“เ้าช่วยพวกเราอีกครั้งแล้ว!” ตู้เยว่ิตบๆ ไหล่ของจ้านอู๋มิ่ง เขาเข้าใจพร์และพลังเหนือธรรมชาติของราชวงศ์ชนเผ่าสมุทรเป็อย่างดี เสียงกรีดร้องเพียงครึ่งเดียวเมื่อครู่ก็ทำให้เขาเสียสมาธิแล้ว หากเสียงกรีดร้องนั้นถูกเปล่งออกมาอย่างสมบูรณ์ คาดว่าตนเองและคนอื่นๆ ทั้งหมดคงต้องถูกรั้งไว้ตรงนี้แล้ว
ตอนที่จ้านอู๋มิ่งต่อสู้เสี่ยงชีวิตกับชนเผ่าสมุทรเส้นผมสีน้ำเงิน เขาก็ดูเจตนาของจ้านอู๋มิ่งออกแล้ว แต่กลับมิสามารถช่วยเหลือใดๆ สิ่งที่นอกเหนือความคาดหมายก็คือ จ้านอู๋มิ่งกลับสังหารองค์ชายชนเผ่าสมุทรที่มีฐานบ่มเพาะระดับราชันาสองดาวได้สำเร็จจริงๆ สิ่งนี้ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งนัก นี่คือความแข็งแกร่งที่ปรมาจารย์นักยุทธ์สมควรมีหรือ?
สายตาคนอื่นๆ มองจ้านอู๋มิ่งราวกับกำลังดูสัตว์ประหลาดมิมีผิด การโจมตีอย่างรุนแรงบ้าคลั่งสองครั้ง ปรมาจารย์นักยุทธ์สูงสุดกลับสังหารราชันาระดับสองดาวเสียชีวิตในชั่วพริบตา ถึงแม้ชนเผ่าสมุทรนอกจากพร์อันเหนือธรรมชาติและวิชาสะกดจิตสร้างภาพลวงตาที่แสนร้ายกาจแล้ว กายเนื้อและพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ไม่ใช่จุดแข็งของพวกมัน แต่ถึงแม้จะไม่แข็งแกร่ง แต่ฐานบ่มเพาะก็เป็ถึงราชันาระดับสองเลยทีเดียว!
“เ้าร้ายกาจยิ่ง ข้าต้วนหลิวฉางนับว่ายอมรับนับถือเ้าแล้ว” ต้วนหลิวฉางเช็ดเหงื่อเย็นตรงหน้าผาก เมื่อครู่ลูกศรกระดูกดอกหนึ่งเจาะแขนเสื้อของเขา เกือบจะทำให้เขาต้องหลั่งเืแล้ว
“พิษงูของอสรพิษทะเลกระดูกอสูร!” ฉินเกอหยิบลูกศรกระดูกอันหนึ่งขึ้นมา พูดขึ้นอย่างครั่นคร้ามตามหลัง
สีหน้าของทุกคนแปรเปลี่ยนเป็ตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น พิษชนิดนี้ขอเพียงสะกิดิัเป็แผลเท่านั้น คนก็หายใจไม่ออก สิ้นชีวิตภายในเวลาไม่กี่ลมหายใจ เป็พิษที่รุนแรงร้ายกาจสุดจะเปรียบปาน พวกเขาอดลอบรู้สึกว่าตนเองโชคดีที่เมื่อครู่มิได้ถูกลูกศรยิงใส่ แต่พวกเขารู้สึกเสียดายและเห็นว่ามิคุ้มค่าแทนองค์ชายชนเผ่าสมุทรที่พบกับตัวประหลาดอย่างจ้านอู๋มิ่งผู้นี้ ต้องมาเสียชีวิตอย่างคับแค้นใจเกินไปแล้ว หากมิใช่พบกับจ้านอู๋มิ่งที่กายเนื้อผิดปกติเช่นนี้ก็ไม่ถูกทุบจนตายทั้งเป็
“ได้ยินว่าในศีรษะของราชวงศ์ชนเผ่าสมุทรมีลูกแก้วธาตุวารีเม็ดหนึ่ง นั่นเป็สมบัติวิเศษล้ำค่ายิ่ง ข้าศิษย์พี่ยังมิเคยเห็นสิ่งของนั้นมาก่อน หรือไม่ก็ศิษย์น้องแคะออกมาให้ทุกคนได้ดูกัน?” เฉินอวิ๋นหู่พูดจาติดตลก
