“ออกไปอย่างปลอดภัย? ฮ่าๆๆ!” ติงรุ่ยหัวเราะเยาะอีกฝ่าย
“กู่ไห่! ฝันไปเถอะ มีเพียงเ้าคนเดียวเช่นนี้ จะทำอะไรได้?” ติงตงะโอย่างเ็า
ชายหนุ่มก้าวไปข้างหน้า สายตาที่เรียบเฉย กวาดตามองผู้ฝึกตนซึ่งยืนอยู่รอบบริเวณ ไปจนถึงาาหมากล้อมสังหารที่ยืนโอบหญิงสาวข้างกาย โดยไม่ปริปากอะไรเลยที่มุมหนึ่ง
“ติงตง เ้าอยากเป็ศัตรูกับหออี้ผิน และท่านตาของถังจู่ เคยคิดบ้างไหมว่าศิษย์ทุกคนของสำนักติงหลง จะมีความคิดเช่นเดียวกับเ้าหรือไม่?” กู่ไห่ถามเสียงเย็น
“ฮึ่ม!”
ศิษย์ของสำนักติงหลงต่างกระซิบกระซาบกันไม่ขาดปาก
“กู่ไห่ ก่อนหน้านี้เ้าเคยยุยงติงตงไปแล้ว ยังคิดที่จะยั่วยุศิษย์ของสำนักติงหลงอีกอย่างนั้นหรือ? คงจะไร้หนทางแล้วสินะ?” หญิงชรากล่าว พลางยิ้มเยาะ
ศิษย์สำนักติงหลงพากันเงียบไปครู่หนึ่ง ไม่มีใครเอ่ยอะไรสักคำ
“ข้าไม่ได้ยั่วยุศิษย์สำนักติงหลง แต่เมื่อถึงเวลานี้แล้ว ก็จำเป็ที่จะต้องแยกแยะ ว่าใครคือมิตรที่ข้าจะปล่อยไป และใครคือศัตรูที่ต้องกำจัดให้สิ้น” ชายหนุ่มพูดอย่างเืเย็น
“หืม?” ผู้ฝึกตนที่อยู่โดยรอบ ต่างชะงักเล็กน้อย
กู่ไห่หมายความว่าอย่างไร? เขาสามารถปล่อยใครไปได้อย่างนั้นหรือ? คิดที่จะทำอะไรกันแน่?
ทว่า ติงตงกลับมีสีหน้าตื่นตระหนก ตอนนี้อีกฝ่ายดูไม่หวั่นเกรงอะไรเลย คงมิใช่ว่าท่านตาของหลงหว่านชิงมาจริงๆ หรอกกระมัง?
“ปล่อยไป? เ้าคิดว่าจะปล่อยใครไปอย่างนั้นหรือ? คงกลัวจนขึ้นสมองไปแล้วกระมัง?” ติงรุ่ยมองชายหนุ่มด้วยความแปลกใจ
หลงหว่านชิงก็เช่นกัน
“ศิษย์สำนักติงหลง? ศิษย์หออี้ผิน? และยังมีผู้ฝึกตนอีกจำนวนหนึ่ง นี่เป็ความแค้นระหว่างข้ากับติงรุ่ย หากท่านไม่้าที่จะข้องเกี่ยวกับเื่นี้ ให้ถอยออกไปยืนด้านข้าง เพื่อไม่ให้โดนลูกหลงจากการต่อสู้ ข้ารับรอง ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็เช่นไร พวกเ้าก็จะไม่เป็อันตราย” กู่ไห่กล่าว
ผู้คนรอบด้านต่างแสดงอาการงุนงงออกมา
ผู้ฝึกตนกว่าหนึ่งพันคนที่กู่ไห่พาเข้ามา ต่างมองชายหนุ่มด้วยความประหลาดใจ ชะงักชั่วครู่ ก่อนเดินไปยืนด้านข้าง
ที่พวกเขาเข้ามาในสำนักติงหลงได้ ก็เป็เพราะกู่ไห่ ทุกคนจึงคอยอยู่เคียงข้าง และช่วยเหลือชายหนุ่มทุกอย่างมาตลอดสามวัน แต่บัดนี้ศึกนองเืภายในของหออี้ผินกำลังจะเกิดขึ้น จึงจำต้องล่าถอย
าาหมากล้อมสังหารก็พาเหล่าศิษย์ไปอยู่ด้านข้างเช่นกัน
ติงรุ่ยและติงตงมองกู่ไห่ด้วยความสงสัย ศิษย์สำนักติงหลง และศิษย์สังกัดอัคคีแห่งหออี้ผิน กลับยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน
“อะไร? เ้ามีกองทัพของตัวเองด้วยหรือ?” หญิงชราถามอย่างเยือกเย็น
หลงหว่านชิงมองชายหนุ่ม ดวงตางดงามคู่นั้นฉายแววกังวล
“ท่านถังจู่ นำโต๊ะสามตัวที่อยู่ด้านข้างมาให้ข้า” กู่ไห่เอ่ยเสียงต่ำ
“หืม?” ผู้คนที่อยู่โดยรอบ ต่างแสดงสีหน้างุนงง... ยกโต๊ะมา?
