ฉินอวี่เดินออกจากห้องอย่างช้าๆ มองไปทางชุยซั่วที่มีสีหน้าไม่แน่นอน จากนั้นจึงหันไปมองฉินเฟิงและฉินหย่งสองพี่น้องที่กำลังอยู่ในอาการใ เขาค่อยๆ นำร่างของเสี่ยวเถาและเสี่ยวฮวาที่หมดสติ และหลงอวี่ที่ได้รับาเ็เข้าไปภายในห้อง จากนั้น จึงหันไปจ้องชุยซั่วด้วยดวงตาสีแดงดั่งเืและพูดว่า “เ้าคือชุยซั่วใช่หรือไม่?”
“เ้าคือสัตว์ร้าย... ฉินอวี่?” ชุยซั่วระงับความใในหัวใจของเขา และพูดขึ้นเบาๆ
เขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่าฉินอวี่ยังอยู่ในระดับที่ไม่เกินขั้นยุทธ์ระดับหก แต่หัวใจของชุยซั่วกลับต้องสั่นไหวด้วยกระแสพลังปราณของฉินอวี่ ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวอยู่ครู่ใหญ่
“ข้าเอง ในเมื่อพวกเ้าทั้งสามคนก็อยู่ที่นี่กันแล้ว ก็ไม่ต้องกลับไปแล้วล่ะ” ฉินอวี่พูดเบาๆ เมื่อเขาเห็นอาการาเ็สาหัสของฉินเสวี่ย เขาไม่สามารถระงับพลังของความเคียดแค้นภายในใจได้อีกต่อไป ราวกับมีสัตว์ร้ายที่ไม่มีใครเทียบได้ฝังแน่นอยู่ในตัวเขา
“พี่ชุยซั่วฆ่าเขาเลยสิ เขาก็แค่สร้างสถานการณ์มาขู่เท่านั้น!” ฉินเฟิงแสร้งทำเป็สงบนิ่ง แม้ว่าตอนนี้ฉินอวี่จะดูแปลกไปมาก โดยเฉพาะรัศมีพลังสีแดงเืในร่างกายของเขาซึ่งกำลังลุกโชนดุจเปลวไฟ และฉินเฟิงก็รู้ดีว่าพื้นฐานของฉินอวี่ไม่สามารถจะสังหารชุยซั่วได้ เพียงแต่สิ่งที่ทำให้ฉินเฟิงต้องใ คือเมื่อไม่กี่วันก่อนเ้าคนไร้ค่าผู้นี้อยู่ในขั้นยุทธ์ระดับสามมิใช่หรือ? ตอนนี้กลายเป็ขั้นยุทธ์ระดับหกได้อย่างไร?
ชุยซั่วพ่นลมหายใจอันเ็าออกมา และรู้สึกหงุดหงิดกับคำพูดของฉินอวี่ยิ่งนัก จึงกล่าวขึ้นอย่างเ็า “เป็แค่เมล็ดข้าวเล็กๆ ยังคิดจะเปล่งแสงอีก”
ทันทีที่พูดจบ กระบี่ยาวสีแดงเพลิงในมือของชุยซั่วก็ลุกโชติ่ เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างดุดัน โบกกระบี่ยาวในมือขวาของเขาและะโออกมา “ยอดกระบี่อัคคีโชติ่” คลื่นของความร้อนแทรกซึมไปในอากาศตามการเคลื่อนไหวของเขา รัศมีกระบี่ที่มีเปลวไฟลุกโชติ่ได้ม้วนตัวพุ่งไปทางฉินอวี่
ฉินอวี่ไม่กล้าที่จะประมาท เขาเพิ่งจะก้าวเข้าสู่ระดับที่หกของขั้นยุทธ์ และนี่เป็ครั้งแรกที่เขาได้ลองใช้วิชาปีศาจคลั่งปริวรรตที่หนึ่ง ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยแน่ใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของตัวเอง ก่อนหน้านี้เขาเพียงแค่สร้างสถานการณ์ข่มขวัญเพื่อถ่วงเวลา และคำนวณระดับของพลังในร่างกายให้แม่นยำ
