สหายเสี่ยวหวังยืนมองเซี่ยเสี่ยวหลานโจมตีเฉินซีเหลียงไม่ยั้ง แต่เฉินซีเหลียงกลับรู้สึกตื้นตันใจเซี่ยเสี่ยวหลานจนแทบยอมถวายหัว
ถ้าบอกว่าเมื่อก่อนทั้งคู่อยู่ในสถานะผู้ถือหุ้นอย่างเท่าเทียม ตอนนี้ก็คงเป็ความสัมพันธ์แบบไอดอลกับแฟนคลับไร้สมองที่ไร้ความเท่าเทียม
ความคิดที่ดีต้องพูดใน่เวลาที่เหมาะสม
เฉินซีเหลียงที่เพิ่งผ่านการหย่าร้างและเกือบถูกถอนหุ้นย่อมคว้าโอกาสนี้ไว้ให้มั่น ถ้าเซี่ยเสี่ยวหลานพูดเื่ชุนหว่านั้แ่ตอนเจอหน้ากัน ผลลัพธ์คงไม่ออกมาดีขนาดนี้อย่างแน่นอน
สายตาที่เสี่ยวหวังมองเซี่ยเสี่ยวหลานนั้นราวกับเขากำลังมองสัตว์ประหลาด
เขารู้นานแล้วว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเป็คนฉลาดมาก แต่จำเป็ต้องฉลาดขนาดนี้เลยหรือ?
เสี่ยวหวังรู้สึกว่าตนนั้นโง่เขลายิ่งกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานมากนัก กว่าจะใช้ชีวิตมาถึงตอนนี้ได้ช่างไม่ง่ายเอาเสียเลย!
หลี่ต้งเหลียงตกตะกอนทางความคิดได้หลายอย่าง นี่คือสาเหตุว่าทำไมเขาถึงทำงานอยู่กับเซี่ยเสี่ยวหลานและหลิวหย่งไม่ยอมไปไหน ตอนนี้หากเขา้าออกไปทำธุรกิจด้านนี้เองย่อมทำได้ แค่ชวนคนมาร่วมหุ้นกันก็จะสามารถสร้างทีมตกแต่งภายในทีมเล็กๆ มารับงานได้ อาจจะไม่สามารถทำเงินได้เหมือน ‘หย่วนฮุย’ แต่ก็ได้เป็เ้านายตัวเอง ทว่ามันก็เท่านั้น เพราะยังมีหลายอย่างที่เขาต้องเรียนรู้ เขาถึงไม่อยากลาออกไปไหน
นิสัยของหลี่ต้งเหลียงไม่ใช่คนยืดหยุ่นเหมือนหลิวหย่ง ถ้าไม่มีหลิวหย่งคอยคุมหางเสือ แม้เขาจะสามารถคุมคนงานได้ แต่ก็ไม่สามารถรับมือกับปัญหาด้านความสัมพันธ์กับผู้อื่นได้ดีพอ
ตอนนี้หลี่ต้งเหลียงกำลังเรียนรู้ อย่างวิธีการของเซี่ยเสี่ยวหลานในวันนี้ถือเป็การให้บทเรียนกับเขาด้วยเช่นกัน
ในขณะที่เซี่ยเสี่ยวหลานเองก็กำลังเรียนรู้เพื่อพัฒนาตัวเองเช่นกัน เพียงแต่คนที่เธอเรียนรู้ด้วยคือทังหงเอิน โจวกั๋วปิน และกวนฮุ่ยเอ๋อ ทุกคนคือคนที่เมื่อก่อนเธอคงไม่มีวันได้เฉียดเข้าไปใกล้ เพราะระดับทางสังคมที่แตกต่างกัน ความคิดและวิธีการทำงานย่อมต่างกันออกไป
