มู่เจี้ยนเฟยและคนอื่นๆ ไม่เข้าใจ
ไก้อู๋ซวงพูดอย่างเฉยเมยว่า “พวกเ้าไม่จำเป็ต้องเข้าใจ แค่จำไว้ว่า หากหลัวเลี่ยคิดจะนำผลึกสุริยนไป เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน แต่การตายเช่นนี้ของเขาไม่ใช่สิ่งที่ข้า้า เพราะข้า้าจะสังหารคนอวดดีเช่นเ้าบ้านั่นด้วยมือของข้าเอง ดังนั้นพวกเ้าจงไปค้นหาเขาโดยเร็วที่สุด ข้า้าจะเจอและจัดการเขาด้วยตัวเอง!”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
แม้ว่าพวกเขาจะไม่เต็มใจทำตามที่ไก้อู๋ซวงสั่ง แต่ก็ไม่มีใครกล้าคัดค้าน ทุกคนรีบกระจายตัวเพื่อตามหาหลัวเลี่ยโดยเร็วที่สุด
ความเงียบสงบกลับคืนสู่หุบเขา
ไก้อู๋ซวงเอ่ยออกมาเบาๆ
“การประลองยุวราชันแห่งร้อยแคว้นของดินแดนทางเหนือเช่นนั้นหรือ? มันก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานในวัยสาวของข้า”
“ชีวิตในวัยหนุ่มสาวของพวกเ้าล้วนตกอยู่ในกำมือของข้าั้แ่ข้ากำเนิดขึ้นบนดินแดนแห่งนี้แล้ว แต่พวกเ้าก็ยังคิดว่านี่เป็การประลองที่มีโอกาสชนะอยู่อีก ช่างไร้เดียงสากันจริงๆ”
“หนึ่งแตกดับ หนึ่งกำเนิด คือวัฏจักรแห่งนิพพาน พลิกหยินเปลี่ยนหยางเป็ตายล้วนแล้วแต่ฟ้าดินลิขิต!”
“นี่ก็คือหนทางในการขึ้นเป็เทพของข้า”
“หนทางนี้ได้ถูกกำหนดให้ชิงสมบัติของจักรพรรดิแดนประจิม!”
หลัวเลี่ยมองไปยังผลึกสุริยนที่ลอยอยู่ท่ามกลางต้นไม้ ใจของเขาเต้นระรัว เขารู้ว่าที่แห่งนี้อันตรายมาก
การที่ผลึกสุริยนถูกวางไว้อย่างเปิดเผยเช่นนี้โดยไม่มีใครนำมันไป ถือเป็การบ่งบอกแล้วว่าเื่นี้มีความไม่ชอบมาพากล
แต่หลัวเลี่ยก็ไม่สามารถตัดใจทิ้งสมบัติชิ้นนี้ได้เช่นกัน เพราะสมบัติชิ้นนี้เป็สิ่งสำคัญที่จะทำให้เขาก้าวเข้าสู่ระดับหยินหยางได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“ไม่ว่าจะเป็เช่นไร ข้าก็ต้องนำผลึกสุริยนมาให้ได้”
“ในเมื่อมีอันตราย เช่นนั้นข้าจะทำลายความอันตรายนั้นเอง”
หลัวเลี่ยพลิกข้อมือของตนเองหนึ่งครั้ง จากนั้นบนมือของเขาก็ปรากฏของบางสิ่งขึ้น
ลูกแก้วใส!
