โหยวเสี่ยวโม่ไม่ทันสังเกตว่าหลิงเซียวกลับมาแล้ว
เขากำลังนั่งกับพื้น เผยสีหน้าเสียดาย
ศิษย์ทั้งเจ็ดในสำนักชิงเฉิงคงไม่ได้มีตำแหน่งสูงส่งอะไร เพราะในถุงเก็บของพวกเขาแทบไม่มีของอะไรเลย
อีกอย่าง เนื่องจากพวกเขาเป็นักฝึกตน ดังนั้นในถุงเก็บของหากไม่ใช่พวกคัมภีร์ อาวุธ ยาเซียนตันชั้นล่างก็มีแต่ของที่มีประโยชน์กับพวกนักฝึกตน ส่วนหญ้าเซียน เขาไม่เห็นสักต้น อย่างเดียวที่พอปลอบใจเขาได้คือ ถุงเก็บของของทั้งเจ็ดคนมีเงินคนละแสนสองแสน
โหยวเสี่ยวโม่นับคร่าวๆ ได้ทั้งหมดหนึ่งล้านสองหมื่นถ้วน
ภาพที่หลิงเซียวเห็นคือ เขาจัดการกองของที่ไม่มีประโยชน์ไว้ฟากหนึ่ง ในมือถือถุงเก็บของไว้อันหนึ่ง ยิ้มอย่างมีความสุข เดิมนึกว่าเขาคงใ ดังนั้นจึงรีบฆ่าเยี่ยตันแล้วกลับมาเร็วไว
เห็นทีตอนนี้ ที่เขากังวลเท่ากับศูนย์เปล่า ความสามารถในการปรับตัวของโหยวเสี่ยวโม่ต่อคนตายนั้นเข้มแข็งกว่าที่เขาคิด
โหยวเสี่ยวโม่หันกลับมาเห็นหลิงเซียวอยู่ด้านหลังแล้ว ใบหน้ายิ้มเยาะจ้องมองเขา สายตาจดจ้องอยู่ที่ถุงเก็บของในมือเขา รีบซ่อนไปข้างหลัง แล้วรีบเบี่ยงเบนหัวข้อ “ศิษย์พี่หลิง จัดการเยี่ยตันนั่นได้รึยัง?”
“จัดการแล้ว ข้ายังเก็บถุงเก็บของเขามาด้วย” หลิงเซียวยิ้มกริ่มเอ่ยกับเขา ทำไมถึงจะไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ พร้อมกับแกว่งถุงเก็บของในมือ ราวกับไม่เห็นสีหน้าละโมบจนแทบถลนออกมาของเขา
ดวงตาของโหยวเสี่ยวโม่ขึ้นลงตามถุงเก็บของที่แกว่งไปมา น้ำลายแทบไหลย้อยออกมา
เยี่ยตันมีสถานะสูงกว่าศิษย์ทั้งเจ็ดในสำนักเทียนซิน ทั้งยังเป็ศิษย์ของลั่วเฉิงหยวน ถุงเก็บของของเขาย่อมมีของดีไม่น้อย แต่ดูจากท่าของหลิงเซียว หากจะเอาถุงเก็บของนี้มาให้ได้คงมีปัญหานิดหน่อย
โหยวเสี่ยวโม่คิดอยู่ชั่วครู่ เมื่อเก็บยาเซียนตันของทั้งเจ็ดคนมา ยาเซียนตันขั้นกลางมีไม่เยอะ มีเพียงสิบสองเม็ดและเป็เพียงขั้นสี่และขั้นห้า ไม่มีขั้นหก ส่วนยาเซียนตันขั้นล่างนั้นมีสามขวด แต่ทุกขวดมีไม่ถึงห้าสิบเม็ด เห็นได้ว่าคนทั้งเจ็ดนั้นอยู่อย่างยากเข็ญเพียงไรในสำนักชิงเฉิง
ถัดมาเขาก็ล้วงยาเซียนตันในถุงเก็บของของตัวเองออกมาหลายขวด แล้วยื่นไปหน้าหลิงเซียว “ศิษย์พี่หลิง นี่คือยาเซียนตันที่ท่านชอบกิน ข้ายกให้หมดเลย”
หลิงเซียวคิ้วกระตุกขึ้น แต่ก็รับยาเซียนตันทั้งหมดไว้ เพียงแต่นาทีถัดมา โหยวเสี่ยวโม่ก็ต้องตกตะลึง ที่เขาโยนยาเซียนตันในนั้นทิ้งไปหลายขวด ซึ่งก็คือขวดที่โหยวเสี่ยวโม่เก็บมาจากศพพวกนั้น
โหยวเสี่ยวโม่ “...”
