บทที่ 55 ใช้ทุกวิถีทางเพื่อแย่งชิงคนรักของผู้อื่น
ในห้องโถงถึงกับลุกฮือกันขึ้นมาทันที คิดไม่ถึงว่านายน้อยตระกูลลู่จะพูดว่า สามารถพิสูจน์สิ่งที่จีชิงรั่วมีอยู่ว่าไม่ใช่ไฟแท้จื่อเสวียนได้
หลินฉงซิ่นและผู้เฒ่าที่บังคับใช้กฎหมายแต่ละคนของตระกูลหลินถึงกับมองหน้ากัน แต่เมื่อเห็นท่าทีของนายน้อยตระกูลลู่ดูไม่เหมือนมาก่อความวุ่นวาย หากเป็อย่างที่ว่ามาจริงๆ เช่นนั้นวันนี้ที่ตระกูลหลินประโคมข่าวใหญ่จัดงานออกมายิ่งใหญ่เช่นนี้ก็อับอายขายขี้หน้า แต่ยังดีที่จีชิงรั่วยังไม่เข้าพิธีฝากตัวเป็ศิษย์ ก็คือยังไม่เข้าสู่ตระกูลหลินอย่างเป็ทางการ ตระกูลหลินยังพอมีทางหนีทีไล่ แต่ถึงอย่างนั้นชื่อเสียงก็อาจเสียหายได้ในภายภาคหน้า
“เ้าเด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ช่างกล้าคุยโวโอ้อวดอย่างไม่รู้สึกกระดากอาย หรือจะกล่าวว่าประสบการณ์และความรู้หลายร้อยปีในการประเมินสมบัติของข้า จะสู้เด็กหนุ่มที่อายุไม่ถึงยี่สิบปีผู้หนึ่งอย่างเ้าไม่ได้? สีของไฟแท้จื่อเสวียนคือสีม่วง สีจะเข้มขึ้นจากภายนอกสู่ภายใน พลังของไฟทรงพลังและลึกลับ นี่คือสิ่งที่บันทึกไว้ใน《บันทึกลี้ลับ์และโลก》เ้ามาพูดจามั่วซั่วไม่คำนึงถึงความจริงได้อย่างไร?” ใบหน้าของปรมาจารย์หงโกรธจัด แทบอยากจะใช้มีดสับลู่อวี่ เด็กหนุ่มผู้นี้กำลังทำลายชื่อเสียงของเขาอยู่ไม่ใช่หรือ นับประสาอะไรกับเื่เพียงเท่านี้ยังทำได้ แล้วยังจะมีอะไรที่ทำไม่ได้อีก!”
ลู่อวี่แอบหัวเราะเยาะ คิ้วย่นเข้าหากัน และชี้นิ้วหนึ่งขึ้นพูดว่า “หนึ่งคือ ไฟแท้จื่อเสวียนมีลักษณะเป็หยาง ไม่ต้องพูดถึงเด็กผู้หญิงอายุสิบเอ็ดสิบสองปีผู้หนึ่ง ต่อให้เป็ผู้ชายที่เป็ผู้ใหญ่ผู้หนึ่ง แม้ว่าจะมีไฟแท้จื่อเสวียนอยู่ในร่างกายเพียงน้อยนิดก็ตาม ก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่รอดได้!”
“เชอะ มีเื่แปลกประหลาด ทั้งยังมีคนแปลกประหลาดมากมายนับไม่ถ้วนอยู่ใน์และโลก บางทีจีชิงรั่ว อาจเคยผจญภัยพบเื่ที่เหนือความคาดหมายเมื่อตอนที่ยังเด็ก หรือนางอาจจะมีร่างกายพิเศษ ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็ไปไม่ได้!” ปรมาจารย์หงชักสีหน้าเล็กน้อย แล้วพูดโต้กลับ
“สองคือ เหตุใดถึงสีอ่อนเป็เข้มเช่นนี้ รู้หรือไม่ว่าเหตุใด ถึงเรียกว่าไฟแท้จื่อเสวียน เหตุใดถึงไม่เรียกว่าจื่อหง (สีม่วงแดง) หรือจื่อลวี่(สีม่วงเขียว)? เสวียนหมายถึงลึกลับ ลึกลับหมายถึงความดำมืด ไฟแท้จื่อเสวียนมีสีอ่อนเป็เข้ม จะเปลี่ยนจากสีม่วงอ่อนเป็สีดำเข้ม แทนที่จะเป็สีม่วงอ่อนกลายเป็สีม่วงเข้มเช่นนี้!”
