สตรีนางนั้นมองมู่เฟิงที่นอนสลบไสลอยู่บนพื้นก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น สีหน้าของนางแสดงออกถึงความประหลาดใจ
ตอนนี้มู่เฟิงยังคงอยู่ในร่างของชูร่า
ความคิดบางอย่างแวบผ่านดวงตาสุกสกาวของหญิงสาว จากนั้นมือบอบบางที่เนียนราวกับหยกของนางก็ส่งพลังออกไปโอบอุ้มร่างของมู่เฟิงขึ้นมา ร่างของเด็กหนุ่มลอยอยู่กลางอากาศพร้อมกับมวลก้อนพลังงานสีขาวนวลราวกับดวงจันทร์ที่ห่อหุ้มร่างเอาไว้
จากนั้นหญิงสาวก็เหลือบตามองไปทางจ่าฝูงหมาป่าที่ถูกควบคุมโดยห่วงครอบอสูร เพียงนางโบกมือ จ่าฝูงหมาป่าก็เดินเข้ามาหานางด้วยความนอบน้อม มันส่งเสียงครางแ่เบาออกมา เมื่อนิ้วมือเรียบเนียนราวกับหยกเนื้อดีชี้ไปยังห่วงบนคอของมัน ห่วงครอบอสูรก็พลันถูกทำลายจนกลายเป็เพียงเศษชิ้นส่วนในทันที
ห่วงครอบอสูรนี้เป็ของวิเศษที่ใช้ควบคุมจ่าฝูงหมาป่าระดับหนิงกังเอาไว้ และมันจะเป็ห่วงครอบอสูรขั้นสองเป็อย่างต่ำ ทว่ามันกลับถูกหญิงสาวผู้นี้ทำลายลงอย่างง่ายดายเพียงแค่การขยับนิ้ว
“บรู๊ว…!”
จ่าฝูงหมาป่าส่งเสียงหอนยาวออกมาราวกับเป็การแสดงความขอบคุณ จากนั้นฝูงหมาป่าก็แบกร่างของพวกพ้องของมันที่ตายไปแล้วกลับเข้าไปในป่า ฝูงหมาป่าล่าค่อยๆ ถอยร่างกลับเข้าไปในป่า ส่วนจ่าฝูงหมาป่าก็ถอยไปด้วยท่าทางนอบน้อมเช่นกัน
ร่างของหญิงสาวลอยขึ้นกลางอากาศ ก่อนจะกลายเป็ลำแสงพุ่งหายเข้าไปในส่วนลึกของเทือกเขาเทียนอวิ่นพร้อมกับร่างของมู่เฟิง
มู่ขวงและศิษย์ตระกูลมู่ต่างก็หยุดฝีเท้าลงเมื่อหลบหนีออกมาได้ไกลหลายสิบลี้แล้ว เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้วพวกเขาก็ลงหลักปักฐานอยู่ที่นี่เพื่อพักฟื้นร่างกาย สีหน้าของแต่ละคนในเวลานี้ต่างก็เศร้าสร้อยและเป็กังวล
ตอนที่ถูกฝูงหมาป่าห้อมล้อมมีศิษย์ตระกูลมู่ถูกสังหารไปสองคน อีกทั้งมู่เฟิงเองก็ยังไม่กลับมา
“มู่ขวง เ้าว่าพี่เฟิงจะเป็อะไรหรือไม่?”
ไป๋จื่อเยว่นั่งลงบนพื้นด้วยท่าทางเหนื่อยหอบก่อนจะถามขึ้น
“พี่เฟิงมีปีกสามารถบินได้ เขาจะต้องหลบหนีจากวงล้อมของฝูงหมาป่าได้อย่างแน่นอน”
มู่ขวงกล่าวอย่างหนักแน่น คล้ายกลับว่าเขากำลังปลอบใจตัวเองด้วยเช่นกัน
“ฟ่อ...”