“้าเห็นก็ไปฆ่าเอง ข้าจะไม่แงะมันออกมาที่นี่” จ้านอู๋มิ่งอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก ค้อนใส่เขาคราหนึ่ง และจากนั้นเปลี่ยนหัวข้อพูดว่า “สมบัติวิเศษล้ำค่า บนเกาะนี้ต้องมีสมบัติล้ำค่ามากมายอย่างแน่นอน”
“อู๋มิ่งพูดถูกแล้ว ดีที่เกาะนี้ไม่ใหญ่มาก รัศมีก็คงราวร้อยลี้ ด้วยอัตราความเร็วของพวกเรา เพียงไม่กี่ชั่วยามก็คงตรวจจนทั่วแล้ว พวกเราไม่สามารถอยู่ที่นี่นานเกินไป เชื่อว่าอีกไม่นานก็จะมีคนค้นหาที่นี่พบ ถึงตอนนั้นพวกเราก็จะไม่มีโอกาสดีๆ เช่นนี้แล้ว เมื่อครู่พวกเราวนรอบเกาะเที่ยวหนึ่ง ไม่ได้พบเห็นศัตรูฝ่ายอื่นๆ ดังนั้นพวกเราสามารถแยกย้ายกันไปสำรวจได้แล้ว ให้ส่งสัญญาณทันทีหากพบอันตราย คนอื่นจะตามไปสมทบที่นั่นอย่างรวดเร็ว ทุกคนต้องระมัดระวังตัวด้วย” ตู้เยว่ิพูดเสนอขึ้น
“ดี!” ทุกคนตอบรับเห็นด้วย ภารกิจการออกค้นหาขุมทรัพย์ชนิดนี้ ทำให้ทุกคนรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาบ้างแล้ว
ข้อเสนอของตู้เยว่ิตรงกับความคิดและความ้าจ้านอู๋มิ่งพอดี เขามีเื่มากมายที่ต้องจัดการคนเดียว อยู่ร่วมกับทุกคนทำอะไรไม่สะดวก เพื่อมิให้เกิดความสงสัย เริ่มแรกเขาจึงไม่ปฏิเสธการเข้าร่วมคณะ เวลานี้แยกกันไปดีที่สุด เขาเชื่อมั่นว่าตนเคลื่อนไหวคนเดียวจะน่าตื่นเต้นกว่า
สิ่งที่จ้านอู๋มิ่งโปรดปรานก็คือการลักขโมย ในสถานพำนักของคุนเผิง กอปรด้วยข้อจำกัดที่ซับซ้อน ทุกคนสามารถใช้พลังแค่ราชันาระดับต้นเท่านั้น ที่นี่เป็สถานที่ปล้นทรัพย์อันยอดเยี่ยม หากอยู่ร่วมกันกับตู้เยว่ิและพวก เขาไม่สามารถลงมือได้จริงๆ
สิ่งของภายในแหวนจักรวาลขององค์ชายเผ่าสมุทรทำให้จ้านอู๋มิ่งยินดีจนลืมตัว ก่อนหน้านี้องค์ชายเผ่าสมุทรจะต้องค้นหาบนเกาะไปรอบหนึ่งก่อนแล้วอย่างแน่นอน มิเช่นนั้นภายในแหวนของเขาคงไม่มีสมบัติทางธรรมชาติมากมายขนาดนี้ หญ้าจิติญญาอายุพันปี ราชันโอสถอายุหมื่นปี มีอยู่สารพัดครบถ้วน โอสถชนิดนี้ต่อให้ยังไม่หลอมเป็เม็ดโอสถก็สามารถช่วยให้คนตายฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ มากคุณค่าอย่างอเนกอนันต์ ครั้งนี้ร่ำรวยมั่งคั่งแล้วจริงๆ ของพวกนี้เขาไม่คิดจะแบ่งปันกับคนอื่นๆ
“สัตว์อสูรแสวงหาควันพันลี้…ฮึ่ย หมูล่าขุมทรัพย์!” ฉินเกอด่าออกมาคำหนึ่ง
