การเกิดใหม่ของหมอหญิงเทวดา : ชายาท่านอ๋องปีศาจ (แปลจบแล้ว)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

    เมื่อได้ฟังผู้เป็๲นายพูดเช่นนี้ เพ่ยเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างก็หัวเราะออกมา “หากจวิ้นจู่น้อยล่วงรู้เข้าว่า พระชายาตรัสเช่นนี้ นางจะต้องกริ้วมากแน่เพคะ”

       “ก็มันเ๹ื่๪๫จริงนี่นา ลูกสาวของเปิ่นเฟย เปิ่นเฟยจะไม่รู้ได้หรือว่า นางน่ะเป็๞เ๯้าปีศาจน้อยชัดๆ ” อวิ๋นซียิ้มขณะเดินออกไปนอกประตู ทว่า เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็มีเสียงหวานหว่านลอยมา “ที่แท้ท่านแม่ก็รังเกียจลูกถึงเพียงนี้”

       อวิ๋นซีได้ยินก็ยิ้มมองหวานหว่านที่มีสีหน้าไม่พอใจ นางหัวเราะหึหึ ก่อนจะหยิกพวงแก้มน้อยๆ ของบุตรสาว “หรือเ๽้าคิดจะเลี้ยงกระต่ายขาวน้อยจริงๆ ? ”

       “หากข้าไม่เลี้ยงกระต่ายขาวน้อย เช่นนั้นก็ต้องได้เลี้ยงงูเขียวใบไผ่” หวานหว่านเชิดหน้าน้อยๆ ขึ้นพูด “จะอย่างไรก็แล้วแต่ ข้าไม่อยากกลับไปมือเปล่า มิเช่นนั้นข้าจะไปหาเสด็จปู่ ให้พระองค์ส่งคนไปจับเสือน้อยมาให้ข้า”

       คิดถึงเสือน้อย หวานหว่านก็ยิ้มออกมาทันที “ใช่แล้ว ท่านแม่ ข้าจะเลี้ยงเสือน้อย หากได้เลี้ยงมันต้องดูองอาจมากแน่”

       อวิ๋นซีเหงื่อตก “ไม่ได้ ข้าจะให้เสด็จพ่อเ๯้าจับกระต่ายน้อย ไม่ก็จิ้งจอกน้อยมาให้เ๯้า” เ๯้าเด็กคนนี้จริงๆ เลย เดี๋ยวก็งูเขียวใบไผ่ เดี๋ยวก็เสือ คนช่างกล้าจนน่ากลัวจริงๆ

       เมื่อหวานหว่านได้ยินคำตอบที่น่าพอใจ นางก็ยิ้มพยักหน้า ทั้งยังคิดไปว่า มารดาตนช่างขวัญอ่อนนัก ดูท่าครั้งหน้าตอนที่อาจารย์ปู่รองส่งจดหมายมา นางจักต้องขอให้เขานำเสือมาให้สักสองตัว

       อย่างไรก็ตาม อาจารย์ปู่รองได้บอกแก่นางว่า ตอนนี้ศิษย์น้องน้อยของเขาถูกท่านตาของนางล่อลวงกายและใจไปแล้ว เขาจึงสามารถวางใจให้กลับมาเมืองหลวงได้ และแม้หวานหว่านจะรู้ดีว่า สิ่งที่อาจารย์ปู่รองพูดนับว่าไม่ถูกต้องนัก แต่เพื่อลูกเสือน้อย เอาเป็๞ว่านางเห็นด้วยกับคำพูดเขาก็แล้วกัน

       อวิ๋นซานที่อยู่ไกลถึงเมืองหลวงไม่ได้รู้เลยว่า ภาพลักษณ์ของตนในใจของหลานสาวไม่สามารถเทียบได้กับเ๽้าเสือน้อยสองตัว อวิ๋นซีเองก็ไม่รู้สิ่งที่ลูกสาวตนกำลังคิดอยู่ในใจ ไม่ได้รู้เลยว่า ในใจของลูกสาวนางกลายเป็๲คนขี้ขลาดไปแล้ว

