เมื่อองค์ชายสี่ทราบว่าบุตรในครรภ์ของอวิ๋นซีรักษาไว้ไม่ได้ก็กริ้วเสียจนไม่อาจหักห้ามใจไม่ให้ยกกระบี่ขึ้นมาไม่ได้ เขาพุ่งกายออกไปหมายมุ่งจะสังหารโจวเวย แต่กลับเป็จวินเหยียนที่ดึงไว้ “เ้าสี่ อย่าเพิ่งหุนหัน โจวเวยผู้นั้นเป็คนของเสด็จพ่อ พวกเราไม่มีอำนาจจะไปสังหารได้ เพราะหากสังหารเขาก็เท่ากับว่าเราตั้งตัวเป็ปฏิปักษ์กับเสด็จพ่อ”
โอวหยางเทียนหลานโกรธจนแทบอยากจะะโ “จะให้ปล่อยเขาไปเช่นนี้หรือ? ”
“ในครรภ์ของอาซีเป็พระราชนัดดาของเสด็จพ่อ เมื่อได้กลับไปเมืองหลวงอีกครั้งเมื่อไร ก็ค่อยทูลเื่นี้ต่อเสด็จพ่อไปตามความจริง” จวินเหยียนมีสีหน้าโศกเศร้ายิ่ง จากนั้นจึงกล่าวอย่างทำอะไรไม่ได้ว่า “เ้าน่ะ อย่าได้ไปต่อกรกับคนพวกนี้เป็อันขาด จงจำไว้ว่า พวกเราเป็ลูก มิสมควรเพิ่มความลำบากใจให้เสด็จพ่อ”
ชายาหานอ๋องได้รับาเ็จนไม่อาจรักษาบุตรในครรภ์ไว้ได้ ด้วยเื่นี้แพร่กระจายไปทั่วทั้งหานโจวแล้ว คนไม่น้อยจึงพากันคิดไปว่า เดือนนี้ช่างอัปมงคลนัก นอกจากสองแม่ลูกตระกูลลู่จะสิ้นไปทั้งคู่ ชายาหานอ๋องก็ยังโชคร้ายไม่สามารถรักษาบุตรในครรภ์ไว้ได้
เมื่อได้ยินข่าวนี้ก็มีทั้งคนที่ยินดี และคนที่ทุกข์ใจ
คนที่ยินดีกับเื่นี้ก็เช่นหยวนอวี่เสี้ยนจู่จากเรือนฉิ่นเยว่ ทันทีที่ได้ทราบข่าวก็หลุดหัวเราะด้วยความยินดี ทั้งยังพูดอีกว่า สมควรแล้ว
นอกจากนี้ยังมีลู่อวี้ฉิงที่พักอยู่ชานเมืองอีกคน ไม่สิ ตอนนี้นางไม่ใช่ลู่อวี้ฉิงแล้ว แต่ควรจะเรียกว่า ‘สือซืออิ๋ง’ หญิงสาวหัวเราะฮ่าฮ่าขึ้นมาเมื่อได้ทราบข่าว “อวิ๋นซี คิดไม่ถึงเลยว่า ตัวเ้าเองก็จะมีวันนี้ คนเยี่ยงเ้า แค่ดูก็รู้แล้วว่าเป็คนวาสนาน้อย คิดอยากจะคลอดบุตรชายสั่งสอนบุตรสาวให้หานอ๋องงั้นหรือ เ้าไม่มีสิทธิ์นั้นหรอก”
แม้จะมีคนยินดี แต่ก็แน่นอนว่าย่อมต้องมีคนที่เป็ทุกข์และเป็กังวลอีกมากมาย ในตอนนั้นอวิ๋นซานและชีเหนียงที่ได้ทราบข่าวก็รีบเร่งออกจากจวน และเมื่อพวกเขาไปถึง ก็ได้เจอซือถูเวยที่กำลังเดินวนเวียนอยู่หน้าจวนอ๋อง นางเกรงว่าตนจะเข้าไปไม่ได้ จึงไม่ได้บอกให้คนแจ้ง
ทว่า ทันทีที่เห็นอวิ๋นซาน นางก็รีบก้าวเข้าไปหาแล้วพูดขึ้น “ท่านลุงอวิ๋น ในที่สุดท่านก็มาถึงแล้ว ตัวข้าเองก็อยากจะเข้าไปเยี่ยมอาซี แต่เกรงว่าพวกเขาจะไม่ให้เข้าไป จึงได้รอท่านอยู่ที่นี่” วันนี้หลังจากที่นางได้ยินข่าวก็ใจนรีบรุดมาทันที
