ิเป่าจูตื่นแต่เช้ามาทำกับข้าวเตรียมไว้ ส่วนตนเองกินเพียงสองคำก็แบกกระบุงขึ้นหลังเดินทางเข้าเมือง เพื่อนำรายได้ก้อนใหญ่เข้าบัญชี ความรื่นเริงบันเทิงใจนี้ทำให้นางไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีเงาคนลับๆ ล่อๆ ตามมาอยู่ด้านหลัง และติดตามนางไปจนถึงในเมือง
ตอนไปถึง หอหมื่นสมบัติยังไม่เปิด นางไปเคาะอยู่นานโดยไม่มีความเกรงใจแม้แต่น้อย ถึงมีคนมาเปิดประตูให้
ซ่งอี้เห็นิเป่าจูมาแต่เช้า แม้ว่าจะแปลกใจแต่ก็พานางไปรับเงินที่ห้องบัญชี
ิเถี่ยจู้ตามิเป่าจูมาจนถึงหน้าประตูหอหมื่นสมบัติ เมื่อเห็นนางเข้าไปแล้ว ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม ก่อนจะเดินเลี้ยวไปทางทิศเหนือ
ทางเหนือของเมืองคือตลาดมืดที่ทุกคนรู้จักกันดี ตลาดมืดที่ว่าหาใช่สถานที่ขายของโบราณหรือภาพวาดเก่าแก่ สิ่งที่พวกเขาค้าขายก็คืุ์
เอาไปขายเป็ทาส หรือบ่าวรับใช้ให้กับคนมีเงิน ขายให้หอนางโลมไปเป็นางคณิกา หรือแม้กระทั่งขายไปใช้แรงงานหรือไปเป็สะใภ้เด็ก [1] ในท้องถิ่นทุรกันดาร
ิเถี่ยจู้เกิดความคิดนี้ขึ้นเพราะถูกหวังซื่อยุแยงอย่างหนักคราก่อน จึงตัดสินใจว่าจะขายิเป่าจูทิ้งไป หลังจากนั้นค่อยกลับไปจัดการิเป่าอวี้
หรือไม่ก็ใช้ครั้งนี้ผูกสัมพันธ์กันไว้ก่อน คราวหน้าตอนขายิเป่าอวี้อาจเจรจาต่อรองราคากันได้
ตลาดมืดเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นเน่า ผู้คนมากมายที่ถูกขายมาที่นี่ล้วนถูกเฆี่ยนตี เพียงไม่กี่วันหากทนไม่ไหวก็จะตายไป
ซากศพถูกโยนทิ้งข้างทาง ไม่มีใครสนใจไยดี ปล่อยให้หนอนแมลงไต่ตอมตามยถากรรม
ถึงแม้จะมีคนมาเก็บกวาดทำความสะอาดตามวันที่แน่นอน แต่นานๆ จะมาสักครั้ง ขณะที่คนตายกลับมีอยู่เรื่อยๆ ไม่เคยขาดตอน
ิเถี่ยจู้อุดจมูกเดินไปถามตามแผงลอย ในที่สุดก็บรรลุข้อตกลงกับพ่อค้าทาสรายหนึ่งที่กำลังหาคนงานให้กับตระกูลเศรษฐี
เขาไม่อยากให้ิเป่าจูได้ไปในสถานที่ที่ดี
แต่ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้ที่นี่ให้ราคาเริ่มต้นสูงกว่าที่อื่นจากที่ไปสอบถามมาทั้งหมด แต่ราคายังไม่สามารถระบุได้ชัดจนกว่าจะได้พบคน
“สหาย หลานสาวของข้าเ้าเล่ห์กลิ้งกลอกยิ่ง ท่านส่งคนตามข้าไปสักคนเถอะ” ิเถี่ยจู้พูดเป็เชิงหารือ เขาคนเดียวคงจับิเป่าจูไม่ได้จริงๆ
“ได้ เหล่าซื่อ เ้าตามเขาไป” พ่อค้าทาสรับปากอย่างรวดเร็ว
พวกเขาพบเห็นเื่พรรค์นี้มาเยอะ มักมีผู้ขายบางคนที่ตัดสินใจแบบชั่ววูบกลัวว่าจะควบคุมสถานการณ์ไม่ได้จึงมาขอความช่วยเหลือ ไม่ใช่เื่ที่น่าแปลกใจอะไรสำหรับคนทำการค้ามืดอย่างพวกเขา
คนที่ถูกเรียกว่าเหล่าซื่อเป็บุรุษรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาโเี้น่ากลัว เด็กผู้หญิงธรรมดาแค่เห็นก็คงใร้องไห้ขวัญหนีดีฝ่อกันหมดแล้ว
ิเถี่ยจู้พึงพอใจยิ่ง รีบพาคนไปจับิเป่าจูอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง
