แค่ฟังเสียงกรีดร้องของหนิวซื่อในเรือน ในใจของนางก็สั่นในยุคสมัยนี้ไม่ได้คลอดลูกง่ายเหมือนยุคปัจจุบัน
คลอดลูกในยุคปัจจุบัน หากรูปการณ์ผิดปกติหมอสูตินารีจะรีบดำเนินการผ่าตัดทันที ในยุคนี้จะมีการผ่าคลอดได้อย่างไร
สามารถพูดได้อย่างไม่เกินจริงเลยว่า สตรีในยุคนี้เื่ลำบากมากที่สุดคือการคลอดลูก
คลอดลูกคนหนึ่ง มีความเป็ไปได้มากที่สุดที่จะตาย
เด็กในครรภ์ก็อายุครรภ์ได้หกเดือนกว่าแล้ว อีกไม่กี่เดือนนางจะต้องคลอดลูกเหมือนกับหนิวซื่อ
จะสามารถคลอดลูกได้อย่างราบรื่นหรือไม่?
ก้มมองท้องใหญ่โตของตนเอง นางรู้สึกกดดันมาก ไม่พูดถึงเื่อื่นเลยดูเหมือนนางจะทานมากเกินไปสักหน่อย
ท้องขยายใหญ่มากไปสักหน่อย หากเป็เช่นนี้ต่อไปไม่รู้ว่าเด็กในท้องจะตัวเท่าใด
“ไม่ได้ เพื่อการคลอดลูกที่ราบรื่น ั้แ่นี้ต่อไปข้าจะต้องควบคุมอาหารจะอยากทานก็ทานเหมือนแต่ก่อนไม่ได้แล้ว ลูกเอ๋ย เพื่อความปลอดภัยของพวกเราแม่ลูกต่อไปแม่คงต้องทานให้น้อยลงสักหน่อยนะ”
ฟังเสียงร้องโหยหวนน่าเ็ปใจ เฉินเนี้ยนหรานจึงตัดสินใจเด็ดขาด
“อุแว้...อุแว้...”
ในที่สุดก็มีเสียงร้องไห้จ้าของเด็กมาจากด้านในเรือน
หวงเต๋ออันกู่ร้องออกมาด้วยความดีใจ “คลอดแล้ว คลอดแล้วในที่สุดก็คลอดแล้ว ์...” การคลอดลูกไม่เพียงแต่สตรีที่ได้รับความทรมานเขาที่เป็พ่อไม่ได้รู้สึกดีเช่นกัน ทั้งกังวลแม่ แล้วยังกังวลลูก...
“ใช่ คลอดออกมาแล้ว เอาน้ำร้อนมาให้ข้า ข้าจะยกเข้าไป”อายุครรภ์เพิ่งจะหกเดือนกว่า เฉินเนี้ยนหรานจึงยังสามารถทำงานที่ออกแรงได้
หวงเต๋ออันส่งน้ำให้นาง ก่อนที่เฉินเนี้ยนหรานจะผลักประตูห้องคลอดเข้าไปกลิ่นคาวเืหลังคลอดคละคลุ้งออกมา นางชะงักไป จึงถูกหมอตำแย่เร่ง “เร็วๆรีบเอาน้ำร้อนมาเทใส่ในกะละมัง”
“ยินดีด้วย เป็คุณชายตัวน้อย เด็กคนนี้แข็งแรงจริงๆ ดูแล้วน่ารักน่าเอ็นดู”
หมอตำแยเอ่ยชม หนิวซื่อที่อ่อนล้าจนถึงขีดสุดทำได้แค่มองแล้วหลับตาลงนางในขณะนี้เหมือนกับคนที่เพิ่งขึ้นมาจากน้ำ แต่มุมปากของนางกลับแย้มยิ้มพอใจ
หลังจากลูกชายคนโตได้ตายจากไป ในใจของนางเฝ้าปรารถนามาตลอดว่าอยากมีลูกอีกคนตอนนี้มีลูกคนที่สองแล้ว นางรู้สึกว่าลูกที่ตายไปก่อนหน้านี้ได้กลับมาแล้ว
เฉินเนี้ยนหรานมองเด็กตัวไม่น้อยในมือของหมอตำแย ทารกตัวสีชมพูนุ่มนิ่มบนใบหน้ายังมีความยับย่นเพราะเพิ่งเกิด แต่มือเท้าเล็กนั้นกลับเตะไปมาอย่างมีเรี่ยวแรงดูออกเลยว่าเด็กคนนี้เป็คนที่แรงดีมาก