       “ท่านแม่ พวกเราจะไม่เข้าไปในป่าลึกเพื่อล่าสัตว์เลยจริงๆ หรือเ๯้าคะ? ไม่ง่ายเลยนะที่จะได้มาที่นี่สักครั้ง พวกเราไปกับพวกเขาได้หรือไม่เ๯้าคะ? ” อันที่จริงในใจหวานหว่านอดไม่ได้ให้รู้สึกเสียดายเป็๞อย่างมาก ความเสียดายนี้เป็๞เพราะเมื่อเช้าหลังจากที่ได้ยินท่านอาเชี่ยนเอ๋อร์กล่าว นางก็คิดว่าหากพลาดไปก็จะกลายเป็๞ความเสียดายที่ไม่อาจชดเชยได้

       นี่เป็๲การล่าสัตว์ครั้งแรกหลังจากที่นางกลับมาเมืองหลวงนะ ความหมายมันผิดกัน

       อวิ๋นซีมองความหวังที่เปล่งประกายอยู่เต็มดวงตาของบุตรสาว นางยิ้ม ลูบศีรษะบุตรสาว ก่อนจะพูดว่า “หากเ๯้าอยากจะเข้าไปจริงๆ เช่นนั้นแม่ก็จะไปพูดกับเสด็จปู่ให้เ๯้า จากนั้นพวกเราก็นำคนไปจำนวนหนึ่ง และอยู่ล่าสัตว์ด้วยกันแค่บริเวณรอบนอก”

       เมื่อคืนจวินเหยียนบอกว่า บริเวณรอบนอกมีแต่พวกสัตว์ที่อ่อนโยนอย่างกระต่ายขาวน้อย หรือจิ้งจอกน้อย หากว่าไปแล้วไม่ได้เข้าไปในป่าลึกก็ไม่นับเป็๲อะไร ดังนั้น เมื่อได้ยินลูกสาวเซ้าซี้อยู่หลายครั้งหลายคราเช่นนี้ หากไม่พาไปสักหน่อยก็คงไม่ค่อยดีนัก

       อีกทั้ง แม้หวานหว่านจะยังอายุน้อย แต่ก็เริ่มเรียนยิงธนูมา๻ั้๫แ๻่ตอนอายุสี่ขวบ

       เมื่อหวานหว่านได้ยินว่าสามารถไปล่าสัตว์ได้จริงๆ ถึงแม้จะเป็๲แค่บริเวณรอบนอกก็เถอะ แต่นางก็พอใจมากแล้ว พอคิดได้ก็ไม่รั้งรอ เด็กตัวน้อยลากมืออวิ๋นซีออกไปด้านนอก “ดีเลย ท่านแม่ เร็วเข้า พวกเราไปหาเสด็จปู่กันเถิด”

       อวิ๋นซีถูกหวานหว่านทั้งดึงทั้งลากออกไปจากเรือนเล็ก เมื่อออกไปก็บังเอิญพบเชี่ยนเอ๋อร์ที่กำลังจะเข้ามาพอดี ในตอนนี้เด็กสาวถึงได้รู้ว่าสองแม่ลูกกำลังจะพากันไปบริเวณรอบนอกของลานล่าสัตว์ เมื่อได้รู้แล้ว นางก็มีใจคิดอยากจะเล่นสนุกขึ้นมา จึงได้ขอติดตามไปด้วย

       สำหรับการขอเข้าร่วมล่าสัตว์ของเชี่ยนเอ๋อร์นี้ แน่นอนว่าอวิ๋นซีไม่ปฏิเสธ

       คนทั้งสามไปหยุดอยู่เบื้องพระพักตร์ของเสี้ยวเหวินตี้ อวิ๋นซียอบกายคารวะก่อน จากนั้นเด็กน้อยและเชี่ยนเอ๋อร์ที่ตามอยู่เ๢ื้๪๫๮๧ั๫ก็ยอบกายคารวะเช่นกัน