หลินฉงซิ่นรีบเรียกจีชิงรั่วมาหา แล้วใช้ให้นางแสดงเปลวไฟของตัวเองออกมาอีกครั้ง หลังจากตรวจดูอย่างละเอียดถี่ถ้วน ก็พบว่ามันเป็อย่างที่ลู่อวี่กล่าวมาไม่มีผิด ทันใดนั้นเอง ก็เกิดเป็ความรู้สึกรับไม่ได้ เริ่มแรกเพื่อที่จะรับจีชิงรั่วเข้ามาในตระกูล เขาทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ สุดกำลังความสามารถ ตระกูลถึงยอมรับ แต่ตอนนี้เื่ราวกลับตาลปัตรไปหมด หากสิ่งที่จีชิงรั่วมีอยู่ ไม่ใช่ไฟแท้จื่อเสวียนจริงๆแล้วละก็ เช่นนั้นก็เหมือนกับเอาหน้าประมุขตระกูลอย่างเขาไปกวาดพื้น
เวลานี้ปรมาจารย์หงตกตะลึงอ้าปากค้างเช่นเดียวกัน ดูเหมือนจะถูกคำพูดของลู่อวี่โจมตีเข้า จนใจเต้นรัวไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
แต่คิดไม่ถึงว่าลู่อวี่จะพูดขึ้นมาในเวลานี้ “สามคือ ไฟแท้จื่อเสวียนเป็ไฟที่สามารถหลอมละลายทองคำเป็หมื่นได้ อุณหภูมิความร้อนไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะรับไหว ถึงแม้จะบอกว่าแม่นางชิงรั่วยังไม่เคยฝึกฝนมาก่อน แต่ทุกคนอย่าลืมว่า นี่คือไฟแท้โดยกำเนิด ในเมื่อนางควบคุมไม่เป็ หากเป็เช่นนั้น เมื่อสักครู่มันก็ต้องมีพลังความร้อนมหาศาลที่พวยพุ่งออกมาอยู่บ้าง แต่ไม่ทราบว่ามีผู้ใดััได้ถึงอุณหภูมิความร้อนของเปลวไฟเมื่อสักครู่นี้ได้บ้าง?”
ผู้เฒ่าสามของตระกูลเซี่ยพยักหน้าและกล่าวว่า “ก็จริง อุณหภูมิของเปลวไฟสีม่วงเมื่อสักครู่นี้ ก็ไม่ร้อนนะ แม้ว่าแม่นางน้อยจะรับไหว แต่เดาก็รู้แล้ว”
“พูดเช่นนี้ แสดงว่าสิ่งที่จีชิงรั่วมีอยู่ มันไม่ใช่ไฟแท้จื่อเสวียนหรือ? หรือว่าเป็เปลวไฟอย่างอื่น?” เมื่อมีนักพรตสังเกตเห็น ก็รีบหยิบเอาม้วนตำราหยกม้วนใหญ่ออกมาจากแหวนลับ และเริ่มทยอยกันค้นหา
“บอกแล้วว่าอย่ารับคนที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าเข้ามาในตระกูล ตอนนี้เป็อย่างไรเล่า ระดมผู้คนมาเป็จำนวนมาก นับว่าผิดพลาดแล้ว ทำคนขายหน้ากันทั้งตระกูล” มีคนจำนวนมากของตระกูลหลินที่ไม่ชอบประมุขแอบกระซิบกระซาบกัน
“เหอเหอ สภาพตอนนี้ ไม่รู้จริงๆ ว่าตระกูลหลินจะแก้ไขสถานการณ์อย่างไร เอาของปลอมมาโอ้อวด ผู้ไม่เห็นด้วยในตระกูลหลินเ่าั้ จะยังไม่ต่อต้านกันได้หรือ?”
