“ดูเหมือนว่าเ้าจะรู้จักที่นี่เป็อย่างดี!” เสิ่นเสวียนกล่าว
“ความจริงแล้วข้ามาที่นี่เป็ครั้งแรก สำนักบุปผายังมาไม่ถึงที่นี่เลย” เริ่นเสี้ยวเทียนมองเมืองชางฉงที่ค่อยๆ ใหญ่ขึ้นที่เบื้องล่างด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“เมืองชางฉง ชางฉงแปลว่า์ ไม่เลวเลยทีเดียว”
เริ่นเสี้ยวเทียนแนะนำชื่อเมืองให้เสิ่นเสวียนฟัง ทำให้เสิ่นเสวียนรู้สึกสงสัยในเมืองใหญ่เบื้องล่างนี้เป็อย่างมาก
ก่อนหน้านี้ตอนที่เสิ่นเสวียนสร้างกระบี่ัคำราม เขาเคยเหาะขึ้นไปบนท้องฟ้าและมองดูเมืองอวี่ฮว่ามาก่อน สามารถมองเห็นทั่วทั้งเมืองอวี่ฮว่าได้สบายๆ
ทว่าตอนนี้พวกเขาอยู่บนเรือเสวียนอู่ สูงจากพื้นไปเกือบยี่สิบลี้ แต่เมื่อมองลงไปกลับยังไม่เห็นอาณาเขตของแผ่นดินเลย
แสดงให้เห็นว่าที่นี่ยิ่งใหญ่มากเพียงใด
เมืองชางฉง ชางฉงแปลว่า์ ใช้์สร้างเมือง คนที่ตั้งชื่อช่างกล้าหาญยิ่งนัก แต่เขาชอบมาก
“จากนี้พวกเราจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ระยะหนึ่งแล้วค่อยไปยังสถาบันิญญา พวกเ้ามีแผนการอย่างไร”
เสิ่นเสวียนถามเสิ่นเสี่ยวเม่ยและเสิ่นเลี่ยน
“แล้วแต่ท่านพี่เลย”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ส่วนสิ่งที่เริ่นเสี้ยวเทียนเล่ามานางก็ได้ยินเหมือนกัน ทำให้นางอยากรู้อยากเห็นมาก
ได้ออกมากับเสิ่นเสวียนทำให้นางรู้ว่าโลกของตนเองก่อนหน้านี้เล็กมากแค่ไหน โลกยิ่งใหญ่มากขนาดนี้ หากไม่ออกมาดูโลกภายนอกบ้าง ตนเองคงเหมือนกบในกะลาจริงๆ คงได้อยู่ในเมืองอวี่ฮว่าเล็กๆ นั่นไปทั้งชีวิต
เสิ่นเลี่ยนไม่ได้กล่าวอะไร เพียงแต่ผงกหัวอย่างเห็นด้วย ชีวิตของเขาเป็ของเสิ่นเสวียน ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงการตัดสินใจเลย
“พวกเ้ายังขาดวิธีเข้าหาผู้คนอยู่เล็กน้อย จะได้ใช้่เวลานี้ติดตามเฝิงเป่าเป่าไปหาประสบการณ์ภายนอกด้วยเลย”
เสิ่นเสวียนมอบหมายภารกิจให้ทั้งสองคน ส่วนเขาต้องดูดซับและหลอมรวมความสำเร็จที่ได้รับมาจากสุสาน
“พวกเ้าเรียกข้าหรือ”
ขณะนั้นเอง เฝิงเป่าเป่าเดินออกมาจากห้องพลางกล่าวด้วยสีหน้าตื่นเต้น
ใกล้ถึงปลายทางแล้ว เขากำลังจะได้รับอิสระ
ั้แ่ที่ออกเดินทางไปยังเขตตะวันออกเมื่อครึ่งปีก่อน จนเกือบไม่รอดชีวิตกลับมาที่นี่ เขาอยากกลับมาเมืองชางฉงอยู่ตลอดเวลา หลังจากเร่ร่อนมาครึ่งปี ในที่สุดเขาก็เดินทางไปยังเมืองเสียเยว่และโดยสารเรือเสวียนอู่กลับมา ครึ่งปีที่ผ่านมานี้เรียกได้ว่าใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ผ่านอันตรายเสี่ยงชีวิตอยู่ทุกวัน
ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว ได้ติดตามพวกเสิ่นเสวียนมา และยังได้รับการยอมรับจากเสิ่นเสวียนอีกด้วย การเดินทางครั้งนี้เรียกว่าได้กำไรกลับมา
“ตระกูลของเ้าอยู่ที่เมืองเบื้องล่างนี้ใช่ไหม!” เสิ่นเสวียนถาม
“ใช่แล้ว อยู่ด้านล่างนี้เอง ตระกูลเฝิงน่ะ”
เฝิงเป่าเป่ากล่าวพลางพยักหน้า
“ดีมาก น้องชายน้องสาวของข้าสองคนนี้จะไปอยู่กับเ้าสักระยะหนึ่ง ให้พวกเขาได้ทำความรู้จักที่นี่สักหน่อยคงไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม!”
“ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหา”
เมื่อได้ยินว่าเสิ่นเลี่ยนและเสิ่นเสี่ยวเม่ยจะไปอยู่ด้วย แววตาของเฝิงเป่าเป่าเป็ประกายขึ้นมาทันทีและตอบตกลงด้วยความเต็มใจ
เพราะสองคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา
สองคนนี้กำราบคนบนเรือเสวียนอู่อย่างราบคาบ ทำให้คนเ่าั้โดนโจมตีจนหวาดกลัว แค่พลังเช่นนี้ก็เป็แขกระดับสูงของตระกูลเฝิงแล้ว มีพวกเขามาด้วย เขาก็ไม่ต้องกังวลเื่ความปลอดภัยของตนเองอีก
“ข้าด้วยอีกคนหนึ่ง”
เริ่นเสี้ยวเทียนกล่าวเสริมไปทันที
“ดีๆๆ”
ตอนนี้เฝิงเป่าเป่ารู้สึกมีความสุขมาก นี่ไม่เพียงแค่ได้กำไรมหาศาลเท่านั้น ยังได้รับผู้คุ้มกันขั้นสูงมาถึงสามคน และเมื่อมีสามคนนี้อยู่ด้วย เขาจะท่องไปทั่วเมืองชางฉงได้โดยไม่ต้องหวั่นเกรงสิ่งใด แม้ตระกูลเฝิงจะแข็งแกร่ง แต่มีข้อบกพร่องคือพลังยุทธ์ที่ต่ำต้อย ผู้าุโที่แข็งแกร่งทั้งหลายต้องใช้เงินจำนวนมากในการเลี้ยงดู แม้พวกเขาไม่ได้ขาดเงิน แต่คนนอกอย่างไรแล้วก็เป็คนนอก ไม่เคยมีความสำคัญ
ส่วนพวกเริ่นเสี้ยวเทียนทั้งสามคนมีอายุไม่มาก ทั้งยังมีจิตใจกว้างขวาง และใน่หลายวันมานี้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาพึ่งพาได้
“ได้ อย่างนั้นก็เป็ไปตามนี้ ลงจากเรือแล้วข้าจะแยกตัวไปเลย หลังจากจัดการธุระเรียบร้อยแล้วข้าจะกลับมา”
เสิ่นเสวียนพยักหน้า
“ท่านพี่ระวังตัวด้วย”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยเห็นว่าเสิ่นเสวียนต้องแยกไปคนเดียวก็รู้สึกเป็ห่วงขึ้นมา
“ไม่เป็ไรหรอก คนที่สังหารข้าได้ในโลกนี้ยังไม่เกิดเลย”
เสิ่นเสวียนยิ้มออกมา ในคำกล่าวที่ดูเรียบเฉยของเขาแฝงพลังอำนาจเอาไว้ด้วย
เริ่นเสี้ยวเทียนที่อยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาหลังจากได้ยินคำกล่าวอย่างเย่อหยิ่งของเสิ่นเสวียน เมื่อไรเขาจึงจะกล้ากล่าว ‘อย่างอวดดี’ เหมือนกับเสิ่นเสวียนบ้าง ความมั่นใจเช่นนี้คาดว่าคงมีเพียงเสิ่นเสวียนเท่านั้นที่จะมีได้
เรือเสวียนอู่ค่อยๆ ลดระดับลงไป เมืองชางฉงที่อยู่เบื้องล่างมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ บนถนนหนทางที่ตัดผ่านกันไปมาเต็มไปด้วยผู้คน แสดงให้เห็นถึงความรุ่งเรืองของเมืองนี้ ทว่าภายในเมืองชางฉงแห่งนี้ไม่อนุญาตให้พาหนะอย่างอื่นเข้ามาเลยนอกจากเรือเสวียนอู่ คนมากมายเบื้องล่างอย่างมากจะขี่สัตว์หรือไม่ก็เดินเท้า ไม่มีสัตว์ปีกอย่างซือจิ้วเลย
และนี่คือการรักษาความปลอดภัยของที่นี่ แม้ที่นี่จะค่อนข้างวุ่นวายแต่ยังมีกฎระเบียบพื้นฐานอยู่
ที่นี่ยังเป็ที่อยู่อาศัยของราชวงศ์แห่งแคว้นเฟิงเหลยอีกด้วย
“เรือเสวียนอู่กำลังลดระดับลงถึงพื้น ผู้โดยสารทุกท่านโปรดตรวจสอบสัมภาระให้เรียบร้อย โอกาสหน้าเชิญใช้บริการใหม่”
“เรือเสวียนอู่กำลังลดระดับลงถึงพื้น ผู้โดยสารทุกท่านโปรดตรวจสอบสัมภาระให้เรียบร้อย โอกาสหน้าเชิญใช้บริการใหม่”
เสียงของลูกเรือคนหนึ่งดังขึ้น ผู้โดยสารทุกคนได้ยินอย่างชัดเจน คนที่โดนโจมตีแล้วพักอยู่ในห้องอื่นๆ พากันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ั้แ่ที่โดนโจมตีก่อนหน้านี้ แม้พวกเขาจะหนีกลับเข้าไปในห้องของตนเองแล้ว แต่ทุกคนยังคงหวาดกลัว กลัวว่าพวกเสิ่นเสวียนจะมาคิดบัญชีพวกเขาย้อนหลัง
หลายวันมานี้พวกเขาไม่กล้าออกมาจากห้องกันเลย กระทั่งเสียงประกาศเมื่อสักครู่ทำให้พวกเขาผ่อนคลายลง
ปลอดภัยแล้ว
“ถึงแล้ว ไปกันเถอะ”
เสิ่นเสวียนเรียกทุกคนแล้วเดินนำหน้าไปยังทางเข้าออกเรือเสวียนอู่
ตูม!