ปัดโธ่ ท่านไม่ชอบก็ไม่เห็นต้องโยนทิ้งนี่นา ในนั้นมียาเซียนตันขั้นกลางสิบสองเม็ดเชียวนา เงินทั้งนั้นเลยเนี่ย เอาไปขายคงได้หลายแสน
โหยวเสี่ยวโม่รีบวิ่งไปเก็บกลับมา
หลิงเซียวเมินท่าทีกล่าวโทษของเขา แล้วเอ่ยอย่างเอาแต่ใจ “ข้าจะกินแค่ยาเซียนตันที่เ้าหลอม”
โหยวเสี่ยวโม่ยังคงจ้องเขาถมึงทึง แต่ก็ใจอ่อนอย่างรวดเร็ว เขาเดาได้แต่แรกแล้วว่าจะเป็แบบนี้
หลิงเซียวไม่แกล้งเขาต่อ พร้อมโยนถุงเก็บของให้เขา หัวเราะแล้วเอ่ย “หญ้าเหม็นกับเมล็ดที่เ้าอยากได้อยู่ข้างในแล้ว...” เพราะรังเกียจกลิ่นเหม็น ดังนั้นเขาจึงเก็บหญ้าเซียนกับเมล็ดไว้ในนั้นด้วย
“โอ๊กกก...” เขาพูดไม่ทันจบ โหยวเสี่ยวโม่ก็อ้วกออกมา
หลิงเซียวนิ่งเงียบ…
อ้วกเสร็จ โหยวเสี่ยวโม่ที่อ่อนเปลี้ยมองมาทางเขาอย่างเคืองโกรธ ทำไมไม่บอกแต่ทีแรก เล่นเอาเขาถูกกลิ่นหญ้าเหม็นรมใส่หน้าเต็มเปา เพราะเขาไม่เคยัักับหญ้าเหม็นมาก่อน ดังนั้นจึงไม่รู้ว่ามันเหม็นแค่ไหน ปรากฏว่าโดนเข้าซึ่งหน้า เขาอี๋แทบไม่ทัน
หลิงเซียวทำท่าไร้เดียงสา เขาเตือนก่อนแล้ว ใครจะรู้ว่าเขาจะเร็วปานนั้น อีกอย่างตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลามาชี้โทษกัน แม้เขาจะไม่ใส่ใจหากมีใครเห็นเข้า อย่างมากก็แค่ฆ่าทิ้ง แต่เขารู้ว่าโหยวเสี่ยวโม่คงไม่ชอบใจแน่
ที่จริงโหยวเสี่ยวโม่ก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะตรวจตราถุงเก็บของของเยี่ยตันที่นี่ นี่คือสถานที่เกิดเหตุฆาตกรรม หากมีใครเจอเข้า เขาเดาได้เลยว่าคงถูกหลิงเซียวฆ่าปิดปากเสียก่อน
กระนั้นจึงรีบเก็บของให้เสร็จ โหยวเสี่ยวโม่ก็จากร่องธารน้ำพฤกษานี้ไปพร้อมกับหลิงเซียว เ้าลูกบอลใหญ่ไม่อยากกลับเข้าห้วงมิติ ดังนั้นจึงวิ่งตามพวกเขาอยู่ห่างๆ
หลังจากที่พวกเขาจากไปราวครึ่งชั่วยาม มีบางคนที่เดินทางมาถึงร่องธารน้ำพฤกษา ก็เห็นศพทั้งเจ็ดร่างที่ตายสนิท นอกจากนี้ ยังเจอเยี่ยตันที่ถูกหลิงเซียวฆ่าอีกที่หนึ่งห่างออกไป
“นี่คือ?” หนึ่งในนั้นเปล่งเสียงขึ้นอย่างฉงน