“เด็กคนนี้ดูเหมือนจะมีเรี่ยวแรงมากเลยนะ”รอจนกระทั่งหมอตำแยทำความสะอาดเสร็จแล้ว เฉินเนี้ยนหรานจึงอุ้มเด็กไปให้หวงเต๋ออันดูในวินาทีที่อุ้มเด็กน้อยแรกคลอดไว้ในอ้อมกอด เฉินเนี้ยนหรานรู้สึกว่า ความจริงแล้วเสี่ยงชีวิตคลอดลูกออกมาเหมือนจะเป็เื่ที่ไม่เลว
มองเด็กน้อยนอนหลับตาอยู่ในอ้อมกอด มือเล็กๆ ที่ขยับน้อยๆน่ารักมากเลย...ความสัมพันธ์ทางสายเื ที่แท้ก็น่าประหลาดจนทำให้คนซึ้งใจนัก เป็ความมีอยู่ที่น่าสนใจ
หลังจากหนิวซื่อคลอดลูก เฉินเนี้ยนหรานตั้งใจจะซื้อทาสที่เต็มใจขายตัวมาด้วยสามคน
วันต่อมาหลังจากหนิวซื่อคลอดลูก เฉินเนี้ยนหรานให้หวงเต๋ออันไปเรียกพ่อค้าคนกลางมาหลังจากตกลงซื้อคนกันแล้ว พ่อค้าคนกลางได้พาคนจากสี่ครอบครัวมาให้เลือก
ครอบครัวแรกคือคู่สองสามีภรรยาอายุน้อย ทั้งยังพาเด็กมาด้วยสองคนครอบครัวที่สองเป็ย่าหลานสองคนอีกครอบครัวเป็สองสามีภรรยาวัยกลางคนที่พาคนผอมโซมาด้วยหนึ่งคน สุดท้าย เป็ครอบครัวสกุลจ้าว
ในสี่ครอบครัว ชัดเจนมากว่า สองสามีภรรยาอายุน้อยที่พาลูกมาสองคนนั้นได้เปรียบมากกว่าเล็กน้อย
เพราะลูกสองคนของสองสามีภรรยาอายุประมาณหกขวบ ขอแค่สั่งสอนดีๆต่อไปเด็กทั้งสองคนจะต้องเป็เด็กที่ดีไม่น้อย
สองสามีภรรยาคู่นั้นอายุราวยี่สิบ บุรุษมองแล้วดูเป็คนขยันขันแข็ง ฝ่ายสตรีแต่งตัวสะอาดสะอ้านดูกระฉับกระเฉงเพียงแต่สายตาของนางทำให้เฉินเนี้ยนหรานไม่ชอบใจ ขณะที่เข้ามาสตรีคนนั้นเห็นเรือนเล็กๆ เช่นนี้กลับชะงักไปเสียก่อน ต่อมายืนเงียบอยู่ตรงนั้นชัดเจนมากว่าแม้นางจะขายตัวเป็ทาส แต่กลับดูถูกเ้านายคนนี้!
อีกสองครอบครัว ครอบครัวสองสามีภรรยาวัยกลางคนที่พาเด็กวัยหนุ่มสาวร่างกายผอมโซมาด้วยซึ่งชัดเจนมากว่าเด็กคนนั้นมีโรคประจำตัว เฉินเนี้ยนหรานไม่้าเป็คนดีที่จะจ้างคนที่มีร่างกายป่วยอ่อนแอเข้ามาในเรือนครอบครัวนี้จึงถูกนางตัดทิ้งไป
แม้เด็กตัวผอมคนนั้นจะดูเป็คนมีความรู้ แต่ลูกของนางยังอยู่ในท้องไม่จำเป็ต้องให้คนตัวผอมนั้นมาสอนลูก
ส่วนอีกครอบครัว แม้สองย่าหลานดูแล้วเป็คนซื่อสัตย์ แต่อย่างไร นางไม่้าเพียงคนมาดูแลครอบครัวสิ่งสำคัญที่สุดคือนาง้าจ้างสตรีที่ทำงานเก่งสักคน
สุดท้ายจึงเหลือแค่คนสกุลจ้าว
สกุลจ้าวพบเจอกับโศกนาฏกรรม คนแก่คู่สองสามีภรรยาป่วยตายไปเพื่อทำพิธีศพให้กับทั้งสองคน คู่สามีภรรยาวัยรุ่นจึงเอาที่นาของครอบครัวไปขายสุดท้ายจึงหอบลูกไปขอความช่วยเหลือจากญาติแต่ไม่สำเร็จ ต่อมาคิดขายตัวเป็ทาสเพราะการขายตัวเป็ทาสแม้จะต้องเป็ทาส แต่อย่างไรก็ได้อยู่ด้วยกันทั้งครอบครัวตอนที่ขายตัวเป็ทาส พวกเขาจึงยื่นเงื่อนไขเพียงแค่ขอให้ได้อยู่ด้วยกันทั้งครอบครัวเท่านั้น
