หลิวหย่งไม่อยากบอก ทว่าาแด้านหลังของเขานั้นไม่สามารถซ่อนไว้ได้ ตอนกลางคืนห่มผ้าผืนเดียวกันกับหลี่เฟิ่งเหมยถอดเสื้อออกอะไรๆ ล้วนเปิดเผยออกมาหมด
ชิงสารภาพด้วยตนเอง เขายังพอทำให้ปิดบังประเด็นสำคัญบางประเด็นได้
หลี่เฟิ่งเหมยร้องไห้ออกมาในบัดดล สามีของเธอเกือบสูญเสียชีวิตไปแล้วเธอเกือบกลายเป็แม่ม่าย เทาเทาเกือบกำพร้าพ่อ จะไม่ให้ร้องไห้ใหญ่โตได้หรือ? หลี่เฟิ่งเหมยร้องไห้จนพอใจ กดดันจนหลิวหย่งรับปากว่าจะไม่ไปหาเงินโดยวิธีนี้อีกแล้วเธอจึงนึกขึ้นได้ว่ายังมีผู้มีพระคุณอีกสองคนที่เธอต้องขอบคุณ
“คุณทั้งสอง ฉันไม่รู้จะขอบคุณพวกคุณอย่างไร พวกคุณไม่ใช่แค่ช่วยเหล่าหลิวแต่ช่วยพวกเราทั้งครอบครัวไว้!”
หลี่เฟิ่งเหมยเช็ดน้ำตา ตั้งใจเชิญโจวเฉิงและคังเหว่ยรับประทานอาหารด้วยกัน
โจวเฉิงกลับทำเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ “หมอบอกว่าแผลของลุงหลิวต้องตรวจซ้ำอยู่ตลอดเวลาทว่าพวกเรารีบเร่งเดินทางกลับมา จึงลืมตรวจดูแผลของลุงหลิว คุณน้าอาหารน่ะไม่ต้องทำหรอกครับ อย่างไรเสียผมและคังเหว่ยก็ต้องไปเมืองซางตูเพื่อทำการถ่ายสินค้าพาลุงหลิวไปตรวจที่โรงพยาบาลพร้อมกันเลยดีกว่า สภาพโรงพยาบาลประชาชนซางตูดีกว่าโรงพยาบาลในตัวเมืองของเขตเสียอีก”
หลิวหย่งเบิกตาโพลง
ตรวจาแซ้ำกะผีสิ นี่ต้องเป็ข้ออ้างเพื่อพบเสี่ยวหลานเป็แน่
หลี่เฟิ่งเหมยโดนโจวเฉิงหว่านล้อมจนพยักหน้าทันที ปากเอ่ยชมซ้ำไปซ้ำมาว่าโจวเฉิงเป็คนรอบคอบและจะไปเมืองซางตูกับหลิวหย่งด้วย
หากไม่ได้ยินคำพูดของหมอด้วยหูตนเอง หลี่เฟิ่งเหมยก็ไม่อาจสบายใจได้
เธอขอร้องเพื่อนบ้านที่เป็มิตรต่อกันให้ช่วยดูแลลูกชายสักหน่อย “ถ้าคืนนี้ฉันกับหลิวหย่งไม่กลับบ้าน ก็ให้เทาเทานอนที่บ้านเธอนะ”
เพื่อนบ้านไม่เข้าใจสถานการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้นทว่าพอเห็นโจวเฉิงและคังเหว่ยสองคนขับรถครุ่นคิดว่าชีวิตของครอบครัวหลิวหย่งช่างเปลี่ยนแปลงไปมากจริงๆจึงตกลงอย่างไร้เงื่อนไข หลี่เฟิ่งเหมยนำเงินที่เหลืออยู่ในบ้านหลายร้อยหยวนติดตัวไปทั้งหมดบังคับหลิวหย่งผู้อิดออดให้รีบขึ้นรถยนต์
คังเหว่ยแอบยกนิ้วโป้ง พี่เฉิงจื่อยอดเยี่ยมเหลือเกินรวบรัดไม่กี่คำก็ควบคุมอำนาจจัดการไว้อยู่หมัด
เขาคิดว่าหากโจวเฉิงได้เจอหลี่เฟิ่งเหมยจะเรียก “ป้าสะใภ้” อย่างหน้าไม่อายเสียอีกที่ไหนได้แม้แต่คำที่โจวเฉิงเรียกหลิวหย่งก็เปลี่ยนไป!