หากชุยซั่วอยู่ในขั้นยุทธ์ แม้ว่าจะเป็จุดสูงสุดในระดับเก้าของขั้นยุทธ์ ฉินอวี่ก็ไม่กลัว แม้ว่าชุยซั่วจะอยู่เพียงระดับต้นของขั้นปราณเสถียร แต่ก็แตกต่างจากระดับขั้นยุทธ์อย่างมาก
โดยปกติแล้ว ขั้นยุทธ์ระดับสูงสุดสิบคนก็ไม่อาจจะต่อสู้กับคนขั้นปราณเสถียรได้เลย ประการแรกคือพลังปราณคุ้มกาย ประการที่สองคือพลังปราณนั้นแข็งแกร่งและทรงพลัง นั่นจึงไม่ใช่สิ่งที่ระดับขั้นยุทธ์จะทนต้านทานได้
ฉินอวี่หลีกออกไป พลังร่างกายของเขาพลุ่งพล่าน จนข้ามผ่านรัศมีกระบี่เปลวเพลิงที่โชติ่นั้นไปอย่างรวดเร็ว และปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของชุยซั่ว มือทั้งสองกำหมัดไว้แน่นราวกับัสองตัว และต่อยออกไปใส่เกราะพลังปราณของชุยซั่วอย่างบ้าคลั่ง
“รนหาที่ตาย!” ชุยซั่วเยาะเย้ย มือซ้ายของเขากลายเป็รูปมีดฟาดเข้าหาฉินอวี่ แฝงไปด้วยพลังปราณอันแหลมคม ในขณะเดียวกัน มือขวาของชุยซั่วก็ใช้กระบี่แทงไปทาง่ท้องของฉินอวี่ หมายจะสังหารฉินอวี่ให้ตายในคราวเดียว
“พลังยังไม่เพียงพอ!” ฉินอวี่กล่าวพร้อมการโจมตีที่รุนแรง แม้ว่าเขาจะก้าวเข้าสู่ปริวรรตที่หนึ่งของวิชาปีศาจคลั่งแล้ว แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าพลังของเขาไม่ยังเพียงพอที่จะสังหารชุยซั่วที่อยู่ในระดับขั้นขนาดใหญ่
ในเวลานี้ ชุยซั่วโจมตีออกไปจากทั้งสองด้าน ร่างกายของฉินอวี่สั่นสะท้านอย่างรุนแรง เขาจับกระบี่ที่แหลมคมของชุยซั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และกระแทกกำปั้นเข้าไปทางข้อมือของเขา
ในเวลานี้ ฝ่ามือของชุยซั่วก็เฉือนเข้ามา พลังปราณเปล่งประกายออกมาพุ่งเข้าเชือดเฉือนแผ่นหลังของฉินอวี่
ฉินอวี่ไม่สามารถหลบเลี่ยงได้เลยแม้แต่น้อย หลังของเขาจึงมีเืไหลหยดออกมาทันที
สิ่งที่น่าประหลาดใจคือ เืที่ฉินอวี่หลั่งออกมาทำให้ร่างกายของเขาเปล่งปลั่งและมีพลังปราณแข็งแกร่งยิ่งขึ้นทั่วทั้งร่าง จนฉินอวี่ััได้ถึงพลังบริสุทธิ์ที่ท่วมท้นไปทั่วร่างกาย
“อย่างนี้นี่เอง!” ฉินอวี่ดีใจเป็อย่างยิ่ง เขารู้ดีถึงผลอันมหัศจรรย์ของปริวรรตที่หนึ่งในวิชาปีศาจคลั่ง เขาไม่สนใจต่อความเ็ปที่ด้านหลังของเขาแม้แต่น้อย จากนั้นจึงหันหลังกลับ และกวาดต้อนชุยซั่วด้วยสองหมัดของเขาทันที
“กระบี่อัคคีโชติ่ครั้งที่สอง!” ชุยซั่วใและรู้สึกได้ว่าพลังปราณของฉินอวี่มีกำลังมากขึ้น แม้จะกำลังใ แต่เขาไม่กล้าที่จะถอยออกมานานเกินไป จากนั้นเสียงะโของเขาก็ดังตามขึ้นมา กระบี่ในมือของเขาพุ่งตรงออกไปเกิดเสียงดังกึกก้อง เปลวไฟที่รายล้อมอยู่กับกระบี่ได้เปล่งออกมา กลายเป็ัเพลิงตัวใหญ่ตรงเข้าโจมตีหมัดทั้งสองของฉินอวี่
“ตูม!”
