แต่อย่างไรเขาก็ติดตามอยู่ข้างกายองค์ชายห้ามานาน ความสามารถในการยอมรับก็ยังพอมีอยู่ เพียงครู่เดียวเขาก็กลับมาเป็ปกติ อีกทั้งอีกฝ่ายเป็ถึงคุณหนูสกุลซูทุกอย่างก็พอจะเข้าใจได้
ซูิเยว่มีความคิดวิเคราะห์ที่ลึกล้ำเช่นนี้ รู้ว่าเขาเป็ใครถูกใครตามฆ่าก็ไม่ใช่เื่ยากอะไร
หวังซวินเงยหน้ามองซูิเยว่เนิ่นนานกว่าจะเอ่ยคำพูดที่จริงใจออกมา “ขอบคุณขอรับ ขอบคุณที่คุณหนูช่วยชีวิตข้า”
ซูิเยว่เองก็ไม่ได้พูดจาเกรงใจเขา “ไม่ต้องรีบร้อนขอบคุณหรอก มีผลประโยชน์อย่างไรก็ต้องช่วยเหลือกัน ข้าช่วยชีวิตเ้ามา แน่นอนว่าข้าก็มีเหตุผลของข้า”
หวังซวินที่เป็พ่อค้าคนหนึ่งก็รู้เื่นี้ดี “ข้ารู้ เช่นนั้นไม่ทราบว่าคุณหนูซูอยากได้อะไรจากข้าหรือ?”
พูดไปแล้วก็หัวเราะเสียงขรม “ตอนนี้ข้าก็แค่คนคนหนึ่งที่มีชีวิตอยู่กับการถูกคนไล่ฆ่า แม้แต่ฐานะของข้าก็ไม่อาจนำความเชื่อถืออะไรมาให้คุณหนูได้ กลับกันยังลากคุณหนูเข้าไปถูกฆ่าด้วย”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก” ซูิเยว่หัวเราะเสียงเบา
“ตอนนี้เ้าไม่อาจใช้ชีวิตด้วยตัวตนของเ้าได้อีกต่อไปแล้ว แต่เ้าก็ยังมีค่าให้มีชีวิตอยู่ ข้ามีวิธีเปลี่ยนตัวตนของเ้าให้เริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ รับประกันว่าคนคนนั้นไม่มีทางรู้ เ้ายินดีหรือไม่?”
หวังซวินมองซูิเยว่ค้างอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดติดอ่างออกมา “คุณ...คุณหนู เ้ามีวิธีทำให้ข้าเปลี่ยนตัวตนใหม่และเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้หรือ?”
ใน่นี้เขาเอาแต่หลบซ่อนหลบการไล่ฆ่าอยู่ตลอด เขาเกลียดชีวิตเช่นนี้มานานมากแล้ว
“แน่นอนสิ” ซูิเยว่เลิกคิ้วข้างหนึ่ง ท่าทางมั่นใจเต็มร้อย นางไม่เคยทำการค้าขายที่ขาดทุนมาก่อน
หวังซวินได้ยินก็คุกเข่าลงตรงหน้าซูิเยว่ “ข้าน้อยขอคุณหนูได้โปรดช่วยชีวิตข้า ต่อไปหากมีเื่ที่คุณหนูสามารถใช้ข้าน้อยได้ ข้าน้อยจะบุกน้ำลุยไฟโดยไม่พูดสักคำขอรับ”
“เ้าลุกขึ้นมาก่อน” ซูิเยว่กุมหน้าผากอย่างจนใจ “ข้าไม่ได้ขอให้เ้ามาถวายชีวิตให้ข้าด้วยการไปฆ่าฟันกับใครเสียหน่อย เ้าลุกขึ้นมาก่อน”
หวังซวินเงยหน้าขึ้นมองซูิเยว่แล้วลุกขึ้นกลับมานั่ง
แววตาของซูิเยว่จ้องหวังซวินอย่างไม่ใส่ใจ นางเอ่ยปากพูดเสียงเรียบ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความเคร่งขรึมอยู่หลายส่วน
“ข้าช่วยเ้าได้ แต่เงื่อนไขของข้าก็คือต่อไปเ้าจะต้องถวายชีวิตให้ข้า จะหักหลังข้าไม่ได้ จะต้องซื่อสัตย์กับข้า เ้าทำได้หรือไม่?”
