เมื่อโตวโตวเห็นว่าหานโม่ได้พัดเฉียนคุนมาแล้ว มันก็หยุดร่ายเวทโบราณทันทีแล้วบินโซซัดโซเซกลับไปอยู่บนมือหานโม่
หานโม่มองไปยังโตวโตวที่อ่อนแรงด้วยสีหน้าทุกข์ใจ
ในสถานการณ์คับขันเช่นนั้น หากไม่ใช่เพราะโตวโตวนางก็คงได้รับาเ็สาหัสไปแล้ว
"เ้าพักผ่อนเถิด" หลังจากสำรวจดูตามตัวของโตวโตวแล้ว หานโม่ก็พบว่าโตวโตวเพียงแค่ดึงพลังออกมาใช้มากเกินไปจนทำให้ร่างกายอ่อนล้าอย่างยิ่ง นางจึงรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย
หานโม่เก็บโตวโตวเอาไว้ในแขนเสื้อเช่นเดิมและกำลังจะเดินจากไป แต่พบว่าร่างกายเ็ปจนแทบจะฉีกขาด
ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้นางไม่ได้ใส่ใจถึงาแของตนเองจึงไม่รู้สึกเ็ปอะไร แต่ตอนนี้ประสาทััทั้งห้าของนางกลับคืนมาเรียบร้อยแล้วความรู้สึกเ็ปต่างๆ จึงแจ่มชัดขึ้น
หานซินค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา นางมองเห็นพัดเฉียนคุนอยู่ในมือของหานโม่ ก็แผดเสียงร้องด้วยความโกรธแล้วทำท่าจะเข้ามาคว้ามันไป
ฉู่หยุนที่ยืนอยู่ข้างๆ เห็นการเคลื่อนไหวของหานซินตลอดเวลาก็เข้ามาคว้าตัวนางเอาไว้ในทันที
หานโม่เ็ปไปทั่วร่างกาย การรับมือกับหานซินในตอนนี้จึงเป็ไปไม่ได้ นางจึงใช้ลมปราณแล้หนีไป แต่ความเร็วของนางนั้นไม่อาจสู้หานซินและฉู่หยุนที่ได้รับาเ็น้อยกว่าได้
เมื่อเห็นว่าหานโม่ได้รับาเ็ เซวียอีเฉินซึ่งซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งก็กระโจนออกมา
ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้รับาเ็จาการโจมตีจากสัตว์อสูรเลย ไม่รู้ว่าไปแอบซ่อนตัวอยู่ที่ไหน มาตอนนี้อยู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น โดยที่ไม่มีร่องของาแหรือการต่อสู้บนเสื้อผ้าเลย เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ แล้วเขาถือว่าสะอาดยิ่งนัก
“ถ้าไม่อยากตายเ้าก็อย่าสอดมือเข้ามายุ่ง!” เมื่อหานซินเห็นเซวียอีเฉินกระโจนออกมาขวาง ก็พูดจาข่มขู่ออกมาโดยไม่ลังเล
แต่เซวียอีเฉินทำเพียงส่งยิ้มให้นาง หลังจากที่ป้อนเม็ดยารักษาให้แก่หานโม่เรียบร้อยแล้ว เขาจึงเงยหน้าขึ้นมามองหานซิน "คนตระกูลหานเป็เช่นนี้เองหรอกหรือ?"
"เ้าหมายความว่าอะไร!" หานซิน้าจะพูดบางอย่าง แต่เซวียอีเฉินทำท่าจะเข้ามาอุ้มหานโม่ขึ้นมาแล้วเตรียมตัวจะเดินจากไป
แต่หานซินจะปล่อยให้พวกเขาจากไปเฉยๆ ได้อย่างไร นางและฉู่หยุนโจมตีพวกเขาทั้งสองพร้อมกัน
หานซินถูกพลังของชายในชุดเสื้อคลุมเข้าครอบงำไปแล้ว ส่วนฉู่หยุนเองก็ยังรักษาความแข็งแกร่งของตนเองเอาไว้ได้ ดังนั้นเมื่อการโจมตีของทั้งสองคนประสานกันก็สามารถทำให้ผู้คนรับมือไม่ไหว เดิมทีหานโม่รู้สึกเป็ห่วงเซวียอีเฉินเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นว่าเซวียอีเฉินไม่เพียงแค่รับมือได้เท่านั้นเขายังดูเป็ฝ่ายได้เปรียบเสียอีก นาถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ในขณะที่ทำการโคจรลมปราณเพื่อรักษาาแ หานโม่ก็สังเกตการเคลื่อนไหวของเซวียอีเฉินไปด้วย
