เซียวหยวนรู้สึกไม่อาจทนดูได้“ท่านลุง...”
“เ้าเป็เด็กดี หากเ้าเป็บุตรชายข้าเช่นนั้นคงดี แต่ข้าไม่มีวาสนาดีถึงเพียงนั้น! ” ท่านลุงสี่ทอดถอนใจอีกทีหนึ่ง
“ท่านลุง ท่านคิดเสียว่าข้าเป็บุตรชายของท่านก็ได้ขอรับหากครั้งหน้าท่านอยากดื่มสุรา ข้าก็จะมาดื่มกับท่าน ถึงแม้ข้าไม่สามารถดื่มกับท่านโดยใช้ถ้วยสุราได้เหมือนอายวี่แต่จิบสักสองคำจากถ้วยเล็กนี่ก็ยังพอได้ พวกเราดื่มสุราไปพลางคุยกันไปพลาง”
“ได้! ” ท่านลุงสี่มีความสุขจนดื่มหมดเกลี้ยงอีกหนึ่งถ้วยเซียวหยวนไม่ได้รินให้เขาต่อ
สุราสมุนไพรที่เขานำมามอบให้วางอยู่ริมเตียงเตาเซียวหยวนหรี่ตามองสุราไหนั้น แววตาฉายประกายแสงระริก
หลังจากทำอาหารเสร็จหมดแล้วท่านป้าสี่จึงขึ้นมาบนเตียงเตา เซียวหยวนเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ท่านป้า เหตุใดิจูถึงไม่มากินข้าวขอรับ? ”
เมื่อครู่ท่านป้าสี่ไปเรียกเซียวิจูเซียวิจูไม่ยอมมา นางจึงคิดจะปล่อยให้เซียวิจูทนหิวสักหนึ่งมื้อ
พอเซียวหยวนเอ่ยถามขึ้นมาท่านป้าสี่ก็ไม่อยากบอกว่าเซียวิจูกำลังโมโหอยู่ จึงกล่าว “วันนี้นางเก็บผักตี้เอ่อมาจึงเหนื่อยกลับมาก็กลับห้องไปพักผ่อน กำลังพักผ่อนอยู่! ”
เซียวหยวนรีบเอ่ยถามด้วยความวิตก“น้องิจูไม่เป็อะไรใช่หรือไม่ขอรับ? ต้องเชิญท่านหมอมาดูอาการหรือไม่? ”
“ไม่เป็อะไร ไม่ต้องเป็ห่วงแค่เหนื่อยเท่านั้น พักผ่อนหน่อยก็หาย” ท่านป้าสี่ลอบถอนใจอยู่ในใจ ชายหนุ่มดีถึงเพียงนี้บุตรสาวของตนเองตาบอดหรืออย่างไร
เมื่อได้ยินว่าไม่เป็อะไรเซียวหยวนจึงไม่วิตกอีก รีบตักข้าวหนึ่งถ้วย ก่อนคีบอาหารใส่ถ้วยไม่น้อย แล้วจึงยื่นให้ท่านป้าสี่“ท่านป้า น้องิจูเหนื่อยมาตลอด่บ่าย ไม่กินอาหารหากป่วยจะแย่เอาได้ขอรับ! ”
ท่านลุงสี่และท่านป้าสี่หันสบตากันภายในใจรู้สึกหวานละมุนราวกับได้กินน้ำผึ้งก็มิปาน
ว่าที่ลูกเขย เป็ห่วงบุตรสาวของตัวเองช่างดีจนไร้ที่ติจริงๆ
ท่านป้าสี่ยกอาหารเข้าไปในห้องเซียวิจูยังนอนอยู่บนเตียง นอนนิ่งไม่ไหวติง ชามกับตะเกียบถูกวางกระแทกลงบนโต๊ะอย่างรุนแรงท่านป้าสี่กล่าวอย่างเ็า "หากเ้าไม่อยากกินข้าว ข้าคิดจะปล่อยให้เ้าทนหิวสักหนึ่งมื้อแต่อาหยวนเป็ห่วงเ้า พอรู้ว่าเ้ายังไม่ได้กินข้าว เขาก็กินไม่ลง ตักให้เ้าก่อนหนึ่งชามข้าวางข้าวไว้ตรงนี้ เ้าอยากกินก็กิน ไม่กินก็ช่าง"