ฉินเกอเห็นจ้านอู๋มิ่งปล่อยสัตว์อสูรตัวเล็กที่มีหัวหมูและลำตัวสุนัขออกจากถุงสัตว์จิติญญา เดิมทีเป็สัตว์อสูรแสวงหาควันพันลี้ไม่ทราบว่าถูกจ้านอู๋มิ่งพัฒนาสายเืของมันจนใกล้เคียงกับหมูล่าขุมทรัพย์ของสัตว์อสูรระดับเทพยดาแล้วั้แ่เมื่อใด มีััเทพเซียนชนิดหนึ่งไหลวนอยู่บนร่างกายของมัน ช่างน่ารักยิ่งนัก
ดวงตาของทุกคนที่มองเป็ประกายสีเขียว นี่ใกล้เคียงกับสายเืของสัตว์อสูรระดับเทพยดาแล้ว ที่ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกอิจฉาก็คือ สัตว์อสูรระดับเทพยดาตัวนี้มีไว้สำหรับแสวงหาขุมทรัพย์โดยเฉพาะ ในสถานที่แห่งนี้ ฝีมือการแสวงหาขุมทรัพย์ของมันไร้เทียมทานเลยทีเดียว
“พวกท่านอย่ามัวแต่มองดูข้าเช่นนี้ ข้าขอนำไปก่อนก้าวหนึ่งแล้วกัน” จ้านอู๋มิ่งพอมองเห็นสีหน้าแววตาของทุกคน ไหนเลยยังกล้ารั้งอยู่อีก เร่งหมูล่าขุมทรัพย์คราหนึ่ง วิ่งนำหน้าเข้าไปในส่วนลึกของเกาะก่อนแล้ว
“เร็ว ไอ้หนูนี่มีหมูล่าขุมทรัพย์ เดิมพวกเราก็สู้เขาไม่ได้อยู่แล้ว ยิ่งมิอาจที่จะละล้าละลังได้อีกแล้ว ไม่งั้นก็กินได้แค่ผายลมของเขาแล้ว รีบไปค้นหากันเถิด อีกสักครู่พวกเราค่อยมาสมทบกันที่นี่” ตู้เยว่ิะโเสียงแหลมคราหนึ่ง ทุกคนไหนเลยจะยังหยุดรั้งรออยู่อีก ทั้งหมดล้วนกระโจนสู่ส่วนลึกของเกาะดุจดั่งหมาป่าหิวโหย
……
อยู่ในสำนักบริบาลเดรัจฉานหลายเดือน จ้านอู๋มิ่งทำงานอย่างหนักเพื่อช่วยให้สัตว์อสูรแสวงหาควันพันลี้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น เวลานี้มันคือผู้ช่วยที่ดีในการเสาะแสวงหาขุมทรัพย์
ยามนี้ อัตราความเร็วของหมูล่าขุมทรัพย์เพิ่มขึ้นมากแล้วเมื่อเปรียบเทียบกับในคราแรก และมันได้ทะลวงด่านบรรลุระดับสามขั้นกลางแล้ว ถึงแม้ตัวมันจะไม่โตขึ้น แต่มีปัญญาเพิ่มมากขึ้นแล้ว หมูล่าขุมทรัพย์พอออกมา มันก็วิ่งแจ้นควบตะบึงนำจ้านอู๋มิ่งไปยังทิศทางด้านหนึ่งโดยไม่รีรอ ตลอดทางจ้านอู๋มิ่งพบโอสถอายุพันปีหลายต้น หมูล่าขุมทรัพย์มิเคยแม้แต่จะหยุดเหลียวแล จ้านอู๋มิ่งรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันทีแล้ว เ้าตัวเล็กนี่ค้นพบสิ่งใดที่ล้ำค่าย้อนทวนฝืนฟ้าแล้วกระนั้นหรือ? แม้แต่โอสถอายุพันปีก็มิสนใจแม้แต่จะเหลียวแล
เกาะกลางมหาสมุทรไม่ใหญ่นัก ครู่เดียวหมูล่าขุมทรัพย์ก็มาถึงข้างทะเลสาบเล็กๆ แห่งหนึ่งบนเกาะนี้ จากนั้นมันก็กระโจนลงน้ำไปอย่างดุดันทันที
จ้านอู๋มิ่งตะลึง หมูล่าขุมทรัพย์ก็ว่ายน้ำได้ด้วยหรือ?
