“อุโมงค์ที่มีหมีั์ทุ่งน้ำแข็งคอยคุ้มกันอยู่จะต้องมีของล้ำค่าอยู่แน่!”หลี่ซูหนานพูดน้ำเสียงหนักแน่น
จ้าวชูเยว่พยักหน้ารับก่อนจะพูด“เ้าเสร็จหรือยังปู้อี้เชวียนข้าว่าตอนนี้เราน่าจะอยู่ห่างจากส่วนลึกของอุโมงค์ไม่ไกลแล้วล่ะ”
“อืม”
ข้าลุกขึ้นทั้งที่ยังหลอมพลังเืของหมีั์ทุ่งน้ำแข็งพวกนั้นไม่เสร็จดีจึงยังมีพลังเืที่ไหลรวมกันเป็ลูกบอลขนาดเล็กในมือซ้ายอยู่อย่างนั้น ก่อนจะเดินตามคนอื่นๆเข้าไปยังส่วนลึกของอุโมงค์ใหญ่
พลังด้านในรุนแรงจนรู้สึกปวดกระดูกและผู้ร่วมเดินทางหลายคนถึงกับตัวสั่น
ไม่นานด้านหน้าก็ไร้ซึ่งหนทางจะไปต่อแต่กลับเป็แท่งน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่งอกขึ้นมาตรงสุดทางเดินแทน้าสุดของมันมีแสงสีรุ้งส่องประกายรายล้อมก้อนอัญมณีที่ฝังตัวอยู่ในแท่งน้ำแข็งเหมือนกับรังไหมที่มีมากกว่าสามสิบเม็ด
“ว้าว...”
จ้าวชูเยว่ร้องออกมาด้วยใบหน้าพอใจ“นั่นมันอัญมณีรังไหมหิมะนี่นา! ท่านเห็นไหมศิษย์พี่? นั่นมันเป็ถึงอัญมณีรังไหมหิมะในตำนานเชียวนะ เยี่ยมไปเลยไม่เสียแรงจริงๆ ที่พวกเราฝ่าอันตรายเข้ามา!”
หลี่ซูหนานพูดด้วยความประหลาดใจ“ข้าก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าในสนามประลองชั้นที่สองจะมีอัญมณีรังไหมหิมะซึ่งเป็ของล้ำค่าและหายากแบบนี้อยู่นี่คืออัญมณีล้ำค่าของผู้ฝึกฝนิญญาธาตุน้ำแข็งเชียวนะ สุดยอดจริงๆ ...”
ข้ายืนอยู่ข้างๆโดยไม่ได้แสดงอาการอะไรมากมายนอกจากยิ้มบางๆ เท่านั้นเพราะถึงยังไงอัญมณีรังไหมหิมะทั้งสามสิบเม็ดนี้ข้าก็ต้องได้ส่วนแบ่งให้เหมาะสมกับการพัฒนาพลังของกระบี่คมจันทราอย่างแน่นอน!
หลี่ซูหนานพูดขึ้น“ปู้อี้เชวียน เ้าดูสิว่าคนพวกนี้ต่างก็ได้รับาเ็สาหัสคงจะเข้าไปยังชั้นต่อไปของการประลองไม่ได้อีกแล้วข้าว่าแบ่งอัญมณีรังไหมหิมะให้พวกที่ได้รับาเ็ไปคนละสองเม็ดจากนั้นก็ให้พวกเขาเป่าขลุ่ยกระดูกแล้วกลับออกไปจะดีกว่าแบบนี้จะได้ไม่เป็อันตรายแก่ชีวิตของพวกเขาด้วย เ้าคิดว่าไง?”
ข้าพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะพูดขึ้น“มันก็สมเหตุสมผลดีเหมือนกัน ขอแค่พวกนั้นเห็นด้วยข้าก็ไม่ได้ขัดอะไร”
“ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามนี้”
ศิษย์ของสำนักอื่นๆที่ได้รับาเ็สาหัสต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยและปีนขึ้นไปหยิบอัญมณีรังไหมหิมะบนแท่งน้ำแข็งเพื่อเป็ของรางวัลในการเข้าร่วมประลองก่อนจะเป่าขลุ่ยกระดูกเล็กเพื่อกลับออกไปด้านนอก
สวบ!สวบ! สวบ!