แม้หญิงสาวจะถูกผนึกพลังเอาไว้ แต่โต๊ะไม้ทั้งสามตัวนี้มิได้หนักมากนัก นางจึงสามารถโยกย้ายมันมาได้อย่างง่ายดาย
ชายหนุ่มนำโต๊ะทั้งสามตัวมาเทินกัน จนเป็แท่นสูง
ภายใต้สายตากังขาของทุกคน กู่ไห่ค่อยๆ ปีนขึ้นไปยืนบนแท่นที่เตรียมไว้
“เขาบ้าไปแล้วหรือ? คิดจะทำอะไร? ”
“ในสถานการณ์ตอนนี้ ยังจะปีนโต๊ะเล่นอีก?”
“เขาดูมั่นใจในตัวเองเหลือเกิน?”
ผู้ฝึกตนที่อยู่โดยรอบ ต่างไม่เข้าใจการกระทำของชายหนุ่ม
กู่ไห่ยืนอยู่บนแท่นสูง พลางมองติงรุ่ยและติงตงด้วยสายตาเย็นะเื
ชายชรารู้สึกหวั่นใจ แม้จะยืนอยู่ข้างๆ ติงรุ่ยแล้วก็ตาม แต่ก็ยังกระวนกระวายใจ... ตนคงไม่ได้เลือกฝั่งผิดใช่หรือไม่?
ในที่สุด ศิษย์สำนักติงหลงก็เลือกข้างตามหัวหน้าสำนักของตน
ติงรุ่ยยังคงระมัดระวังกู่ไห่ แม้รู้ดีว่าระดับพลังของอีกฝ่ายจะต่ำมากก็ตาม แต่พรรคต้าเฟิงและสำนักซ่งเจี่ย ต่างก็ถูกทำลายไปแล้วด้วยฝีมือของคนตรงหน้านี้ ดังนั้นนางจึงต้องระมัดระวังตัวให้มาก เพราะทุกการกระทำของเขา อาจจะมีบางอย่างแอบแฝงอยู่ก็เป็ได้
แต่พอเห็นกู่ไห่ปีนขึ้นไปบนโต๊ะ หญิงชรากลับไม่อาจคาดเดาความคิดของเขาได้เลย... นี่มันเื่อะไรกัน?
“กู่ไห่ จนถึงตอนนี้แล้ว เ้ายังจะมีเล่ห์กลอะไรอีก? รีบๆ ใช้มาให้จบๆ ไป มิฉะนั้น...” ติงตงถลึงตาใส่
“ท่านหัวหน้าสำนักติง รู้อะไรหรือไม่? เริ่มจากพรรคต้าเฟิงที่มีหลี่เหว่ย จนถึงซ่งเซิงผิงแห่งสำนักซ่งเจี่ย คนทั้งสองก็เคยเอ่ยเช่นนี้แหละ รวมไปถึงหลี่ชิงเหอแห่งสำนักชิงเหอด้วย แล้วท่านรู้หรือไม่ ว่าจุดจบของพวกเขาเป็อย่างไร?” ชายหนุ่มกล่าวอย่างเยียบเย็น
“หืม?” สีหน้าของติงตงเปลี่ยนไปทันที “แม้แต่สำนักชิงเหอ เ้าก็ทำลายไปแล้วหรือ?”
“ข้าเป็คนบั่นศีรษะเ้าสำนักชิงเหอเอง!” กู่ไห่บอกอย่างเฉยชา
“เ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลี่ชิงเหอด้วยซ้ำ แล้วจะทำแบบนั้นได้อย่างไร?” ชายชราะโเสียงเย็น
ฟึ่บ!