“ในเมื่อไม่ใช่ไฟแท้จื่อเสวียน แล้วมันยังมีไฟอะไรที่เป็ไฟสีม่วงเล่า? เปลวไฟสีม่วงในตัวของจีชิงรั่วผู้นี้มาได้อย่างไร? แล้วมันมีผลอะไร?”
ผู้คนในห้องโถงพากันวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมาทันที สายตาที่มองตระกูลหลินบนนั้น อดเห็นอกเห็นใจไม่ได้ เพราะท้ายที่สุดแล้ว เื่นี้ก็ทำลายความหวังของตระกูลหลินอยู่ดี เป็ใครเวลานี้ก็คงกลัดกลุ้มใจมากเช่นกัน
ทันใดนั้นปรมาจารย์หงผู้นั้นก็ลุกขึ้น เหมือนกับไก่ชนจ้องเขม็งไปทางลู่อวี่ วันนี้ชื่อเสียงที่เขาสั่งสมมาหลายร้อยปีถูกทำลายย่อยยับ เป็เพราะบุรุษผู้นี้ ต้องกล่าวว่าความเกลียดชังของเขา ที่มีต่อลู่อวี่ถึงจุดที่อยากจะฉีกเขาออกเป็ชิ้น ๆ โชคดีที่ยังมีสติอยู่ ดังนั้นจึงถามด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ในเมื่อนายน้อยลู่สามารถระบุได้ชัดเจน หากเป็เช่นนั้นคงจะรู้ว่าไฟนี้คืออะไร? เช่นนั้นก็บอกกับทุกคนเถิด ข้าจะได้ขอยอมแพ้อย่างไร้ซึ่งข้อกังขา!”
“ฮ่าๆ ปรมาจารย์หงเข้าใจผิดแล้ว คนเราเกิดมาครั้งหนึ่งจะไม่ทำผิดพลาดได้อย่างไร ข้าน้อยไม่ได้คิดเป็ศัตรูกับท่าน เพียงแต่ทนเห็นเด็กหญิงผู้นี้อึดอัดและไม่มีความสุข เพราะไฟนี้เท่านั้น!” คำพูดที่จริงใจของลู่อวี่ทำให้ปรมาจารย์หงตกตะลึงไปเล็กน้อย ความโมโหที่เกิดขึ้นในใจค่อยๆ สงบลง คิดไปคิดมามันก็ใช่ เป็ตนเองที่ประเมินตรวจสอบมาให้ใครต่อใครทั้งชีวิต กลับไม่เคยผิดพลาดมาก่อน ถึงได้มีชื่อเสียงที่โด่งดัง แต่คนที่ว่ายน้ำเป็ก็มักจะจมน้ำตาย ตัวเขาจะไม่ผิดพลาดเลยทั้งชีวิตได้อย่างไร?
เมื่อคิดได้เช่นนี้ จึงส่ายหน้าอย่างขมขื่น นั่งลงช้าๆ แล้วกล่าวว่า “เพราะข้ายึดติดกับชื่อเสียง ถึงได้สูญเสียการควบคุม ทำให้นายน้อยลู่หัวเราะเยาะเอาได้ แต่ข้าก็อยากรู้จริงๆ ว่า นี่คือเปลวไฟประเภทใดกัน เท่าที่ข้ารู้มานอกจากไฟแท้จื่อเสวียนแล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่มีเปลวไฟใดที่เข้าข่ายแล้ว!”
