ทะลุมิติไปเป็นสะใภ้ผู้มั่งคั่งด้วยโกดังสินค้าในยุค 70 (จบแล้ว)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     ไม่กี่นาทีต่อมา รถตำรวจก็แล่นเข้ามาในหมู่บ้านเซิ่งลี่

        มาถึงหน้าบ้าน คุณปู่จ้าวอุ้มเซี่ยเฉินเฟิงออกมาอย่างระมัดระวัง เซี่ยโม่ลงจากรถแล้วยื่นมือไปรับตัวน้องชาย

        เด็กชายมีใบหน้าซีดขาว ลมหายใจรวยริน ที่มุมปากยังมีคราบเ๣ื๵๪เปรอะอยู่ ทุกคนที่เห็นเกิดความรู้สึกทั้งเศร้าทั้งเวทนา

        หวางหมาจื่อนี่มันเดรัจฉานแท้จริง เพื่อธัญพืช ถึงกับทำร้ายเด็กห้าขวบจนอยู่ในสภาพนี้

        ทุกคนเลื่อนสายตาไปยังตัวบ้าน แม้จะผ่านการเก็บกวาดอย่างง่ายๆ แล้ว หากก็ยังเห็นร่องรอยของความเสียหายไม่น้อย

        ตำรวจอดไม่ไหวยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมาบันทึกภาพเก็บเอาไว้

        ขณะที่เซี่ยโม่กำลังอุ้มน้องชายขึ้นรถ คุณปู่จ้าวก็ขึ้นรถเรียบร้อยแล้วเช่นกัน รถตำรวจถึงค่อยแล่นออกจากหมู่บ้านมุ่งตรงไปยังโรงพยาบาล

        เมื่อมาถึง เซี่ยโม่กับคุณปู่จ้าวก็ลงจากรถ รีบวิ่งเข้าไปในโรงพยาบาล

        เนื่องจากได้คุณปู่จ้าวคอยอธิบายอาการ เซี่ยเฉินเฟิงจึงได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วและถูกพาไปอยู่ห้องพักฟื้น

        คุณปู่จ้าวมองเซี่ยโม่ที่มีสีหน้าร้อนใจ “ไม่ต้องกังวล น้องชายเธอไม่เป็๞อะไรแล้ว กินยาอยู่โรงพยาบาลไม่กี่วันก็หายแล้ว”

        เซี่ยโม่มองออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าด้านนอกมืดสนิท เธอเลยนึกขึ้นได้ว่าคุณปู่จ้าวยังไม่ได้กินข้าว

        “อาจารย์ รออยู่ตรงนี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันไปซื้ออะไรมาให้กิน”

        “นี่ก็เย็นมากแล้ว ร้านอาหารของรัฐกับร้านสหกรณ์ปิดหมดแล้ว เธอจะไปซื้อของกินที่ไหน” คุณปู่จ้าวถามอย่างเป็๲ห่วง

        เธอตอบพร้อมยิ้มน้อยๆ “อาจารย์ ฉันมีวิธีค่ะ อาจารย์ไม่ต้องรู้หรอก”

        เธอเดินออกจากโรงพยาบาลแล้วไปในจุดปลอดคน หยิบผ้าขนหนูสองผืน สบู่ จาน ถ้วยกระเบื้อง ช้อน และตะเกียบจากในโกดังสินค้าออกมา

        เซี่ยโม่ไม่กล้าหยิบไส้กรอก จึงได้แต่หยิบขนมเค้กโบราณออกมา

        ไม่เพียงแค่นั้นยังหยิบแอปเปิล ซอสเนื้อ และลูกอมนมมาด้วย

        ในโกดังสินค้ามีน้ำเปล่า เธอไม่กล้าหยิบออกมา ทว่าตอนนี้รู้สึกคอแห้งเหลือเกิน เธอมองสำรวจรอบๆ เมื่อแน่ใจว่าไม่มีคนจึงหยิบน้ำเปล่าออกมาขวดหนึ่ง ดื่มจนหมดขวดก็ใส่กลับเข้าไปในโกดังสินค้าเหมือนเดิม

        เด็กสาวถือของทั้งหมดเดินกลับไปที่โรงพยาบาล

        “อาจารย์ กินอะไรก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำร้อนมาให้”

        คุณปู่จ้าวตาโต มองของกินหลายอย่างที่เด็กสาวนำมาให้อย่างประหลาดใจ “เธอเจอคนรู้จักงั้นเหรอ”

        เธอพยักหน้าพลางเอ่ยอย่างมีลับลมคมใน “ค่ะ ถ้าไม่เจอคนรู้จักจะซื้อของพวกนี้มาได้ยังไง ฉันก็แค่โชคดีเท่านั้น”

        ตอนย้ายบ้าน ชายชราเห็นเซี่ยโม่หอบหิ้วของมามากมายภายในเวลาอันสั้น ในนั้นยังมีผ้าห่มทหาร คาดว่าอีกฝ่ายคงมีคนรู้จักในตำบล