ทันใดนั้น ชายหนุ่มก็พลิกมือ และคว้าศีรษะมนุษย์ออกมา
ฟึ่บ!
สีหน้าของผู้ฝึกตนที่อยู่รอบบริเวณ พลันเปลี่ยนไปทันที ใครจะไปคิดว่ากู่ไห่จะคว้าศีรษะมนุษย์ออกมาได้หน้าตาเฉย?
“นี่คือหลี่ชิงเหอหรือ?” ทันใดนั้น ก็มีคนร้องอุทานด้วยความใ
“ทำไมมีงูมากมายอยู่บนหัวของเขา?” ตอนนี้ ทุกคนต่างตกตะลึงกับภาพที่ได้เห็น
“คนครึ่งอสูร? ฟู่เสวี่ยทำให้หลี่ชิงเหอกลายเป็อสูรอย่างนั้นหรือ?” ติงรุ่ยอุทาน
“ท่านหัวหน้าสำนักติง ตอนนี้ท่านเชื่อข้าหรือยัง?” ชายหนุ่มถามยิ้มๆ
แววตาของติงตงสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว
“ไม่เชื่อหรือ? เช่นนั้นก็ลองถามดูสิ เขาสามารถให้คำตอบกับท่านได้ ว่าทำให้ข้าบ้าคลั่ง จนตัดศีรษะเขาได้อย่างไร” กู่ไห่กล่าว ใบหน้าราบเรียบ
“ถาม?” ทุกคนแสดงสีหน้างุนงงออกมา
ศีรษะที่ถูกตัดออกมาแล้ว จะถามได้อย่างไร?
แม้แต่หลงหว่านชิงก็ยังมองชายหนุ่ม ด้วยดวงตาที่เบิกตากว้าง... เขาไม่ได้บ้าใช่หรือไม่
“หลี่ชิงเหอ บอกพวกเขาสิ!” กู่ไห่ร้องเสียงดัง
“ฮึ่ม!”
ทันใดนั้นงูตัวเล็กๆ บนศีรษะของหลี่ชิงเหอก็ค่อยๆ เคลื่อนไหว
ฟู่ๆๆๆ!
ภายใต้การกระตุ้นโดยพลังชี่ของชายหนุ่ม เสียงของบรรดาอสรพิษน้อยก็ดังขึ้น ใบหน้าของหลี่ชิงเหอสั่นเทา
“ยังมีชีวิตอยู่? เป็ไปได้อย่างไร?”
“งูนั่น... งูพวกนั้นดุร้ายมาก!”
“หลี่ชิงเหอถูกตัดศีรษะ แต่กลับไม่ตาย?”
ผู้ฝึกตนมากมายที่ยืนอยู่โดยรอบ ต่างพากันตะลึงงันกับภาพอันน่าสยดสยองตรงหน้า บางคนถึงกับเผลอถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เื่ที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ น่าเหลือเชื่อมากเกินไป
ติงตงและศิษย์สำนักติงหลง ต่างก็รู้สึกขนหัวลุก พากันจ้องมองหัวอสรพิษของหลี่ชิงเหอเขม็ง
ติงรุ่ยและลูกน้องกลุ่มหนึ่งก็แสดงสีหน้าพิศวงเช่นกัน
“ศีรษะของเขาถูกตัดไปแล้ว ไม่น่าจะมีชีวิตอยู่มาได้จนถึงตอนนี้” หญิงชราเอ่ยอย่างเ็า
“เช่นนั้นก็จงดูให้ชัดๆ ว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่” กู่ไห่ตะเบ็งเสียง
“ฮึ่ม! คำกล่าวของมารร้ายอย่างเ้า กำลังทำให้ทุกคนสับสน” ติงรุ่ยแค่นเสียง ราวกับกำลังจะลงมือจู่โจมก็ไม่ปาน
ฟึ่บ!
ทันใดนั้น หลี่ชิงเหอก็ลืมตาขึ้น
“เขาลืมตาแล้ว!”
“มีแสงสีแดง ทำไมดวงตาของหลี่ชิงเหอถึงเป็สีแดง?”
“หลี่ชิงเหอยังมีชีวิตอยู่จริงๆ หรือ?”