หลังจากพลังิญญาสีเขียวมรกตของขลุ่ยกระดูกเล็กนั้นถูกเป่าออกมาร่างของคนพวกนั้นก็หายวับกลับขึ้นไปบนโลกแห่งความจริงเช่นเดิม
ตอนนี้ภายในอุโมงค์ที่เย็นเยือกแห่งนี้ก็เหลือเพียงพวกเราแค่สามคนแล้วล่ะ
เชว้ง!
เสียงกระบี่ที่ถูกซัดออกจากฝักดังขึ้นก่อนจะมีพลังไอเย็นแทงทะลุอากาศเข้ามายังแผ่นหลังของข้าอย่างรวดเร็ว
หลี่ซูหนานในที่สุดเ้าก็ลงมือจนได้สินะ!
ทว่าเมื่อครึ่งนาทีก่อนข้าก็ได้เคลื่อนพลังทั้งหมดในร่างกายเข้าไปรวมกันอยู่ในเกราะรบิญญาเพื่อป้องกันการโจมตีของเขาไว้ก่อนแล้วดังนั้นเมื่อกระบี่ของเขาแทงเข้ามาจึงเกิดเสียงดังสนั่นก่อนที่ร่างของเขาจะปลิวออกไปพร้อมกับกระบี่ในมือ
ข้าหันกลับไปหาทั้งสองพร้อมกับเรียกกระบี่คมจันทราออกมาไว้ในมือและถามอีกฝ่ายเสียงเรียบ “เ้าคิดจะฆ่าข้าอย่างนั้นเหรอ?”
ถึงแม้ข้อมือของเขาจะสั่นเทาด้วยความเ็ปแต่สายตาของเขากลับเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา “เ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ? คะแนนสะสมของเ้ามันสูงมากพอแล้วฉะนั้นถ้าข้าสามารถเอาชนะเ้าได้ก็จะได้รับคะแนนครึ่งหนึ่งและเข้าไปอยู่ในสิบอันดับแรกในทันทีไงล่ะ!”
เขาบอกก่อนจะหันไปพูดกับจ้าวชูเยว่“จ้าวชูเยว่ พวกเรามาร่วมมือกันเถอะ!เพราะถ้าเราจัดการส่งปู้อี้เชวียนกลับไปก็จะไม่มีใครมาแย่งอันดับหนึ่งไปจากฟางชิงยวนได้และถ้าฟางชิงยวนรู้ว่าเราช่วยกำจัดปู้อี้เชวียนออกไปเขาจะต้องยอมสอนเพลงกระบี่โลกชิตให้พวกเราอย่างแน่นอน...พอถึงตอนนั้นพวกเราก็จะเป็หนึ่งในสิบอันดับของจอมยุทธ์ในสำนักวรุยทธ์นักปราชญ์แล้วล่ะ!ฮ่าๆๆๆ”
ข้าได้ยินแล้วก็หันไปมองจ้าวชูเยว่ด้วยสายตาดุดัน“เ้าก็คิดจะทำร้ายข้าด้วยอย่างนั้นเหรอจ้าวชูเยว่?”
นางขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยพลางกระชับกระบี่ในมือที่กำลังแผ่ซ่านพลังของลมพายุออกมา“ข้าไม่มีทางเลือกอื่น...เ้าอย่าโกรธข้าเลยนะปู้อี้เชวียนข้าว่าเ้ารีบเปล่าขลุ่ยกระดูกเล็กแล้วกลับออกไปเถอะ อย่างน้อยเ้าก็จะปลอดภัยเพราะข้าไม่อยากทำร้ายเ้าจริงๆ ...”
“เหอะ!”
ข้ากระตุกยิ้มก่อนจะพูดต่อ“ทั้งที่เมื่อครู่พวกเ้าจะถูกหมาป่าพวกนั้นโจมตี ข้าก็เป็คนยื่นมือเข้าไปช่วยแต่พวกเ้ากลับตอบแทนด้วยการลอบทำร้ายคนของสำนักวรยุทธ์นักปราชญ์ตอบแทนผู้มีพระคุณด้วยการลอบทำร้ายหรือไง?”