ความซื่อตรงคือข้อดี และการทำธุรกิจก็จำเป็ต้องมีข้อดีนี้
แต่ถ้าซื่อตรงตลอดเวลา เซี่ยเสี่ยวหลานคงถูกคนอื่นเล่นงานไม่มีชิ้นดีแน่นอน
เฉินซีเหลียงจะจัดการกับหลินเหม่ยเจวียนและน้องชายอย่างไรเซี่ยเสี่ยวหลานไม่สนใจแม้แต่น้อย เพราะถึงยังไงเธอก็บอกเฉินซีเหลียงแล้ว ถ้าเฉินซีเหลียงคุมตระกูลหลินไม่อยู่ เธอก็จะเป็คนจัดการเอง และแน่นอนว่าเธอไม่คิดจะไว้หน้าใครทั้งนั้น
เซี่ยเสี่ยวหลานเสียเวลาอยู่หยางเฉิงเพิ่มอีกหนึ่งวัน หลังกลับมาที่เผิงเฉิงเธอก็รีบไปที่โรงพยาบาลทันที และที่นี่เธอได้เจอกับตู้เ้าฮุยที่ยืนอยู่ในห้องของคังเหว่ย เขามาเพื่อขอโทษคังเหว่ยจากใจจริง
“วันนั้นเป็ความผิดของผมเองครับที่รถขับเร็วเกินไป ตอนคนขับรถเห็นรถของพวกคุณก็ไม่อาจเบี่ยงไปทางอื่นได้อีกแล้ว สหายคัง รถของคุณผมจะชดใช้ให้ทั้งหมด ค่ารักษาพยาบาลของคุณผมก็จะรับผิดชอบด้วยเช่นกัน รวมถึงค่าทำขวัญ ค่าเสียเวลา... ตอนนี้ผมตระหนักถึงความผิดที่ได้ทำลงไปแล้ว จึงอยากขอโอกาสจากสหายคังช่วยรับคำขอโทษของผมไว้ด้วยครับ”
ถ้าไม่ใช่เพราะภาษาจีนกลางของตู้เ้าฮุยติดสำเนียงฮ่องกงล่ะก็ เซี่ยเสี่ยวหลานคงคิดว่าคนที่ยืนอยู่ในห้องของคังเหว่ยคือข้าราชการเก่าแก่ของแผ่นดินใหญ่อย่างแน่นอน
เธอไม่อยู่เผิงเฉิงแค่สองวัน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ตู้เ้าฮุยจะมาไม้ไหนอีก เซี่ยเสี่ยวหลานไม่เข้าใจแม้แต่น้อย
ถ้านี่คือการขอขมา มันก็ดูเหมือนจะช้าไปหลายวัน ก่อนหน้านี้ตู้เ้าฮุยเอาแต่ ‘รักษาตัว’ อยู่ในห้องตลอดเวลา ไม่เคยมาขอขมาอย่างเป็ทางการเช่นนี้เลยสักครั้ง
“เสี่ยวหลานกลับมาแล้ว”
เซี่ยอวิ๋นจูงมือเซี่ยเสี่ยวหลานเดินมาใกล้ๆ ผู้ป่วย เซี่ยเสี่ยวหลานพบว่าคังเหว่ยกำลังหลับตาอยู่ ทว่าเปลือกตาของเขาสั่นเล็กน้อย คังเหว่ยกำลังแกล้งหลับสินะ?
