาวของตนรู้เข้า จะส่งผลกระทบไม่ดีต่อพวกเขา
เจินจูอดยิ้มอย่างอ่อนโยนขึ้นมาไม่ได้ “ท่านแม่ ข้าเคยได้ยินมาหนึ่งประโยคว่า ยอมแต่งคนรับใช้ครอบครัวใหญ่ ไม่แต่งหยกชิ้นงามครอบครัวยากจน [1] ท่านพ่อแต่งกับท่านได้ นั่นก็เป็วาสนาของเขาแล้วเ้าค่ะ”
บนใบหน้าหลี่ซื่อแดงขึ้น เด็กผู้นี้ไปได้ยินคำชุ่ยๆ เช่นนี้มาจากที่ใดกัน
แต่การหยอกเย้าของเจินจูทำให้ความกลัดกลุ้มภายในใจของหลี่ซื่อผ่อนคลายลงไปได้สำเร็จ ถึงตอนที่เจินจูต้องออกไป สีหน้าของหลี่ซื่อก็ดีขึ้นมากแล้ว
เจินจูผ่อนลมหายใจได้สักที...
มีคำมั่นสัญญาของกู้ฉี หลี่ซื่อก็ผ่อนคลายจิตใจลงได้ งานเย็บปักถักร้อยในบ้าน มีพานเสวี่ยหลันคอยช่วยเหลือ นางจึงเริ่มช่วยกันเย็บเสื้อผ้าของพวกหลิงเสี่ยนสามคนขึ้นอีกครั้ง
เจินจูซื้อผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดที่เหมาะสำหรับผู้ชายมาไม่กี่พับ สีขาวนวลจันทร์ สีน้ำตาลอ่อน สีเขียวมะกอก สีน้ำเงินเข้ม และสีเทาเข้มต่างซื้อมาสีละหนึ่งพับ
การเคลื่อนไหวของหลี่ซื่อว่องไวนัก สองสามวันก็สามารถเย็บเสื้อผ้าออกมาได้หนึ่งชุดแล้ว หวังซื่อมักอุ้มผิงซั่นมาหาอยู่บ่อยๆ รอให้เขาหลับแล้วก็ช่วยหลี่ซื่อเย็บเล็กน้อย
ผู้ที่มาพร้อมกับหวังซื่อยังมีจ้าวหงยู่ที่สามารถลงพื้นมาเดินเคลื่อนไหวได้แล้ว
นอกจากขาที่กะเผลกอยู่บ้าง สภาพอาการาเ็บนร่างของนางดูโดยรวมแล้วก็หายเป็ปกติดี
รอดจากเหตุการณ์ที่เลวร้ายมาได้ แล้วยังสามารถออกมาจากรังเสือได้อีก จ้าวหงยู่ราวกับได้ชีวิตใหม่ก็ไม่ปาน
นางยังผอมอยู่มาก แต่กำลังวังชากลับดีนัก สีหน้าท่าทางอ่อนโยน ดวงตาสว่างไสว
บนหน้าผากที่ตีตราด้วยรอยแผลจางๆ นางตัดผมหน้าม้าช่อบางมาปกปิดไว้
อายุยี่สิบสองปี หากอยู่ในยุคปัจจุบันคงเป็วัยเบ่งบานดั่งดอกไม้ที่เพิ่งออกมาจากมหาวิทยาลัย ส่วนเจินจูกลับใบเรือผ่านไปนับพันลำ [2] ผ่านร้อนผ่านหนาวมาโชกโชนแล้ว
จ้าวหงยู่สวมชุดกระโปรงผ้าหยาบสีม่วงเข้มท่าทางเคร่งขรึมเป็ผู้ใหญ่ เส้นผมรวบเป็มวยต่ำ ใช้ปิ่นไม้ต้นท้อปักผมแน่นหนึ่งอัน ท่าทางถ่อมตนรอยยิ้มบางเบา มีความเมตตาอ่อนโยน นอบน้อมถ่อมตนอย่างหญิงสาวยุคโบราณ
วาจานุ่มนวล ท่าทางอ่อนโยน บนใบหน้างามมักมีรอยยิ้มสงบอยู่เสมอ ทำให้คนเกิดความรู้สึกดีเมื่อได้เห็น
สตรีอ่อนหวานมีจิตใจดีงามเพียงนี้ ก็ไม่รู้ว่าชายโฉดเหลียงหู่ผู้นั้นดวงตาถูกขี้ตาบังไว้หรืออย่างไร ถึงลงมือโหดร้ายเพียงนั้นได้