จ้าวเยว่ชูกัดฟันแน่นก่อนจะพูด“เ้า...เ้าจะไปหรือไม่ไป!?”
“ไม่มีทาง คนที่กลับออกไปจะต้องเป็พวกเ้าเท่านั้น!”
ข้าแผ่พลังอันหนักแน่นภายในร่างกายออกมาด้วยพลังของมหาัั์ที่ปกคลุมไปทั่วร่างกายรวมทั้งกระบี่คมจันทราที่อัดแน่นไปด้วยพลังและท่วงท่าที่พร้อมสังหารซึ่งพลังที่แผ่ออกมาจนกลายเป็สนามพลังขนาดใหญ่ครั้งนี้ทำให้จ้าวชูเยว่และหลี่ซูหนานต้องถอยรุดไปหนึ่งก้าวด้วยอาการตกตะลึงและแววตาที่เกินคาดหมาย
“เป็ไปได้ยังไง...นี่เ้าฝึกฝนวิชาลมหายใจัขั้นที่เก้าสำเร็จแล้วอย่างนั้นเหรอ?”?” หลี่ซูหนานพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงให้ว่าเื่นี้เหนือความคาดหมาย
ข้าไม่ได้พูดอะไรออกไปแต่กลับกวัดแกว่งกระบี่คมจันทราในมือเบาๆก่อนที่พลังอันรุนแรงของสองพลังรวมเป็หนึ่งจะผ่าลงกลางหัวของหลี่ซูหนานเต็มแรง
“ไอ้สารเลว!”
หลี่ซูหนานตวาดลั่นก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเข้มขรึม“แกคิดว่าเพลงกระบี่ทลายพฤกษาของข้ามีไว้เล่นๆ หรือไง?”
พลังิญญาของเขาจับกลุ่มกันจนเกิดเป็ต้นไม้ใหญ่ขึ้นเรียงรายกลายเป็ป่าทึบซึ่งก็คือพลังของเพลงกระบี่ทลายพฤกษาที่เขาฝึกฝนเป็หลักนั่นเองถึงแม้จะเป็เพียงวรยุทธ์ขั้นที่สามทว่าหลี่ซูหนานก็ฝึกฝนจนเข้าขั้นเซียนทำให้พลังนั้นเหมือนกับูเาพฤกษาขนาดใหญ่ที่ถาโถมลงมาราวกับคลื่นั์จนรู้สึกได้ถึงความกดดันที่รุนแรงแม้แต่ผนังอุโมงค์ขนาดใหญ่แห่งนี้ถึงกับสั่นะเื
หวึ่ง!
เสียงของกระบี่คมจันทราดังขึ้นก่อนที่พลังของมันผ่ากลางจนพลังของหลี่ซูหนานถูกแหกกระจายในชั่วพริบตาเดียวเพราะถึงอย่างไรหลี่ซูหนานก็เป็เพียงผู้ฝึกฝนในระดับเซียนของขั้นเทวิญญาเท่านั้นแต่ข้ากลับเป็จอมยุทธ์ในระดับสมบูรณ์ของขั้นผู้พิทักษ์ระดับมนุษย์แต่ถูกสกัดจุดไว้เท่านั้นและนั่นก็แสดงว่าถึงแม้จะถูกสกัดจุดขั้นการบำเพ็ญแต่พลังของมันก็ยังเพิ่มขึ้นจนมีมากกว่าพลังของหลี่ซูหนานสามถึงห้าเท่าด้วยซ้ำไป
ดังนั้นเขาไม่มีทางรับมือกับพลังของข้าในครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน...
ฉึบ!
พลังของข้าฟันลงบนหน้าอกของเขาจนเกิดาแขนาดใหญ่และกระดูกซี่โครงของเขาก็หักไปหลายซี่เหมือนกันซึ่งการโจมตีครั้งนี้ข้าก็ได้เก็บพลังไว้กว่าเจ็ดส่วนเพราะถ้าใช้พลังไปทั้งหมดเขาจะต้องตัวขาดเป็สองท่อนแน่นอน
อ๊ากกก!
