แสงจากดวงอาทิตย์สาดส่องลงมายังทะเลทรายสีเหลืองที่ทอดยาวจนสุดสายตา นี่คือจักรวรรดิซือฉี
ภายในขบวนลำเลียงสินค้ามีผู้คนมากกว่าห้าสิบชีวิต จุดประสงค์ของแต่ละคนแตกต่างกันออกไป หลายคนถูกจ้างมาเพื่อดูแลสินค้า บางคนสมัครใจเข้ามาเป็ผู้ดูแลความปลอดภัย และบางคนก็มีจุดประสงค์คล้ายกับถังเหล่ย
ผู้คนภายในขบวนลำเลียงสินค้าส่วนมากจะเดินเท้า แต่หลายคนก็มีม้าเป็ของตัวเองเช่นเดียวกับถังเหล่ย ม้าที่เขากำลังขี่อยู่นั้นคือม้าที่ได้รับมาจากด่านซิวหลัว ความพิเศษของมันก็คือสามารถเดินบนทะเลทรายได้ราวกับเดินอยู่บนพื้นราบ ทั้งยังมีความอึดคล้ายกับอูฐ
แม้ว่าขบวนลำเลียงสินค้าจะใช้เวลาเดินทางถึงสองวันแล้ว แต่พวกเขากลับรู้สึกว่ายังเดินอยู่ที่เดิม ในสายตาของพวกเขายังคงปรากฏภาพของทะเลทรายสีเหลืองอยู่เช่นเดิม
“เถ้าแก่ซาง อีกนานหรือไม่กว่าเราจะไปถึง?”
ถังเหล่ยกล่าวด้วยความร้อนใจ
“เราต้องใช้เวลาอีกห้าวันจึงจะไปถึงมณฑลไป่เหอ!” ผู้นำซางกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า
ผู้นำซางตกตะลึงทันทีที่หันมาเจอถังเหล่ย เมื่อสองวันก่อนขุนพลหม่าเทียนเจิ้งฝากเด็กหนุ่มคนหนึ่งมากับขบวนลำเลียงสินค้าของเขา แต่ตอนนี้เขากลับกลายเป็ชายวัยกลางคน
ถังเหล่ยรู้สึกร้อนใจเมื่อได้ยินคำกล่าวของผู้นำซาง เดิมทีเขาได้วางแผนเอาไว้ว่าจะปลีกตัวออกจากขบวนสินค้าทันทีที่เดินทางไปถึงอีกฟากของทะเลทราย เหตุผลที่ทำให้ถังเหล่ยร้อนใจก็คือหลังพระอาทิตย์ตกขบวนลำเลียงสินค้าจะหยุดพัก สาเหตุที่ต้องหยุดพักก็เพราะในยามค่ำคืนจะเป็เวลาของสัตว์อสูร
หลังอาทิตย์ตก ผู้นำซางได้ออกคำสั่งให้ผู้ที่เข้าร่วมขบวนจุดไฟล้อมรอบขบวนสินค้าเอาไว้และไม่อนุญาตให้ใครออกนอกพื้นที่โดยเด็ดขาด หากเกิดเหตุสุดวิสัยก็จะมีคนบางกลุ่มเท่านั้นที่จะได้รับอนุญาตให้ออกนอกเขตได้
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ถังเหล่ยจึงปลีกตัวออกมาและบ่มเพาะเคล็ดวิชาัคชสารเพียงลำพัง
ในชาติที่แล้วถังเหล่ยคือชายชราที่มีอายุเกือบหนึ่งร้อยปี เขาไม่กล่าววาจาไร้สาระและจะไม่พูดคุยกับใครหากไม่จำเป็
