ทันใดนั้นมีข้ารับใช้คนหนึ่งแล่นเข้ามา พร้อมกับกล่องใบหนึ่งในมือ
“เรียนฟูเหรินใหญ่เมื่อครู่มีคนนำกล่องนี้มามอบให้ข้าน้อย ทั้งกำชับว่าต้องส่งให้ถึงมือของฟูเหรินด้วยตนเองขอรับ”หลังจากกล่าวจบก็วางกล่องใบนั้นลงบนโต๊ะอย่างระมัดระวัง
“เอาล่ะเ้าออกไปได้แล้ว” อวี้จือเห็นเ้านายเริ่มหงุดหงิด จึงโบกมือไล่บ่าวผู้นั้นออกไป
“นี่คือสิ่งใดไหนเปิดออกมาดูซิ” โต้วเซียงหลันยกน้ำชาขึ้นมาจิบเหมือนไม่ใส่ใจนัก อวี้จือเองก็มิได้นำพาเพราะเข้าใจว่าคงเป็ของกำนัลจากพวกที่้าใช้เส้นสายของท่านอัครเสนาบดีส่งมาเอาอกเอาใจฟูเหรินใหญ่ครั้นแล้วจึงเข้ามาเปิดกล่อง
“อ๊า...”ทันทีที่กล่องถูกเปิดออก อวี้จือก็ผงะ ดวงตาเหลือกกว้าง หน้าขาวซีดราวกับกระดาษ ถอยหลังกรูดจนสะดุดล้มลงที่พื้นร่างกายสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุม
“เป็อะไรไปน่ะ?”โต้วเซียงหลันมองสาวใช้ของตนด้วยความประหลาดใจ จากนั้นค่อยลุกขึ้นเดินไปที่กล่องใบนั้นทันทีที่เห็นหัวมนุษย์ชุ่มโชกไปด้วยโลหิตวางอยู่ในนั้น ถ้วยชาพลันหลุดมือตกลงพื้นแตกดังเพล้งยืนจังงังอยู่กับที่
อวี้จือพยายามข่มกลั้นความหวาดกลัวปีนขึ้นมาจากพื้นเดินโซซัดโซเซไปปิดประตูห้อง ก่อนกลับมาอยู่ข้างกายโต้วเซียงหลัน เอ่ยวาจาปากคอสั่นระริก
“ฟูเหรินนะ...นั่นดูเหมือนจะเป็...ศีรษะของคุณชายโหลวเลยเ้าค่ะ”
“อวี้ซิน...อวี้ซินของข้า....มันเป็ใคร? ผู้ใดที่ลงมือกับเ้าโเี้ขนาดนี้? ข้าจะแก้แค้นแทนเ้าเอง! อ๊า...”ทันทีที่ได้สติคืนมา โต้วเซียงหลันก็พุ่งถลาเข้าหากล่องใบนั้น สองมือประคองศีรษะของโหลวอวี้ซินร่ำร้องอย่างคนหัวใจแตกสลาย น้ำตาพรั่งพรูราวกับน้ำพุ ปล่อยโฮออกมาสุดเสียง แม้เห็นโต้วเซียงหลันเป็หนักถึงขั้นนี้แต่อวี้จือกลับลอบโล่งอกอยู่ในใจ โชคดีที่วันนี้เป็วันสักการะดวงิญญาของเหยาโม่ซินมิเช่นนั้นการร้องห่มร้องไห้โดยไม่มีต้นสายปลายเหตุเยี่ยงนี้ อาจสร้างความระแวงสงสัยให้ผู้อื่นได้
“ฟูเหรินอย่าทำเช่นนี้เลยหักห้ามใจเสียเถิดเ้าค่ะ คนตายไปแล้วไม่อาจฟื้นคืน หากผู้อื่นรู้เข้าต้องแย่แน่ ๆ”ถึงจะเป็เช่นนี้ อวี้จือยังคงต้องเกลี้ยกล่อมและปลอบประโลมเ้านายอย่างระมัดระวังขณะที่ฝืนทำใจกล้าเข้าไปประคองโต้วเซียงหลัน พลันเห็นว่าบนกล่องใบนั้นมีกระดาษข้อความติดอยู่
“โหลวอวี้ซินถูกเหยาเจิ้นถิงทำร้ายถึงตายเมื่อห้าปีก่อนเหยาเจิ้นถิงแอบแต่งตั้งฟูเหรินสาม ทั้งยังมีบุตรชายด้วยกันหนึ่งคน ยามนี้ฟูเหรินสามพำนักอยู่จวนสกุลซูที่ฝั่งตะวันออกของเมืองหลวง...”อวี้จือหยิบกระดาษแผ่นนั้นมาอ่านออกเสียง