หลี่ซูหนานร้องออกมาด้วยความเ็ปอย่างน่าเวทนาก่อนจะล้มลงบนพื้นด้วยใบหน้าที่ซีดเผือดร่างของเขาสั่นเทาไปด้วยความกลัว และตอนนี้คนที่ยืนอยู่เฉยๆโดยไม่ทันได้ลงมืออย่างจ้าวชูเยว่ก็พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่กลัวตาย“ปู้อี้เชวียน...เ้า เ้าช่วยไว้ชีวิตเขาด้วยเถอะ...”
ข้าเดินเข้าไปใกล้แล้วใช้กระบี่ชี้ไปที่ต้นคอของเขาก่อนจะพูดขึ้น“เ้าคิดจะใช้ข้าเป็บันไดเพื่อเหยียบให้ตัวเองขึ้นไปยังจุดสูงสุดอย่างนั้นเหรอ? เ้าคิดว่าถ้าออกไปแล้วพี่สาวของข้าจะปล่อยเ้าไปเสพสุขกับความสำเร็จเหรอ?เ้าคิดผิดแล้วล่ะ...”
หลี่ซูหนานกัดฟันแน่นก่อนจะพูดขึ้น“คนแพ้ไม่มีสิทธิ์พูดอะไรอยู่แล้ว ลงมือได้เลย!”
ข้าหัวเราะอย่างอดไม่ได้ก่อนจะพูด“ข้าไม่ใช่เ้าสักหน่อย แล้วทำไมต้องฆ่าเ้าด้วยล่ะ? ...เอาล่ะรีบเอาคะแนนในสายรัดผูกิญญาของเ้าครึ่งหนึ่งมาให้ข้าแล้วรีบกลับออกไปได้แล้ว”
“เ้าไม่ฆ่าข้าอย่างนั้นเหรอ?”
“รีบไสหัวไป!”
หลี่ซูหนานกัดฟันแน่นก่อนจะผสานพลังเข้าไปในสายรัดผูกิญญาและนำพลังครึ่งหนึ่งออกมาให้ข้าแล้วตัวเองก็รีบเป่าขลุ่ยกระดูกเล็กเพื่อออกไปจากสนามเซินยวนแห่งนี้ทันที
“ขอบใจ” จ้าวชูเยว่พึมพำเสียงเบา
ข้าปรายตามองเขาพักหนึ่งก่อนจะพูด“เ้าเองก็ไปได้แล้ว และถ้าเ้าทั้งสองเป็คนรักกันจริงๆตอนนี้เ้าก็ควรจะคิดได้แล้วล่ะว่าต้องทำยังไงต่อไปเพราะคนอย่างเขามีแต่จะฉุดเ้าลงนรกไปด้วยกันเท่านั้น”
“ข้ารู้...ขอบใจเ้ามากที่ยอมปล่อยพวกเราไป!”
ว่าแล้วจ้าวชูเยว่ก็เป่าขลุ่ยกระดูกเล็กและหายวับไปในทันที
เมื่อเป็แบบนี้แล้วอัญมณีรังไหมหิมะที่เหลืออยู่ถึงยี่สิบกว่าเม็ดก็จะกลายเป็ของข้าทั้งหมดแล้ว!
ข้าคิดแล้วก็รีบปีนขึ้นไปเก็บอัญมณีรังไหมหิมะที่เหลือลงมาและเก็บไว้ในแหวนกระดูกจักรภพก่อนจะออกจากอุโมงค์หิมะอย่างรวดเร็ว
...
เมื่อเดินทางมาตามทิศใต้ก็เห็นว่าหินาาสรรพสัตว์ตั้งอยู่ท่ามกลางพื้นที่โล่งกว้างที่ถูกหิมะปกคลุมไปกว่าครึ่งส่วนข้างๆ ก็คือสาวงามทั้งสอง เมื่อเห็นว่าข้าเดินมาซูเหยียนก็พูดพลางยิ้ม“เ้ามาช้าอีกแล้วนะเ้าคนกินจุ ปล่อยให้ข้ากับถังเชวียหรานรออยู่ตั้งนานแน่ะ!”