โจวเฉิงคิดในใจ หลิวหย่งรู้เบื้องลึกเื้ัของเขาดีเดิมทีระหว่างผู้ชายไม่จำเป็ต้องเสแสร้งแกล้งทำ ยิ่งจริงใจยิ่งดีแต่ผู้ใหญ่ที่เป็หญิงส่วนมากล้วนโปรดปรานคนที่สุขุมดูเป็ผู้ใหญ่เขาไม่สามารถทำตัวห่ามกับหลี่เฟิ่งเหมยได้
ทั้งสี่คนจึงได้มุ่งหน้าไปยังเมืองซางตู
โจวเฉิงเป็คนฉลาดคนหนึ่ง ระหว่างทางเขากล่าวเพียงไม่กี่ประโยคไปตามเื่ตามราวก็บิดเบือนหัวข้อสนทนาได้แล้ว หลี่เฟิ่งเหมยะโลงไปในโพรงด้วยตนเอง บอกจะตามเซี่ยเสี่ยวหลานไปโรงพยาบาลด้วยกันน่าจะ้าดึงเซี่ยเสี่ยวหลานและหลิวเฟินให้มายืนอยู่ฝ่ายเดียวกับเธอขัดขวางไม่ให้หลิวหย่งไปหาเงินจากงานที่มีอันตรายต่อชีวิตนี้อีก
หลิวหย่งเพียงได้แต่มองภรรยาของตนเองที่ไหลตามเหตุผลของโจวเฉิงขายที่อยู่อาศัยใหม่ของเซี่ยเสี่ยวหลานเสียสะอาดเอี่ยมอ่อง
ภรรยาซื่อบื้อ!
หลิวหย่งตีอกชกหัวอยู่ในใจกับตัวเอง ทว่าเปล่าประโยชน์
ต้าตงเฟิงจอดลงที่หน้าประตูบ้านย่าอวี๋ หลี่เฟิ่งเหมยขึ้นไปเคาะประตูคนที่มาเปิดคือหลิวเฟิน
“พี่ใหญ่ พี่กลับมาแล้วหรือ?”
หลิวหย่งร้องอืมรับ จากนั้นแนะนำโจวเฉิงและคังเหว่ยตามปกติพอพูดถึงเื่ตัวเขาเองได้รับาเ็ หลิวเฟินย่อมน้ำตาไหลเช่นกัน ย่าอวี๋เข้มงวดมากหลิวเฟินจึงไม่สามารถนำทุกคนเข้าห้องตามใจชอบได้
แต่อย่างไรก็ไม่มีอารมณ์รับรองแขกอยู่แล้ว ตอนนี้ต้องส่งหลิวหย่งไปโรงพยาบาลก่อน
ั้แ่ต้นจนจบเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้โผล่หน้าออกมาเลยเมื่อหลี่เฟิ่งเหมยถามถึง หลิวเฟินถึงได้บอกว่าวันนี้เซี่ยเสี่ยวหลานไปยังเขตอันชิ่ง
“วันนี้ที่โรงเรียนมีสอบ เธอเลยไปโรงเรียนเสียหน่อยทั้งยังตั้งใจจะไปหยางเฉิงด้วย แม้แต่ตั๋วรถไฟเที่ยวพรุ่งนี้ก็ซื้อเรียบร้อย...”
คังเหว่ยรู้สึกสงสารพี่เฉิงจื่อของเขาเล็กน้อยวันนี้ถูกลิขิตให้เขาไร้วาสนาพบหน้าว่าที่พี่สะใภ้หรือ?