ไม่รู้ว่าตอนนี้อวิ๋นซีจะเป็อย่างไรบ้าง ขณะที่นางร้อนใจจะตายอยู่แล้ว
อวิ๋นซานเห็นท่าทางอีกฝ่ายเป็เช่นนี้ก็รีบพูดขึ้น “พวกเราเข้าไปกันก่อนเถอะ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าอาซีเป็เช่นไร” เด็กสองคนนี้สนิทสนมรักใคร่กันมาแต่เล็ก ดังนั้น การที่ซือถูเวยจะยืนอยู่ที่นี่ อวิ๋นซานก็ไม่ประหลาดใจเลยสักนิด
องครักษ์ของจวนอ๋องล้วนรู้จักอวิ๋นซาน หมอที่มีชื่อเสียงโด่งดังในนครหานโจว ทั้งยังรู้ดีว่าเขาเป็บิดาของพระชายา ดังนั้น เมื่อพวกเขาเห็นคนมาก็ไม่คิดถามอันใด และปล่อยให้เข้าไปในทันที สำหรับเื่นี้ ซือถูเวยประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้คิดถามอันใดทั้งนั้น เพราะเื่บางเื่ก็สามารถเข้าใจได้อย่างแจ่มแจ้งอยู่ในใจแล้ว
เมื่อเข้าไปยังเรือนชั้นหนึ่ง คนทั้งสามก็บังเอิญเจอฉุนเอ๋อร์ที่กำลังออกมาพอดี ขณะเดียวกันเมื่อฉุนเอ๋อร์เห็นอวิ๋นซานก็ใยิ่ง ทว่าหลังจากที่เข้าไปไถ่ถามจึงได้รู้ว่าข่าวที่พระชายาแท้งเล่าลือไปทั่วนครหานโจวแล้ว นางจึงรีบนำทางอวิ๋นซานมุ่งหน้าไปยังสวนชิงเฟิงโดยไม่พูดอะไรทั้งสิ้น
เมื่ออวิ๋นซีได้รู้ว่าบิดาตนมาเยี่ยม ในใจก็ยินดีเป็อย่างยิ่ง แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่า เหตุที่เขามาจะต้องเป็เพราะได้ยินข่าวลือร้ายๆ นั้นแน่ ในใจก็ให้รู้สึกผิดแทน จากนั้นจึงขบคิดไปว่าตนควรจะบอกความจริงด้วยเื่นี้แก่บิดาดีหรือไม่ ทว่า หากพูดไป เขาจะยิ่งกังวลมากกว่าเดิมหรือไม่?
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ นางก็รู้สึกสับสนไปหมด ทว่าตอนนั้นเป็จวินเหยียนที่เข้ามาตบๆ แผ่นหลังเพื่อปลอบใจนางพลางกล่าวเสียงเบา “หากเ้าอยากจะบอกความจริงกับท่านพ่อตา เช่นนั้นก็บอกเถิด เ้าย่อมรู้ดีกว่าข้าว่าบิดาเ้ามิใช่คนธรรมดา ทว่าอย่างไร ด้วยเื่นี้ท่านจะต้องเข้าใจเ้าแน่”
เมื่ออวิ๋นซีได้ยินก็พยักหน้าตอบ “ใช่แล้ว บิดาข้าเป็คนธรรมดาที่ไหนกัน” ด้วยเื่นี้ตัวนางเองก็สงสัยมาตลอด เพียงแต่ไม่ได้ถามให้มากความ เพราะกับบางเื่อาจต้องแกล้งโง่ ทำเป็ไม่รู้ เพื่อที่ตนจะได้ไม่เหนื่อยมาก