เซวียอีเฉินไม่ค่อยใช้ลมปราณในการโจมตีเท่าใดนัก ในชั่วขณะหนึ่งหานโม่สังเกตเห็นความผันผวนของพลังลมปราณในตัวของเขา
อย่างน้อยๆ ระดับพลังวรยุทธ์ของเขาก็น่าจะอยู่เหนือระดับเสวียนซือ
เมื่อคิดถึงเื่ก่อนหน้านี้ที่เซวียอีเฉินซ่อนตัวอยู่และไม่ได้ยื่นมือออกมาช่วยโจมตีสัตว์อสูรระดับสูง หานโม่ก็ถอนหายใจ
เซวียอีเฉินกับเฉินเซวียนทั้งสองคนนี้ ช่างหลบซ่อนตัวได้ดียิ่งนัก
เมื่อมีผู้ได้พัดเฉียนคุนมาแล้ว การประลองในรอบที่สองก็ถือว่าเป็อันจบลง
ด้านนอกป่าไร้ิญญา หานเฉินต้งกำลังคอยต้อนรับและแสดงความยินดีกับผู้ชนะการประลอง
"ฮ่าฮ่าฮ่า ท่านผู้นำตระกูลหาน ในครั้งนี้ตระกูลของท่านจะต้องขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดเป็แน่" ผู้าุโตระกูลหนึ่งที่เป็รองตระกูลหานมองไปยังหานเฉินต้งและหัวเราะออกมาเสียงดัง
หานเฉินต้งแม้ปากจะเอ่ยอย่างถ่อมตน แต่ใบหน้าของเขากลับเต็มไปด้วยความยินดีที่ดูเย่อหยิ่งและทะนงตนยิ่งนัก
อีกด้านหนึ่งหานิกำลังถูกประคองโดยข้ารับใช้ตระกูลหานอยู่ เมื่อเห็นหานเฉินต้งเป็เช่นนี้ก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้
ก่อนหน้านี้เขากับฉู่หยุนถูกสัตว์อสูรไล่ล่าจนวิ่งหนีมาผิดทางและหลุดออกมานอกป่าไร้ิญญาก่อนเวลา
แม้ว่าหานเฉินต้งจะไม่ได้พูดอะไร แต่หานิก็เห็นถึงความผิดหวังในดวงตาคู่นั้น
ในเวลานี้เมื่อเห็นบิดาเป็เช่นนี้ก็คงต้องฝากความหวังไว้กับพี่ใหญ่ของเขาเสียแล้ว
เห้อ พี่ใหญ่นะพี่ใหญ่ ไม่ว่าอย่างไรก็ยังคงเป็ท่านอยู่ตลอด!
"มากันแล้ว ออกมากันแล้ว!"
บ่าวรับใช้ที่เฝ้าปากทางเข้าป่าส่งเสียงร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ
หานเฉินต้งกำลังถูกล้อมรอบไปด้วยผู้คน เขาเฝ้ารอด้วยดวงตาที่เป็ประกาย
มีเสียงกรอบแกรบดังขึ้น เมื่อเห็นเซวียอีเฉินและหานโม่ออกมาพร้อมกัน สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนเป็ตื่นเต้นทันที
“นั่นคือคุณหนูเจ็ดตระกูลหานใช่หรือไม่?” มีบางคนเอ่ยถามขึ้นมาอย่างสงสัยและไม่แน่ใจเกี่ยวกับตัวตนของหานโม่
“ใช่ นางคือคุณหนูเจ็ดตระกูลหาน ในมือของนางใช่......พัดเฉียนคุนหรือไม่? คุณหนูเจ็ดตระกูลหานเป็ผู้ชนะงั้นหรือ?”
“ดูเหมือนว่าจะเป็เช่นนั้น”
เสียงพูดคุยของผู้คนได้ยินไปถึงหูของหานเฉินต้งราวกับฟ้าผ่าในตอนกลางวัน [1]
เขาผลักคนอื่นๆ ออกไปและเดินไปหยุดอยู่เบื้องหน้าหานโม่ จ้องเขม็งไปยังพัดเฉียนคุนที่อยู่ในมือของนางด้วยใบหน้าน่ากลัว "เสี่ยวชี ทำไมเ้าถึงมีพัดเฉียนคุนอยู่ในมือ? แล้วพี่ใหญ่ของเ้าเล่า?”
หานโม่ยังไม่ทันได้เอื้อนเอ่ยอะไรออกมา เสียงของหานซินก็ดังขัดขึ้น "ท่านพ่อ พี่ใหญ่ตายแล้ว!"
"อะไรนะ?" หานเฉินต้งก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว ราวกับว่ามีพลังมหาศาลโจมตีเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว เขามองหานซินที่เดินออกมาจากป่าด้วยริมฝีปากที่สั่นเทา "อะไรนะ...เ้าพูดว่าอะไรนะ?"
หานซินชำเลืองมองหานโม่แล้วเอ่ยขึ้นมาเสียงดัง "ท่านพ่อ พี่ใหญ่ตายแล้วเ้าค่ะ!"
"ไม่เพียงแค่นั้น หลินเฟยศิษย์ของผู้าุโถังชิงยุ่นก็ตายเช่นกันเ้าค่ะ!"