หวังซวินชะงักไป จากนั้นก็พยักหน้าหนักแน่น “ั้แ่วินาทีที่คุณหนูช่วยชีวิตข้าไว้ ข้าก็คือคนของคุณหนูแล้ว ต่อไปข้าจะซื่อสัตย์กับคุณหนูอย่างแน่นอน จะเชื่อฟังคำสั่งของคุณหนู”
“แล้วก็เ้าจงจำเอาไว้ให้ดี” ซูิเยว่ยกริมฝีปากขึ้น ร่างกายเอียงไปด้านหน้าเล็กน้อย “ข้าช่วยเ้ามาจากเงื้อมมือของคนคนนั้นได้ ข้าก็ฆ่าเ้าได้เช่นกัน”
นางพูดเหมือนสบายๆ ราวกับไม่คิดอะไร แต่ความหมายในคำพูดนั้นไม่ได้ทำให้คนอื่นเกิดความสงสัยเลย
หวังซวินรู้สึกถึงแรงกดดันพุ่งเข้ามาทางด้านหน้า ถึงตรงหน้าจะเป็เด็กสาวที่อายุไม่กี่สิบปีคนหนึ่ง แต่นางกลับมีกลิ่นอายเช่นนี้ เขาเชื่อทุกคำพูดทั้งหมดของซูิเยว่ นางไม่ได้ล้อเล่นจริงๆ
“ขอรับ ข้าจะจำเอาไว้” หวังซวินคิดแล้วก็คิดอีกก่อนจะเอ่ยปากพูดออกมาด้วยความลังเล “แต่ว่า ต่อไปหากข้าอยู่ข้างกายคุณหนู สภาพของข้าเช่นนี้หากเผยหน้าออกไปก็ยังมีผู้อื่นจำได้นะขอรับ...”
“เื่นี้เ้าไม่ต้องกังวลใจไป” ซูิเยว่นั่งตัวตรงมือเท้าคางมองหวังซวินแล้วพูดเนิบช้า “ั้แ่ตอนนี้ไปไม่ต้องใช้ชื่อเดิมของเ้าแล้ว ข้าจะตั้งชื่อให้เ้าใหม่”
“ไม่มีปัญหาขอรับ ข้าฟังคำคุณหนูทั้งหมด” หวังซวินตอบรับอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด ชื่อก็แค่สิ่งของนอกกาย ทิ้งได้ก็ทิ้งไป
“เช่นนั้นชื่ออะไรดีนะ?”
ซูิเยว่ขมวดคิ้วคิดอยู่นาน สุดท้ายก็ตบมือ “ข้าจะเรียกเ้าว่าอาต้าแล้วกัน จำง่ายดีด้วย”
มุมปากหวังซวินกระตุก สุดท้ายก็พยักหน้า “ขอรับ ข้าน้อยยอมรับการตัดสินใจของคุณหนูทั้งหมดขอรับ”
ซูิเยว่เองก็รู้ว่าตัวเองไม่มีความสามารถในการตั้งชื่อสักเท่าไร “เ้าก็ฝืนใช้ไปก่อน แค่ชั่วคราวเท่านั้น สักวันหนึ่งเ้าจะกลับไปใช้ชื่อเดิมของตัวเองได้แน่”
หวังซวินขมวดคิ้วไม่เข้าใจคำพูดนี้ของซูิเยว่สักเท่าไรว่านางหมายความว่าอะไร
หากข่าวที่ว่าเขายังมีชีวิตอยู่เล็ดลอดออกไปเล็กน้อย คนคนนั้นก็ไม่มีทางปล่อยเขาไปและต้องตามไล่ฆ่าเป็แน่ แต่เขาก็รู้จักกาลเทศะเลยไม่ได้ถามมาก เขารู้ว่าเด็กสาวอายุไม่กี่สิบปีตรงหน้ามีแผนเป็ของตัวเอง
ซูิเยว่นั้นมีการวางแผนเป็ของตัวเอง นางเกิดใหม่มาชาติหนึ่งก็เพื่อจะล้างแค้นองค์ชายห้ากับจ้าวอวี้ถิงคู่หญิงโฉดชายชั่ว ตอนนี้พวกเขาได้ฝังเสาลงไปแล้ว ถึงแม้องค์ชายห้าจะคอยดึงนางมาตลอด แถมยังดีกับนาง แต่ความจริงแล้วก็แค่อยากใช้ประโยชน์จากนางก็เท่านั้น
รอจนกระทั่งนางไม่มีคุณค่าให้ใช้ประโยชน์แล้วหรือพวกเขาพบว่านางไม่ใช่คนที่จะควบคุมได้อีกต่อไป ไม่แน่พวกเขาก็จะลงมือฆ่านาง ดังนั้นเื่ระหว่างนางกับองค์ชายห้าจะช้าหรือเร็วก็ต้องมีการสะสาง
“คุณหนู ข้าเปลี่ยนชื่อแล้ว แต่ว่าใบหน้าของข้าจะทำอย่างไรหรือขอรับ?”