“เยี่ยตัน ศิษย์ของลั่วเฉิงหยวน สำนักชิงเฉิง มีพลังชั้นดวงดาวหนึ่งดาว” อีกผู้หนึ่งให้คำตอบ
“เฮอะๆ จอมยุทธ์ชั้นดวงดาวตายในเวลาอันรวดเร็วขนาดนี้ ดูออกรึเปล่าว่าอีกฝ่ายเป็ใคร มีพลังชั้นไหน?” คนผู้นั้นหัวเราะออกมาอย่างประหลาดใจ ราวกับว่าสนใจการตายของเยี่ยตันอย่างยิ่ง
“ไม่สามารถ” อีกฝ่ายตอบอย่างชัดเจน
เมื่อได้ยินคำตอบ เขาคนนั้นก็เผยฟันขาวจ้าออกมา “เมื่อเป็เช่นนี้ ก็จัดการทิ้งของของศิษย์สำนักเทียนซินที่เราฆ่าไว้ ใส่ความให้พวกสำนักเทียนซิน”
“รับทราบ!”
เมื่อสิ้นเสียง คนทั้งหมดก็หายลับไป เหลือไว้เพียงร่างของศิษย์สำนักชิงเฉิงทั้งเจ็ด ตอนนี้มีศพของเยี่ยตันเพิ่มมา ในมือมีถุงเก็บของใบหนึ่ง บนนั้นสลักคำว่าซินไว้ ซึ่งเป็สัญลักษณ์ของสำนักเทียนซิน
แม้ดูออกชัดเจนว่าเป็การใส่ความ แต่กลับได้ผลชะงัดในแดน์วิมานนี้
ขณะเดียวกัน ในแดน์วิมานหลายจุดก็เริ่มมีการเข่นฆ่ากันเืสาด ณ ที่แห่งนี้ ทุกคนจะได้รับรู้ถึง ความแค้นระหว่างสำนัก น้ำใจของเพื่อนร่วมสำนัก หรือสูญเสียจิตความเป็คน มีทั้งคนที่ต้องตาย คนที่ได้โอกาสดี และสถานการณ์เช่นนี้จะดำเนินไปตลอดทั้งเดือน
อีกฟากของหลิงเซียวกับโหยวเสี่ยวโม่ เป้าหมายของพวกเขาคือขุมหยกิญญาในแผนที่
ขุมหยกิญญาในแดน์วิมานถือว่าขึ้นชื่อ เพราะที่นั่นสะพรั่งไปด้วยหญ้าเซียนขั้นกลาง และเป็สถานที่ที่สัตว์ปีศาจขั้นกลางอาศัยอยู่ค่อนข้างเยอะแห่งหนึ่ง หากไม่มีเป้าหมายอื่น คนส่วนมากก็จะมุ่งไปยังขุมหยกิญญา
แต่หนทางการไปถึงขุมหยกิญญานั้นเต็มไปด้วยอันตราย ระหว่างทางอาจเจอฝูงสัตว์ปีศาจนานาชนิด อย่างเช่นอีกาดำที่พวกเขาเจอก่อนหน้านี้ แม้พลังจะต่ำ แต่จำนวนนั้นยากที่จะรับมือ ดังนั้นหากอยากไปถึงขุมหยกิญญาอย่างไร้รอยขีดข่วน คงไม่มีทางเป็ไปได้
แต่มีแผนที่ในมือนั้นต่างกัน อิงจากทางในแผนที่ สามารถเลี่ยงทางที่มีรังของสัตว์ปีศาจได้ และใช้ทางลัดที่ไปสู่ขุมหยกิญญาได้อย่างรวดเร็ว
แต่เนื่องด้วยแผนที่ของพวกเขานั้นมีเพียงส่วนเดียว ดังนั้นจึงมีบางครั้งที่พบเข้ากับรังสัตว์ปีศาจ เพียงแต่จำนวนครั้งที่พบนั้นน้อยกว่าคนอื่น ทั้งไม่ต้องเผชิญกับอันตรายมากมาย