จ้านอู๋มิ่งไม่ลังเลใจ ะโลงในทะเลสาบ ติดตามหมูล่าขุมทรัพย์ไป หมูล่าขุมทรัพย์ว่ายไปจนถึงกลางทะเลสาบแล้วหยุดลง มองดูจ้านอู๋มิ่งแล้วฮึมฮัม หมุนตัวไปรอบๆ ในบริเวณนั้น
พลันจ้านอู๋มิ่งก็เข้าใจทันที ใส่หมูล่าขุมทรัพย์กลับเข้าไปอยู่ในถุงสัตว์อสูรจิติญญา มุ่งหน้าดำดิ่งลงไปในส่วนลึกทันที ยิ่งดำลึกลงไป จ้านอู๋มิ่งก็ยิ่งใ ตอนนี้ดำลงมาลึกกว่าสองร้อยวาแล้ว ยังไม่ถึงก้นอีก พลังกดดันอันมหาศาลทำให้เขารู้สึกไม่สบายไปทั้งตัว หากมิใช่เขามีกายเนื้อที่แข็งแกร่งกว่าคนปกติทั่วไป เกรงว่าเวลานี้ ภายใต้แรงกดดันอันมหาศาลของน้ำจะขยับแข้งขยับขาก็ลำบากแล้ว
จ้านอู๋มิ่งดำลึกลงไปอีกเกือบสองร้อยวา น้ำมิใช่ดำมืดเป็แผ่นผืนอีกต่อไป แสงระยิบระยับน้อยๆ เคลื่อนไหวอยู่กลางสายน้ำ จ้านอู๋มิ่งค่อยๆ มองเห็นบางสิ่งที่คลุมเครือ แต่แรงกดดันน้ำอันมหาศาล ทำให้เขามิกล้าที่จะดำลึกลงไปต่ออีก
จ้านอู๋มิ่งลังเลอยู่ครู่ใหญ่ๆ ไม่ยินยอมพร้อมใจที่จะกลับไปมือเปล่าเช่นนี้ ขณะกำลังรุกถอยอย่างยากลำบากอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก พลันความคิดดุจสว่างวาบขึ้นในห้วงคำนึง จ้านอู๋มิ่งกลับคืนสู่ผิวน้ำ หยิบศีรษะองค์ชายเผ่าสมุทรออกมาจากแหวนแห่งจักรวาล แกะลูกแก้วสีน้ำเงินทะเลขนาดเท่าไข่ไก่เม็ดหนึ่งออกมาจากกะโหลกศีรษะ
ต่อหน้าตู้เยว่ิและคนอื่นๆ เขามิ้าเปิดเผยความลับที่สามารถดูดซับธาตุแห่งชีวิตของผู้คนอื่นได้ ดังนั้นเขาจึงได้แต่จัดการปิดผนึกศีรษะองค์ชายเผ่าสมุทรเอาไว้แล้ว ปิดผนึกองค์ประกอบธาตุแห่งชีวิตในกะโหลกศีรษะไว้ จ้านอู๋มิ่งหยิบลูกแก้วธาตุวารีออกมา ธาตุแห่งชีวิตขององค์ชายเผ่าสมุทรแผ่กระจายออก ชนเผ่าสมุทรมีพลังธาตุวารีอันบริสุทธิ์ และพลังธาตุวารีในธาตุแห่งชีวิตของราชวงศ์ชนเผ่าสมุทรเข้มข้นที่สุด ถึงแม้ว่าจ้านอู๋มิ่งฝึกฌานบ่มเพาะเคล็ดวิชาจักรพรรดิเหมันต์ ร่างกายตนก็มีพลังของธาตุวารี แต่พลังของธาตุวารีชนิดนั้นได้รับผลกระทบจากข้อจำกัดของฟ้าดิน ไม่บริสุทธิ์และเต็มไปด้วยสิ่งปนเปื้อน พลังธาตุวารีขององค์ชายเผ่าสมุทรสำหรับเขาแล้ว ไม่แตกต่างจากของบำรุงระดับสุดยอด ภายใต้การโคจรของพลังเที่ยงแท้อนัตตา เสริมเติมพลังธาตุวารีอันบริสุทธิ์นี้เข้าสู่ธาตุแห่งชีวิตของตนเองอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกว่าฐานการบ่มเพาะพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ที่ถูกสะกดข่มไว้ในร่างกายของเขาขยับเคลื่อนตัวอีกครั้ง แต่เขายังมิ้าทะลวงด่านทันทีในลักษณะเช่นนี้