ลูกแก้วใสชิ้นนี้คือสมบัติลึกลับที่ได้รวบรวมลูกแก้วน้ำทั้งสามสิบหกลูกเอาไว้
หลัวเลี่ยมองลูกแก้วใสที่มีน้ำอยู่ภายใน จากนั้นเขาก็พูดขึ้นเบาๆ ว่า “ข้าไม่รู้ว่าเ้ามีที่มาและมีพลังอย่างไร แต่ข้าคิดว่าน้ำจะสามารถข่มไฟได้ ดังนั้นเ้าก็คงสามารถช่วยข้านำผลึกสุริยนนี้มาได้แน่”
ลูกแก้วใสนี้บรรจุพลังภายในของหลัวเลี่ยเอาไว้ค่อนข้างมาก
รวมถึงเมื่อหลัวเลี่ยเห็นว่าลูกแก้วน้ำจำนวนสามสิบหกลูกได้เข้าไปรวมกับลูกแก้วใสแล้ว เขาก็ไม่ได้ถอดลูกแก้วน้ำพวกนั้นกลับมาแต่อย่างใด ไม่เพียงไม่นำกลับเท่านั้น แต่เขายังส่งพลังของตนเข้าไปเพิ่มอีกด้วย
ดังนั้นหลัวเลี่ยจึงสามารถควบคุมลูกแก้วใสนี้ได้
หลัวเลี่ยยื่นมือออกไปจับลูกแก้วใส เขาถ่ายทอดพลังภายในของตัวเองลงไปยังลูกแก้วอย่างต่อเนื่อง
กระแสน้ำที่อยู่ในลูกแก้วใสเริ่มเคลื่อนไหวอย่างปั่นป่วน สิ่งนี้ทำให้ใจของหลัวเลี่ยสั่นไหว เขาเริ่มสังเกตเห็นว่าอากาศที่อยู่ในรัศมีสองลี้ของลูกแก้วใสนี้เริ่มปั่นป่วนอย่างรุนแรง หลังจากนั้นอากาศที่ปั่นป่วนเ่าั้ก็เริ่มก่อตัวกลายเป็น้ำ พวกมันรวมตัวกันจนกลายเป็สายน้ำแล้วพุ่งเข้าไปในป่าที่มีผลึกสุริยนอยู่
หากจะกล่าวว่าก่อนหน้านี้ลูกแก้วใสสามารถปล่อยน้ำให้ท่วมจนสร้างอันตรายได้ เช่นนั้นเมื่อภายในลูกแก้วใสมีลูกแก้วน้ำทั้งสามสิบหกลูกเพิ่มเข้ามา ลูกแก้วใสนี้ย่อมไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
พลังโจมตีที่ลูกแก้วใสปล่อยออกมานั้นสามารถบอกได้ว่าบ้าคลั่งเลยทีเดียว
ตูม!
น้ำที่เกิดจากการก่อตัวขึ้นในอากาศทำให้ป่านั้นพังทลายลงด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
ต้นไม้ใบหญ้าที่มีเปลวเพลิงลุกไหม้อยู่นั้น เมื่อถูกสายน้ำซัดสาดเข้ามาก็กลายเป็เพียงสะเก็ดไฟเล็กๆ และเมื่อสายน้ำที่เกิดจากลูกแก้วใสพัดไปถึงผลึกสุริยน มันก็ตรงเข้าไปดับเปลวเพลิงที่ลุกไหม้อยู่บนผิวของผลึกสุริยนทันที
“ฟู่...”
สิ่งที่ทำให้แผ่นหลังของหลัวเลี่ยเย็นเยียบขึ้นมาก็คือสัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายกิ้งก่า ที่จู่ๆ ก็โผล่ขึ้นมาจากพื้นดินในระยะประมาณสามจั้งรอบๆ ผลึกสุริยน พวกมันต่างปลดปล่อยไฟให้ลุกโชนอย่างรุนแรงมากขึ้นเพื่อพยายามต่อสู้กับน้ำในอากาศ
“ในเมื่อเ้าปรากฏกายขึ้นมาแล้ว ก็จงใช้ความตายของเ้าหล่อเลี้ยงผลึกสุริยนเถิด”
เมื่อจบประโยคนี้ หลัวเลี่ยก็ถ่ายทอดพลังภายในทั้งหมดของเขาลงไปยังลูกแก้วใส
ตูม!