และคนที่รับหน้าที่เก็บหญ้าเซียนและเมล็ดคือหลิงเซียว จากนั้นรีบออกจากที่นั่นก่อนที่สัตว์ปีศาจจะไหวตัว
แน่นอนว่า นี่เป็สิ่งที่โหยวเสี่ยวโม่คิดขึ้นมาเอง หลิงเซียวไม่ได้พาเขาเข้าไปด้วย ดังนั้นเขาจึงไม่เห็นกับตา หากเขาได้เห็น เดาว่าคงไม่คิดแบบนี้ เพราะจากนิสัยของหลิงเซียว ไม่มีทางทำอะไรแอบๆ ซ่อนๆ แน่
อีกทั้งเขาไม่ใช่นักหลอมยา ไม่สามารถใช้พลังปราณิญญาเก็บหญ้าเซียนเหมือนโหยวเสี่ยวโม่ ดังนั้นจึงใช้การขุดหญ้าเซียนขึ้นมาทั้งแปลงพร้อมหน้าดิน จากนั้นใส่ห้วงมิติไว้ แต่หากมีหญ้าเซียนที่มีเมล็ดล่ะก็ เขาก็จะเก็บแค่เมล็ดโดยตรง
การกระทำที่ใหญ่โตขนาดนี้ไม่มีทางทีสัตว์ปีศาจจะไม่ไหวตัว แต่ทุกครั้งที่หลิงเซียวเข้าไป ต้องปล่อยพลังกดดันออกมา จนสัตว์ปีศาจหวาดกลัวหนีหัวซุกหัวซุนตัวสั่น อย่าพูดถึงต่อต้านเลย
แต่ระหว่างทางมีเ้าลูกบอลใหญ่ที่ก่อเื่ขึ้น
หมาป่าเืสีขาวมีนิสัยชอบเข่นฆ่า เ้าลูกบอลใหญ่ก็เช่นกัน
ปรากฏว่ามันนึกสนุกสนานขึ้นมา ไม่ตั้งใจไปแหย่โดนฝูงผึ้งหน้าผี ตอนนั้นหลิงเซียวกำลังช่วยโหยวเสี่ยวโม่เก็บหญ้าเซียนพอดี โชคดีที่กลับมาทันเวลา ไม่งั้นคงถูกผึ้งหน้าผีต่อยแน่
ผึ้งหน้าผีเป็สัตว์ปีศาจชั้นล่าง ตัวเดียวนั้นไม่เท่าไหร่ แต่หากจำนวนนับหมื่นล่ะก็ กระทั่งจอมยุทธ์ชั้นดวงดาวก็คงถูกดูดจนเืหมดตัวแน่ อีกทั้งบนตัวพวกมันยังมีสารทำให้ตัวชาอาบอยู่ที่เหล็กใน ผลลัพธ์ร้ายกาจมาก หากถูกต่อยเข้าก็จะสูญเสียแรงเคลื่อนไหวทันที สถานการณ์เป็เช่นไรนั้นดูได้จากเ้าลูกบอลใหญ่ที่ถูกต่อยได้
หากไม่ใช่ว่าหลิงเซียวกลับมาทันเวลา เ้าลูกบอลใหญ่คงกลายเป็ลูกบอลฟีบ
จากนั้น เ้าลูกบอลใหญ่ที่ตัวไม่อาจขยับเขยื้อนได้ก็ถูกโหยวเสี่ยวโม่เก็บกลับเข้าไปในห้วงมิติชั่วคราว
ระหว่างทางเดินบ้างพักบ้าง หลิงเซียวช่วยโหยวเสี่ยวโม่เก็บหญ้าเซียนได้ไม่น้อย แต่ล้วนเป็หญ้าเซียนชั้นล่าง ชั้นกลางมีไม่เยอะ เมื่อพวกเขาไปถึงขุมหยกิญญา เวลาก็ผ่านไปแล้วสองวัน
ขณะที่พวกเขาไปถึงที่หมายนั้น เสียงดาบฟาดฟันก็ดังขึ้นดึงความสนใจของพวกเขา