สิ่งที่ทำให้จ้านอู๋มิ่งมีความยินดีมากที่สุดก็คือ ความทรงจำส่วนลึกในห้วงคำนึงก็คลี่คลายออกด้วยเช่นกัน ส่วนหนึ่งของความทรงจำแปรเปลี่ยนเป็ชัดเจนขึ้นมา ตรงตามที่เขาคาดเดาไว้แต่แรก ทุกครั้งยามที่เขาได้รับพลังธาตุบริสุทธิ์เพิ่มขึ้น มันก็จะเปิดผนึกความทรงจำส่วนที่สอดคล้องกับมันออกมา การดูดซับพลังธาตุจากธาตุแห่งชีวิตของผู้อื่น เป็วิธีการที่สะดวกมากที่สุดในการเปิดผนึกความทรงจำ
ลูกแก้วธาตุวารีสีสันสวยงาม ไม่ใช่แค่เครื่องประดับที่คนมีฐานะชื่นชอบเท่านั้น ขณะเดียวกันก็ประกอบด้วยพลังของธาตุวารีที่เข้มข้นแข็งแกร่ง เปี่ยมแรงดึงดูดอย่างยิ่งแก่ผู้ฝึกฌานบ่มเพาะพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ที่มีคุณสมบัติของวารี แต่ว่าคุณประโยชน์มากที่สุดของมันสำหรับจ้านอู๋มิ่งในตอนนี้ก็คือการหลีกเลี่ยงพลังกดดันของน้ำ
จ้านอู๋มิ่งล้างลูกแก้วธาตุวารีซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วจึงขมวดคิ้วอมไว้ภายในปาก ลูกแก้วธาตุวารีกับลูกแก้วป้องกันน้ำแตกต่างกัน ลูกแก้วธาตุวารีจำเป็ต้องใส่ไว้ภายในร่างกายของคน หล่อเลี้ยงด้วยอุณหภูมิร่างกายของมนุษย์ อาศัยพลังจิติญญาการต่อสู้ของตนเองกระตุ้นลูกแก้วธาตุวารีเพื่อเปล่งพลังของธาตุวารี จึงสามารถหลีกเลี่ยงการกดดันของน้ำ
จ้านอู๋มิ่งอมลูกแก้วธาตุวารีไว้ภายในปาก โคจรพลังปราณเที่ยงแท้อนัตตาไปทั่วร่าง กระตุ้นลูกแก้วธาตุวารีแล้ว จ้านอู๋มิ่งจึงดำดิ่งมุ่งหน้าลงไปสู่ก้นใต้ทะเลสาบ
ธาตุวารีทรงพลังระลอกหนึ่งสร้างเป็เกราะป้องกันภายนอกล้อมรอบร่างกายเขา คล้ายดั่งทั้งร่างหลอมรวมเป็หนึ่งเดียวกับสายน้ำก็มิปาน จ้านอู๋มิ่งมิรู้สึกถึงแรงกดดันของน้ำแม้แต่น้อย ยังมิทันที่จะรู้สึกยินดี จ้านอู๋มิ่งตกตะลึงเมื่อค้นพบว่า ขณะพลังปราณเที่ยงแท้อนัตตากระตุ้นลูกแก้วธาตุวารี ลูกแก้วธาตุวารีกลับเริ่มต้นละลาย เฉกเช่นก้อนน้ำแข็งที่เจอกองเพลิง พลังเหนือธรรมชาติของวารีหลั่งไหลเข้ามากันจากทั่วทั้งสี่ทิศแปดทาง ผันแปรเปลี่ยนแปลงเป็ธาตุวารี ถูกพลังปราณเที่ยงแท้อนัตตาดูดซับ
จ้านอู๋มิ่งยิ่งดำดิ่ง ยิ่งลึกลง คล้ายดั่งราวกับตกลงไปในใจกลางโลกในทันใด เขาคำนวณอยู่ในใจ อย่างน้อยก็ดำดิ่งลงไปหลายพันวาแล้ว ยังคงดำลงไปอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา ธาตุวารีที่มารวมกันเพิ่มมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ และเข้มข้นยิ่งขึ้นเรื่อยๆ พลังปราณเที่ยงแท้อนัตตาก็โคจรรวดเร็วมากยิ่งขึ้นเช่นกัน สุดท้ายก่อเกิดเป็พายุลูกหนึ่งขึ้นในทะเลสาบ พลังเหนือธรรมชาติหลั่งไหลเข้าภายในร่างกายจ้านอู๋มิ่งอย่างบ้าคลั่ง ด้านหนึ่งผันแปรเป็ธาตุวารี และอีกด้านหนึ่งแปรเปลี่ยนเป็พลังปราณเที่ยงแท้อนัตตา…