กระแสน้ำที่เกิดจากลูกแก้วใสทวีความรุนแรงมากขึ้น น้ำที่อยู่ภายในลูกแก้วใสรวมตัวกันเป็ก้อนกลม จากนั้นก็ะเิอย่างรุนแรง
แน่นอนว่าการะเินี้เป็การะเิที่อยู่ภายในลูกแก้วใส
เมื่อน้ำที่อยู่ภายในลูกแก้วใสะเิ กระแสน้ำที่อยู่ภายนอกก็ะเิเช่นกัน ซึ่งพลังของการะเินี้น่ากลัวจริงๆ สัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายกิ้งก่าทั้งหมดถูกแรงดันน้ำอัดจนร่างกายะเิ จากนั้นผลึกสุริยนก็ดูดซับพลังจากร่างของสัตว์ประหลาดเ่าั้และแข็งแกร่งขึ้น
ในป่าเล็กๆ แห่งนี้นอกจากผลึกสุริยนก็ไม่มีสิ่งอื่นอีกแล้ว
เมื่อหลัวเลี่ยเห็นเช่นนี้ เขาก็เก็บพลังภายในของตนจากลูกแก้วใสกลับมาทันที
น้ำที่อยู่ในลูกแก้วใสไหลเวียนกลับสู่สภาวะปกติ
สายน้ำที่อยู่ในอากาศก็สลายหายไปในทันทีเช่นกัน ราวกับว่ามันไม่เคยปรากฏมาก่อน มันไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ ไว้เลยสักนิด
หลัวเลี่ยก้าวไปข้างหน้า จากนั้นเขาก็เก็บผลึกสุริยนใส่ลงไปในกระเป๋าเฉียนคุณของตนเอง
หลัวเลี่ยมองไปรอบๆ เขาได้ยินเสียงสัตว์ประหลาดจำนวนมากคำรามพร้อมกับเสียงการใช้วิชายุทธ์ของผู้ฝึกวรยุทธ์ดังมาจากในระยะไกล
เห็นได้ชัดว่าความวุ่นวายในตอนนี้ทำให้หลายคนตื่นตระหนก
“ได้เวลาหาสถานที่เก็บตัวเพื่อทะลวงระดับหยินหยางแล้ว”
เมื่อมีผลึกสุริยนแล้ว หลัวเลี่ยก็สามารถเก็บตัวได้อย่างสบายใจ
หลัวเลี่ยใช้วิชาปีก์เลี่ยหยาง จากนั้นเขาก็ออกบินด้วยความเร็วสูงสุด และหายไปจากตรงที่เคยมีผลึกสุริยนนี้ทันที
หลังจากที่หลัวเลี่ยจากไปไม่นาน มู่เจี้ยนเฟยแห่งแคว้นเหยียนหลงก็มาถึงสถานที่ที่หลัวเลี่ยเคยอยู่ เมื่อมู่เจี้ยนเฟยเห็นร่องรอยการต่อสู้ที่ปรากฏอยู่บนพื้นดิน ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนสีเล็กน้อย แม้เขาจะไม่รู้ว่าผลึกสุริยนมีความสำคัญต่อไก้อู๋ซวงเพียงใด แต่เขาก็รู้สึกได้ว่ามันคงสำคัญมาก
มู่เจี้ยนเฟยรีบส่งข่าวให้ไก้อู๋ซวงทันที พร้อมกันนั้นเขาก็บอกให้ทุกคนช่วยกันตามหาผลึกสุริยนด้วยเช่นกัน
ทว่าสิ่งที่ไก้อู๋ซวงตอบกลับมากลับทำให้มู่เจี้ยนเฟยใทันที
“พี่เจี้ยนเฟย องค์หญิงรับสั่งว่าอย่างไรบ้าง”
ผู้มีฝีมือรุ่นเยาว์คนหนึ่งจากแคว้นเหยียนหลงถามขึ้น
มู่เจี้ยนเฟยกล่าวว่า “องค์หญิงรับสั่งว่า นางจะตามหาผลึกสุริยนด้วยตนเอง ทรงให้พวกเราค้นหาร่องรอยของหลัวเลี่ยต่อไปโดยไม่ต้องสนใจเื่ผลึกสุริยน”