เสียงนั้นดังมาจากด้านหน้า ทะเลสาบตั้งขวางอยู่ระหว่างทางไปยังขุมหยกิญญา มีเพียงการเหินข้ามทะเลสาบถึงไปยังขุมหยกิญญาได้ ภาพตรงหน้าเห็นกลุ่มคนที่ถูกขวางทางหน้าทะเลสาบ
มองไกลออกไป มีคนสองฝ่ายกำลังปะทะกัน
ที่โชคร้ายคือ คนทั้งฝ่ายเป็คนที่โหยวเสี่ยวโม่และหลิงเซียวรู้จัก
คนฝั่งซ้ายนั้นสวมชุดนักพรตสีเขียว ด้านหลังชุดมีปักคำว่าซินไว้ เบื้องหน้าคนที่สีหน้ามืดมนเคร่งขรึมก็คือผู้าุโสือ และฝ่ายตรงข้ามก็คือศิษย์สำนักชิงเฉิง แต่ไม่ใช่ลั่วซูเหอ แต่เป็ผู้าุโรุ่นสองคนหนึ่งของสำนักชิงเฉิง มีพลังชั้นดวงดาวเจ็ดดาว
แต่โดยรวมแล้วคนของสำนักชิงเฉิงมีพลังเหนือกว่าสำนักเทียนซิน เพราะพวกเขายังมีผู้าุโรุ่นสองที่มีพลังชั้นดวงดาวสามดาวอีกคนหนึ่ง นั่นก็เท่ากับว่า หากลงมือฝั่งสำนักเทียนซินจะมีแค่ผู้าุโสือที่มีพลังชั้นดวงดาวแค่คนเดียว หากเขาไม่สามารถรับการโจมตีของจอมยุทธ์ชั้นดวงดาวทั้งสองคนได้ ศิษย์สำนักเทียนซินคงไม่มีทางรอดแน่
ดังนั้นผู้าุโสือสีหน้าถึงดูไม่จืดเช่นนั้น เจอใครไม่เจอ ดันมาเจอหน่วยที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักชิงเฉิง
หลิงเซียวเดิมที่ไม่ได้อยากสนใจความเป็ตายของผู้าุโสือเท่าไหร่ แต่โหยวเสี่ยวโม่ไม่ยอม เพราะฟางเฉินเล่อก็อยู่ตรงนั้นด้วย
ฟางเฉินเล่อไม่มีพลังการต่อสู้ หากผู้าุโสือพ่ายแพ้ เขาคงโดนฆ่าตายคนแรกแน่นอน เพราะเขาคือคนมีความสามารถของสำนักเทียนซิน ในแขนงโอสถก็จัดได้ว่าอยู่หนึ่งในห้า สำนักชิงเฉิงก็สืบข่าวคราวของเขามาบ้าง ขอเพียงฆ่าเขาได้ สำนักเทียนซินก็เท่ากับว่าสูญเสียว่าที่นักหลอมยาชั้นสูงไปคนหนึ่ง
ผู้าุโสือก็รู้ถึงข้อนี้ดี ดังนั้นจึงส่งนักฝึกตนฝีมือดีสองคนคุ้มกันเขาไว้
“ศิษย์พี่หลิง ทำยังไงดี?” โหยวเสี่ยวโม่รีบดึงแขนหลิงเซียว
แม้เขาไม่ค่อยรู้เื่การสู้รบ แต่เขาก็ดูออกว่าทางสำนักเทียนซินกำลังเสียเปรียบอยู่ เริ่มเห็นผู้าุโค่อยๆ ร่นถอย มีศิษย์สำนักชิงเฉิงหลายคนเริ่มบีบใกล้เข้ามาทางศิษย์พี่ใหญ่