        เขาไม่ได้ซักไซ้อะไรอีกอย่างรู้ความ ในเมื่อเด็กสาวไม่คิดจะอธิบายมากกว่านี้ เช่นนั้นเขาก็จะไม่ถาม

        ไปไม่นานเซี่ยโม่ก็กลับมาพร้อมน้ำร้อน เธอนำขนมเค้กโบราณจุ่มลงไปในน้ำให้นิ่ม ก่อนจะป้อนใส่ปากให้น้องชาย

        “อาจารย์ รีบกินเถอะค่ะ วันนี้คงต้องกินแบบนี้ไปก่อน”

        คุณปู่จ้าวกินขนมเค้กโบราณเข้าไปสองสามชิ้นแล้วดื่มน้ำร้อนตาม “แค่นี้ก็ไม่เลวแล้ว”

        คงเพราะหิวมากเฉินเฟิงตัวน้อยเลยกินเข้าไปหลายคำ “พี่ อร่อยจังเลย”

        เธอมองน้องชายด้วยความสงสาร “อร่อยงั้นก็กินเยอะๆ ที่นี่อยู่ไกลจากบ้าน พี่เลยหามาให้เราได้แค่นี้ วันนี้กินขนมพวกนี้แก้ขัดไปก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะไปที่ร้านอาหารของรัฐ ไปซื้อของอร่อยมาให้เรากิน”

        คุณปู่จ้าวเอ่ยถามอย่างสงสัย “โม่โม่ เรามีคูปองจัดสรรอาหารเหรอ”

        คำถามของคุณปู่จ้าวทำให้เธอนึกถึงคูปองจัดสรรอาหารที่ซื้อมาจากพี่ซ่ง

        “มีค่ะ แล้วก็มีสำหรับซื้ออาหารที่เป็๞เนื้อด้วย เอาไปใช้ซื้อที่ร้านอาหารของรัฐได้” เด็กสาวพยักหน้า

        คุณปู่จ้าวพยักหน้ารับรู้ “ซาลาเปาไส้เนื้อกับหมูน้ำแดงที่ร้านอาหารของรัฐรสชาติไม่เลว”

        เซี่ยเฉินเฟิงตัวน้อยฟังแล้วดวงตาพลันเป็๞ประกาย กลายร่างเป็๞นักกินในทันที “พี่ครับ ผมอยากกินทั้งสองอย่างเลย”

        “งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ไปซื้อให้ วางใจเถอะ ระหว่างที่อยู่ที่นี่พี่จะให้เรากินได้เต็มที่”

        พูดจบถึงค่อยคิดได้ว่า ประโยคเมื่อครู่เหมือนให้ความหวังน้องชายลมๆ แล้งๆ อย่างไรก็ไม่รู้

        ทว่าเด็กชายตัวน้อยไม่ได้คิดอะไรมาก ใบหน้าระบายไปด้วยรอยยิ้มกว้าง

        “ขอบคุณครับพี่!”

        ห้องที่เฉินเฟิงเข้าพักสามารถรองรับผู้ป่วยได้สี่คน ซึ่งมีคนนอนเต็มทุกเตียง แม้เตียงจะแคบ แต่เธอก็สามารถขึ้นไปนอนด้วยได้สบาย

        เธอหันไปพูดกับคุณปู่จ้าว “อาจารย์ เดี๋ยวฉันให้เงินอาจารย์สำหรับไปพักที่โรงแรมหนึ่งคืน อาจารย์อายุมากแล้ว นอนอยู่ที่นี่คงไม่สบายตัว”

        “นอนโรงแรมอะไรกัน ฉันมีเพื่อนอยู่ที่ตำบล ฉันไปขอนอนกับเหล่าหลี่สักคืนก็ได้ เธอไม่ต้องเป็๲ห่วงฉันหรอก”

        เซี่ยโม่ทำท่าคิดอยู่ครู่ ก่อนจะหยิบเงินคูปองจัดสรรอาหารสำหรับซื้อข้าวซื้อบะหมี่ และคูปองสำหรับซื้อเนื้อหนึ่งกิโลกรัมออกมา แล้วยื่นให้ชายชรา

        “อาจารย์ ฉันรู้ว่าคุณไม่มีเงิน อาจารย์รับเงินกับคูปองนี้ไว้เถอะค่ะเผื่อได้ใช้ หากคุณปู่หลี่ไม่อยู่บ้าน อาจารย์ก็ไปเปิดโรงแรมพักสักคืน”

        คุณปู่จ้าวโบกไม้โบกมือปฏิเสธ “เฉินเฟิงเองก็ต้องใช้เงินเหมือนกัน เธอเก็บเงินนี้เอาไว้เถอะ”

        เธอยิ้มอย่างซุกซน “อาจารย์ อย่าลืมสิคะว่าเงินค่ารักษาเฉินเฟิง ฉันไม่ต้องออกสักหยวนเดียว”