แต่ลู่อวี่ก็ทำเพียงยิ้มโดยไม่พูดอะไร เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าตระกูลหลินรวมตัวกันเป็กลุ่มสองสามคน เพื่อหารือเื่นี้อย่างดุเดือด แต่กลับเห็นว่าจีชิงรั่วที่สวมชุดสีขาวถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง และไม่มีผู้ใดสนใจอีก ผู้อื่นมีอำนาจก็ประจบสอพลอ สูญอำนาจก็ไม่แยแส เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจนน่าใจริงๆ
แต่มันก็เป็สิ่งที่ลู่อวี่อยากจะเห็น ดังนั้นเมื่อเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็กวักมือเรียกจีชิงรั่ว
จีชิงรั่วยืนทำอะไรไม่ถูกอยู่ตรงนี้ ไม่รู้ว่าเหตุใด ถึงรู้สึกใจหายอย่างไรไม่รู้ มันเหมือนทั่วทั้งโลกกำลังทอดทิ้งนาง จึงทำให้สภาพจิตใจของนางที่เดิมทีอ่อนแออยู่แล้ว ยิ่งอ่อนไหวมากยิ่งขึ้น
แต่ทันใดนั้นก็เห็นลู่อวี่ มอบรอยยิ้มอบอุ่นและจริงใจเดินเข้ามาหา
แม้ว่าในห้องโถงจะค่อนข้างวุ่นวาย แต่ก็ยังมีหลายคนที่สังเกตเห็นการกระทำของลู่อวี่ ทุกคนหันมามอง แม้แต่สมาชิกในตระกูลหลิน ที่เพิ่งทะเลาะกันเนื่องจากพิธีฝากตัวเป็ศิษย์ก็พากันหยุดพูด
“ข้าชื่อ ลู่อวี่ เป็นายน้อยของตระกูลลู่แห่งเทียนอวิ๋น อืม พูดเื่นี้ไปเ้าก็ไม่เข้าใจ เอาเป็ว่า ข้าขอถามเ้าสักประโยค พ่อแม่ของเ้าอยู่ที่ใดกันหรือ?”
เมื่อจีชิงรั่วได้ยินเช่นนี้ น้ำตาที่เอ่อล้นอยู่ในดวงตาก็ไหลรินลงมาทันที ร้องไห้และพูดว่า “ข้าไม่รู้ว่าพ่อแม่ไปอยู่ที่ใด? พวกเขาบอกว่า ขอเพียงข้าได้เข้ามาอยู่ในตระกูลหลิน พ่อแม่ก็ไม่ต้องกังวลเื่อาหารการกินและเสื้อผ้า ข้าจะมีกินมีใช้ไปตลอดชีวิต แต่ แต่ ข้าก็ไม่ได้เจอพวกท่านอีก พวกเขาไม่ให้ข้าไปพบผู้ให้กำเนิด บอกให้ข้าลืมเื่ของพวกท่านไปเสีย!”
ทันใดนั้นเด็กหญิงตัวเล็กๆ ก็โผเข้าสู่อ้อมแขนของลู่อวี่ นางเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น เสียงร้องทำให้คนที่ได้ยินปวดใจ แม้แต่ใจของลู่อวี่เอง ก็ดูเหมือนจะถูกบางอย่างสะกดกลั้นไว้
ทุกคนในตระกูลหลินหน้าถอดสีไปทันที หลินฉงซิ่นตะคอกอย่างเ็าและพูดว่า “ยังไม่นำตัวแม่นางชิงรั่วกลับมาอีกหรือ? “
ลู่อวี่คุกเข่าลงและกอดร่างเล็กๆ ของจีชิงรั่ว เงยหน้าขึ้นและเมินผู้ดูแลตระกูลหลินสองสามคนที่วิ่งเข้ามาหา ทำเพียงพูดเสียงดังว่า “ท่านลุงหลิน แม้ว่าจีชิงรั่วจะถูกตระกูลหลินช่วยชีวิตไว้ แต่ก็อย่างไร นางก็ยังไม่ใช่สมาชิกของตระกูลหลิน เหตุใดถึงวางอำนาจบาตรใหญ่ ไม่ให้นางพบหน้าผู้ให้กำเนิดเล่า? แม้แต่ข้าถามไม่กี่คำก็ไม่ยอมหรือ?”