เกิดเสียงะเิอย่างรุนแรงจนสั่นะเื
ฉินอวี่ถอยห่างออกไปอย่างต่อเนื่อง มือทั้งสองข้างของเขาเต็มไปด้วยเื เขากำลังถูกโจมตีด้วยเปลวไฟ เผาผลาญิัของเขา จนมีเืไหลออกมาจากแขนทั้งสองข้าง แต่เืเหล่านี้เป็เหมือนเปลวไฟที่ไหม้อยู่กลางน้ำมัน และกลายเป็พลังอันบริสุทธิ์หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของฉินอวี่
“วิชาปีศาจคลั่งหกปริวรรตประหลาดยิ่งนัก วิชาปีศาจคลั่งหกปริวรรตน่ากลัวมากจริงๆ!”
แม้ว่าฉินอวี่จะมีวิชาปีศาจคลั่งหกปริวรรต แต่ในสูตรตำรานั้นไม่ได้แนะนำอะไรเกี่ยวกับปริวรรตที่หนึ่งของปีศาจคลั่งหกปริวรรตไว้เลย มีบอกไว้แต่เพียงข้อสรุปที่สั้นๆ เท่านั้น
ในตอนนี้ เมื่อได้ใช้การปริวรรตแรกในวิชาปีศาจคลั่งหกปริวรรตแล้ว ฉินอวี่ก็เข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงของวิชาปีศาจคลั่งหกปริวรรต
เดิมทีฉินอวี่ไม่มีเป้าหมายแน่ชัดอะไรในใจ เขาแค่รู้สึกว่าเขาจะเผาผลาญพลังปราณของเขาเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของพลัง แต่เขานึกไม่ถึงว่าเมื่อได้รับาเ็ขณะใช้วิชาชนิดนี้ จะสามารถทำให้เืกลายเป็แก่นแท้ที่บริสุทธิ์ได้
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ยิ่งมีาแมากเท่าใด พลังปราณที่ลุกไหม้ที่ก็จะยิ่งมีพลังที่แข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น!
ชุยซั่วที่ปะทะเข้ากับหมัดของฉินอวี่ รู้สึกเพียงความเสียวซ่านที่มือขวาของเขา จนแทบจะจับด้ามกระบี่ไม่ไหว เมื่อรู้สึกได้ถึงฉินอวี่ที่มีพลังปราณรุนแรงขึ้น ในใจของชุยซั่วก็หวาดกลัวขึ้นมาก
แปลกเกินไปแล้ว
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมพลังปราณของฉินอวี่จึงมีการเปลี่ยนแปลงครั้งแล้วครั้งเล่าใน่เวลาสั้นๆ หากยังคงดำเนินต่อไปเช่นนี้ ชุยซั่วสามารถจินตนาการได้เลยว่า เขาจะตายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ด้วยน้ำมือของฉินอวี่ แม้ว่าเขาจะไม่ตายก็จะต้องาเ็สาหัส
ในขณะนี้ ชุยซั่วเริ่มคิดจะล่าถอยไป การยอมทิ้งชีวิตเพื่อศิลาิญญาดูเป็ความสูญเสียครั้งใหญ่ไปหรือไม่?