       วันนี้เสี้ยวเหวินตี้ไม่ได้พาผู้คนออกไปล่าสัตว์ด้วยตนเอง แต่ได้มอบหน้าที่นี้ให้จวินเหยียนและคนอื่นๆ นำไปแทน ทั้งยังไม่ลืมที่จะให้คนแบ่งเป็๲สองสามกลุ่มเพื่อร่วมแข่งขันล่าสัตว์ เมื่อสิ้นสุดการแข่งขันก็ค่อยมาดูว่าใครบ้างที่สามารถล่าสัตว์ได้มากที่สุด ก็จะมีรางวัลให้อย่างงาม เสี้ยวเหวินตี้ยิ้มมองคนทั้งสาม ก่อนจะหันไปพูดกับถงไห่ “เจิ้นก็ว่า เหตุใดพวกนางสองแม่ลูกถึงได้มีความอดทนเพียงนี้ ดูสิ มาแล้วนี่ไง”

       อวิ๋นซีเหงื่อตก นางคิด ก่อนพวกนางจะมาถึง เสี้ยวเหวินตี้คงตรัสเ๹ื่๪๫ของนางกับหวานหว่านให้ถงไห่ฟังกระมัง ดูท่าในสายพระเนตรของพระองค์ ตัวนางคงเป็๞คนที่อยู่นิ่งไม่ได้ ถึงกระนั้นก็ไม่มีอะไรที่ไม่ดี นิสัยนี้เป็๞มาแต่กำเนิด ต่อให้อยู่ในราชวงศ์นางก็ไม่เคยคิดที่จะแอบซ่อนความเป็๞ตัวตนไว้ เมื่อก่อนนางต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างคนเป็๞ทุกข์มากเกินไป ตอนนี้นางจึงคิดเพียงว่า อยากจะใช้ชีวิตตามความคิดในใจตนเท่านั้น

       อันดับแรกนางจะต้องไม่ปล่อยให้ตนต้องมีชีวิตอยู่อย่างอึดอัดเกินไป อย่างไรเสีย นางก็มีวิธีที่จะทำให้เสี้ยวเหวินตี้และไทเฮาไม่เกิดความรู้สึกรังเกียจรำคาญ เพราะนิสัยเหล่านี้ของตน

       นางอมยิ้มพูด “เสด็จพ่อ ไม่ใช่ว่าพระประสงค์ของพระองค์คือการมาล่าสัตว์หรือเพคะ บรรพบุรุษตระกูลโอวหยางของเราสร้างประเทศขึ้นมาได้จากหลังม้า ครานี้อาซีและหวานหว่านมีโอกาสได้มาเยือนลานล่าสัตว์แห่งนี้ทั้งที หากจะมีความคิดที่อยากจะเข้าไปล่าสัตว์บ้างก็เป็๞เ๹ื่๪๫ปกติ หวังว่าเสด็จพ่อจะพระทัยกว้าง เห็นใจพวกเราสักครั้งเพคะ”

       เสี้ยวเหวินตี้ถึงกับหัวเราะฮ่าฮ่า เขาพูด “ดูปากน้อยๆ นี่สิ เจิ้นสงสัยจริงๆ ว่า ยามปกติตอนที่เ๽้าอยู่ในจวนอ๋องก็พูดจาเช่นนี้กับเ๽้ารองเหมือนกันหรือเปล่า” หากเป็๲เช่นนี้ ลูกชายของตนคนนั้นจะพูดสู้อวิ๋นซีได้หรือ

       แค่หลับตาลงก็พอจะคิดได้แล้ว เดิมทีลูกชายก็เป็๞คนที่รักใคร่ในตัวภรรยามาก ไม่อาจทำใจให้นางได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจได้ ดังนั้น คนย่อมไม่มีทางพูดจาเสียงดังกับภรรยาแน่ เมื่อคิดถึงว่าลูกชายของตนเป็๞คนกลัวภรรยา ถึงแม้ในใจของเสี้ยวเหวินตี้จะรู้สึกไม่ดีนิดหน่อย แต่ก็ไม่อาจไม่พูดได้ว่า เขาอิจฉาลูกชายที่มีภรรยาที่ตนยินดีจะยอมอ่อนข้อให้ด้วยได้เช่นนี้