ในขณะนี้ชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งรวมตัวกันอยู่ที่กองไฟกองใหญ่กลางจุดพักแรม พวกเขากำลังกินดื่มอย่างสนุกสนาน และย่างเนื้อส่งกลิ่นตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ
“พวกเรากำลังดึงดูดความสนใจของสัตว์อสูร!” ผู้นำซางกล่าวโดยไม่แยแส
“ฮ่าๆๆ เถ้าแก่ซาง ท่านพูดอะไรไร้สาระ หากมีสัตว์อสูรมาจริงก็ถือว่าเป็เื่ดี พี่น้องของเราจะได้กินอิ่มกันทุกคน”
ชายฉกรรจ์เหล่านี้ไม่ใช่คนที่ผู้นำซางจ้างมา การลำเลียงสินค้าในแต่ละรอบจะมีการรับสมัครผู้คุ้มกัน พวกเขาสมัครใจที่จะมากับขบวน ผู้นำซางจึงไม่สามารถปฏิเสธได้
กลุ่มชายฉกรรจ์เหล่านี้ล้วนเป็ผู้ชำนาญยุทธ์ขั้นสาม และมีผู้นำเป็ถึงผู้ทรงยุทธ์ขั้นหนึ่ง
เพื่อความปลอดภัยของขบวนลำเลียงสินค้า ผู้นำซางจึงยอมให้พวกเขาเข้าร่วมกับขบวนลำเลียงสินค้าในครั้งนี้ อย่างไรก็ตามสิ่งที่เป็ปัญหาใหญ่ก็คือไม่สามารถออกคำสั่งกับพวกเขาได้
“นี่...”
ผู้นำซางรู้สึกสิ้นหวัง เขาเป็เพียงพ่อค้า หากมีความขัดแย้งกับพวกเขาเหล่านี้คงไม่ใช่เื่ดีอย่างแน่นอน
ถังเหล่ยเหลือบมองกลุ่มของชายฉกรรจ์อยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่้าเปิดเผยตัวตนในตอนนี้จึงตัดสินใจบ่มเพาะต่อโดยไม่สนใจอะไร
แต่ทันใดนั้นพื้นที่ด้านนอกบริเวณเริ่มมีการเคลื่อนไหว บนพื้นทะเลทรายเกิดรอยแยกหลายแห่ง ม้าหลายตัวที่พวกเขาผูกรวมกันก็ลุกขึ้นยืนและพยายามสะบัดสัมภาระที่อยู่บนหลังออก
ชายฉกรรจ์ทั้งห้าคนถูกม้าที่กำลังแตกตื่นดึงความสนใจ ทันทีที่พวกเขาหันหลังกลับมาก็มีเงาสีดำพุ่งออกมาจากความมืด มันเร็วราวกับสายฟ้า
การโจมตีของเงาดำพุ่งตรงไปที่ลำคอของชายคนหนึ่งซึ่งเป็สมาชิกของกลุ่มชายฉกรรจ์ที่เป็ผู้ชำนาญยุทธ์ขั้นสาม และเพราะเขาเป็เพียงผู้ชำนาญยุทธ์ขั้นสามจึงไม่สามารถป้องกันการโจมตีอันรวดเร็วได้ แต่ผู้นำกลุ่มของเขานั้นมีไหวพริบยอดเยี่ยม เขาใช้เท้าเตะท่อนฟืนที่ไฟกำลังลุกโชนใส่เงาดำ หลังจากนั้นเงาดำก็ตกลงบนพื้น
จากนั้นชายฉกรรจ์อีกคนจึงชักมีดสั้นออกมาและฟันร่างที่คล้ายงูขาดเป็สองท่อนในทันที
“ให้ตายเถอะ งูทะเลทราย!”