หลังจากที่หานซินพูดไปสองประโยค ชายวัยกลางคนที่สวมชุดราวเทพเซียนก็เดินตรงเข้ามาหาหานซินจนชายเสื้อโบกสะบัด "คุณหนูห้า ท่านบอกว่าหลินเฟยตายแล้วอย่างนั้นหรือ?"
หานซินจำได้ว่าบุคคลผู้นี้คือผู้าุโถังชิงยุ่นแห่งถังชิงจง นางจึงพยักหน้าให้เขาทันที "ใช่เ้าค่ะ นางตายแล้ว"
สีหน้าของชายผู้นั้นเปลี่ยนเป็ไม่น่าดูนักพลางเหลือบมองไปยังหานเฉินต้งและเอ่ยว่า "เื่ราวนี้ผู้าุโจะสอบสวนเอง"
หลังจากพูดจบเขาก็สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปทันที
หลังจากที่ใกับเื่สาวรู้จากบุตรสาว เขาก็สงบลงอย่างรวดเร็ว เขามองไปยังหานโม่แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เ็าราวกับน้ำแข็งว่า "ถ้าเช่นนั้น หานโม่เ้าได้พัดเฉียนคุนมาได้อย่างไร?"
ใน่ระยะเวลาสั้นๆ คําเรียกขานที่หานเฉินต้งมีต่อหานโม่ก็เปลี่ยนจากเสี่ยวชีกลายเป็หานโม่แทน
หานโม่ยิ้มเย้ยหยันอยู่ภายในใจ แต่ใบหน้ายังคงสงบนิ่งเป็อย่างมาก "ทําไม? ท่านผู้นำตระกูลหานสงสัยสิ่งใดงั้นหรือ?"
ท่าทางของหานเฉินต้งที่มีต่อหานโม่ตอนแรกเป็เพราะผลึกิญญาของนาง นางกลับมาอยู่ในจวนตระกูลหานนานถึงเพียงนี้ ผลึกิญญาไม่ตกมาถึงมือเขาเท่านั้น แต่หานเฉินต้งก็ยังรับรู้ได้ว่าแท้จริงนางเป็คนเช่นไร บัดนี้ความปรารถนาทั้งหมดของเขานั้นสูญเปล่า หานเฉินต้งจึงออกอาการโมโหโดยไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น
หานเฉินต้งเห็นความเยาะเย้ยที่ฉายอยู่ในดวงตาของหานโม่ จากอารมณ์โกรธจัดก็กลายเป็ความเกลียดชังทันที
เดิมทีเขาก็ไม่ได้สนใจในตัวบุตรสาวคนนี้อยู่แล้ว เขาจะไปรับนางกลับมาทำไม ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นว่าหานโม่พอมีประโยชน์อยู่บ้าง
แต่ท่าทางของหานโม่หลังจากกลับมายังตระกูลนั้นดื้อรั้นนัก นางไม่เห็นตระกูลหานอยู่ในสายตาเลย นี่คือสิ่งที่หานเฉินต้งได้เห็นด้วยตาตนเอง
พอมาตอนนี้เมื่อเห็นว่าหานโม่ชนะการประลองแล้วกำลังเยาะเย้ยเขา หานเฉินต้งก็ยิ่งโกรธมากกว่าเดิมจนแทบทนไม่ได้
จุดมุ่งหมายของการประลองนี้ก็เพื่อปูทางให้แก่หานเทียน ตอนนี้หานเทียนตายไปแล้ว แต่หานโม่ซึ่งเป็คนที่เขาเกลียดชังมากที่สุดกลับชนะการประลอง จะให้หานเฉินต้งยอมรับได้อย่างนั้นหรือ?
"เ้าเป็คนที่ได้พัดเฉียนคุนที่มาด้วยตัวเองจริงๆ ใช่หรือไม่?" หานเฉินต้งเอ่ยถามอย่างเ็า
ทุกคนตรงนั้นต่างใ พวกเขามองไปยังหานเฉินต้งและหานโม่ด้วยสายตาแห่งความสงสัยระแวดระวัง
ความหมายในประโยคนั้นแปลได้หลายทาง
ผู้คนเหล่านี้เป็ผู้ที่ยอมจำนนต่อตระกูลหานทั้งสิ้น ในตอนแรกพวกเขาไม่รู้ว่าผู้ใดคือหานโม่ เมื่อเห็นหานโม่ถือพัดเฉียนคุนออกมาก็เตรียมกล่าวชมเชยนางสักสองสามคำ แต่เมื่อหานเฉินต้งกล่าวออกมาเช่นนี้ พวกเขาก็รู้ว่าตนเองควรจะเลือกอยู่ฝั่งไหน
ผู้คนจากตระกูลอื่นเคลื่อนตัวไปทางหานเฉินต้งช้าๆ จนเหลือเซวียอีเฉินเพียงคนเดียวเท่านั้นที่อยู่ฝั่งเดียวกับหานโม่
........................................................................
เชิงอรรถ
[1] ฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ หมายถึง มีเื่ที่ไม่คาดฝันจนทำให้ใอย่างมาก เหมือนกับฟ้าที่ผ่าตอนกลางวันแสกๆ