ตูม!
หลังจากคลื่นพลังแผ่กระจายออกมาจากเรือเสวียนอู่ ตัวเรือก็ลงจอดที่พื้นได้อย่างปลอดภัย
พวกเสิ่นเสวียนมารออยู่ที่ทางออกแล้ว และเดินออกไปเป็กลุ่มแรกทันทีที่ประตูเปิด
สิ่งก่อสร้างของที่นี่ไม่เหมือนกับที่เมืองเสียเยว่เลย สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือหลังคาบ้านแต่ละหลังมีขนาดใหญ่มาก และแหลมกว่ามาก เสื้อผ้าของผู้คนที่นี่ยังต่างจากเขตตะวันออกอย่างเห็นได้ชัด
เมืองเสียเยว่และเมืองอวี่ฮว่าในเขตตะวันออกชอบสวมเสื้อคลุมกันมากกว่า แต่ที่นี่เสื้อผ้าส่วนบนและล่างกลับแยกจากกัน แน่นอนว่ายังมีบ้างที่สวมเสื้อผ้าแบบเดียวกับเขตตะวันออก โดยรวมแล้วที่นี่ค่อนข้างมีวัฒนธรรมที่แปลกใหม่
บางคนสวมหมวกทรงกลม แก้มแดงเล็กน้อย และมีบางส่วนที่แต่งกายอย่างมั่นใจ คล้ายกับโจรสลัดอากาศที่เจอก่อนหน้านี้
“เด็กๆ หาที่พักหรือเปล่า คืนละสิบเหรียญเงิน”
พวกเขาเพิ่งเดินออกมาจากสถานีมิติ ก็มีสาวใหญ่อายุราวสี่สิบปีคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมถือกระดาษไว้ในมือ บนนั้นเขียนด้วยลายมือว่า ‘ห้องพักมาตรฐานคืนละสิบเหรียญเงิน ห้องพักเตียงใหญ่คืนละสิบสองเหรียญเงิน’ เขียนราคาบอกอย่างชัดเจน ไม่มีการหลอกลวง
และด้านหลังนางยังมีคนอีกหลายคนที่ถือป้ายแบบเดียวกัน เขียนราคาเหมือนกัน ะโเรียกพวกเสิ่นเสวียนที่เพิ่งเดินออกมาเอาไว้ หากดึงดูดได้เท่าไรก็เท่านั้น
“ไม่เป็ไร ขอบคุณ”
เสิ่นเสวียนโบกมือปฏิเสธแล้วเดินออกจากที่นี่โดยเร็ว
เื่แบบนี้เสิ่นเสี่ยวเม่ยและเสิ่นเลี่ยนเพิ่งเคยเจอครั้งแรกเช่นกัน ค่อนข้างชื่นชมในความกระตือรือร้นของคนที่นี่
“ที่นี่ต่างออกไปจริงๆ”
เสิ่นเสวียนเดินไปพลางถอนหายใจ หากเป็เมืองอวี่ฮว่าคงไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อย่างแน่นอน โรงเตี๊ยมก็มีอยู่ อยากพักก็เข้าพักได้เลย
“ที่นี่มีคนมาก เมืองชางฉงเป็ศูนย์กลางการค้าของแคว้นเฟิงเหลย จะเกิดกิจการเช่นนี้ขึ้นมาก็ไม่ใช่เื่แปลก ไปกันเถอะ ตรงหน้านั้นคือโรงเตี๊ยมของตระกูลข้าเอง ข้าจะจัดหาที่พักให้ทุกคนเอง”
เฝิงเป่าเป่าเดินไปอยู่ด้านหน้าสุดเพื่อนำทางพวกเสิ่นเสวียนในทันที
เมื่อเดินไปบนถนน ดูจากสีหน้าของผู้คนที่ผ่านไปมาแล้วพอจะมองออกได้ว่าที่นี่ใช้ชีวิตค่อนข้างเร่งรีบ ทุกคนต่างมีความคิดของตนเอง รู้ว่า้าทำอะไรเพื่อไม่เป็การเสียเวลา
ที่นี่ทำงานค่อนข้างหนักซึ่งเป็สิ่งที่ดี
“โรงเตี๊ยมตระกูลเฝิงที่อยู่เบื้องหน้านี้เป็ของตระกูลข้าเอง”
เฝิงเป่าเป่าที่เดินนำหน้าชี้ไปยังโรงเตี๊ยมขนาดใหญ่พลางกล่าว