จ้าวหงยู่ซาบซึ้งในบุญคุณของสกุลหูอย่างมาก ไม่เพียงให้ยืมเงินหย่าร้าง แต่ยังจ้างพี่ชายของนางทำงาน ทำให้พวกนางทั้งครอบครัวไม่ถึงขนาดกับว่า ถูกหญิงสาวที่แต่งออกไปและล้มเหลวในการแต่งงานอกตัญญูใส่
ตอนนี้ขาและเท้าของนางยังเดินเหินไม่สะดวกอยู่บ้าง ไม่สามารถทำงานหนักได้ ไม่สามารถเดินทางไกลได้
ความสะดวกเดียวที่มี... มีเพียงสองมือ
มือของนางคล่องแคล่วอย่างมาก งานเย็บปักถักร้อยทำได้ไม่เลวเลย
ด้วยเหตุนี้ พอได้รู้ว่าหลี่ซื่อกำลังยุ่งอยู่กับการเย็บเสื้อผ้าของพวกหลิงเสี่ยนสามคน นางจึงมาช่วยติดต่อกันอยู่หลายวัน
การมาของจ้าวหงยู่สำหรับหลี่ซื่อแล้วดีใจเป็อย่างมาก และมีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจอย่างหนึ่งต่อนาง
สองคนทำงานเย็บปักถักร้อย พูดคุยเฮฮา เวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
การมาถึงของจ้าวหงยู่สำหรับเจินจู นางยินดีต้อนรับเป็อย่างมากเช่นกัน เพราะหลี่ซื่ออาศัยอยู่ในบริเวณที่พักอาศัยคนเดียว เงียบเหงาเกินไป เมื่อมีคนอยู่เป็เพื่อนมารดาของนางคงจิตใจร่าเริงขึ้นมาบ้าง
“เด็กน้อยผิวอ่อนนุ่ม ใช้ผ้าฝ้ายละเอียดสีขาวทำชุดด้านในเหมาะสมที่สุด”
หลี่ซื่อกับจ้าวหงยู่นั่งอยู่ขอบเตียงอิฐ ในมือดึงผ้าพับที่เป็ผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดสีขาวอยู่ ตั้งใจจะตัดมาหนึ่งชิ้นทำชุดด้านในให้ผิงอัน
เสื้อผ้าของพวกหลิงเสี่ยนสามคน ต่างก็เร่งทำออกมาคนละชุดแล้ว
หลี่ซื่อมีเวลาจึงเริ่มตัดเย็บชุดตัวเล็กให้บุตรของตนเอง
จ้าวหงยู่หลังทานอาหารเช้าแล้วจึงมาที่บ้านสกุลหู นางเป็คนที่รู้จักละอายและมีมารยาท ตอนเช้าหลังทานข้าวแล้วถึงมา และก่อนที่สกุลหูจะเตรียมอาหารกลางวันก็ขอตัวกลับบ้านอย่างเป็ธรรมชาติ มีหลักการที่ยึดติดและรู้จักวางตัว
เจินจูชื่นชมนางอย่างมาก
สามคนพูดคุยขนาดเสื้อผ้าของผิงอันด้วยบรรยากาศปรองดอง
นอกลานบ้าน กลับแว่วเสียงของพานเสวี่ยหลันเข้ามา “อาสะใภ้หู น้องสาวเจินจู คุณหนูสกุลโหยวที่มาครั้งก่อนผู้นั้นมาอีกแล้ว!”
“ตุบ” กรรไกรในมือของหลี่ซื่อตกลงพื้น
เชิงอรรถ
[1] ยอมแต่งคนรับใช้ครอบครัวใหญ่ ไม่แต่งหยกชิ้นงามครอบครัวยากจน เป็การอุปมาว่า ยอมสู่ขอสาวใช้ของครอบครัวใหญ่โตมาเป็ภรรยา ดีกว่าบุตรสาวของครอบครัวที่ยากจนข้นแค้นแต่งดงาม เพราะสาวรับใช้คนตระกูลใหญ่ร่ำรวยมักได้รับการสั่งสอนอบรมมากมาย สามารถทำอะไรหลายอย่างได้เพียบพร้อม
[2] ใบเรือผ่านไปนับพัน หมายถึง การผ่านเื่ราวต่างๆ ในชีวิตมามากมาย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้