เสี่ยวเทียนครางต่ำ มันเองก็ได้รับาเ็ไปไม่น้อยเช่นกัน ทว่ากลับไม่มีใครสามารถเข้าใจในสิ่งที่มัน้าจะสื่อได้เลย
“กลับไปรอพี่เฟิงที่ชายขอบของเทือกเขาเทียนอวิ่นกันเถอะ หากพี่เฟิงออกมาเราต้องได้พบเขาแน่”
“อืม เช่นนี้ถือว่าสมเหตุสมผล การประเมินก็กำลังจะจบลงแล้วด้วย”
มู่ขวงพยักหน้า หลังจากพักผ่อนได้ไม่นาน พวกเขาก็เดินทางมุ่งหน้าออกจากอาณาเขตของเทือกเขาเทียนอวิ่นทันที
เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อดวงอาทิตย์โผล่พ้นยอดเขา กลางหุบเขาก็มีแสงแดดสาดส่องลงมาทันที ในหุบเขาขนาดเล็กที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง ภายใต้แสงอาทิตย์ที่กำลังตกกระทบก็มีประกายแสงหลากสีของพลังฟ้าดินลอยอบอวลอยู่รอบๆ ส่งผลให้เกิดทัศนียภาพอันงดงาม และภายในหุบเขาแห่งนี้ยังเต็มไปด้วยสมุนไพรมากมาย ทำให้มีกลิ่นยาลอยฟุ้งอบอวลไปทั่ว…
นอกจากนี้ยังมีสัตว์อสูรเดินป้วนเปี้ยนไปมา ทว่ากลับไม่มีสัตว์อสูรตนใดกล้าขโมยสมุนไพรในหุบเขาเลยสักต้น ภายในหุบเขามีเรือนไม้ไผ่สีม่วงยกสูงตั้งอยู่บริเวณขอบแม่น้ำ ภาพของสถานที่แห่งนี้ดูราวกับเป็สถานที่ในห้วงแห่งความฝัน
บนเตียงนอนมีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งกำลังนอนหลับพักผ่อนอยู่ ร่างกายท่อนบนของเขาถูกพันเอาไว้ด้วยผ้าพันแผล และเพียงไม่นานเขาก็ลืมตาตื่นขึ้นมา
“ที่นี่คือที่ใดกัน?”
มู่เฟิงลุกขึ้นนั่งในทันที เขากวาดตามองสภาพแวดล้อมตรงหน้าด้วยความสงสัย
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะพยายามนึกถึงเหตุการณ์ก่อนที่เขาจะหมดสติไป เขาเห็นสตรีในชุดขาวนางหนึ่งเดินออกมาจากป่า เวลานั้นเนื่องจากเขาสูญเสียพลังปราณภายในร่างไปจนหมด อีกทั้งร่างกายยังเหนื่อยล้าและเสียเืมาก เขาจึงได้หมดสติไป
มู่เฟิงก้าวเท้าลงจากเตียงไม้ไผ่ก่อนจะตรวจสอบร่างกายของตัวเอง สิ่งของในแหวนเฉียนคุนยังคงอยู่ หยกเทพชูร่าภายในร่างของเขาก็ไม่ได้หายไปไหน ส่วนพลังปราณจากมวลคลื่นพลังภายในร่างทั้งแปดลูกที่ถูกเผาผลาญไปจนหมดนั้น ตอนนี้ได้ฟื้นคืนกลับมาบางส่วนแล้ว
มู่เฟิงเดินไปเปิดประตูห้อง ก่อนจะพบว่าเขากำลังอยู่ในเรือนไม้ไผ่แห่งหนึ่ง เด็กหนุ่มสูดหายใจเข้าลึกจนเต็มปอด ทำให้ร่างกายของเขารู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที กลิ่นอายพลังฟ้าดินที่อบอวลอยู่ในอากาศก็ความเข้มข้นเป็อย่างยิ่ง
วี้ด...!