ทันใดนั้น ก็มีคนะโออกมาและะโว่า “นี่มันเื่ของตระกูลหลินข้า ลู่อวี่ เ้าอย่ามายุ่งเื่ผู้อื่นจะดีกว่า!”
บุรุษผู้นี้อายุประมาณสามสิบปี รูปร่างสมส่วน หน้ากลม หูใหญ่ แม้ว่าจะไม่ใช่บุรุษรูปงาม แต่ก็ถือว่ายังสง่าผ่าเผย แต่ในเวลานี้กลับมีสีหน้าเคร่งขรึม มองลู่อวี่อย่างเ็าด้วยท่าทางเป็ศัตรู
“หากน้องสาวผู้นี้เข้าเป็สมาชิกในตระกูลหลินแล้วจริงๆ ข้าลู่อวี่จะหันหลังกลับและจากไปตอนนี้ แต่ในเมื่อยังไม่ได้เข้าร่วม เช่นนั้นก็ต้องขอโทษด้วย อีกอย่างต่อให้ข้าปล่อยมือ ตระกูลหลินของพวกเ้า ยังจะยอมรับนางเข้าสู่ตระกูลอยู่อีกหรือ? ข้ายืนยันได้เลยว่า สิ่งที่นางมีในไม่ใช่ไฟจื่อเสวียน แต่ก็ใช่ว่าจะใช้หลอมอาวุธไม่ได้ เพียงแต่ผลลัพธ์ที่ได้ คงจะทำให้พวกเ้าผิดหวังแน่นอน”
หลังจากลู่อวี่พูดจบ ก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมาสองครั้ง จากนั้นก็อุ้มเด็กผู้หญิงตัวเล็กกลับไปยังที่นั่งของตนเอง เมื่อเห็นว่าทุกคนมองมาที่เขา จึงเงยหน้าขึ้นแล้วพูดกับหลินฉงซิ่นว่า “ท่านลุงหลิน ข้าขอใช้ยาอายุวัฒนะไท่หยวนสามเม็ด ยาหุยหยวนเป่าสามเม็ด ยาเม็ดมรณะสามเม็ด ยาอายุวัฒนะน้ำค้างขาวสามเม็ด และยามหัศจรรย์ทำลายล้างเจ็ดดาวสามเม็ด แลกกับเด็กหญิงผู้นี้ ไม่ทราบว่าทุกคนในตระกูลหลิน มีความคิดเห็นประการใด?”
คำพูดนี้ของลู่อวี่แทงใจยิ่งนัก เมื่อแรกเริ่มคือถามประมุขตระกูลหลิน แต่สุดท้ายกลับกลายเป็ถามทั้งตระกูลหลิน หากเป็คนที่มีแผนการในใจสักนิด ต่างก็รู้แผนการของบุรุษผู้นี้ เพราะอย่างไรเสีย หากรับจีชิงรั่วเข้าเป็คนในตระกูลหลินแล้ว ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ ก็คือสายเืโดยตรงของตระกูลหลิน ผู้เฒ่าอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอาจได้รับค่าตอบแทนบ้างเล็กน้อย ส่วนคนอื่นๆ คาดว่าไม่น่าได้รับอะไรกลับไป แต่หากมียาอายุวัฒนะมากถึงเพียงนี้ คนจำนวนมากในตระกูลหลินก็อาจได้รับการแบ่งสันปันส่วนมาให้ได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นลู่อวี่วางขวดหยกลงบนโต๊ะขณะพูด รวมแล้วมีทั้งหมดห้าขวดหยก แต่ละขวดบรรจุยาอายุวัฒนะหายากที่สามารถพบได้ในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียร แต่กว่าจะได้มานั้นยากลำบาก และแม้แต่หลินฉงซิ่น คนที่ประสบพบเจอกับเื่ราวมากมาย ยังรู้สึกใกับการต่อรองของนายน้อยตระกูลลู่ผู้นี้
และบรรดาคนที่มาเข้ารับชมพิธีเ่าั้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง แต่ละคนถึงกับตกตะลึงอ้าปากค้าง
“ค่าต่อรองก้อนใหญ่ ค่าต่อรองก้อนใหญ่ยิ่งนัก ยาไท่หยวน สมบัติล้ำค่าของเขาหนิงชุยเฟิง มีเงินก็หาซื้อไม่ได้! หากให้ข้าสักเม็ดหนึ่ง หนึ่งเดือนผ่านไป อย่างน้อยพลังยุทธ์ของข้า ต้องบรรลุขั้นพลังเล็กๆ ขั้นหนึ่งแน่!”