เซียวิจูยังคงไม่ขยับเขยื้อนท่านป้าสี่โมโหจนหันขวับจากไปทันที
ภายในห้องเหลือเพียงเซียวิจูคนเดียวอีกครั้งเซียวิจูพลิกตัวกลับมาช้าๆ เห็นชามบนโต๊ะที่มีอาหารพูนชาม ไม่รู้สึกอยากอาหารแม้แต่น้อย
กินอาหารเย็นเสร็จ ท่านป้าสี่เก็บชามไปล้างที่ห้องครัว เดิมต้องไปเก็บโต๊ะอีก ทว่าเซียวหยวนกลับยกชามที่ใช้แล้วมา
ท่านป้าสี่ "เ้าเป็แขก จะให้เ้ามาทำได้อย่างไรรีบวางลงเร็ว! "
เซียวหยวนวางชามลงในกระทะถกแขนเสื้อขึ้นอย่างคล่องแคล่ว เริ่มล้างชาม เขาเร็วจนท่านป้าสี่ห้ามไม่ทันด้วยซ้ำ
"ท่านป้า ท่านกับิจูง่วนกับงานมานานขนาดนั้นพวกท่านรีบไปพักผ่อนเถอะขอรับ ข้าจะล้างชามเอง! " เซียวหยวนกล่าวอย่างเอาใจใส่
ภายในใจท่านป้าสี่รู้สึกตื้นตันนัก"เ้าเด็กคนนี้นี่ เ้าเป็แขก มีใครที่ไหนให้แขกมาล้างชาม! "
เซียวหยวน "ท่านป้าท่านอย่าคิดว่าข้าเป็แขกเลยขอรับ ต่อไปในบ้านมีงานหนักอะไรท่านก็ไปเรียกข้า ท่านลุงอายุมากแล้วงานหนักไม่ดีต่อร่างกาย! "
ท่านป้าสี่รีบขานตอบ"เ้าเป็เด็กดีจริงๆ " นางตบบ่าเซียวหยวนเบาๆ แทบจะสะอื้นขณะออกจากห้องครัวไป
ท่านป้าสี่เข้าไปในห้องก็รีบถามสถานการณ์จากท่านลุงสี่ ท่านลุงสี่กล่าวอย่างพึงพอใจ "เด็กคนนั้นอยู่ข้างนอกไม่มีหญิงสาวที่ถูกใจ!"
ท่านป้าสี่ตบต้นขาทีหนึ่งรู้สึกยินดีนัก "เช่นนั้นก็จัดการได้ง่าย! "
อาหยวนเด็กคนนั้นอยู่ข้างนอกไม่มีหญิงสาวที่ถูกใจแววตาที่เขามองิจู ก็บ่งบอกได้ว่าถูกใจบุตรสาวของนางไม่ใช่หรือ!
ท่านป้าสี่ไปส่งเซียวหยวนกลับบ้านด้วยตัวเอง
ระหว่างทางกลับ ท่านป้าสี่เอ่ยถามเซียวหยวน"อาหยวน มีเื่หนึ่งเดิมทีข้าควรปรึกษากับบิดามารดาของเ้า แต่พวกเขาล้วนไม่อยู่แล้วข้างกายเ้าก็ไม่มีญาติผู้ใหญ่ ป้าคิดไปคิดมา ก็ได้แต่ถามเ้า"
"ท่านป้า เชิญถามขอรับ"
ท่านป้าสี่ยิ้มทีหนึ่งเอ่ยถามด้วยท่าทีจริงจัง "อาหยวน เ้าบอกป้ามาตามตรง เ้าชอบพอิจูหรือไม่? "
เซียวหยวนใ "ท่านป้าข้า..."