“พอดีว่าเมื่อกี้มีเื่นิดหน่อยน่ะ แล้วนี่พวกเ้าจะเข้าไปชั้นที่สามของสนามเซินยวนตอนนี้เลยเหรอ?”
“ทำไมล่ะ หรือเ้ามีอะไรที่ต้องทำ?”
“อืมพอดีว่าข้าได้อัญมณีรังไหมหิมะมาก็เลยกะว่าจะหลอมพลังของมันเข้าไปในกระบี่คมจันทราเสียก่อนค่อยเดินทางต่อ”
“เอาอย่างนั้นก็ได้...”
ซูเหยียนหันไปมองถังเชวียหรานก่อนจะพูดขึ้น“เชวียหราน พวกเราอยู่คุ้มกันพลังให้ปู้อี้เชวียนก่อนแล้วค่อยไปต่อดีไหม?”
ถังเชวียหรานยิ้มก่อนจะพูดขึ้น“อืม ไม่มีปัญหา!”
เมื่อตกลงกันได้แล้วพวกเราก็พากันไปปักหลักอยู่ไม่ไกลจากหินาาสรรพสัตว์สักเท่าไรข้าเริ่มการหลอมพลังของกระบี่คมจันทรา ส่วนซูเหยียนและถังเชวียหรานก็ฝึกฝนพลังของตัวเองไป
ข้านำจุดประภพิญญาออกมาด้านนอกก่อนจะนำอัญมณีรังไหมหิมะใส่เข้าไปครั้งเดียวถึงสิบเม็ด
เพียงพริบตาเดียวไอเย็นแห่งความหนาวเหน็บก็ปกคลุมไปทั่วจุดประภพิญญาจนข้ารู้สึกได้ว่าด้านในถูกหิมะปกคลุมอยู่อย่างไรอย่างนั้นทว่าความหนาวเหน็บด้านในกลับทำให้กระบี่คมจันทราของข้ารู้สึกชอบใจจนเปล่งแสงสว่างไปทั่วทั้งจุดประภพิญญาและยังรู้สึกเย็นวาบอย่างบอกไม่ถูก
ไม่นานอัญมณีรังไหมหิมะทั้งสิบเม็ดก็ถูกหลอมจนเหลือเพียงห้าเม็ดก่อนจะเปลี่ยนเป็สองเม็ดในเวลาไม่นานและกลายเป็หนึ่งเม็ดในที่สุดและยังไม่จบเพียงเท่านี้เพราะมันถูกหลอมจนขนาดหดลงเท่ากับเล็บมือแล้วแทรกตัวเข้าไปด้านในกระบี่คมจันทราจนเกิดแสงเปล่งประกายตามพลังที่มากกว่าเดิมและคมขึ้นเช่นกัน
“เสร็จแล้ว...”
ข้าขยับขาทั้งสองข้างเพื่อไล่ความเย็นก่อนจะรู้สึกว่าเหมือนถูกแช่แข็งไปทั้งร่างจึงล้วงเอาโสมโลหิตเก้าร้อยปีออกมาจากแหวนกระดูกจักรภพแล้วกัดกินมันลงไป
เมื่อกินเข้าไปจนเกิดไอร้อนและให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายแล้วข้าก็หันไปถามสาวงามอีกสองคนที่อยู่ข้างๆ “พวกเ้าเอาสักหน่อยไหม?”
ซูเหยียนมองด้วยสายตาที่ลังเลก่อนจะถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม“พวกข้ากินได้เหรอ?”
“ได้สิ”
นางได้ยินแล้วก็กัดเข้าไปคำเล็กๆ
ถังเชวียหรานมองข้ากับซูเหยียนสลับกันด้วยสายตาที่มีเลศนัยก่อนจะถาม“เวลานี้ข้าต้องปล่อยให้พวกเ้าอยู่กันสองคนหรือเปล่า?”
“สรุปเ้าจะกินไหม ถ้าไม่กินข้าจะเก็บแล้วนะ...มัวแต่พูดมากอยู่ได้”
“กินๆๆ ...”