ผู้ชำนาญยุทธ์ขั้นสามที่เพิ่งรอดจากความตาย ก้มมองดูงูทะเลทรายที่ถูกตัดเป็สองท่อนด้วยความหวาดกลัว
งูทะเลทรายเป็เพียงสัตว์อสูรระดับหนึ่งขั้นหนึ่งที่พบเห็นได้ในทะเลทราย เกล็ดของมันมีสีเหลืองทำให้กลมกลืนกับทรายจึงเป็เื่ยากที่จะมองเห็น
“อาหารอันโอชะของข้า”
ผู้นำกลุ่มของชายฉกรรจ์กล่าวขณะที่กำลังหยิบงูทะเลทรายบนพื้นขึ้นมา
“อย่าเพิ่งชะล่าใจ!” ถังเหล่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็าจากระยะไกล
ถังเหล่ยยังคงสงบนิ่งเพราะเขารู้อยู่ก่อนแล้วว่าจะมีสัตว์อสูรออกมาโจมตี เหตุผลที่เขายังคงสงบนิ่งก็เพราะกลุ่มชายฉกรรจ์ไม่ยอมฟังคำเตือนของผู้นำซาง
ทันใดนั้นงูทะเลทรายอีกสองตัวก็พุ่งออกมาจากพื้นทราย แต่ครั้งนี้เป้าหมายคือผู้นำของกลุ่มชายฉกรรจ์ โชคดีที่เขาเตรียมพร้อมรับมืออยู่แล้ว จึงสามารถฆ่างูทะเลทรายได้ขณะที่มันกำลังลอยอยู่กลางอากาศ
หลังจากนั้นงูทะเลทรายจำนวนนับไม่ถ้วนก็โผล่ออกมาอย่างต่อเนื่อง
“เราถูกโจมตี!” ผู้นำซางะโเสียงดังพร้อมกับใบหน้าที่บิดเบี้ยว
งูทะเลทรายโผล่ออกมาจากพื้นทรายมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่างูทะเลทรายเหล่านี้จะเป็เพียงสัตว์อสูรระดับหนึ่งขั้นหนึ่ง แต่พวกมันมีจำนวนนับไม่ถ้วน ผู้คุ้มกันหลายคนไม่ทันได้ระวังตัว จึงทำให้ถูกงูทะเลทรายฉกเข้าที่คอและกลายเป็ศพทันที
ผู้นำของกลุ่มชายฉกรรจ์ชักดาบยาวข้างกายออกมาฟันงูทะเลทรายอย่างบ้าคลั่ง หลังจากนั้นสมาชิกภายในกลุ่มของเขาก็วิ่งเข้ามารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว
ก่อนหน้านี้ถังเหล่ยแยกตัวออกจากกลุ่มเพื่อบ่มเพาะ ขณะนี้เขาจึงอยู่เพียงลำพัง โดยสัญชาตญาณของสัตว์พวกมันจึงหันมาโจมตีเขาแทน
ถังเหล่ยยังคงสงบนิ่ง ไม่มีท่าทีเกรงกลัวงูทะเลทรายจำนวนมากเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย เขาตวัดกริชภายในมือเพียงไม่กี่ครั้งก็ทำให้งูทะเลทรายจำนวนมากที่อยู่โดยรอบขาดเป็สองท่อนทันที
“ปัง!”
ถังเหล่ยปล่อยหมัดลงพื้นด้วยพลังมหาศาล ทันทีที่เขาปล่อยหมัดลงพื้นก็ทำให้งูทะเลทรายจำนวนหลายร้อยตัวถูกบดขยี้ในคราวเดียว ส่งผลให้พื้นที่โดยรอบเกิดเป็หลุมสีดำขนาดใหญ่
การโจมตีเพียงครั้งเดียวของถังเหล่ยสามารถดึงดูดความสนใจของกลุ่มชายฉกรรจ์และคนอื่นๆ ได้ แม้ว่าตัวของถังเหล่ยจะตกเป็จุดสนใจของใครหลายคน แต่ด้วยเสื้อคลุมขนาดใหญ่และยังคงมีผ้าปกปิดใบหน้าอยู่ จึงทำให้ผู้คนเ่าั้สามารถมองเห็นได้เพียงรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น
………