ั้แ่เกิดเื่ของิเป่าจูคราก่อน คนของหอประมูลก็ได้รับบทเรียนมากมาย พวกเขาไม่ดูคนแต่เพียงการแต่งกายภายนอกอีก แต่จะถามวัตถุประสงค์ให้แจ่มชัดแล้วถึงให้คนเข้าไป
แต่ครั้งนี้บังเอิญว่าไม่ใช่วันเปิดทำการของหอหมื่นสมบัติ จึงไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าไปทั้งสิ้น
แต่ิเป่าจูกลับเป็กรณีพิเศษ โจวเหล่ากับซ่งอี้สั่งการไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว นางถึงสามารถเข้าไปได้โดยไร้อุปสรรค แต่ไม่ใช่สำหรับิเถี่ยจู้
เมื่อเห็นบุรุษที่เฝ้าอยู่ข้างประตูสองคนพุงหนากว่า รูปร่างก็สูงใหญ่กว่าตนเองหลายส่วน ิเถี่ยจู้ก็ไม่กล้าทะเล่อทะล่าบุกเข้าไป
เมื่อครู่เขากวาดตามองดูแล้ว ภายในมีการตกแต่งอย่างหรูหราเป็พิเศษ ไม่ใช่สถานที่ที่ตนเองจะมาก่อเื่ได้ จึงพาเหล่าซื่อถอยไปที่แผงลอยเล็กๆ ฝั่งตรงข้าม สั่งน้ำชามาหนึ่งกา กะว่าจะเฝ้าตอรอกระต่าย [2] จนกว่าิเป่าจูจะออกมา
แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ ิเป่าจูนำเงินออกจากหอหมื่นสมบัติไปนานแล้ว
“เถ้าแก่ ข้า้าฝากเงิน”
ครึ่งหนึ่งของห้องถูกกั้นด้วยราวไม้ ้าของแท่นสูงระดับเอวมีช่องประตูทรงโค้งเชื่อมกันอยู่หลายบาน ดูคล้ายคลึงกับช่องหน้าต่างที่ใช้รับส่งของในธนาคารยุคปัจจุบัน
สถานที่ที่ิเป่าจูยืนอยู่ตอนนี้มีชื่อว่าโรงรับฝากเงินจวี้เฟิง ซึ่งเป็โรงรับฝากเงินที่ใหญ่ที่สุดของอำเภอนี้
เมื่อก่อนเคยได้ยินเถ้าแก่หวังแห่งหอจี้ซั่นถังเอ่ยถึง ว่าเป็สถานที่ที่ปลอดภัยและมีความน่าเชื่อถือค่อนข้างสูง หากมีเงินก็สามารถเอามาฝากไว้ที่นี่ได้
ิเป่าจูจำได้แม่น วันนี้ถึงได้มา
“เ้า? เคยมีบัญชีมาก่อนหรือไม่”
ผู้ที่อยู่ด้านหลังแผงกั้นไม้เป็บุรุษอายุราวสามสิบสี่สิบปี เขามองิเป่าจูปราดหนึ่ง หากไม่เพราะนางเป็ฝ่ายเอ่ยปาก่อน เขาก็เดาไม่ถูกว่านางจะมาเพื่อฝากเงิน
“บัญชี? ไม่มี ข้าเพิ่งมาเป็ครั้งแรก” ิเป่าจูไม่ค่อยเข้าใจความหมาย แต่คิดว่าไม่น่าจะต่างกับสมุดบัญชีธนาคารในยุคปัจจุบัน
“ฝากเท่าไร” ชายผู้นั้นถาม
“หกสิบตำลึง”
ก่อนออกมาจากบ้าน นางตั้งใจหยิบเงินมาสี่ตำลึง นี่เป็ความเคยชินที่ติดมาจากยุคปัจจุบัน มีเงินก็ต้องเก็บออมไว้ แม้จะมาอยู่ที่นี่ก็ยังไม่เปลี่ยนนิสัย
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ เงินหกสิบตำลึงไม่นับว่ามากมายสำหรับคนที่ต้องเบิกถอนเงินจำนวนมหาศาลอยู่เป็ประจำเช่นเขา
แต่เมื่อเอ่ยออกมาจากแม่นางน้อยที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเก่าๆ ขาดๆ กลับเป็สิ่งที่น่าประหลาดใจ
ิเป่าจูเห็นคนที่อยู่ในคอกกั้นจดจ้องตนเองอยู่นาน แต่กลับไม่พูดอะไร มือก็เขียนอะไรบางอย่างในสมุดบัญชีเล่มหนึ่งไม่มีหยุดพักแม้แต่ชั่วขณะจิต
เพียงครู่เดียวก็มีกระดาษแผ่นหนึ่งยื่นออกมาจากช่อง “มอบเงินให้ข้าแล้วประทับลายนิ้วมือเป็หลักฐานตรงนี้”
