วิธีการของเจิ้งหยวนนั้นง่ายดายมาก แค่ออกไปพร่ำบ่นตรงๆ เท่านั้น เจิ้งเจวียนเป็เด็กที่ฉลาดเฉลียว ฟังคำชี้แนะนิดเดียวก็เข้าใจ ตอนออกไปคุยเล่นกับคนอื่น คุยๆ อยู่ก็พูดขึ้น “ป้าสะใภ้ฉันทำเกินไปจริงๆ อาศัยว่าคุณลุงเป็พี่ชายคนโตของพ่อ ข่มเหงรังแกบ้านพวกเรา ไม่เพียงแต่จับจ้องการแต่งงานสกุลเฝิงแล้วจงใจทำลายชื่อเสียงพี่สาวรองฉัน ยังแย่งเนื้อของเราไปด้วย คุณพ่อเป็คนจิตใจดี คิดว่าพี่สาวรองเผยแพร่เื่อื้อฉาวของครอบครัวพวกเขาจนพวกเขาเสียชื่อเสียง พ่อรู้สึกผิดต่อพวกเขาก็เลยไปขอโทษคุณลุงใหญ่ ป้าสะใภ้ใหญ่ฉันก็ดีเสียเหลือเกิน ไม่เพียงไม่รับน้ำใจ ยังหยิ่งผยองได้คืบจะเอาศอก พี่สาวรองฉันเลยโกรธจะไปทวงเนื้อที่บ้านคุณลุง แต่สุดท้ายคุณพ่อไม่ยอม มาห้ามไว้… เฮ้อ…”
เสียงถอนหายใจนี้ลากยาวเสียหลายตลบ ทำคนฟังเกิดความรู้สึกปวดใจและจนปัญญาตามไม่น้อยกันเลยทีเดียว
“งั้นเนื้อของบ้านเธอก็ให้ลุงใหญ่ไปหมดจริงๆ เหรอ?”
เจิ้งเจวียนเบ้ปาก “ก็ใช่น่ะสิ”
“นั่นเนื้อทั้งจินเลยนะ” ครอบครัวหลิวเสี่ยวเยี่ยนถือชายเป็ใหญ่ แม้มีแบ่งเนื้อกัน แต่อย่างมากเธอก็ได้แค่ดมกลิ่น และกินเศษเนื้อที่คนอื่นไม่สนใจแก้อยากเท่านั้น
เจิ้งชุนเหมยรู้ความจริงทุกอย่าง แต่เธอฉลาดไหวพริบดี แล้วใจยังเอนเอียงไปทางฝั่งเพื่อนสนิท จึงพูดเออออตามเจิ้งเจวียน “ป้าสะใภ้ใหญ่เธอทำเกินไปแล้วจริงๆ”
เจิ้งเจวียนเอ่ย “ใช่ไหมล่ะ แต่คนอย่างป้าสะใภ้ใหญ่ฉัน ใครบ้างไม่รู้ว่าร้ายกาจ”
ฝั่งเจิ้งเจวียนพูดเช่นนี้กับพวกเพื่อนๆ เฉินชุ่ยอวิ๋นก็กำลังบ่นกับคนอื่นๆ เหมือนกัน “พวกเธอรู้จักนิสัยเฉวียนกังของฉันดี เฮ้อ อย่างไรเสีย นั่นก็พี่ชายคนโตของเขา ตัดกันไม่ขาดหรอก เจิ้งหยวนเองอยากไปทวงเนื้อที่บ้านคุณลุงกลับมาอยู่ แต่เฉวียนกังห้ามไว้”
่สามสี่โมงเย็น ปกติเหล่าแม่บ้านที่รัดเท้าทำงานหนักไม่ได้ ทำได้เพียงเตรียมอาหาร ทำความสะอาดบ้านและดูแลลูกอยู่ในบ้านเหมือนเฉินชุ่ยอวิ๋น จึงมีหลายคนที่รวมตัวกันคุยเล่นบนม้าหินข้างนอกบ้าน
“ฉันได้ยินมาจากเทียนหยางแล้ว ตอนกลางวันเขาบังเอิญเห็นลูกสาวเธอกำลังจะไปบ้านคุณลุงแล้วโดนเฉวียนกังจับได้พอดี” ป้าฟางอาศัยอยู่แถวหลังบ้านเจิ้งหยวน จักรยานที่เจิ้งหยวนยืมก่อนหน้านี้ก็ยืมจากบ้านเธอ เธอเอาปลอกนิ้ว [1] ดันเข็มเงินทะลุพื้นรองเท้าแล้วบอก “ที่แท้เป็เพราะเื่แบ่งเนื้อคราวนี้เหรอ? เนื้อบ้านเธอถูกเฉวียนกังเอาให้เฉวียนจู้ไปจริงๆ เหรอ?”