“แสดงว่าองค์หญิงทรงเตรียมการเื่นี้เอาไว้แล้ว” ผู้มีฝีมือรุ่นเยาว์อุทาน
มู่เจี้ยนเฟยเลิกคิ้ว “ค้นหาหลัวเลี่ยต่อไป”
คนกลุ่มหนึ่งแยกย้ายกันเพื่อออกค้นหาหลัวเลี่ยอีกครั้ง
ขณะเดียวกันหลัวเลี่ยก็อยู่ไกลจากคนพวกนั้นแล้ว ด้วยความเร็วที่อยู่ในระดับไม่ธรรมดาของวิชาปีก์เลี่ยหยาง จึงทำให้หลัวเลี่ยสามารถบินข้ามูเาสูง ข้ามแม่น้ำที่ยาวเหยียดและป่าทึบมาได้ จนสุดท้ายเขาก็ร่อนตัวลงตรงหน้าถ้ำแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่บนหน้าผาซึ่งสูงจากพื้นดินสองจั้ง
ถ้ำนี้ดูลับตาคนเป็อย่างมาก มันมีหินขวางอยู่ด้านนอก นอกจากนี้ยังล้อมรอบไปด้วยูเาสูง มีพืชขึ้นปกคลุมแนวกำแพงด้านนอกถ้ำ รวมทั้งมีต้นไม้ที่คดเคี้ยวยื่นออกมาจากกำแพงถ้ำอีกด้วย จึงทำให้ยากที่จะสังเกตเห็นถ้ำแห่งนี้ได้
หลังจากที่หลัวเลี่ยเข้าไปในถ้ำและทำความสะอาดเล็กน้อยแล้ว เขาก็หยิบผลึกสุริยนออกมา
ผลึกสุริยนนี้มีอุณหภูมิสูงมาก แม้ว่าจะไม่ปล่อยเปลวไฟออกมาแล้ว แต่ไอความร้อนที่แผ่ออกมาจากผลึกก็ส่งผลทำให้วัชพืชที่ขึ้นอยู่ภายในถ้ำแห่งนี้ถูกเผาจนไหม้เกรียมอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้บนกำแพงถ้ำก็ยังปรากฏรอยดำไหม้อีกด้วย
เมื่อหลัวเลี่ยเห็นอย่างนั้น เขาก็ยิ่งพอใจมากขึ้น
ผลึกสุริยนชิ้นนี้สามารถเป็ตัวช่วยให้เขาก้าวเข้าสู่ระดับหยินหยางได้อย่างสมบูรณ์แบบ
หลัวเลี่ยยื่นมือออกไปััผลึกสุริยน จากนั้นพลังภายในร่างกายของเขาก็เริ่มพลุ่งพล่าน
ตูม!
พลังงานที่รุนแรงไหลท่วมท้นเข้าสู่ผลึกสุริยน
ไอร้อนที่ปล่อยออกมาในตอนแรกพร้อมกับประกายไฟบนพื้นผิวของผลึกสุริยนหายไปอย่างไร้ร่องรอย ร่องรอยของพลังบริสุทธิ์ทั้งหมดที่แสดงถึงแก่นแท้ของพลังธรรมชาติถูกบีบอัดลงไปที่ใจกลางของผลึกสุริยน
หลังจากนั้นผลึกสุริยนก็เริ่มมีรอยร้าวปรากฏขึ้น
ผิวของผลึกสุริยนค่อยๆ แตกร้าวและร่วงหล่น จากนั้นมันก็กลายเป็ลูกไฟและมอดไหม้เป็เถ้าถ่านในที่สุด
สิ่งที่เหลืออยู่ในใจกลางผลึกคือรูปปั้นของคนคนหนึ่ง
เห็นได้ชัดว่ารูปปั้นนี้คือไก้อู๋ซวง
ทันทีที่หลัวเลี่ยจับรูปปั้นได้ รูปปั้นไก้อู๋ซวงก็ลืมตาขึ้นและพูดอย่างเ็าว่า “บังอาจขโมยสมบัติของข้า เ้าจงตายเสีย!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้