“อะไรนะ!”โต้วเซียงหลันเบิกตาจนแทบถลนออกมา มือที่เปรอะเปื้อนโลหิตเอื้อมไปฉวยกระดาษจากอวี้จือมาอ่านเืลมในกายพลันเดือดพล่าน สั่นสะท้านไปทั้งตัว โทสะพุ่งจนสติขาดผึง ก้าวฉับ ๆ ราวกับพายุออกไปจากเรือนจู๋อี้โดยไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น
“ฟูเหริน...ฟูเหริน...ท่านอย่าได้หุนหันพลันแล่นเป็อันขาดนะเ้าคะ”อวี้จือตระหนักได้ว่านี่คือเื่ใหญ่ใช่เล่น รีบติดตามออกไปอย่างเร่งด่วน พอเห็นโต้วเซียงหลันกับอวี้จือแล่นออกมาจากเรือนทิงเยว่ก็ลอบสะกดรอยตามอยู่ด้านหลัง จนกระทั่งเห็นพวกนางทั้งสองคนออกจากจวนอัครเสนาบดีมุ่งตรงไปยังทิศตะวันออกของเมืองหลวงถึงค่อยวางใจย้อนกลับไปหาหลิวสิ่ง
ภายในห้องปีกข้างของเรือนชั้นนอกเหยาเจิ้นถิงกำลังหลับตา นึกวางแผนการขั้นต่อไปอยู่ในใจ ว่าจะสนับสนุนเหยาซู่หลวนขึ้นสู่ตำแหน่งหวงโฮ่วอย่างไรแต่ทันใดนั้นก็มีคนผลักประตูเข้ามาอย่างกะทันหัน
“นายท่านแย่แล้วขอรับ” หลิวสิ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาคุกเข่าอยู่เบื้องหน้า
“มีอะไร?”เหยาเจิ้นถิงมุ่นคิ้วขมวด มองหลิวสิ่งอย่างรำคาญใจ
“เกิดเื่ใหญ่แล้วขอรับเมื่อครู่บ่าวเห็นฟูเหรินใหญ่แล่นออกไปจากจวน มุ่งไปทางทิศตะวันออกของเมืองหลวงราวกับคนเสียสติปากก็ร้องะโแต่คำว่า ฆ่า ๆ ๆ ไม่หยุด ทั้งยังเอ่ยถึงฟูเหรินสามกับคุณชายน้อยอะไรทำนองนี้นี่แหละขอรับ”หลิวสิ่งรีบรายงานอย่างกระวนกระวายใจ
“อะไรนะแย่แล้ว!” เหยาเจิ้นถิงได้ยินเช่นนั้นก็สะดุ้งเฮือก ะโพรวดขึ้นมาจากเก้าอี้ วิ่งหน้าตื่นออกไปจนเกือบลืมแม้กระทั่งว่าตนเองยังไม่สวมรองเท้า
“เหยาถูเตรียมเกี้ยว รีบไปเตรียมเกี้ยวให้เร็วที่สุด!” เหยาเจิ้นถิงรู้ดีว่าโต้วเซียงหลันเป็พวกหึงหวงไม่เข้าเื่ยามนี้คงรู้เื่ที่ตนเองแอบเลี้ยงดูซูมู่จื่ออยู่นอกจวน ทั้งยังมีบุตรชายด้วยกันแล้วคนหนึ่งเกรงว่าป่านนี้คงออกไปอาละวาดที่นั่นแล้วเป็แน่
ถึงจะเห็นว่าเหยาเจิ้นถิงขึ้นเกี้ยวออกจากจวนไปแล้วหลิวสิ่งก็ยังไม่กล้าเพิกเฉย รีบวิ่งไปเรือนหนิงหวาทันที
เหยาโม่หว่านนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งในห้องนอนดวงหน้างามพิลาสที่ปรากฏอยู่บนคันฉ่องสำริดแต่งแต้มประทินผิวด้วยแป้งชาดอย่างวิจิตรบรรจงทว่าเบื้องลึกของดวงตากลับสาดประกายเยียบเย็น
เหยาโม่หว่านแม้ว่าการไปให้ท่ายั่วยวนเย่หงอี้คือสิ่งที่น่าขยะแขยงที่สุดในใต้หล้า แต่เพื่อการแก้แค้นเ้าจำเป็ต้องทำ เพื่อลากพวกมันแต่ละคนมาบดขยี้อยู่ใต้ฝ่าเท้า เ้าต้องยิ้มเข้าไว้ยิ้มให้งดงามที่สุดเท่าที่จะทำได้...