อวิ๋นซานพาซือถูเวยและชีเหนียงเดินผ่านเข้าประตูก็เห็นบุตรสาวตนกำลังเอนกายด้วยใบหน้าซีดขาวอยู่บนเตียง ในใจรู้สึกไม่ดีเป็อย่างยิ่ง จึงอดไม่ได้ให้ถลึงตาอย่างดุร้ายไปทางบุรุษอีกผู้หนึ่งที่เฝ้าอยู่ข้างเตียง ความหมายที่ส่งผ่านั์ตาคู่นั้นชัดเจนยิ่งราวกับเขา้าจะบอกว่า เ้าสารเลวจวินเหยียนนี่ไม่ได้ปกป้องบุตรสาวของตนให้ดี ทำให้นางต้องลำบาก
อวิ๋นซีเผชิญหน้ากับสายตาห่วงกังวลของบิดาและชีเหนียง ทั้งยังต้องเผชิญหน้ากับซือถูเวยที่ยามนี้มีน้ำตาชื้นเอ่อเต็มดวงตา ชั่วขณะนั้นในใจนางก็ให้รู้สึกหนักอึ้งยิ่งขึ้น ทว่า ตอนนี้นางไม่มีทางเลือกใด ทำได้แค่ปล่อยให้เื่นี้ดำเนินต่อไป
“ท่านพ่อ ชีเหนียง เวยเวย ข้าไม่ได้เป็อันใด พวกท่านไม่ต้องกังวล” อวิ๋นซียิ้มน้อยๆ กล่าว
เดิมทีอวิ๋นซีคิดเพียงจะใช้สายตาปลอบประโลมซือถูเวยและคนอื่นๆ ทว่าสายตาคู่นั้นกลับทำให้คนที่เห็นเป็ต้องสงสารและปวดใจไปตามๆ กัน และเป็ตอนนี้เองที่น้ำตาของซือถูเวยไม่อาจกลั้นไหวอีกต่อไป จึงค่อยๆ ร่วงเผาะลงมาราวกับสายไข่มุกก็ไม่ปาน นางกล่าวกับอวิ๋นซี “อาซี เ้ายังจะพูดอีกหรือว่าไม่เป็อันใด เ้าเป็เช่นนี้ ทำให้พวกเรายิ่งเป็กังวลจริงๆ ” ก่อนหน้ามีเด็กอยู่ในท้อง แต่ตอนนี้กลับต้องสูญเสียไป สหายรักของนางจะต้องปวดใจสักแค่ไหน เสียใจแค่ไหน
ยิ่งกว่านั้น ก่อนออกจากจวน มารดานางก็บอกไว้แล้วว่า อย่าได้พูดเื่เด็กต่อหน้าอวิ๋นซีให้มากนัก ทว่าเมื่อเห็นท่าทางสหายตนเป็เช่นนี้ นางก็ทนไม่ไหวแล้ว
“นั่นสิ เ้าน่ะ ไม่กี่วันก่อนยังดีๆ อยู่เลย เหตุใดจึงเป็เช่นนี้ไปได้” ชีเหนียงกุมมืออวิ๋นซีไว้ น้ำตาหยดลงบนหลังมือของอวิ๋นซี
อวิ๋นซานพูดคุยกับบุตรสาวสองสามประโยค จากนั้นก็มองจวินเหยียนไปทีหนึ่ง แล้วจึงพูดอย่างเ็า “เ้า ออกมานี่กับข้า”
เมื่อเขาพูดจาไร้ซึ่งยศศักดิ์ต่อหน้าผู้สูงส่ง ชีเหนียงที่ได้ยินก็ถึงกับอึ้งตะลึงไป อวิ๋นซีเองก็ไม่ได้ต่างกัน ส่วนซือถูเวยนั้นยิ่งเบิกตากลมโต
ชีเหนียงอดไม่ได้ให้รู้สึกว่าหัวใจสั่นสะท้านเล็กน้อย ทั้งยังนึกอยากจะพูดขึ้นว่า นายท่าน ถึงแม้ท่านอ๋องจะเป็บุตรเขยท่าน แต่การที่ท่านพูดจาเช่นนี้กับท่านอ๋องน่ะ...จะดีจริงๆ หรือ?