“จุ๊ๆ!” หลิงเซียวส่งสัญญาณให้เขาอย่าร้อนใจ แล้วหยิบก้อนหินเล็กๆ ขึ้นมาจากพื้นก้อนหนึ่ง
หินเล็กก้อนนั้นใหญ่ราวหัวแม่มือ หลิงเซียวหนีบไว้ระหว่างสองนิ้ว บีบเบาๆ จนกลายเป็สองครึ่ง จากนั้นออกแรงดีดนิ้ว หินทั้งสองซีกก็พุ่งไปสองทิศทาง
ซีกหนึ่งพุ่งไปทางศิษย์สำนักชิงเฉิงที่หมายจะฆ่าฟางเฉินเล่อ อีกซีกหนึ่งพุ่งไปทางผู้าุโที่เก่งสุดในนั้นของสำนักชิงเฉิง
ถูกลอบทำร้ายกะทันหันทำเอาผู้าุโคนนั้นถึงกับตื่นตระหนกใ รับการโจมตีของผู้าุโสือได้ แต่รับก้อนหินนั้นไม่ได้ หลังถูกโจมตีชีพจรส่งผลให้พลังปราณแปรปรวน ถึงกับกระอักเืออกมา เมื่อเขาตรวจอาการาเ็ของตัวเองก็พบว่าได้รับาเ็ภายใน ในใจพลันใยกใหญ่
ผู้าุโสือแม้ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาก็ได้สติอย่างเร็วไว รีบอาศัยจังหวะนี้ รวบรวมพลังอัคคีทั้งหมดโจมตีไปยังผู้าุโอีกคนหนึ่งที่พลังอ่อนกว่าเขา เนื่องจากพลังห่างชั้นกันมากเกินไป ผู้าุโอีกท่านก็ถูกผู้าุโสือแทงทะลุหน้าอก
ผู้าุโที่าเ็อยู่พบว่ามีคนแอบซุ่มช่วยเหลือสำนักเทียนซินอยู่ ทั้งยังมีพลังไม่ด้อยเลย พลันใรีบเรียกศิษย์ที่เหลือถอยหนีก่อน
ผู้าุโสือก็ไม่ได้รีบตามไป รับมือกับผู้าุโสองคนต่อเนื่องกัน พลังปราณในร่างก็ใช้ไปเกือบหมด อีกทั้งเขาสังเกตว่ามีคนแอบซุ่มช่วยเหลือเขาอยู่ ไม่รู้ชัดว่าอีกฝ่าย้าอะไรกันแน่ เขาก็ไม่อาจออกจากที่นี่ทันที
“ขอบคุณที่ท่านช่วยเหลือ ไม่ทราบว่าท่านจะแสดงตัวได้หรือไม่ ข้าน้อยจะได้มีโอกาสกล่าวขอบคุณซึ่งหน้า”
ผู้าุโสือแน่ใจว่าคนที่ช่วยเหลือพวกเขาไม่ใช่คนของสำนักเทียนซินแน่ ไม่งั้นคงแสดงตัวแต่เนิ่นแล้ว อีกทั้งฝ่ายนั้นพลังไม่ด้อยแน่ สามารถใช้ก้อนหินโจมตีผู้าุโของสำนักชิงเฉิงจนได้รับาเ็ เห็นท่าพลังของเขาคงทัดเทียมกับพวกเขา หากได้สานสัมพันธ์กับคนผู้นี้ การเดินทางหลังจากนี้คงราบรื่นขึ้นเยอะ
เพราะแดน์วิมานมีการจำกัดพลัง ดังนั้นเขาไม่ได้คาดคะเนว่าจะเป็จอมยุทธ์พลังที่สูงกว่า
หลิงเซียวไม่ได้สนใจเขา เพราะเขากำลังอุดปากโหยวเสี่ยวโม่อยู่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้