ผู้ฝึกตนรอบด้านพลันะโขึ้น ด้วยความประหลาดใจ
ทันใดนั้น หัวอสรพิษก็เปล่งลำแสงเจิดจ้าออกมา แสงสีแดงพุ่งตรงไปยังฝั่งตรงกันข้าม นั่นก็คือติงรุ่ย ติงตงและกลุ่มคนใต้อาณัติ เหล่าผู้ฝึกตนที่ไม่ข้องเกี่ยว ซึ่งขยับไปยืนข้างๆ จึงรอดพ้นจากการโจมตีนี้ไปได้
ชายหนุ่มยืนอยู่บนที่สูง จึงทำให้ผู้คนหลายพันคนที่อยู่ฝั่งตรงกันข้าม สามารถมองเห็นดวงตาของหลี่ชิงเหอได้อย่างชัดเจน แต่ถ้าเขายืนเสมอกับอีกฝ่าย ก็จะทำให้คนที่อยู่ด้านหน้าบัง จนทำให้คนด้านหลังไม่โดนพลังคำสาปจากศีรษะอสรพิษ และอาจเกิดการผิดพลาดขึ้นได้
ที่เขาพูดไปเรื่อยเปื่อยนั่น ก็เพราะ้าที่จะดึงความสนใจของทุกคนที่เป็ศัตรูของเขา
ยามนี้ ลำแสงสีแดงนับไม่ถ้วนได้พุ่งออกไป
“ฮึ่ม!”
เพียงพริบตา ผู้ฝึกตนนับพันก็ถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีแดง
“แย่แล้ว! แสงสีแดงนี่มัน... อันตราย!” สีหน้าของหญิงชราเปลี่ยนไปทันที
ติงรุ่ยและติงตงพยายามรอบคอบที่สุดแล้ว ใครจะไปคิดว่าหลี่ชิงเหอจะลืมตาขึ้นมา? ลำแสงสีแดงโผล่ออกมาโดยที่พวกเขาทั้งสองไม่ทันได้ตั้งตัว พริบตา คนทั้งสองก็ถูกโจมตี
“อ๊าก!” เหล่าศิษย์ของสำนักติงหลงต่างร้องโหยหวน ด้วยความพรั่นพรึง
ฟึ่บๆๆๆ!
ศิษย์สำนักติงหลงมากมายตัวแข็งทื่อ ร่างกายค่อยๆ เปลี่ยนเป็หินอย่างรวดเร็ว
“ไม่... ไม่...!” ติงตงร้องด้วยความหวาดหวั่น พยายามดิ้นรน แต่พลังของเขาไม่อาจต้านการโจมตีนี้ได้ จึงค่อยๆ กลายเป็หินอย่างรวดเร็ว
ศิษย์สังกัดอัคคีเองก็ค่อยๆ กลายเป็หินไปทีละคน
กู่ไห่ปล่อยให้ศีรษะอสรพิษเปล่งแสงสีแดงเพียงครู่เดียวเท่านั้น ก็เก็บมันไป
ตุบ!
ชายหนุ่มะโลงมาจากโต๊ะสูง
หลงหว่านชิงมองดูผู้ฝึกตนฝ่ายตรงข้าม ที่ทยอยกลายเป็หินไปทีละคน ด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
เพียง่สั้นๆ หุบเขาโหยวหรานพลันเงียบสงัด ผู้คนพากันสูดหายใจเฮือก... บัดนี้ คนเ่าั้กลายเป็หินไปแล้วหรือ?
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” หญิงสาวถามด้วยความประหลาดใจ
ในกลุ่มคนนับพัน ท้ายที่สุดก็ยังมีคนที่สามารถหลบแสงสีแดงนั่นได้ พวกเขามองเหล่าพี่น้องของตนด้วยความตื่นตระหนก
“เกิดอะไรขึ้น? ศิษย์พี่ ศิษย์น้อง ทำไมพวกเ้าถึงกลายเป็หินได้? ”
“หิน? ไม่ๆ! ทำไมถึงกลายเป็หิน?”
กลุ่มคนที่เหลือรอดมองไปรอบๆ ด้วยความหวาดผวา คราแรกพวกเขาได้เปรียบเื่จำนวนคนที่มีมากนับพัน แต่ตอนนี้ทุกคนกลับถูกสาปกลายเป็หินในพริบตา... รูปปั้นหิน? เป็ไปได้อย่างไร?
“หืม!?”