ทันใดนั้นเสียงอันไพเราะของขลุ่ยหยกก็ดังก้องกังวานเข้ามาในหูของเขา เมื่อได้ยินเสียงนั้นมู่เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ เพราะมันคือเสียงขลุ่ยที่เหมือนกันกับเมื่อคืน
เด็กหนุ่มเดินออกไปที่ระเบียงของเรือนไม้ไผ่ก่อนจะกวาดตามองไปไกล เขาเห็นว่ามีเงาร่างในชุดคลุมสีขาวกำลังยืนอยู่เหนือผิวน้ำพลางเป่าขลุ่ยอยู่กลางอากาศ โดยมีฝูงนกจำนวนหนึ่งโบยบินราวกับจะร่ายรำไปตามเสียงขลุ่ย
ภาพนี้ดูนุ่มนวลชวนฝันราวกับไม่มีอยู่จริง
มู่เฟิงยืนเงียบฟังเสียงขลุ่ยจากหญิงสาว เขาตระหนักได้ทันทีว่าคงจะเป็นางที่ช่วยเหลือตัวเองเอาไว้
หลังจากนั้นไม่นานเสียงขลุ่ยก็จบลง ฝูงนกแยกย้ายบินไปตามทางของพวกมัน ก่อนที่ร่างของหญิงสาวผู้นั้นจะมาปรากฏตัวตรงหน้ามู่เฟิงในระยะหนึ่งร้อยเมตร ความว่องไวของนางทำให้มู่เฟิงสั่นสะท้านขึ้นมา
ในที่สุดมู่เฟิงก็ได้เห็นโฉมหน้าอันงดงามของสตรีผู้นั้นเต็มตา
“ขอบคุณแม่นางที่ให้ความช่วยเหลือ ข้ามู่เฟิงซาบซึ้งในบุญคุณเป็อย่างยิ่ง”
มู่เฟิงรีบกำหมัดโค้งคำนับอีกฝ่ายเพื่อแสดงความขอบคุณ
นางเพียงมองมู่เฟิงโดยไม่ได้กล่าวอะไร มองเขาราวกับกำลังพิจารณาอะไรบางอย่าง มู่เฟิงรู้สึกอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย เขาจึงรีบกล่าวขอบคุณอีกฝ่ายอีกครั้ง “ขอบคุณแม่นางที่ช่วยชีวิต”
จากนั้นหญิงสาวก็กล่าวขึ้นว่า “เ้าไม่ใช่เผ่าพันธุ์มนุษย์!"
เมื่อได้ยินดังนั้นมู่เฟิงก็ผงะด้วยความใ เขามองอีกฝ่ายอย่างคาดไม่ถึง ตอนนี้เด็กหนุ่มได้กลับคืนสู่ร่างมนุษย์ไม่ได้อยู่ในร่างชูร่าแล้ว
“แม่นางหมายความว่าอย่างไร?”
มู่เฟิงกำหมัดแน่นขณะเอ่ยถาม
เยว่ซินเหยากล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ข้ามีนามว่าเยว่ซินเหยา เมื่อประมาณสิบแปดปีก่อน ข้าเคยพบสตรีนางหนึ่งที่มีรูปลักษณ์คล้ายกับเ้า นางมีผมสีแดงและปีกสีโลหิต แม้ว่าเ้าจะมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับมนุษย์ แต่ในร่างกายของเ้ามีพลังสายเืที่แข็งแกร่งอยู่ เ้าเป็สายเืผสม”
เมื่อได้ยินเื่นี้มู่เฟิงก็ตกตะลึงไปในทันที
เมื่อครู่นางเพิ่งบอกว่าเมื่อประมาณสิบแปดปีก่อน นางได้พบกับสตรีผู้หนึ่งที่มีผมสีแดงและปีกสีโลหิตเหมือนกับเขา!
เมื่อสิบแปดปีก่อน! ช้าก่อน นั่นไม่ใช่่เวลาที่มารดาของเขาหายตัวไปหรอกหรือ?
หรือว่าบางทีสตรีที่อีกฝ่ายได้พบเมื่อสิบแปดปีก่อนอาจจะเป็มารดาของเขา?