ท่านป้าสี่ "เ้าเพียงบอกว่าชอบหรือไม่ชอบ..."
เซียวหยวนก้มหน้าลงด้วยความเหนียมอายจากนั้นจึงพยักหน้าอย่างแรง "ชอบขอรับ! " จากนั้นก็รู้สึกหดหู่ "แต่น้องิจู…เหมือนจะไม่ค่อยสนใจข้านัก"
"เป็สาวเป็นาง ก็ต้องเขินอายอยู่แล้ว!" ท่านป้าสี่ได้รับคำตอบจากเซียวหยวน จึงยิ้มพร้อมกล่าว "เ้าวางใจได้ ิจูเพียงแค่หน้าบางขี้อายเด็กดี ป้ายิ่งเห็นก็ยิ่งรู้สึกถูกใจเ้า ิจูถูกป้ากับท่านลุงของเ้าตามใจจนเสียคนั้แ่เด็กหากเป็คนอื่น ข้าอาจไม่วางใจ แต่หากได้แต่งกับเ้า เช่นนั้นก็เหมือนออกจากโถน้ำผึ้งหนึ่งร่วงลงไปในโถน้ำผึ้งอีกโถหนึ่งป้ากับลุงล้วนวางใจได้"
เซียวหยวนกล่าวด้วยท่าทีจริงจัง"ท่านป้า ท่านวางใจได้ หากน้องิจูแต่งกับข้า ข้าจะทำให้นางกลายเป็สตรีที่มีความสุขที่สุดบนโลกใบนี้แน่ขอรับ"
"ป้ารู้ ป้าเข้าใจ!" ท่านป้าสี่มีความสุขไปตลอดทาง ดีอกดีใจจนแทบจะวิ่งแล้ว
เซียวหยวนยืนอยู่หน้าบ้านตัวเองไม่ได้เข้าไป มองส่งท่านป้าสี่เดินจากไป
เขาเผยรอยยิ้มอ่อนโยนที่มุมปากตอนท่านป้าสี่หันกลับมามองเขา เขาปริปากยิ้มอย่างใสซื่อ ท่านป้าสี่ก็ยิ้มเช่นกัน นางโบกมือให้เขา"รีบเข้าไปพักผ่อนได้แล้ว"
เซียวหยวนยิ้มพร้อมพยักหน้า
เมื่อนางเดินไปไกลแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าเซียวหยวนค่อยๆหายไป ใบหน้าอ่อนโยนใสซื่อเหมือนจะเปลี่ยนหน้าเป็อย่างไรอย่างนั้น ชั่วพริบตาเดียวก็ราวกับเปลี่ยนไปเป็คนละคน
ดูเ็าและโเี้
ทางเซี่ยยวี่หลัว ไม่ได้ออกบ้านตลอด่บ่ายต้องเตรียมอาหารเย็นสำหรับหกคน หลังจากเซี่ยยวี่หลัวตื่นจากนอนกลางวันก็เริ่มตระเตรียมทันที
มื้อเย็นยังคงเป็ปลาสองตัวปลาตุ๋นน้ำแดงใส่หน่อไม้ดองที่ทำให้เด็กๆ กินเมื่อหลายวันก่อนประสบความสำเร็จมาก วันนี้ยังคงทำปลาตุ๋นน้ำแดงใส่หน่อไม้ดองเนื้อหมูที่ซื้อมาเมื่อสองวันก่อนยังเหลืออีกหนึ่งชิ้น เซี่ยยวี่หลัวหั่นเป็แผ่นบางหมักด้วยเกลือและซีอิ๊ว เด็ดพริกจำนวนหนึ่งจากสวนหลังบ้าน หั่นเป็เส้นเฉียง คิดจะทำหมูผัดพริก
นำผักตี้เอ่อที่ตากแห้งไปแช่น้ำและล้างจนสะอาดวางเตรียมไว้ข้างๆ หยิบไข่มาหกฟอง ใช้สามฟองทำไข่ผัดพริก อีกสามฟองทำไข่ตุ๋น ให้สองพี่น้องเซียวจื่อเซวียนกิน