ผู้ฝึกตนที่ขยับหลบตามที่กู่ไห่บอก ต่างมองชายหนุ่มด้วยความตื่นตระหนก กลุ่มคนซึ่งอยู่ด้านข้างทั้งสองฝั่ง ค่อยๆ ถอยหนีด้วยความรู้สึกสะพรึงกลัวสุดขีด... กลายเป็ก้อนหิน? เป็ไปได้อย่างไร?
กู่ไห่ะโไปยืนด้านข้างหลงหว่านชิงเช่นเดิม ก่อนจะเหลือบมองติงรุ่ยและติงตงด้วยสายตาเยียบเย็น คนทั้งสองคือภัยคุกคามอันใหญ่หลวง ที่ไม่ควรปล่อยเอาไว้
ติงตงในยามนี้ ได้กลายเป็หินไปเรียบร้อยแล้ว
ทว่า ติงรุ่ยกลับไม่เป็เช่นนั้น แม้จะไม่ได้เป็หินทั้งตัว แต่ร่างครึ่งหนึ่งก็เป็หินเช่นกัน นางกำลังดิ้นรน โดยใช้พลังอันแข็งแกร่งของตน เข้าต้านทานคำสาป
“กู่ไห่ เ้าโกหกข้า... อ๊าก!” หญิงชราตวาดเสียงกร้าว
“ไม่! คำสาปบนร่างของติงรุ่ยกำลังจะหายไป!” หลงหว่านชิงอุทาน
“ท่านถังจู่ อยู่นิ่งๆ ข้าจะฆ่าติงรุ่ยเอง” ชายหนุ่มจ้องติงรุ่ยเขม็ง ขณะเตรียมทะยานเข้าใส่หญิงชราตรงหน้า
“สังหารข้าหรือ?... ฮึ่ม!” นางะโเสียงดัง
ฟึ่บ!
นางหยิบกู่ฉินออกมาจากช่องมิติของตน
“ระวัง! อย่าไปนะ!” เมื่อเห็นเช่นนั้น หลงหว่านชิงก็ร้องห้ามกู่ไห่ทันที
บนกู่ฉินมีสายเพียงเส้นเดียว แต่มันเคยถูกดีดมาก่อนแล้ว และปักเข็มอันเล็กไว้ที่นั่น
ติงรุ่ยสะบัดมือเพื่อดึงเข็มบางๆ ออก
“ฮึ่ม!”
สายพิณสั่นไหว เสียงดนตรีพลันดังขึ้น
พร้อมๆ กันนั้น อากาศโดยรอบ ก็ก่อตัวเป็ปราณกระบี่ พลังอันมหาศาละเิออกมา ราวกับจะข่มขวัญใครบางคน
ตูม!
เหมือนสายลมแรงจะก่อตัวขึ้น จนมีรูปลักษณ์คล้ายกระบี่ และกำลังพุ่งปะทุไปทั่วสารทิศ
“ขจัดมันให้สิ้น!”
รูปปั้นหินที่อยู่รอบๆ ถูกพลังวายุซัดจนแตกกระจาย
“อ๊าก….!”
ผู้ฝึกตนที่อยู่ทุกด้าน ต่างก็หนีตายจากการโจมตีของพายุปราณกระบี่ ซึ่งมีรัศมีการทำลายล้างเป็รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ไม่ว่าจะหลบอยู่ตรงไหน ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในระยะการโจมตี จะถูกทำลายสิ้น ไม่ว่าจะเป็ ูเา หิน ต้นไม้ หรือรูปปั้นหินที่อยู่โดยรอบก็ตาม ทั้งหมดถูกบดขยี้จนไม่เหลือซาก
ติ๊งๆๆ!
กู่ไห่หยิบกระบี่ยาวออกมาต้านการโจมตีของอีกฝ่าย
แต่กระบี่ของเขาก็ถูกพลังลมของติงลุ่ย ตัดจนหักเป็ท่อนๆ ทันที
ชายหนุ่มตระหนักได้ถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น จึงคว้าร่างของหลงหว่านชิง แล้วพุ่งหนีออกจากรัศมีการโจมตี
“อ๊าก! ท่านหัวหน้า!”