ในทางตรงกันข้าม อวิ๋นซีคิดว่ายามนี้บิดาตนดูหล่อเหลาเสียจนอดตื่นตะลึงไม่ได้ อีกทั้งคนยังดูมีมาดสมชายชาตรี เขาถึงกับกล้าพูดเช่นนี้กับท่านอ๋องได้ นางไม่อาจไม่พูดได้ว่า บิดาของตนช่างกล้าหาญจริงๆ
ขณะที่ซือถูเวยนั้นได้แต่ลอบคิดในใจว่า ท่านลุงอวิ๋นพูดเช่นนี้จะทำให้ท่านอ๋องไม่พอพระทัยหรือไม่ คนจะถูกท่านอ๋องลากออกไปสั่งปะาตัดหัวเลยหรือไม่? และหากเป็อย่างที่คิดจริงๆ ล่ะ ตนจะทำอันใดได้บ้าง? ควรจะดึงท่านอ๋องไว้ จากนั้นก็ให้ท่านลุงอวิ๋นรีบหนีไป?
จวินเหยียนไม่ได้รับรู้ในความคิดของคนทั้งสาม เพียงแต่ตอนที่ได้ยินอวิ๋นซานพูดจาเช่นนี้กับเขาก็ชวนให้รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ถึงกระนั้นเมื่อประหลาดใจเสร็จแล้ว เขาก็รู้สึกว่า นี่เป็เื่ปกติธรรมดาอย่างที่ไม่อาจปกติธรรมดาไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว เขาพยักหน้า “ขอรับท่านพ่อตา”
เมื่อพูดจบ เขาก็ตามอวิ๋นซานออกไป
คนทั้งสองเดินออกไปจากห้องของอวิ๋นซี คนหนึ่งนำ คนหนึ่งตาม หากใครได้มาพบเห็นฉากนี้เข้า ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ทำให้ใจคนเป็ต้องสั่นไหว ซือถูเวยหันมองอวิ๋นซี จากนั้นจึงถามด้วยความกังวล “อาซี เ้าว่า ท่านลุงกับสามีของเ้าจะตีกันหรือไม่? ”
อวิ๋นซีส่ายหน้าตอบ “ข้าเองก็ไม่รู้ เพียงแต่ท่านพ่อข้าก็หาใช่ตะเกียงที่ไร้น้ำมัน”
“แต่ อีกฝ่ายเป็ท่านอ๋องนะ” ซือถูเวยยังคงกังวลมากอยู่ดี นางไม่อยากให้คนดีๆ เยี่ยงท่านลุงอวิ๋นต้องถึงฆาตเลยจริงๆ
ชีเหนียงเองก็กังวลจนเผลอบิดผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น ถึงกระนั้นนางก็รู้ดีว่า ยามนี้ตนไม่สมควรจะร้อนรนจนอยู่ไม่สุขเพียงนี้
จวินเหยียนและอวิ๋นซานเดินไปยังห้องหนังสือ เมื่อเข้าไปแล้ว จวินเหยียนก็ประสานมือมาด้านหน้า จากนั้นจึงค้อมหัวคารวะอวิ๋นซานแทบจะในทันที “ท่านพ่อตา เื่ที่เกิดขึ้นกับอาซี ข้าต้องขออภัยเป็อย่างยิ่ง ตัวข้าเองก็ปวดใจเช่นกัน แต่คงพูดอะไรมิได้เมื่อเทียบกับบิดาผู้ให้กำเนิดเช่นท่าน ถึงกระนั้นข้าก็อยากจะบอกท่านพ่อตาว่า ข้าผิดต่อคำมั่นที่เคยให้ไว้กับท่าน ทว่า ขอท่านโปรดเชื่อใจ ในวันหน้าข้าจักต้องดูแลอาซีให้ดีกว่านี้แน่ จะไม่มีทางให้นางต้องได้รับอันตรายใดๆ อีก”
“เ้าเด็กสารเลว อย่ามาแกล้งโง่ต่อหน้าข้าหน่อยเลย เ้าคิดว่าข้าแก่จนเลอะเลือนแล้วหรือ ว่ามาเถอะ ตกลงนี่มันเื่อันใดกันแน่? ” เขามองคนตรงหน้า ถามอย่างเ็า
จวินเหยียนมองไปยังอวิ๋นซานราวกับ้าจะควานหาอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในสายตาของอีกฝ่าย ทว่า สิ่งเดียวที่พบกลับกลายเป็ตนเองที่คิดเพ้อเจ้อไป เพราะใบหน้าของอวิ๋นซานไม่ปรากฏร่องรอยอะไรสักอย่างออกมาเลย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้