โจวเฉิงรู้ที่อยู่ของเซี่ยเสี่ยวหลานในตัวเมืองมณฑลแล้วความงุ่นง่านในใจได้หายไปแล้ว เขาจดจำป้ายเลขที่บ้านของย่าอวี๋จนขึ้นใจตนเองก็ไม่กล่าวเื่เซี่ยเสี่ยวหลานอีกและส่งหลิวหย่งไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลประชาชนซางตูดั่งที่ตั้งใจไว้ วิ่งวุ่นคอยเป็ธุระช่วยเหลือมากมายอย่าว่าแต่หลี่เฟิ่งเหมยรู้สึกซาบซึ้งเป็อย่างยิ่ง ความประทับใจของหลิวเฟินต่อเขาก็ยอดเยี่ยมที่สุด
เป็เพราะการรีบเดินทาง สภาพแวดล้อมในรถนั้นจึงไม่ค่อยเหมาะสมแม้โจวเฉิงจะใช้เป็ข้ออ้าง ทว่าสภาพาแของหลิวหย่งนั้นไม่ดีจริงๆ
คุณหมอฉีดยาแก้อักเสบให้ กำชับหลิวหย่งว่าต้องพักฟื้น
เมื่อวุ่นวายในโรงพยาบาลได้พักใหญ่ ฟ้าก็มืดแล้วโจวเฉิงและหลิวหย่งปรึกษากัน วันนี้ทุกคนจะพักในบ้านพักด้วยกัน
หลิวเฟินไม่เห็นด้วย “เสี่ยวหลานต้องกลับจากอันชิ่งถึงบ้านแล้วแน่ๆฉันว่าจะกลับไปดูเสียหน่อย”
โจวเฉิงจริงใจเหลือเกิน “ถ้าอย่างนั้นผมส่งคุณน้ากลับเองนะครับ”
หลิวเฟินเกรงอกเกรงใจ “ดึกดื่นขนาดนี้รบกวนคุณออก ฉันเดินกลับไปเองดีกว่า ฉันรู้ทาง”
“เื่เล็กน้อยอย่างเหยียบคันเร่ง คุณน้าอย่าเกรงใจผมเลยครับ บอกตามตรงพอผมได้เจอคุณน้าก็รู้สึกคุ้นเคยเป็พิเศษ คุณน้าเหมือนกับแม่ผมอยู่บ้าง ผมเดินทางนอกบ้านไม่ได้พูดคุยกับแม่นานมากแล้ว คิดถึงเขายิ่งนัก”
โจวเฉิงกล่าวเช่นนี้ หลิวเฟินยังจะปฏิเสธได้อย่างไร?
หลิวเฟินที่ใจอ่อนได้แต่งเติมภาพของโจวเฉิงที่อยู่ในหัวเป็คนหนุ่มผู้กระเสือกกระสนเพื่อชีวิตจึงไม่สามารถกลับบ้านได้บ่อยครั้ง
หลิวหย่งก่นด่าโจวเฉิงไร้ยางอายอยู่ในใจ คังเหว่ยวิงเวียนไปทั่วทั้งร่างพี่เฉิงจื่อนี่โกหกหน้าตายเก่งเกินไปแล้ว หลิวเฟินซูบคล้ำดูไม่สะดุดตาเห็นได้ชัดว่าคือหญิงชนบทแสนสัตย์ซื่อคนหนึ่งส่วนมารดาของโจวเฉิงนั้นเป็นายหญิงที่สง่างามมากเพียงใด ดูได้จากที่โจวเฉิงเกิดมามีหน้าตาน่าพิสมัยก็เพราะเขามีใบหน้าที่เหมือนมารดานั่นเอง
---------------------------------
ตอนโจวเฉิงบรรทุกคนกลับมาบ้านอวี๋อีกครั้ง ภายใต้แสงไฟส่องทางสลัวแว่วเสียงกริ่งดังกรุ๊งกริ๊งลอยมา
ปรากฏตัวของเซี่ยเสี่ยวหลานกำลังขี่จักรยานออกมาจากรัศมีไฟข้างทาง ใบหน้าเล็กขาวผ่อง แม้จะถักเปียสองข้างอย่างไม่ตั้งใจแต่ก็ดูจิ้มลิ้มพริ้มพรายมากถึงเพียงนั้น
เธอมองเห็นต้าตงเฟิงคันหนึ่งจอดอยู่หน้าประตู ป้ายทะเบียนรถนั้นช่างคุ้นตาเหลือเกิน
“โจวเฉิง?”