คังเหลียนิพยักหน้าให้ตู้เ้าฮุย
“ความจริงใจของคุณตู้ผมรับรู้ได้แล้ว ตอนนี้เชิญคุณตู้กลับก่อนเถิด หลานชายผมยัง้าการพักผ่อน”
ตู้เ้าฮุยไม่อิดออดแม้แต่น้อย เวลานี้เขาดูจริงใจมากเหลือเกิน ตระกูลคังว่าอย่างไรเขาพร้อมที่จะปฏิบัติตาม
พอตู้เ้าฮุยกลับไป คังเหลียนิก็คลี่ยิ้มทันที “ไม่รู้ใครแนะนำวิธีนี้ให้ตู้เ้าฮุย มั่วซั่วไปหมด”
เซี่ยเสี่ยวหลานเองก็รู้สึกข้องใจ “คุณอาคัง อาการของคังเหว่ยก็นิ่งแล้ว เมื่อเทียบกับการอยู่เผิงเฉิง สู้ย้ายเขากลับไปรักษาตัวที่ปักกิ่งจะดีกว่าไหมคะ คุณอากับน้าเซี่ยจะได้ดูแลเขาสะดวกขึ้น”
ถ้าตู้เ้าฮุยตามไปก่อกวนถึงปักกิ่ง เซี่ยเสี่ยวหลานคงต้องยอมใจเขาแล้วจริงๆ
คังเหลียนิเดิมทีก็ตั้งใจไว้แบบนั้นเช่นกัน
“ฉันตั้งใจว่าจะขึ้นเครื่องคืนนี้ แล้วเธอล่ะ ใกล้ตรุษจีนแล้ว ยังจะอยู่ที่เผิงเฉิงอีกหรือเปล่า”
เซี่ยอวิ๋นรู้สึกชอบเซี่ยเสี่ยวหลานมาก คังเหว่ยบอกเธอว่าบ้านที่พวกเธออาศัยอยู่ตอนนี้เซี่ยเสี่ยวหลานเป็คนออกแบบให้ ที่แท้ตอนยังไม่ได้เจอกับเซี่ยเสี่ยวหลาน เธอกับเซี่ยเสี่ยวหลานก็มีส่วนเกี่ยวข้องกันแล้วอย่างนั้นหรือ
ตัวบ้านออกแบบและการตกแต่งอย่างพิถีพิถัน เซี่ยอวิ๋นนั้นถูกใจเป็อย่างยิ่ง
และเซี่ยอวิ๋นเองก็ชอบที่เซี่ยเสี่ยวหลานช่วยเป็ธุระเื่ต่างๆ ให้กับเหตุการณ์ในครั้งนี้
เซี่ยอวิ๋นไม่ได้มีความคิดที่ไม่เหมาะสม เธอรู้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเป็แฟนของโจวเฉิง ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานก็สามารถมีมิตรภาพกับคังเหว่ยได้เช่นกัน!
ชายหญิงไม่จำเป็ต้องคบหากันเชิงชู้สาวเท่านั้น ยังมีความสัมพันธ์ของเพื่อนร่วมสถาบัน เพื่อนสนิท เพื่อนร่วมงาน ความสัมพันธ์ของมนุษย์มีหลากหลายรูปแบบ ทำไมต้องคิดอะไรให้ซับซ้อนขนาดนั้นด้วย
เผิงเฉิงมีแต่ความวุ่นวาย เซี่ยอวิ๋นเป็ห่วงว่าถ้าเซี่ยเสี่ยวหลานต้องอยู่ที่นี่คนเดียว ทั้งยังมีคุณชายใหญ่จากฮ่องกงที่ไม่น่าไว้ใจอยู่ด้วยเช่นนี้ หากเกิดเื่ไม่คาดฝันขึ้นมาเล่า?
“คุณน้าเซี่ย ฉันตั้งใจว่าจะกลับซางตูวันที่ 17 ค่ะ พรุ่งนี้เช้าคุณลุงของฉันจะเดินทางมาเผิงเฉิง ฉันจะอยู่รอเขาที่นี่วันหนึ่ง แล้วค่อยกลับบ้านพร้อมกัน”
หลิวหย่งจะเดินทางมาจากปักกิ่ง
ปีนี้ ‘หย่วนฮุย’ ทำเงินได้เท่าไร หลิวหย่งต้องมาสรุปบัญชีและจ่ายค่าแรงคนงาน เขาต้องทำบัญชีของบริษัทให้ชัดเจน ทำงานมาทั้งปีจะปล่อยให้พวกคนงานไม่มีเงินฉลองปีใหม่ไม่ได้อย่างเด็ดขาด!