หวังซวินขมวดคิ้วกังวลกับใบหน้าตัวเอง ถึงแม้ตนจะเปลี่ยนชื่อแล้ว แต่ว่าใบหน้านี้แค่ออกไปอยู่ด้านนอกจะต้องเกิดเื่แน่
ซูิเยว่พูดแล้วก็แหวกผ้าม่านออกไปมองด้านนอก ตอนนี้ห่างจากหอฉวินฟางอีกไม่ไกลแล้ว อีกทั้งหนิงหยวนก็ฟังคำสั่งของนางเลือกตรอกเล็กๆ โดยเฉพาะ ผู้คนจึงไม่เยอะมากทำให้ไม่ดึงดูดความสนใจ
“เอาล่ะ เสี่ยวหยวน จอดรถม้าตรงหน้าตรอกก็พอ”
“ขอรับ” หนิงหยวนขับรถม้าไป สุดท้ายก็หยุดอยู่ในตรอกที่ค่อนข้างไกล
พวกเขาลงมาจากรถม้า ตอนที่ลงมาหนิงหยวนก็มองตรวจสอบรอบๆ อย่างระมัดระวัง แต่ก็ไม่พบร่องรอยคนชุดดำพวกนั้นแล้ว
หลังจากนั้นซูิเยว่ก็สั่งหนิงหยวน “เสี่ยวหยวน แกะเชือกรถม้า แล้วปล่อยให้ม้าวิ่งไปเอง”
“ขอรับ” หลังจากทำทุกอย่างเสร็จ พวกเขาก็เดินตามหลังซูิเยว่เข้าไปหอฉวินฟาง ทางที่พวกเขาเดินไปนั้นคือประตูหลัง ที่นี่ซูิเยว่เคยมาแล้วสองรอบจึงทำให้นางชำนาญทาง เพียงครู่เดียวก็อ้อมไปยังประตูหลังของหอฉวินฟาง
“จำเอาไว้” ซูิเยว่พูดสั่งทุกคนเสียงเบา “อีกเดี๋ยวแค่ตามข้ามาก็พอ ไม่ต้องถามแล้วก็ไม่ต้องพูด ไม่ต้องสนใจเื่ใดใดทั้งสิ้น”
“ขอรับ/เ้าค่ะ คุณหนู”
ประตูหลังของหอฉวินฟางยังคงมีเด็กหนุ่มชุดเขียวสองคนเฝ้าเอาไว้ พอเห็นพวกเขาสี่คนก็ยกมือขึ้นมาขวาง เด็กรับใช้หนึ่งในนั้นจำซูิเยว่ได้จึงเอ่ยทักทายนางด้วยน้ำเสียงให้เกียรติ “คุณหนูซู”
“รบกวนทั้งสองคนไปรายงานกับเ้าของหอว่าข้ามีเื่อยากจะขอพบ”
“ขอรับ รบกวนรอสักครู่” เด็กรับใช้ที่ทักทายซูิเยว่พูดจบก็เข้าไปรายงาน โดยทิ้งอีกคนเฝ้าตรงนี้ไว้
ที่จริงแล้วก่อนหน้านี้เ้าของหอก็ได้บอกเป็พิเศษแล้วว่า หากเป็ซูิเยว่มาก็ให้ขึ้นไปได้เลย แต่ว่าครั้งนี้ซูิเยว่พาอีกสามคนมาด้วย เขาจึงทำได้แค่ไปรายงานก่อน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้