ลูกสมุนที่ไม่ได้กลายเป็รูปปั้นหิน ต่างก็กรีดร้องด้วยความเ็ป บ้างก็พยายามะโให้พ้นระยะการโจมตีเช่นกัน
ศิษย์สำนักติงหลงส่วนใหญ่กลายเป็รูปปั้นหิน และถูกบดขยี้ไปแล้ว มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รอดมาได้ ทั้งหมดล้วนยืนมองภาพตรงหน้าด้วยความหวาดหวั่น
“ท่านอาจารย์!”
“ท่านหัวหน้าสำนัก!”
“ไม่นะ...!”
ทุกคนกรีดร้องแต่ก็สายเกินไปแล้ว
พลังพายุปราณกระบี่นั้นทรงพลังเกินไป
จากเดิมที่มีกันหลายพันคน ตอนนี้กลับเหลือรอดเพียงร้อยกว่าคนเท่านั้น
เพื่อป้องกันตัวเอง ติงรุ่ยไม่สนใจว่ารูปปั้นหินเหล่านี้จะฟื้นคืนชีพได้หรือไม่
“ในเสียงของกู่ฉินตัวนี้ ได้บรรจุพลังกระบี่เอาไว้อย่างมหาศาล แต่มันสามารถปกป้องผู้ใช้ได้ในระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น ระหว่างนี้เ้าไม่สามารถเข้าใกล้นางได้ ทว่านี่ก็มิใช่พลังของติงรุ่ยอยู่ดี” หลงหว่านชิงกล่าว
กู่ไห่หยิบคันธนูออกมา ก่อนจะยิงตรงไปยังหญิงชรา
ฟิ๊วๆ!
ทันทีที่ลูกศรยาวพุ่งเข้าไป พลันถูกบดขยี้ด้วยพลังกระบี่ของติงรุ่ย
“ไม่มีประโยชน์ หากเสียงกู่ฉินยังคงดังอยู่เช่นนี้ ยิ่งกว่านั้นรัศมีของการโจมตีก็กว้างและรุนแรงมาก” หญิงสาวกล่าว
“เ้าพวกที่ยังมีชีวิตอยู่ ไปจับกู่ไห่มาให้ข้า! เดี๋ยวข้าจะหยุดใช้พลังนี่ พวกเ้าก็อย่าหนี... รีบจับพวกมันมาเสีย!” หญิงชราะโสั่ง
ศิษย์สำนักติงหลงหลายสิบคนยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติง ศิษย์สังกัดอัคคีเองก็เริ่มลังเลใจ แต่กระนั้นก็ยังก้าวไปหาชายหนุ่ม ตามที่ติงรุ่ยสั่ง
“ท่านกู่ พวกเราจะช่วยท่านเอง!” ทันใดนั้น ผู้ฝึกตนคนหนึ่งก็ะโออกมา
แม้กู่ไห่จะบอกทุกคน ว่าไม่ต้องเข้ามายุ่งเกี่ยว แต่เพราะชายหนุ่มยังมีแก่ใจเป็ห่วง บอกให้พวกเขาถอยออกไป เพื่อไม่ให้โดนลูกหลงจากพลังคำสาปของศีรษะอสรพิษนั่น เพราะฉะนั้น แม้ต้องตายพวกเขาก็จะช่วยกู่ไห่ นี่มิใช่เพราะความชื่นชม แต่เพื่อตอบแทนบุญคุณที่อีกฝ่ายช่วยชีวิต
ตุบ!
ทันใดนั้น ผู้ฝึกตนกว่าสามร้อยคนก็ะโมาอยู่ตรงหน้าของกู่ไห่ เพื่อขวางกลุ่มศิษย์สังกัดอัคคี
“ขอบใจพวกเ้ามาก แต่ไม่ต้องกังวล... พวกเขาไม่กล้าหรอก!” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างเยือกเย็น
แน่นอน ว่าตอนนี้บนใบหน้าของศิษย์สังกัดอัคคีทุกคน ล้วนเต็มไปด้วยความสะพรึงกลัว เมื่อคิดถึงชะตากรรมของสำนักซ่งเจี่ย อีกทั้งภาพศีรษะของหลี่ชิงเหอนั้น ก็ยังทำให้พวกเขาครั่นคร้ามต่อกู่ไห่ จึงรุมล้อมเขาอยู่ห่างๆ
“กู่ไห่?” หลงหว่านชิงมองชายหนุ่มด้วยความกังวล
กู่ไห่เหลือบมองาาหมากล้อมสังหารที่ยืนอยู่ไกลออกไป แต่คนผู้นั้นกลับไม่แยแสเขาแม้แต่น้อย
“ฮึ่ม!” ชายหนุ่มสูดหายใจลึก ก่อนโอบรอบเอวเล็กของหญิงสาว
“เ้ากำลังทำอะไร?” ท่าทีของหลงหว่านชิงดูตื่นตระหนกเล็กน้อย
“จับข้าไว้แน่นๆ!” กู่ไห่กล่าวเสียงต่ำ
ขณะเอ่ย ก็ย่อตัวลงเล็กน้อย ก่อนจะะโขึ้นอย่างรวดเร็ว
ตูม!