ิเป่าจูเลิกคิ้ว ให้ความรู้สึกเหมือนการฝากเงินที่ธนาคารอยู่มากจริงๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่าทีเย่อหยิงของคนผู้นี้ ทำให้นางนึกอยากจะหัวเราะ
หลังจากทำเสร็จเรียบร้อย ิเป่าจูก็ได้รับตราสารมาฉบับหนึ่ง เถ้าแก่บอกนางว่านี่คือตราสารเงินฝาก สำหรับเ้าของเป็ผู้เบิกถอนเองเท่านั้น หากผู้อื่นมาถอนนอกจากจะต้องมีตราสารเงินฝากแล้ว ยังต้องมีจดหมายรับรองจากเ้าของบัญชีถึงจะทำธุรกรรมได้ เห็นได้ชัดว่าปลอดภัยยิ่ง
ขณะฝากเงิน เถ้าแก่ยังมีข้อเสนอเพิ่มเติมให้นางอีกสองสามทาง ิเป่าจูพิจารณาดูทีละอย่าง ระบบบริหารจัดการเงินค่อนข้างคล้ายคลึงกับยุคสมัยใหม่
นางเลือกแบบฝากประจำโดยไม่ลังเล แบบนี้จะมีการจ่ายดอกเบี้ยหกสิบเหรียญทองแดงทุกสิบวัน เพียงแต่จะไม่สามารถถอนก่อนระยะเวลาที่กำหนดได้
แต่ิเป่าจูคำนวณดูแล้ว ่นี้นางยังไม่จำเป็ต้องใช้เงินก้อนนี้
ส่วนเงินสิบตำลึงที่รับปากิเถี่ยจู้ไว้ มีสำรองไว้ที่บ้านแล้ว รอหลังจากดูทำเลหน้าร้านเสร็จเรียบร้อยค่อยถอนเงินก้อนนี้ออกมาก็ยังทันถมเถ ถึงได้รับปากอย่างสบายใจ
ส่วนิเถี่ยจู้ที่นั่งรออยู่หน้าหอหมื่นสมบัติในที่สุดก็รอไม่ได้อีกต่อไป จึงเข้าไปสอบถามชายเฝ้าประตูอย่างสุภาพ ถึงรู้ว่านางออกไปนานแล้ว
“เ้ากำลังล้อเล่นกับข้าอยู่หรือ” เหล่าซื่อรอมานานมากจนหมดความอดทน พอได้ยินคนเฝ้าประตูกล่าวเช่นนี้ ก็คว้าคอเสื้อิเถี่ยจู้คิดหมายจะใช้กำลังทุบตี
“อย่านะ อย่านะ สหายท่านนี้ ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ท่านลองไปตามหากับข้าดูก่อน หลานสาวข้าคนนี้หน้าตาสะสวย มือไม้คล่องแคล่ว พวกท่านเก็บไว้ต้องขายได้ราคาดีแน่นอน” ิเถี่ยจู้พยายามชี้แจงอย่างสุดชีวิต
เมื่อรอมานานขนาดนี้แล้ว เหล่าซื่อก็ไม่อยากกลับไปมือเปล่า จึงรับปากว่าจะช่วยิเถี่ยจู้ค้นหาดูอีกที
แต่จะว่าไปิเป่าจูก็ดวงซวยจริงๆ รอดพ้นไปได้ครั้งหนึ่ง แต่ไม่อาจหลบหนีไปได้ตลอดทุกครั้ง
ขณะที่นางเข้ามาในตรอกเล็กๆ แห่งหนึ่งก็รู้สึกเหมือนมีลมระลอกหนึ่งวาบผ่านด้านหลัง หลังจากนั้นก็ปวดที่ท้ายทอยอย่างรุนแรงก่อนที่จะหมดสติไป
ิเถี่ยจู้พาเหล่าซื่อเดินสำรวจไปตามถนน เขาเชื่อว่าิเป่าจูไม่น่าจะกลับหมู่บ้านเร็วขนาดนี้ จากการสังเกตมาเป็เวลานาน นางมักจะออกแต่เช้าและกลับค่ำเสมอ
เป็ดังคาด ิเถี่ยจู้สายตาเฉียบคม เห็นิเป่าจูเดินเลี้ยวเข้าไปในตรอกลับแห่งหนึ่ง จึงส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายก่อนที่ทั้งสองจะตามไป
สมกับเป็พวกค้ามนุษย์ที่ทำงานต่ำช้าพรรค์นี้มาหลายปีจนช่ำชอง ใช้สันมือสับเพียงครั้งเดียว คนก็ร่วงลงพื้นราวกับกระดาษแผ่นหนึ่ง
เชิงอรรถ
[1] สะใภ้เด็ก หมายถึง เด็กผู้หญิงที่บ้านหนึ่งเลี้ยงดูมาจนโตเพื่อตบแต่งเป็ภรรยาของบุตรชาย
[2] เฝ้าตอรอกระต่าย เป็สำนวน หมายถึง การนั่งรอความสำเร็จมาเยือนโดยไม่คิดจะทำอะไร มาจากตำนานสมัยจ้านกั๋ว ที่เล่าถึงชาวนาเห็นกระต่ายตัวหนึ่งวิ่งมาชนตอไม้ตาย ั้แ่นั้นก็ไม่ทำงานทำการ มานั่งรอให้กระต่ายวิ่งมาชนตอไม้ตายอีก