มองครอบครัวสกุลจ้าวนี้ แม้บุรุษจะอ่อนแอไปสักหน่อยแต่แววตาสุกใส ท่าทางไม่ได้ดูทึ่มทื่อเช่นเดียวกันทั้งพวกเขายังมีลูกสาวอายุหกขวบ
เด็กคนนี้ ต่อไปหากสั่งสอนดีแล้วจะต้องเป็ลูกมือที่ดีแน่ที่ทำให้เฉินเนี้ยนหรานพอใจมากที่สุดคือสตรีสกุลจ้าวคนนี้
หลังจากเข้าประตูมา นางยืนอยู่ด้านข้างอยู่ตลอดทั้งยังเคารพนอบน้อมต่อตัวเฉินเนี้ยนหรานมาก หลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรมล้วนดีการกระทำดูซื่อสัตย์จริงใจ
ที่ดีที่สุดคือนางทำความสะอาดได้ดีมาก มองออกเลยว่าปกติแล้วเป็สตรีที่ทำงานบ้านเก่ง
“ข้าเอาครอบครัวนี้” ซื้อครอบครัวนี้ จ่ายไปเกือบสามสิบก้วน จัดการบัญชีทั้งสองฝ่ายเสียตรงนั้นแม้ราคาไม่ถือว่าถูก แต่สายตาของเฉินเนี้ยนหรานกว้างไกล นางเชื่อว่ากิจการในครอบครัวควรทำให้ใหญ่โต
ต่อไปสถานที่ที่จำเป็ต้องใช้คนจะต้องมากแน่นอน มีครอบครัวหนิวซื่อ และครอบครัวสกุลจ้าวช่วยงานของนางจะน้อยลงสักหน่อย
“นายหญิง เ้าบอกสิว่าต้องจ่ายค่าอาหารเกือบหนึ่งร้อยอีแปะมันคุ้มหรือ? ให้ข้าพูดนะ เ้าไม่ควรจ้างคนแล้ว ดูสิ ตอนนี้จ่ายเงินไปมากเช่นนี้รายได้ก็น้อยนัก หากเป็เช่นนี้ต่อไปจะดีได้อย่างไร!” แม้หนิวซื่อจะอยู่ใน่อยู่ไฟเมื่อคิดว่าเ้านายจ้างคนอีกแล้ว ในใจเริ่มเป็กังวล
เฉินเนี้ยนหรานที่กำลังอุ้มเด็กชายขึ้นมาหยอกล้อ นางเป็คนตั้งครรภ์เช่นกันมาจ้างคนในตอนนี้ งานการไม่ทำ เช้าเย็นล้วนออกไปเดินเล่น ว่างๆ มาหยอกลูกชายของหนิวซื่อ
เด็กชายอายุได้สิบกว่าวันแล้ว รอยแดงเืบนใบหน้าลดน้อยลงมากใบหน้าที่เดิมทีมีรอยยับย่นเริ่มจะลดน้อยลงไปมาก เปลี่ยนไปทุกวันจริงๆ
รอจนกระทั่งหนิวซื่อพูดพอสมควรแล้วเฉินเนี้ยนหรานถึงได้ส่งเด็กชายกลับเข้าไปในอ้อมกอดของนาง คนที่กำลังตั้งครรภ์จะอุ้มเด็กชายก็ไม่กล้าอุ้มนานเหนื่อยมากเลย
“พี่สะใภ้ ข้าจะพูดอีกครั้งนะ เงินคือสิ่งที่ทำงานหามาไม่ใช่ประหยัดแล้วมันจะเพิ่มขึ้น ข้ารู้ว่าพี่สะใภ้ทำเพื่อข้า แต่ข้าตัดสินใจแล้วต่อไปเ้าอย่าได้สงสัยเื่เช่นนี้อีก” เฉินเนี้ยนหรานกล่าวนิ่งๆ ท่าทีไม่ได้เปลี่ยนไปแต่หนิวซื่อกลับรู้สึกกดดัน
รอจนกระทั่งนางจากไปแล้ว หนิวซื่อถึงได้เข้าใจตัวนางดูแลเ้านายเป็เหมือนน้องสาว เื่นี้ไม่ถูกต้อง ไม่ว่าอย่างไรเ้านายก็คือเ้านาย
หนิวซื่อถอนหายใจเบาๆ ั้แ่นั้นนางจึงไม่พูดถึงเื่จ้างคนอีก ทั้งยังปฏิบัติกับเฉินเนี้ยนหรานด้วยความเคารพอย่างที่ควรจะมีการเปลี่ยนแปลงนี้ เฉินเนี้ยนหรานััได้และไม่รู้สึกเสียใจภายหลัง