“เพราะมีเหตุผลจึงตามมา เื่นี้พวกเ้าจัดการกันเองเถอะ” ชุยซั่วเป็คนที่ “ตัดสินใจแน่วแน่” เขาแน่ใจว่าจุดจบของวันนี้คงจะไม่ดีแน่นอน เขาจะยินดีอยู่ต่อไปหรือ? การสังหารฉินอวี่ มันเป็เพียงการทำเพื่อศิลาิญญาเท่านั้น
ฉินเฟิงและฉินหย่งถึงกับหน้าซีดเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ตอนนี้พวกเขายังคงมึนงง แม้แต่ชุยซั่วก็ไม่สามารถเอาชนะคนไร้ค่าคนนี้ได้หรือ?
เป็ไปได้อย่างไร?
“จะไปไหน? ข้าบอกไปแล้วว่าวันนี้พวกเ้าทั้งหมดต้องอยู่ที่นี่” ฉินอวี่กล่าวอย่างเ็า เท้าขวาของเขากระแทกกับพื้นและพูดขึ้นเบาๆ “กลสามภูผาป้อง์!”
สิ่งที่ตามเสียงของฉินอวี่ขึ้นมา เป็ม่านแสงที่ปรากฏขึ้นปกคลุมสวนเล็กๆ แห่งนี้เอาไว้ เหนือม่านแสงขึ้นไป มีภาพลวงตาของูเาสูงประมาณสิบจ้างลอยอยู่ นี่ก็คือกลพลังเวทที่ฉินอวี่เตรียมเอาไว้ก่อนจะเก็บตัวฝึกตน
ในเวลาเดียวกัน ในร้านค้าของตระกูลฉิน ในเมืองหลักเทียนอู่
“ชุยหลิ่ว เ้า้าที่จะตรวจสอบมิใช่หรือ? สมุดบัญชีก็อยู่ที่นี่ เ้าจะตรวจสอบเช่นนี้หรือ?” ฉินจ้านจ้องไปที่ชุยหลิ่วที่กำลังพลิกดูสมุดบัญชีและพูดอย่างเ็า
“ฮึ ฉินจ้าน เ้ากับข้าแต่งงานกันมานานกว่ายี่สิบปีแล้ว เพื่อเ้าสัตว์ร้ายที่เกิดจากนางจิ้งจอกแล้ว เ้าอยากจะแยกทางกับข้าชุยหลิ่วจริงๆ ใช่หรือไม่? ข้าบอกเ้าไว้เลยนะ ตราบใดที่เ้าอยู่ในแคว้นอู่ ทุกอย่างไม่ขึ้นอยู่กับเ้าฉินจ้านแล้ว นับแต่นี้ไป กิจการทุกอย่างในตระกูลฉินจะต้องถูกแบ่งให้กับเสี่ยวหย่งและเสี่ยวเฟิง” ชุยหลิ่วพูดเย้ยขณะพลิกสมุดบัญชี
ฉินจ้านขมวดคิ้วเล็กน้อย และเขาสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติอย่างคลุมเครือ ขณะที่เขากำลังคิด ก็มีเสียงดังขึ้นจากด้านนอกร้าน “แย่แล้ว นายท่าน คุณชายใหญ่กับคุณชายรองพาชุยซั่วเข้าไปในจวนแล้ว”
ฉินจ้านลุกขึ้นยืดตัวตรงทันที ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก มองไปทางชุยหลิ่วที่กำลังยิ้มเยาะเย้ย ฉินจ้านพลิกมือตบชุยหลิ่วเข้าอย่างจัง และพูดด้วยความหงุดหงิด “ล่อเสือออกจากถ้ำ? หากเสี่ยวอวี่และเสวี่ยเอ๋อเกิดอันตรายขึ้นมา ต่อให้ต้องตาย ก็จะถอนรากถอนโคนตระกูลชุย!” พูดจบ ฉินจ้านก็รีบออกจากร้านด้วยความรวดเร็ว
เมื่อฉินจ้านมาถึงสวนเล็กๆ ที่ฉินอวี่พำนักอยู่ เขาเห็นูเาสูงสามลูกลอยอยู่ในอากาศ ม่านตาของเขาก็หดลงเล็กน้อย และเมื่อเขาเห็นฉากในม่านแสงกลเวท ท่าทางของฉินจ้านที่ดูกังวลก็กลายเป็ความเหลือเชื่อในทันที และมองภาพในม่านแสงนั้นด้วยความตกตะลึง