“เหมือนเด็กไม่รู้ประสีประสาอะไร สิ่งที่มีค่าที่สุดในนี้ คือยามหัศจรรย์ทำลายล้างเจ็ดดาว เมื่อไม่นานมานี้ ได้ยินมาว่านายน้อยตระกูลลู่ ได้ปรุงมันขึ้นที่เมืองเทียนตูเซียนหนึ่งเตาหลอมยา ตอนนั้นนับว่าเป็ที่ฮือฮาไม่น้อย ตอนนี้ให้ทีละสิบเม็ดในทันที คิดว่าคงไม่ได้ปรุงออกมาเพียงเตาเดียวแน่ๆ ยาอายุวัฒนะที่สูญหายเหล่านี้ ต่อให้มีสูตรยาและมีวัตถุดิบเพียงพอ คงปรุงสำเร็จได้เพียงสามในสิบส่วน แต่ดูเหมือนว่านายน้อยตระกูลลู่ จะปรุงยาสำเร็จมากถึงห้าในสิบส่วน องค์เทพเซียน! นี่เ้ากำลังท้าทาย์อยู่หรือ!”
“แต่ข้าคิดว่า ที่มีค่าที่สุดคือ ยาเม็ดมรณะกับยาอายุวัฒนะน้ำค้างขาว ทั้งสองชนิดนี้ ถือเป็ยาอายุวัฒนะที่รักษาอาการาเ็ ยาเม็ดมรณะมีสมญานามว่า 'ยาปลิดชีพ' ไม่ใช่ว่าไม่มีสาเหตุ ตราบใดที่หัวใจและศีรษะไม่แตกแยก ยาเม็ดเดียวก็สามารถรักษาให้ฟื้นกลับคืนสู่สภาพเดิมได้ ซึ่งเทียบเท่ากับการได้รับชีวิตใหม่ และทุกสิ่งจะมีความหมายก็ต่อเมื่อยังมีชีวิตอยู่!”
“มีข่าวลือไม่ใช่หรือว่า คนปรุงโอสถขั้นห้าอย่างนายน้อยตระกูลลู่ ไม่สมกับคำร่ำลือ? เหตุใดดูเขาไม่เสียดายยาอายุวัฒนะพวกนั้นเลยแม้แต่น้อยนิด หากเป็ข้า ต่อให้ตีข้าให้ตาย ข้าก็ไม่แลก!”
“บางที เขาอาจจะมีปรมาจารย์ผู้ทรงพลังมากกว่านี้? อาจเป็คนปรุงโอสถขั้นสี่ก็เป็ได้ และคงไม่สนใจยาอายุวัฒนะขั้นห้าเหล่านี้ด้วยซ้ำ นั่นจึงเป็เหตุผลว่า เหตุใดลู่อวี่ถึงใจกว้างได้มากถึงเพียงนี้!”
“งี่เง่า ไม่คุ้มค่าที่จะปรึกษาหารือด้วย!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้