ครอบครัวนี้ช้าเร็วอย่างไรก็ต้องใหญ่ขึ้น ดังนั้นต่อไปต้องมีกฎเกณฑ์สั่งสอนคนเสียในตอนนี้ หากต่อไปปฏิบัติตามกฎจึงจะไม่รู้สึกตะขิดตะขวงมากนัก
การขายอาหารตุ๋น เฉินเนี้ยนหรานไม่ได้ทำด้วยตนเองอีก แต่เพราะครอบครัวของเฉินจื่อิทำไม่ทันดังนั้นนางจึงพยายามสุดความสามารถโดยให้คนไปช่วยล้างเครื่องใน หรือพวกหัวหมู
นางรู้ว่าครอบครัวเฉินจื่อิสองสามีภรรยาไม่้าให้นางเลี้ยงคนไว้เปล่าๆและปรารถนาให้นางมีรายได้ ความจริงแล้วเพียงเวลาไม่กี่เดือน นางสามารถรับมือไหว แค่อาหารสำหรับไม่กี่ปากท้องเท่านั้นแต่น้ำใจของครอบครัวท่านลุงนางไม่อยากปฏิเสธอีกทั้งตอนนี้มีครอบครัวสกุลจ้าวเพิ่มขึ้นมา สมควรจะให้พวกเขามาเรียนรู้สักหน่อย
ในวันนี้ ขณะที่นางกำลังสอนจ้าวซื่อว่าทำวัตถุดิบตุ๋นอย่างไรเฉินจื่อิก็วิ่งเข้ามาด้วยความดีใจ “แม่หนู แม่หนู การค้าใหญ่ การค้าใหญ่...”
เฉินจื่อิหน้าแดงไปทั้งหน้า เฉินเนี้ยนหรานหัวเราะและรินชาดอกเก๊กฮวยให้เขาหนึ่งถ้วย“ท่านลุงค่อยๆ พูดนะเ้าคะ การค้าที่ใดทำให้ท่านตื่นเต้นเช่นนี้ ค่อยๆพูดให้หลานฟังสักหน่อยสิเ้าคะ”
เฉินจื่อิกระดกน้ำในแก้ว “แม่หนู เ้ารู้หรือไม่ว่าครั้งนี้เป็การค้าใหญ่จริงๆเ้ารู้จักโรงเตี๊ยมห่ายเทียนใช่หรือไม่”
เมื่อพูดถึงโรงเตี๊ยมห่ายเทียน ดวงตาของเฉินเนี้ยนหรานจึงวาววาบขึ้น“ห่ายเทียน...ท่านทำการค้ากับโรงเตี๊ยมห่ายเทียนหรือ? หยา หากเป็เช่นนั้นจริงๆ การค้าก็ใหญ่จริงๆ จากที่ข้ารู้โรงเตี๊ยมห่ายเทียนอยู่อันดับต้นๆ ของเขตเรามิใช่หรือ อีกทั้งจากที่ข้าเห็นขนาดของห่ายเทียน แม้แต่ในอำเภอก็สู้ไม่ได้ แค่พื้นที่ของโรงเตี๊ยม ก็เกือบห้าไร่เชียวสถานที่เช่นนี้ กิจการในทุกๆ วันล้วนดีมาก ดูจากรถม้าที่หน้าประตูแล้ว ข้าอิจฉามากสถานที่เช่นนี้้าอาหารตุ๋นของพวกเราจริงๆ ...”
ความจริงแล้ว ขณะที่ทำอาหารตุ๋นเฉินเนี้ยนหรานก็คิดมองหาโรงเตี๊ยมเพื่อขายอาหารพวกนี้แต่คิดได้ว่าอาหารของคนในโรงเตี๊ยมต่างอยู่ในระดับสูง อาหารตุ๋นนี่ถือเป็อาหารของคนพื้นบ้านหากนาง้าขายในโรงเตี๊ยม ทางนั้นคงไม่ยอมรับเป็แน่ อีกทั้งตอนนั้นนางคิดจะทดลองขายเพียงเท่านั้นดังนั้นเื่ของโรงเตี๊ยมพวกนางจึงไม่เคยลองไป
เฉินจื่อิหัวเราะอย่างมีความสุข “ใช่สิ ข้าคาดไม่ถึงเช่นกันโรงเตี๊ยมห่ายเทียนติดต่อข้าเองเลยเชียว ทั้งยังคุยเื่อาหารตุ๋นนี่ แม่หนูหากพวกเราร่วมมือกับโรงเตี๊ียมห่ายเทียน ทาสสามคนที่เ้าจ้างมาล้วนมีงานทำแล้ว”