สิ่งที่ได้เห็น
ฉินอวี่กำลังโชกไปด้วยเื แต่สิ่งที่ทำให้ฉินจ้านต้องใก็คือ ฉินอวี่ถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีแดงเื และแสงสีแดงเืก็กลืนความว่างเปล่า และเติมเต็มไปยังม่านแสงทั้งหมด
เมื่อเทียบกับฉินอวี่แล้ว ชุยซั่วไม่ได้ดีไปกว่ากันมากนัก เสื้อคลุมสีม่วงที่เขาสวมนั้นขาดรุ่ย ทั่วร่างกายของเขาก็เต็มไปด้วยเืเช่นกัน ซึ่งไม่รู้ว่าเป็เืของฉินอวี่หรือของเขาเอง กระบี่ยาวสีแดงเืในมือของเขายังคงเปล่งแสงสว่างอยู่ แต่มันปรากฏขึ้นเพียงแค่ชั่วคราวและมันดูไม่เสถียรอย่างยิ่ง
สถานการณ์ทั้งหมด เกินความคาดหมายของฉินจ้าน
แม้ดูเหมือนว่าฉินอวี่จะลำบากมากกว่า แต่ผู้มีไหวพริบที่เก่งกาจจะพบว่า ชุยซั่วในตอนนี้เกือบถูกฉินอวี่โจมตีอย่างหนัก และเขากำลังรับมือต้านทานมากกว่าโจมตีอย่างแข็งขัน
ด้านฉินเฟิงและฉินหย่งก็กำลังตัวสั่นโดยหันหลังพิงม่านแสง ถ้าไม่ใช่เพราะม่านแสง พวกเขาคงจะเป็อัมพาตชักไปนานแล้ว จิตใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความใ คนผู้นั้นยังไร้ค่าอยู่หรือ?
พวกเขาไม่แม้แต่จะสังเกตเห็นฉินจ้านด้วยซ้ำ ม่านตาและดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และนึกไม่ถึงว่าคนไร้ค่าอย่างฉินอวี่จะแข็งแกร่งมากเช่นนี้ จนแม้แต่ชุยซั่วก็ไม่สามารถเอาชนะเขาได้
“หยุดนะ!!” เมื่อเห็นชุยซั่วถอยอย่างต่อเนื่อง ฉินจ้านก็รีบะโออกมา แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าฉินอวี่แข็งแกร่งขนาดไหน แต่หากชุยซั่วถูกสังหาร ผลที่ตามมาก็จะกลับกลายเป็หายนะ
เสียงะโด้วยความโกรธนี้ปลุกให้ฉินเฟิงและฉินหย่งได้สติขึ้นมา ทั้งคู่ะโด้วยความสยดสยองขึ้นพร้อมกัน “ท่านพ่อ ช่วยข้าด้วย!!”
ดูเหมือนว่าชุยซั่วจะได้รับการช่วยเหลือ จึงรีบหันกลับมาพร้อมเสียงะโดัง “ท่านอาเขยช่วยข้าด้วย!” ทันทีที่พูดจบ เขาก็ใช้โอกาสนี้หยิบยาเม็ดหนึ่งแล้วใส่เข้าไปในปากของตนเองทันที โดยไม่รู้ว่าเป็ยาเม็ดที่เท่าไรแล้ว
หากมีการต่อสู้ขึ้นมาจริงๆ แม้ว่าชุยซั่วจะพ่ายแพ้แต่จะน่าสังเวชใจเช่นนี้ไม่ได้ แต่เมื่อเขาตัดสินใจถอยกลับ เขาก็อยู่เฉยๆ แล้ว และฉินอวี่ก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นเขาจะกล้าต่อสู้ต่อไปอีกหรือ?