นางว่าแล้วกัดเข้าไปคำเล็กเหมือนกันก่อนจะหน้าแดงแล้วพูดขึ้น“ขอบคุณเ้ามากนะ ปู้อี้เชวียน”
“คนกันเองทั้งนั้นจะเกรงใจทำไม ไปกันเถอะ พวกเราต้องเข้าไปชั้นที่สามแล้ว”
“อืม!”
และในเวลานี้เองข้างๆหินาาสรรพสัตว์ก็มีผู้คนยืนอยู่รอบๆ ถึงสิบกว่าคนเหมือนกำลังรอดูอะไรสนุกๆกันอยู่
...
“ดูนี่สิๆ มีการจัดลำดับออกมาแล้ว ที่หนึ่งคือฟางชิงยวนที่สองคือมู้เซวี่ยน ที่สามคือหยู่เหวินชิง...”
“นั่นสิไม่รู้ว่าฟางชิงยวนสังหารสัตว์ิญญาไปแล้วกี่ตัวถึงได้มีคะแนนเยอะขนาดนี้น่าอิจฉาเขาชะมัด!”
“ฮึ! ถ้าข้ากินหญ้าิญญาั้แ่เด็กเหมือนเขาก็แข็งแกร่งเหมือนกันนั่นแหละ!”
“เ้ามันก็ดีแต่โม้!”
ข้ากับซูเหยียนและถังเชวียหรานต่างก็มายืนอยู่ข้างๆหินสรรพสัตว์ที่มีรายชื่อของผู้เข้าร่วมสิบอันดับไล่เรียงจากบนลงล่างตามลำดับ
“นี่คือการจัดลำดับคะแนนอย่างนั้นเหรอ?” ข้าถาม
“อืม”
ซูเหยียนพยักหน้าก่อนจะพูดขึ้น“นำคะแนนจากสายรัดผูกิญญาของแต่ละคนออกมาเรียงจากมากไปน้อย เชวียหรานพวกเรามาลองดูกันเถอะ”
“อืม”
เมื่อสาวงามทั้งสองวางมือลงบนหินาาสรรพสัตว์คะแนนในสายรัดผูกิญญาของพวกนางก็ลอยเข้าไปด้านในไม่นานรายชื่อที่ปรากฏออกมาบนหินก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป ซึ่งมีชื่อของซูเหยียนเข้าไปแทนที่รายชื่อของมู้เซวี่ยนจนกลายเป็ที่สองส่วนถังเชวียหรานก็อยู่ในอันดับที่สี่รองลงมาจากรายชื่อของมู้เซวี่ยนเท่านั้น
“ว้าว! ลำดับรายชื่อเปลี่ยนไปแล้ว”
“นั่นมันชื่อของซูเหยียนกับถังเชวียหราน ศิษย์ของสำนักหมื่นิญญานี่นานางสองคนช่างเก่งสมคำร่ำลือจริงๆ!”
“ไม่เห็นแปลกตรงไหนเลยพวกนางต่างก็เป็หนึ่งในสิบอันดับผู้แข็งแกร่งในปีนี้ทั้งนั้นนี่นา”
และในตอนนี้เองข้าก็ก้าวไปข้างหน้าแล้ววางมือลงบนหินาาสรรพสัตว์ก่อนที่คะแนนในสายรัดผูกิญญาจะลอยเข้าไปในหินและการจัดอันดับรายชื่อก็เปลี่ยนไปอย่างช้าๆ อีกครั้งจากอันดับที่หนึ่งอย่างฟางชิงยวนจะเปลี่ยนไปแล้วกลายเป็ชื่อของข้าแทน!
“ว้าว รายชื่อของที่หนึ่งเปลี่ยนไปแล้ว!”
“พระเ้าช่วย ปู้อี้เชวียนนี่ใครกัน? ถึงสามารถขึ้นมาแซงอัจฉริยะฝีมือแกร่งกล้าอย่างฟางชิงยวนได้...”
“ฮึๆ ดูเหมือนว่าการประลองครั้งนี้จะน่าสนใจขึ้นมาแล้วล่ะ!”
...
“เสี่ยวเหยียน เชวียหราน เจอกันในชั้นที่สามแล้วกันนะ!”
“อืม แล้วเจอกันในแอ่งลาวาโลกันตร์!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้