เกิดเสียงดังสนั่น รอยแตกนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นที่พื้นดินเบื้องล่าง ชายหนุ่มทะยานร่างไปยังเกาะที่ลอยอยู่้าด้วยความรวดเร็ว ราวกับลูกธนูที่ถูกยิง ด้วยพลังในการะโที่แข็งแกร่ง จึงทำให้ทั้งสองพุ่งขึ้นฟ้าทันที
“ว๊าย!” หญิงสาวร้องด้วยความหวาดกลัว แขนเล็กกอดกู่ไห่เอาไว้แน่น
ติงรุ่ยมองตามสองร่างที่ะโหนีไป มือของนางกดกู่ฉินแน่นคล้าย้าสะกดอารมณ์ที่โหมอยู่ในใจ
แกรกๆ!
คำสาปหินบนร่างค่อยๆ กร่อนออกทีละน้อย หญิงชรารู้สึกไม่สบอารมณ์นักในยามนี้ “เ้าหนีไม่พ้นหรอก กู่ไห่!”
ผู้ฝึกตนที่อยู่รอบบริเวณ เงยหน้ามองกู่ไห่ ผู้ใต้บังคับบัญชาของติงรุ่ยหลายสิบคน ยังคงต่อสู้พัวพันกับผู้คนที่้าปกป้องเขา จึงไม่มีใครไล่ตามไป
เศษหินร่วงหล่นเต็มพื้น ต่อให้สามารถแก้คำสาปได้ แต่คนเ่าั้ก็ตายไปแล้ว
ทุกคนมองหญิงชราอย่างไม่เข้าใจ
ฟึ่บ!
ขณะเดียวกัน ตอนนี้กู่ไห่กำลังะโขึ้นไปบนเกาะเบื้องบน และหยุดลงบนเขตแดนของเกาะ
“มีอะไรอยู่ในนั้น? ชีพจรัหรือ?” หลงหว่านชิงมองพื้นใต้เท้าของตนด้วยความสงสัย
ที่พื้นใต้เท้าตอนนี้ คือเขตแดนโปร่งใส ที่ถูกล้อมไปด้วยเมฆหมอก ทั้งยังมีแผ่นไม้อีกหกร้อยแผ่นลอยอยู่รอบด้าน กระดานหมากล้อมขนาดใหญ่นั้น วางอยู่บนขอบของเส้นเขตแดนพอดี
ชายหนุ่มรีบเดินเข้าไป แล้วพิจารณากระดานหมากตรงหน้าอย่างถี่ถ้วนครู่หนึ่ง
หมับ!
กู่ไห่คว้าเม็ดหมากสีดำขึ้นมา ก่อนวางลงบนกระดานตรงหน้าทันที
ตูม!
รอบเกาะลอยฟ้า พลันมีเมฆหมอกลอยขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“กู่ไห่กำลังทำอะไร?”
“เหมือนกำลังเล่นหมากล้อมอยู่?”
“เล่นหมากล้อม?”
กลุ่มผู้ฝึกตนที่ยอมออกมาช่วยเหลือ กำลังกระอักเืหนักเช่นนี้ แต่เขากลับกำลังเดินหมากอย่างนั้นหรือ?
“แย่แล้ว! หินบนตัวติงรุ่ยใกล้จะแตกแล้ว เหลือนิดเดียวเท่านั้น” มีคนร้องอุทาน ด้วยความตระหนก
ก๊อก!
เม็ดหมากในมือชายหนุ่ม ถูกวางลงบนกระดานอีกครั้ง
ตูม!
ทันใดนั้น กระดานหมากทั้งสิบก็ะเิออก
“หืม?” หญิงชราเบิกตากว้างด้วยความตะลึงลาน
กู่ไห่กำลังแก้หมากอย่างนั้นหรือ?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้