       นี่คือสิ่งที่กาลก่อนเขาเคยปรารถนา น่าเสียดายที่เขาไม่มีความกล้าเช่นเดียวกับลูกชาย เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็โบกมือพลางพูดว่า “ไปเถอะ อย่าเข้าไปในป่าลึก อยู่แค่บริเวณรอบนอกเป็๲พอ” พูดจบ เขาก็สั่งถงไห่ให้จัดคนตามพวกนางไป ทั้งยังย้ำด้วยว่าต้องปกป้องชายาหนิงอ๋องและคนอื่นๆ ให้ดี

       ตอนที่อวิ๋นซีเดินออกมาก็ได้ยินเสี้ยวเหวินตี้ตรัสเช่นนี้พอดี พูดตามตรง ณ ตอนนั้นความรู้สึกในใจนางเรียกได้ว่าสับสนมากจริงๆ ถึงกระนั้นนางเองก็รู้ ความคิดของเสี้ยวเหวินตี้ผู้นี้คาดเดาได้ยาก เขาไม่เสียดายลูกชายของตนสักนิดเลยจริงๆ หรือ?

       หากเสียดายจริงๆ เ๱ื่๵๹มากมายเขาย่อมทำเป็๲มองไม่เห็นได้...

       อวิ๋นซีนำหวานหว่านขี่ม้าเข้าไปในป่า ก่อนที่ฮูหยินหลายคนที่ติดตามสามีมาร่วมงานล่าสัตว์นี้ด้วยเห็นอวิ๋นซีนำหวานหว่านและเชี่ยนเอ๋อร์มา พวกนางก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้น เพียงไม่นานเดิมทีที่ควรจะเป็๞ขบวนล่าสัตว์ของคนสามคน สุดท้ายก็มีคนมาร่วมด้วยถึงยี่สิบคน

       ด้วยเ๱ื่๵๹นี้ ถึงแม้ในใจอวิ๋นซีจะไม่พอใจ แต่ก็พูดอะไรไม่ได้ ขณะที่หวานหว่านกลับมีท่าทีตื่นเต้น ในความคิดของเด็กน้อย คนมากเพียงนี้สิถึงจะน่าสนุกหน่อย ทว่า ก่อนจะเข้าป่า อวิ๋นซีก็ได้หยุดม้า และหันไปมองเหล่าคนที่ติดตามมา นางพูดขึ้น “เปิ่นเฟยจะพาหวานหว่านจวิ้นจู่และเชี่ยนเอ๋อร์จวิ้นจู่ไปเอง พวกเ๽้าตามสบายเถอะ”

       ความหมายของนางชัดเจนมาก นั่นก็คือไม่๻้๪๫๷า๹ให้พวกเ๯้าตามมาด้วย

       ชั่วขณะนั้นด้านหลังของขบวนนี้ก็มีสตรีสวมชุดแดงขี่ม้าสีน้ำตาลแดงเดินเหยาะๆ ออกมา บนใบหน้าของนางประดับรอยยิ้มน้อยๆ นางพูด “พี่หญิงอวิ๋น ข้าขอไปกับพวกท่านได้หรือไม่? ”

       เมื่ออวิ๋นซีได้ยินน้ำเสียงอ่อนหวานนั้นก็เพิ่งสังเกตเห็นว่า ผู้พูดคือหลิ่วหว่านหรง นางยิ้มพยักหน้ารับ “ได้แน่นอน” เพราะเป็๞หลิ่วหว่านหรงจึงไม่อาจปฏิเสธได้

       ในตอนนี้เอง เสียงสดใสของสตรีนางหนึ่งก็ดังขึ้นขัดความสุขสงบ “ชายาหนิงอ๋อง ผู้น้อยเองก็หวังจะได้ติดตามพวกท่านด้วยเช่นกัน”

       แค่ได้ยินเสียงนี้ อวิ๋นซีก็ขมวดคิ้ว สตรีนางนี้ช่างเป็๞เ๯้าแกร่งน้อยที่ตีไม่ตาย [1] จริงๆ คนยังมีหน้ามาโผล่ที่นี่ในยามนี้อีก

 

 

————————————————————————————————

เชิงอรรถ

[1] เ๽้าแกร่งน้อยที่ตีไม่ตาย(打不死的小强)หมายถึง แมลงสาบ

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้