        “ได้ ฉันรับไว้ก็ได้” คุณปู่จ้าวยิ้มพลางหัวเราะ ยอมรับเงินและคูปองจัดสรรอาหารไปในที่สุด

        ความจริงเขาเองก็กลัวว่าจะหาเหล่าหลี่ไม่เจอเหมือนกัน ดึกป่านนี้แล้วจะให้นอนข้างถนนก็กระไรอยู่

        เขาหันไปมองเฉินเฟิง เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรน่าเป็๞ห่วง ค่อยลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากโรงพยาบาลไป

        เซี่ยโม่เดินออกไปส่งคุณปู่จ้าว ระหว่างเดินกลับไปที่ห้องพัก เมื่อเห็นว่าตรงทางเดินไม่มีคน เธอหยิบถุงผ้าออกมาจากโกดังสินค้า ข้างในคือซาลาเปาและไส้กรอก

        หลังจากเข้าไปในห้องพัก เธอเอาถุงผ้าสอดไว้ใต้ผ้าห่มของน้องชาย ก่อนจะเอานิ้วชี้แตะที่ริมฝีปาก

        เฉินเฟิงตัวน้อยพยักหน้ารัวพร้อมกับยิ้มกว้าง

        น้องชายเอาผ้าห่มคลุมจนมิดศีรษะ ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงค่อยโผล่หน้าออกมา “พี่ อร่อยมากครับ”

        เธอยิ้ม น้องชายของเธอช่างน่ารักเหลือเกิน

        “เฉินเฟิง ในเมื่อตอนนี้ว่าง งั้นเดี๋ยวพี่สอนเลขให้เราดีไหม”

        “ดีครับ” เฉินเฟิงพยักหน้า

        เธอนำลูกอมนมออกมา “นี่คือเม็ดที่หนึ่ง เม็ดที่สอง และเม็ดที่สาม มีทั้งหมดสามเม็ด เรากินไปหนึ่งเม็ด จะเหลือกี่เม็ด”

        เซี่ยเฉินเฟิงมองเธอราวกับเป็๲คนสมองทึบ “ก็ต้องเหลือสองเม็ดสิครับ คำถามนี้มันง่ายไป”

        เซี่ยโม่คิดขึ้นมาได้ว่า เฉินเฟิงของเธอเป็๞เด็กฉลาด ต่อให้ไม่มีใครสอนก็ตาม

        “งั้นเดี๋ยวพี่ถามยากหน่อย มีลูกอมนมทั้งหมดสิบเม็ด เราให้พี่มาหนึ่งเม็ด ให้คุณตาคุณยายคนละเม็ด จะเหลือลูกอมนมกี่เม็ด”

        เด็กชายเอ่ยตอบออกมาทันที “เหลือเจ็ดเม็ด”

        “เฉินเฟิง เรารู้ได้ยังไง” เซี่ยโม่มีสีหน้าตกตะลึง

        เซี่ยเฉินเฟิงตัวน้อยพูดราวกับคำถามพวกนี้เป็๞คำถามธรรมดาๆ “พี่ครับ คำถามง่ายๆ แค่นี้อย่าเอามาทดสอบผมเลย”

        เธอคิดคำถามใหม่เพื่อลองทดสอบต่อ

        “ยังคงมีลูกอมนมสิบเม็ดเหมือนเดิม เรากินไปสองเม็ด หายไปสามเม็ด ให้พี่มาสองเม็ด จะเหลือลูกอมนมกี่เม็ด”

        “สามเม็ด”

        น้องชายตัวน้อยขมวดคิ้ว “พี่ ถามคำถามที่ยากกว่านี้หน่อยไม่ได้เหรอครับ นี่เหรอที่เรียกว่าทดสอบ”

        เธอค้นพบว่าตัวเลขที่อยู่ในจำนวนไม่เกินสิบ น้องชายของเธอสามารถบวกลบได้ไม่มีปัญหา เธอจึงเพิ่มความยากขึ้นอีกเล็กน้อย

        “ถ้าอย่างนั้น แล้วถ้าที่บ้านเรามีไก่สามตัว กระต่ายแปดตัว ไก่มีสองขา กระต่ายมีสี่ขา รวมทั้งหมดจะมีกี่ขา”

        “พี่ครับ ผมว่าคำถามนี้มันมีปัญหา หมู่บ้านเราให้เลี้ยงกระต่ายได้ซะเมื่อไร”

        “พี่ผิดเองแหละ”

        เธอยิ้มอย่างยินดีอยู่ในใจ น้องชายของเธอไม่เพียงฉลาด หากยังมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการใช้ชีวิตอีกด้วย ทั้งที่เป็๲เช่นนี้แต่แม่เลี้ยงกลับพูดขาวให้เป็๲ดำ ชอบบอกว่าน้องชายเธอโง่เขลา

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้