เซี่ยยวี่หลัวทำอาหารเจ็ดถึงแปดชนิดออกมาอย่างคล่องแคล่วเมื่อพระอาทิตย์เคลื่อนไปทางทิศตะวันตกจนใกล้ลับขอบฟ้า เสียงเคาะประตูจึงดังขึ้นจากข้างนอกท่านปู่เซียวและเซียวเหลียงมาแล้ว
ทั้งสองคนมาแล้วจึงพูดคุยกับเซียวยวี่
เซียวเหลียงเพิ่งได้เห็นเรือนหลังใหม่ของเซียวยวี่เป็ครั้งแรกมองดูจนทั่วรอบหนึ่ง พอรู้ว่าเรือนหลังนี้เซี่ยยวี่หลัวเป็คนปลูก ก็ตกตะลึงอ้าปากค้างจนแทบใส่ไข่ไก่ได้หนึ่งฟอง
เซียวจื่อเซวียนที่อยู่ข้างๆกล่าวด้วยท่าทางได้ใจ "พี่สะใภ้ใหญ่ของข้าเก่งมากทีเดียว ทำเป็ทุกอย่างเลยขอรับ!"
เซียวเหลียงเห็นด้วยกับวาจานี้เป็อย่างยิ่ง"เป็เช่นนั้นจริง อายวี่ เ้าได้แต่งภรรยาดีจริงๆ ทำอะไรก็ยอดเยี่ยมทุกอย่าง!สตรีทั้งหมู่บ้านของเราไม่มีใครเทียบนางได้เลย! "
ถือว่าประเมินนางสูงมาก
ถึงแม้เซียวยวี่จะไม่รู้ว่าเซี่ยยวี่หลัวทำอะไรไปบ้างทว่า เมื่อท่านปู่เซียวและท่านอาเซียวเหลียง รวมทั้งท่านลุงสี่ต่างบอกว่าเซี่ยยวี่หลัวดีเซียวยวี่ย่อมน้อมรับคำชมทั้งหมด จิตปรปักษ์และความรู้สึกละเหี่ยใจที่มีต่อเซี่ยยวี่หลัวกำลังค่อยๆ สลายหายไปโดยที่เขาไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ
เซี่ยยวี่หลัวว่องไวมากเพียงครู่เดียว ก็ยกอาหารไปไว้บนโต๊ะทั้งหมดแล้ว
กับข้าวเจ็ดอย่าง น้ำแกงหนึ่งชามเดิมทีเซี่ยยวี่หลัวจะไปหยิบสุรา แต่เซียวเหลียงนำสุรามาแล้ว จึงได้แต่ปล่อยไป
สุราหยางเหมยที่นางหมักไว้ยังดื่มไม่ได้อย่างไรก็ยังต้องรออีก จึงไม่ได้นำออกมา!
เซี่ยยวี่หลัวไปห้องครัวเพื่อล้างมือให้สะอาดล้างหน้าเสร็จ จึงกลับไปยังห้องโถง
พอเข้าห้องโถงไปดู ก็ถึงกับผงะไป
โต๊ะเป็โต๊ะสี่เหลี่ยมวางเก้าอี้ไว้หกตัว ท่านปู่เซียวและเซียวเหลียงนั่งด้วยกัน เด็กสองคนนั่งตำแหน่งสองข้างของท่านปู่เซียวและเซียวเหลียงตอนนี้ตำแหน่งที่ว่าง ก็เหลือเพียงที่นั่งด้านขวาของเซียวยวี่
โต๊ะไม่กว้างนัก นั่งหกคนค่อนข้างแออัดต้องนั่งเบียดชิดกัน
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ที่นั่งข้างกายเซียวยวี่ทั้งสองคนจะเบียดชิดกัน
นี่มันวิธีนั่งอะไรกัน?