อาการาเ็ปรากฏทั่วร่างกาย แต่ฉินอวี่ซึ่งมีพลังไร้ขีดจำกัดในร่างกายได้จ้องไปทางฉินจ้านอย่างเ็า และยังไม่ยอมวางมือ เขาโจมตีชุยซั่วอย่างบ้าคลั่ง แม้ว่าเขาจะกดดันชุยซั่วมาตลอด แต่พลังปราณของชุยซั่วก็ทำให้เขาได้รับความทุกข์ทรมาน และไม่ง่ายนักที่จะควบคุมชุยซั่วได้อย่างสมบูรณ์ หากไม่อาจจะสังหารชุยซั่วได้ ฉินอวี่ก็ยังไม่พอใจ
เมื่อฉินจ้านเห็นว่าฉินอวี่ยังไม่หยุดลงมือ เขาก็เริ่มเป็กังวล จากนั้นจึงเหลือบมองไปยังกลสามภูผาป้อง์ และลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นมือขวาของเขาก็สว่างขึ้นและตบฝ่ามือออกไปทางม่านแสงกลเวทนั้นทันที
“ตูม!” ม่านแสงถูกทำลายโดยฝ่ามือของฉินจ้าน จากนั้นฉินจ้านก็ปรากฏตัวต่อหน้าฉินอวี่ ด้วยร่างกายที่โซเซ มองไปที่ฉินอวี่ที่โชกเื ด้วยความรู้สึกเหลือทนและวิตกกังวล และพูดขึ้น “เสี่ยวอวี่ ชุยซั่วจะตายไม่ได้!”
ฉินอวี่ผลักฉินจ้านออกไปและพูดอย่างเ็า “ไปให้พ้น! ในเมื่อท่านไม่สามารถปกป้องเสวี่ยเอ๋อได้ ั้แ่วันนี้ ข้าจะปกป้องเสวี่ยเอ๋อเอง!”
แต่มือทั้งสองของฉินจ้านเป็เหมือนกรงเล็บเหล็กที่จับไหล่ของฉินอวี่ไว้แน่น ทำให้ฉินอวี่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
ในขณะนี้ ชุยซั่วที่าเ็ไปทั่วร่าง ถือกระบี่ไว้ในมือซ้ายของเขา และกระตุกมือขวาของเขาเข้ากับด้ามกระบี่ ปล่อยกระบี่ที่มีเปลวไฟลุกโชนพุ่งไปทางฉินอวี่
“บัดซบ!” ฉินจ้านโกรธจัด หันหลังกลับและปล่อยพลังฝ่ามือออกไปทำลายกระบี่ยาวนั้น เขาก้าวไปข้างหน้า คว้ามือขวาของชุยซั่วด้วยมือซ้าย และตบข้อศอกด้วยมือขวา
“กรอบแกรบ” ทันใดนั้นก็มีเสียงกระดูกหักดังลั่น
“อ๊าก!” เสียงกรีดร้องเหมือนหมูถูกฆ่าดังขึ้นอย่างน่าสังเวช
“ไสหัวไปเดี๋ยวนี้!” ฉินจ้านเตะเข้าที่หน้าท้องของชุยซั่ว จากนั้นก็เตะชุยซั่วจนกระเด็นออกไป ถอยห่างออกไปตกในระยะห่างกว่าสิบจ้าง
หลังจากตกลงพื้น ชุยซั่วก็ลุกขึ้นพร้อมมือขวาที่หัก มองดูฉินจ้านอย่างขุ่นเคืองและรีบหนีไปทันที
ฉินอวี่ถอยหลังไปสองสามก้าว หัวใจของเขาตกตะลึง พลังที่ไม่มีที่สิ้นสุดค่อยๆ จางหายไป เขารู้สึกเหนื่อยล้าอย่างยิ่ง ฉินอวี่เข้มแข็งอย่างมาก จ้องมองฉินเฟิงซึ่งนั่งอยู่บนพื้นอย่างอ่อนแรงด้วยความเ็า พยายามดิ้นจนหลุดพ้นจากมือของฉินจ้าน และเดินไปทางฉินเฟิง
“ข้าบอกว่า ถ้าเ้ากล้าที่จะยั่วยุข้าอีกครั้ง ข้าจะทำลายเส้นลมปราณของเ้า!”