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ใช่นักศึกษาธรรมดา นอกจากเรียนหนังสือแล้วเธอยังทำธุรกิจไปพร้อมกันอีกด้วย
และธุรกิจที่ทำก็ไม่ได้มีเพียงที่ทำกับคังเหว่ยเท่านั้น หลังเซี่ยอวิ๋นได้ยินว่าลุงของเซี่ยเสี่ยวหลานจะเดินทางมาจึงไม่ได้ซักถามอะไรต่อ
“ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ไปพักที่บ้านพักรับรองของเทศบาลเถิด”
หากเป็ที่นั่นเซี่ยเสี่ยวหลานคงได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เพราะไม่มีใครกล้าก่อความวุ่นวายนั่นเอง
ให้ไปพักที่บ้านพักรับรองเทศบาลเมืองเป็คำแนะนำที่ดี ที่นั่นเป็ผลงานการตกแต่งของหลิวหย่ง อีกทั้งเซี่ยเสี่ยวหลานกับกงหยางก็ช่วยกันออกแบบ แน่นอนว่ารูปแบบการตกแต่งภายในล้วนเป็แบบที่เธอชอบ
ตอนสองทุ่ม คังเหว่ยถูกส่งตัวกลับปักกิ่ง เขานอนอยู่บนเตียงแต่ก็ไม่วายโบกมือลาเซี่ยเสี่ยวหลาน
เซี่ยเสี่ยวหลานกลั้นหัวเราะไม่อยู่ ตอนถูกรถชนนึกว่าเขาจะไม่รอดเสียแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าพวกเธอจะรอดด้วยกันทั้งคู่ ตอนนี้แผลที่หน้าของเธอก็ดีขึ้นมาก คังเหว่ยเองก็กำลังฟื้นตัวเป็อย่างดี
หลี่ต้งเหลียงยังคงติดตามเธออยู่ไม่ห่าง และยังมีเสี่ยวหวังที่คอยมาเป็คนขับรถให้ชั่วคราวด้วย
ระหว่างทางไปบ้านพักรับรองเทศบาลเมือง รถของเซี่ยเสี่ยวหลานถูกรถคันหนึ่งขวางทางอยู่
เป็ตู้เ้าฮุย
“คุณชายใหญ่ตู้ ดึกดื่นค่ำคืนไม่ยอมหลับไม่ยอมนอน อยากเป็พวกโจรดักปล้นหรือคะ”
อาจเพราะกลัวว่าจะเป็การยั่วโมโหเซี่ยเสี่ยวหลาน วันนี้ตู้เ้าฮุยจึงไม่ได้นั่งรถเบนส์ลีย์คันนั้นมา แต่เปลี่ยนมาใช้รถเบนซ์ที่มีความหรูหราน้อยกว่าแทน ถือว่านี่เป็การพยายามทำตัวติดดินของคุณชายใหญ่ตู้แล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานคงไม่อาจปฏิเสธเขาได้
ตู้เ้าฮุยยืนพิงประตูรถ สีหน้าดูหม่นหมอง
“สหายเซี่ยเสี่ยวหลาน ข้อเสนอที่ผมบอกไปคราวก่อน คุณพิจารณาแล้วหรือไม่ คงไม่มีใครรังเกียจเงินจำนวนมากเช่นนั้น ถ้าคุณจัดการเื่นี้ได้ นอกจากค่าตอบแทนแล้วผมจะมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้คุณด้วย”
ตู้เ้าฮุยเชิญเซี่ยเสี่ยวหลานลงจากรถมาเชยชมของขวัญชิ้นใหญ่ที่กล่าวถึง
ที่นี่อยู่ใกล้บ้านพักรับรองเทศบาลเมืองมาก สามารถมองเห็นประตูทางเข้าของบ้านพักได้อย่างชัดเจน เซี่ยเสี่ยวหลานมีหลี่ต้งเหลียงอยู่ด้วย แต่ถึงอย่างไรเธอก็รู้สึกข้องใจว่าตู้เ้าฮุยคิดจะมาไม้ไหน
เมื่อยื่นหน้าเข้าไปดูก็พบว่า ที่กระโปรงท้ายรถมีคนถูกเชือกมัดตัวไว้อยู่
ปากถูกอุดด้วยผ้า ร้องอู้อี้พลางดิ้นรนหวังเอาตัวรอด อาศัยแสงไฟริมทางมองให้ชัดก็พบว่าคนคนนี้คือเซี่ยจื่ออวี้!
เซี่ยเสี่ยวหลานปรายตามองเล็กน้อย ก่อนจะยื่นมือไปปิดกระโปรงท้ายรถ
“คุณชายตู้หมายความว่าอย่างไรหรือคะ”
ตู้เ้าฮุยยักไหล่ “ก็อย่างที่คุณคิด ผู้หญิงคนนี้เป็ศัตรูของคุณมิใช่หรือ นอกจากค่าตอบแทนแล้ว คุณสามารถจัดการกับเธออย่างไรก็ได้!”