เซี่ยยวี่หลัวผงะไป ให้นางนั่งใกล้ท่านราชบัณฑิตน้อยขนาดนั้นเช่นนี้ยังเรียกว่ากินข้าวอีกหรือ?
กินข้าวคุกล่ะสิไม่ว่า!
ท่านปู่เซียวไม่คิดมากถึงเพียงนั้นเพียงกวักมือ "ยวี่หลัว ทำไมถึงไม่มานั่งอีก รีบมานั่งลง! "
เหลือเพียงที่นั่งเดียวเซี่ยยวี่หลัวได้แต่ฝืนยิ้มออกมา แฝงเร้นด้วยความกล้าหาญประหนึ่งทำใจแล้วว่าตายเป็ตายนั่งลงข้างกายเซียวยวี่ช้าๆ จากนั้นวางมือไว้บนเก้าอี้ ขยับไปข้างๆ เล็กน้อย ด้านขวาของนางคือเซียวจื่อเมิ่งพอนางขยับ ทั้งสองคนจึงเบียดชิดกันยิ่งขึ้น
เซียวจื่อเมิ่งกล่าวเสียงใส "พี่สะใภ้ใหญ่ท่านเบียดข้าแล้วเ้าค่ะ! ท่านเขยิบไปทางพี่ใหญ่หน่อยสิเ้าคะ! "
เซียวจื่อเซวียนก็กล่าวอย่างไม่พอใจ"พี่ใหญ่ เบียดข้าทำไมขอรับ ท่านเขยิบไปข้างๆ หน่อย ข้าขยับมือไม่ได้แล้วขอรับ!"
ท่านปู่เซียวรีบกล่าว"ตรงกลางยังเหลือที่อีกหน่อยไม่ใช่หรือ? อายวี่ ยวี่หลัวพวกเ้าเขยิบเข้าตรงกลาง ชิดกันหน่อย อย่าเบียดโดนเด็กสองคน! "
จากนั้นภายใต้การจับตามองของท่านปู่เซียวเซียวเหลียง และเด็กสองคน เซียวยวี่ยกเก้าอี้ไปทางขวาเล็กน้อย เซี่ยยวี่หลัวก็ขยับไปทางซ้ายเล็กน้อย
เมื่อเห็นทั้งสองคนชิดกันแล้วทุกคนต่างแสดงสีหน้ายินดี "อาจจะเบียดกันไปบ้าง แต่เช่นนี้สิถึงจะเรียกว่ากินข้าวคึกคัก มีความสุข! "
เซียวจื่อเซวียนปรบมือะโว่าดีอย่างร่าเริง"ใช่ขอรับ ใช่ขอรับ! "
เซียวยวี่กล่าวอะไรไม่ออก...
เขาคงไม่ได้เลี้ยงน้องชายตัวปลอมไว้ใช่ไหมเบียดที่ไหนกัน เบียดที่ไหนกัน ไม่ได้แตะมือของเขาด้วยซ้ำไม่ใช่หรือ?
เซี่ยยวี่หลัวกุมขมับ...
ทำไมนางถึงมีความรู้สึกเหมือนถูกลูกแกะที่นางเลี้ยงจนเชื่องทรยศเอา!
เป็ลูกแกะที่ไร้พิษสงที่ไหนกันเป็เ้าหนูกับนางหนูมากเล่ห์ที่ปกติไม่เผยธาตุแท้ พอลงมือก็ปราบทุกคนจนเรียบเลยไม่ใช่หรือ!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้