ธาตุแห่งชีวิตของจ้านอู๋มิ่งอุดมสมบูรณ์ขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ธาตุแห่งชีวิตของเขาประกอบด้วยวายุ อัคคี สายฟ้าและวารี ธาตุทั้งสี่ชนิด ตอนนี้กำลังเสริมเติมเต็มธาตุวารีอย่างสุดชีวิต ความสมดุลของธาตุแห่งชีวิตพลันถูกทำลายโดยการหลั่งไหลเข้ามาของธาตุวารีอันรุนแรงอย่างฉับพลัน
ธาตุวารีได้สะกดข่มธาตุอื่นๆ อีกสามธาตุอย่างรวดเร็ว กดข่มไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว ตลอดจนเริ่มต้นกลืนกินธาตุอื่นๆ อีกสามชนิด ปรากฏการณ์นี้ ทำให้จ้านอู๋มิ่งใอย่างใหญ่หลวง เขาคิดไม่ถึงว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดขึ้น เขา้าที่จะหยุดดูดซับธาตุวารีทันที แต่ว่าเวลานี้ พลังปราณเที่ยงแท้อนัตตาโคจรด้วยตนเอง ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของตน จ้านอู๋มิ่งจิตใจร้อนรนแล้ว…
นี่มันเกิดอะไรขึ้น ถ้าถูกธาตุวารีกลืนกินธาตุอื่นๆ อีกสามธาตุจนหมดสิ้น ต่อไปเขาจะไม่มีความสามารถในการดูดซับธาตุอื่นอีกต่อไป เนื่องจากธาตุวารีเป็ตัวนำของทุกสิ่ง ทันทีที่ธาตุใดๆ เข้าสู่ภายในร่างกาย ก็จะถูกกลืนกินและดูดซึมโดยธาตุวารี เช่นนั้นแล้วเื่ที่ตน้าบรรลุขั้นสูงสุดในตอนท้ายสุด เพื่อการหลุดพ้นก็กลายเป็เพียงความฝันตื่นหนึ่งเท่านั้น ต่อให้ธาตุวารีของตนจะได้รับการบ่มเพาะจนบรรลุขั้นสมบูรณ์ก็เป็เพียงหนึ่งในมรรคาแห่งฟ้าเท่านั้นเอง และอยู่ในวงจรของวิถีแห่งฟ้าตลอดกาล มิสามารถหลุดพ้นตลอดไป มีเพียงสามารถควบคุมธาตุทั้งหมด และทำให้สมดุลจนบรรลุขอบเขตขั้นสมบูรณ์เท่านั้น จึงสามารถที่จะหลุดพ้นจากวงจรของวิถีได้ ดังนั้น สถานการณ์เช่นนี้ มิใช่สิ่งที่จ้านอู๋มิ่งปรารถนา
ยามนี้ จ้านอู๋มิ่งนึกถึงจู้เชียนเชียน ค่ายกลกลืนิญญาที่ย้อนทวนฝืนฟ้าในจิติญญาแห่งชีวิตของจู้เชียนเชียน กลับสามารถผันแปรสภาพธาตุแห่งชีวิตและโชคชะตาให้เป็จิติญญา กลายเป็สารอาหารของค่ายกลกลืนิญญาตลอดเวลา คัมภีร์เทพอนัตตาของตนเป็สมบัติวิเศษระดับเทพเ้า อานุภาพสมควรจะมิด้อยไปกว่าค่ายกลกลืนิญญาที่ย้อนทวนฝืนฟ้านั้น ถ้าสามารถผันแปรธาตุวารีส่วนที่เกินทั้งหมดได้ ก็สามารถที่จะทำลายภาวะชะงักงันนี้ลงได้ นึกถึงตรงนี้ อารมณ์ของจ้านอู๋มิ่งก็ค่อยๆ สงบลง
ถ้าสามารถผ่านด่านนี้ได้สำเร็จ เส้นทางการฝึกฌานบำเพ็ญเพียรในอนาคตของตนก็จะราบรื่น ถ้าไม่สามารถผ่านไปได้ ก็คงได้แต่คิดหาวิธีการอื่นเพื่อเสาะแสวงหาโอกาสของการหลุดพ้นแล้ว!