“สหายเสี่ยวหลาน!”
โจวเฉิงเดินก้าวยาวเข้าไปหา ข่มกลั้นความ้าที่จะกอดเซี่ยเสี่ยวหลานเข้าอ้อมอกเอาไว้ทักษะการแสดงในครึ่งหลังของชีวิตได้ถูกเขาเบิกมาใช้ก่อนล่วงหน้าแล้ว
“ทำไมเธอมาอยู่ที่นี่ได้เล่า?”
ภายในใจของเซี่ยเสี่ยวหลานบอกว่า ‘เธอแย่งบทฉันทำไมกันเล่า’
ไม่เพียงแต่จะแย่งชิงบทพูดเธอไป ยังเรียกเธอว่าสหายเสี่ยวหลานอย่างจริงจังโจวเฉิงหกล้มสมองกระเทือนหรือเปล่า?
หลิวเฟินลงมาจากตู้บรรทุกหลังรถ หลิวหย่งและหลี่เฟิ่งเหมยก็ปรากฏตัวขึ้นเซี่ยเสี่ยวหลานไม่เข้าใจว่านี่กำลังเล่นละครบทไหนอยู่ แต่หลิวหย่งรู้อยู่แก่ใจดีหลิวเฟินและหลี่เฟิ่งเหมยกลับรู้สึกประหลาดใจ “เสี่ยวหลานรู้จักโจวเฉิงหรือ?”
หา? แล้วอย่างไรต่อล่ะตอนนี้เธอควรแสดงออกว่าไม่รู้จักโจวเฉิงใช่ไหม?
เซี่ยเสี่ยวหลานกะพริบตาปริบๆ ใส่โจวเฉิง หวังว่าจะได้คำแนะนำอะไรบ้าง
โจวเฉิงรู้สึกว่าขนตายั่วเย้าของเธอที่กะพริบอยู่นั้นทำหัวใจของเขาแทบละลายเขาเกือบที่จะสารภาพต่อหลิวเฟินและหลี่เฟิ่งเหมยไปว่าเขานั้นชอบเซี่ยเสี่ยวหลานอยากสู่ขอเธอกลับบ้านในทันทีทันใดเหลือเกิน
หลิวหย่งอดที่จะเสริมแทนโจวเฉิงและเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้
“เสี่ยวหลาน หลานรู้จักโจวเฉิงงอย่างนั้นหรือ ก่อนหน้านี้ที่หลานเล่าเื่ขาแพลงแล้วมีสหายอัธยาศัยดีสองคนส่งหลานกลับบ้านคงจะเป็โจวเฉิงและคังเหว่ยสินะ?”
หลิวหย่งอธิบายเื่ราวให้แจ่มแจ้งที่สุดเพราะหลิวเฟินและหลี่เฟิ่งเหมยไม่รู้เื่ที่เซี่ยเสี่ยวหลานเกือบโดนอันธพาลข่มเหงเวลานี้เื่ราวก็ผ่านไปแล้ว เล่าไปก็ทำให้ทั้งสองรู้สึกกังวลเสียเปล่า
พอได้ฟังประโยคนี้ของหลิวหย่ง เซี่ยเสี่ยวหลานก็ทราบทันทีว่าควรต่อบทสนทนาอย่างไร
ท่าทางมารดาเธอและป้าสะใภ้ของเธอคงยังไม่รู้เื่อันธพาลแต่ลุงบอกไว้ว่าสองเดือนให้หลังถึงกลับมา เหตุใดถึงมารวมตัวกับโจวเฉิงได้เล่า?