เจิ้งเฉวียนจู้คือชื่อเต็มของลุงใหญ่เจิ้งนั่นเอง
เฉินชุ่ยอวิ๋นเย็บพื้นรองเท้าอยู่เหมือนกัน เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วบอก “จริงสิ?”
“งั้นเจิ้งหยวนของเธอยอมเหรอ?” น้ำเสียงของคนผู้นี้ติดจะหยอกเอินเล็กน้อย “ชุ่ยอวิ๋นเอ๋ย ฉันว่าเธอต้องจัดการเจิ้งหยวนบ้างแล้วนะ นิสัยแบบนี้ต่อไปใครจะกล้ามายุ่งด้วย?”
เฉินชุ่ยอวิ๋นรู้ ‘กิตติศัพท์อันดีงาม’ ของลูกสาวตนเองดี เธอถอนหายใจอีกครั้ง ไม่รู้ควรตอบอย่างไรดี แต่ป้าฟางกลับไม่พอใจคำพูดของคนนั้นแทน เธอไม่ชอบคนนิสัยอ่อนแอนุ่มนิ่มสักเท่าไร แม้เจิ้งหยวนจะแข็งกร้าวไปบ้าง แต่ป้าสะใภ้เจิ้งเองก็ใช่ว่าจะดี แถมเจิ้งหยวนยังไม่ได้ไปแข็งกร้าวบนหัวใคร เธอจึงเอ่ย “เธอนี่พูดอะไรไม่เข้าท่าเลย? ตามความเห็นฉัน เจิ้งหยวนควรไปเอาเนื้อกลับมานะ บ้านเธอไม่ได้ติดหนี้บ้านคนเขาเสียหน่อย เธอดูหลายปีมานี้สิ หากไม่ใช่เพราะเจิ้งหยวนแข็งแกร่ง ไปทวงเสบียงกลับมาจากบ้านนั้น เ้าตัวจะคืนเองไหม? ยัยซ่งจินฮวาแค่เห็นว่าเฉวียนกังของเธอรังแกง่ายต่างหากละ!” ซ่งจินฮวาคือชื่อจริงของป้าสะใภ้เจิ้งนั่นเอง
“เจิ้งเฉวียนกังไม่เห็นด้วย เจิ้งหยวนจะทำอะไรได้?” เฉินชุ่ยอวิ๋นบอก “เฉวียนกังเป็คนหัวแข็ง หากเจิ้งหยวนดื้อกับเขาขึ้นมา บ้านได้ถล่มแน่นอน” เธอชะงักไปครู่หนึ่ง หวนนึกถึงเื่ราวเมื่อตอนกลางวัน ก็เผลอยิ้มพลางบอก “เอาจริงๆ ่นี้เจิ้งหยวนอารมณ์เย็นขึ้นมากแล้วนะ ส่วนใหญ่พ่อเธอพูดอะไรก็ไม่เถียงคอเป็เอ็น ทำงานก็ขยันขันแข็งยิ่งกว่าเดิม พูดจาไพเราะน่าฟัง เอาแต่บอกฉันทั้งวันว่าอย่าเหนื่อยอยู่เลย ไปพักผ่อนเถอะ แล้วยังพยายามหาทางทำอาหารอร่อยๆ ให้ฉันกินด้วย”
ป้าฟางยิ้มตาม “ใกล้แต่งงานแล้วนี่ นิสัยย่อมสงบเสงี่ยมลงอยู่แล้ว เจิ้งหยวนของเธอก็รู้ความดีทีเดียว”
เชิงอรรถ
[1] ปลอกนิ้ว หมายถึง ปลอกนิ้วเหล็กสำหรับสวมใส่ป้องกันนิ้วจากเข็มหรืองานเย็บผ้า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้