มู่เฟิงรู้สึกราวกับว่าภายในใจของเขามีคลื่นขนาดใหญ่ถาโถมเข้ามา เขาอดไม่ได้ที่จะรีบถามว่า “ไม่ทราบว่าแม่นางพอจะทราบหรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนาง? แล้วนางไปที่ใดแล้ว?”
“เ้าตามข้ามา"
หลังจากเยว่ซินเหยากล่าวจบ พลังสีขาวนวลราวกับแสงจันทร์ก็ปรากฏขึ้นก่อนจะห่อหุ้มร่างของนางเอาไว้ จากนั้นนางก็ยื่นมือออกมาจับไหล่ของมู่เฟิงพาบินขึ้นไปกลางอากาศและกลายเป็ลำแสงสายหนึ่งพุ่งตรงไปยังผืนป่าอันกว้างใหญ่บนูเาที่ไร้ขอบเขต
หลังจากนั้นไม่นาน ร่างของคนทั้งสองก็ลอยอยู่บนน่านฟ้าเหนือป่าใหญ่ด้วยระดับความสูงหนึ่งร้อยเมตร
ภูมิประเทศแถบนี้มีระดับความสูงต่ำแตกต่างกัน นอกจากนี้ยังมีหุบเขาบางแห่งที่มีความลึกหลายพันฟุตและยังมีหลุมลึกขนาดใหญ่ คล้ายกับว่าูเาที่รายล้อมอยู่โดยรอบได้พังทลายลงไปครึ่งหนึ่งจากทั้งหมด
เมื่อได้กวาดตาดูแล้ว ก็รู้สึกราวกับว่าในเขตรัศมีหนึ่งร้อยลี้หรืออาจจะมากกว่านั้น สภาพพื้นที่ของูเาดูเละเทะผิดธรรมชาติ เมื่อเห็นดังนั้นมู่เฟิงก็มองสำรวจภูมิประเทศที่ผิดปกติด้วยความสงสัย ก่อนที่เขาจะละสายตาจากภาพตรงหน้าและมองไปยังสตรีที่อยู่ด้านข้าง
“เมื่อหลายปีก่อน บริเวณนี้เคยมีการสู้รบเกิดขึ้น การต่อสู้ในครั้งนั้นรุนแรงมากจนทำให้ภูมิประเทศเดิมถูกทำลาย มันจึงมีสภาพเช่นนี้”
เยว่ซินเหยาอธิบาย เมื่อนึกถึงการต่อสู้ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน แววตาของนางก็เผยให้เห็นถึงร่องรอยของความหวาดหวั่น
ในตอนนั้นพลังที่ใช้ในการต่อสู้รุนแรงมากจนนางไม่อาจจินตนาการได้
“มันถูกทำลายในการต่อสู้ครั้งนั้น...”
มู่เฟิงกวาดตามองภูมิประเทศที่เละเทะใต้ฝ่าเท้า ร่องรอยของความหวาดหวั่นปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา แต่ทันใดนั้นเขาก็พลันนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงเอ่ยถามออกไปทันทีว่า “หรือว่าท่านกำลังพูดถึงการต่อสู้ของสตรีที่มีรูปลักษณ์คล้ายคลึงกับข้า ตอนนั้นนางกำลังต่อสู้กับผู้อื่นอย่างนั้นหรือ?”
เยว่ซินเหยาพยักหน้า นางมองมู่เฟิงก่อนจะกล่าวว่า “ข้าััได้ว่าบนตัวเ้ามีกลิ่นอายที่เหมือนกับนาง เ้าเป็อะไรกับนางกันแน่?”
เมื่อได้ยินดังนั้นหัวใจของมู่เฟิงก็พลันมืดหม่นลงในทันที ความปรารถนาที่จะพบกับมารดากำลังถาโถมเข้าสู่หัวใจของเขา
เด็กหนุ่มจำได้ว่าซีเยว่เคยบอกว่ามารดาของเขาถูกเผ่าทูต์บังคับพาตัวไป ภาพภูมิประเทศที่ถูกทำลายตรงหน้านี้ คาดว่าคงเกิดขึ้นจากเหตุการณ์นั้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้