"ขนาดตาของท่านไม่สะดวกยังเขียนอักษรงดงามขนาดนี้ ยอดเยี่ยมที่สุด" ดวงตาของเซวียเสี่ยวหรั่นแทบจะฝังอยู่กับกระดาษแผ่นนั้น เธอมองตัวอักษรงดงามหลายต่อหลายครั้งด้วยความชื่นชมยกย่อง
เหลียนเซวียนกลับไม่รู้สึกอะไร ข้อมือของเขาไม่ค่อยมีแรง อักษรไร้ชีวิตชีวาจะงดงามตรงไหน
นางยกยอปอปั้นขนาดนี้ เห็นทีอักษรที่นางเขียนคงจะอัปลักษณ์มาก
ต้องบอกว่าสัญชาตญาณของเหลียนเซวียนแม่นยำเสมอ
"เหลียนเซวียน ท่านนี่สมกับเป็มหาเทพครอบจักรวาล เพียบพร้อมไปด้วยความสามารถทั้งบุ๋นและบู๊ดังตำนานว่าไว้จริงๆ " เซวียเสี่ยวหรั่นมองมือเรียวยาวคู่นั้นด้วยความหลงใหล พลางหัวเราะคิกคัก
มหาเทพครอบจักรวาล? ชื่อเรียกพิลึกพิลั่นอะไรอีกแล้ว เหลียนเซวียนปรายหางตามองทีหนึ่ง ก่อนขยับพู่กันต่อเขียนสิ่งของที่้าเพิ่มลงไป
"เอ๋ ต้องเพิ่มเตียงอีกหลัง ก็จริง ยังต้องเพิ่มเตียงอีกหลังหนึ่ง แล้วก็ผ้าห่มอีกสองผืนด้วย จะยืมของผู้อื่นไปตลอดไม่ได้"
เซวียเสี่ยวหรั่นนั่งเท้าโต๊ะ เข้ามาอ่านอักษรของเขาอย่างใกล้ชิด
เส้นปัดเฉียงซ้ายและขวาแลดูเป็ธรรมชาติขนาดนั้น สวย... สวยเหลือเกิน
แม่นาง เ้าช่วยมีความเป็กุลสตรีมากกว่านี้ได้หรือไม่ เหลียนเซวียนรู้สึกละเหี่ยใจ
"หมอน ปลอกหมอน อืม... ถูกต้องๆ ของพวกนี้ล้วนต้องใช้ อ้อ เพิ่มของใช้สำหรับอาบน้ำสระผมด้วย เรียกว่าอะไรนะ... จ้าวเจี่ยว [1] หรือ อี๋ [2] อะไรสักอย่าง" เซวียเสี่ยวหรั่นอ่านพลางนึกถึงสิ่งออกสิ่งของอีกไม่น้อย
เหลียนเซวียนเขียนคำว่าเซียงอี๋ [3] สองชิ้นเพิ่มลงไป
"อ๋อ เรียกว่า เซียงอี๋ นี่เอง แล้วแปรงสีฟันล่ะ มีหรือไม่ ต้องซื้อด้วยนะ" เซวียเสี่ยวหรั่นไม่รู้ว่ายุคสมัยนี้มีแปรงสีฟันแล้วหรือ จึงลองถามหยั่งเชิงดู
บนกระดาษมีคำว่าแท่งสีฟันกับผงขัดฟันเพิ่มขึ้นมา
ที่แท้ก็มี เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มจนดวงตาโค้งเป็รูปเสี้ยวพระจันทร์ เยี่ยมไปเลย ยามเช้าที่ไม่มีแปรงสีฟันไม่อาจนับว่าสมบูรณ์
"อา ยังมีของสำคัญอีกอย่าง ลืมไม่ได้เป็อันขาด" เซวียเสี่ยวหรั่นตบโต๊ะด้วยสองมือ
อะไรล่ะ? เหลียนเซวียนเงยหน้าขึ้นมองเธอ
"กระดาษชำระ เอ่อ... หมายถึงกระดาษฟางน่ะ ที่เอาไว้ใช้เวลาไปปลดทุกข์ ต้องซื้อด้วย" เซวียเสี่ยวหรั่นเอ่ยอย่างหนักแน่น
เหลียนเซวียนฟังแล้วมุมปากกระตุก
ต้องซื้อก็จริง แต่ไม่ต้องเสียงดังขนาดนั้นกระมัง
ในรายการมีสิ่งของเพิ่มเข้ามาอีกหลายอย่าง
เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นอักษรเต็มพรืดครึ่งหน้ากระดาษ ก็ขยี้จมูกท่าทางเก้อเขิน "พวกเราคงไม่ได้ซื้อเยอะเกินไปใช่ไหม"
เหลียนเซวียนนึกดู ส่วนใหญ่ล้วนเป็ของใช้จุกจิก ที่ชิ้นใหญ่หน่อยก็เป็พวกเครื่องเรือน แต่สามารถหาซื้อจากช่างไม้แถวนี้ได้
เขาเขียนรายการเสร็จก็วางไว้ด้านข้าง ก่อนจรดปลายพู่กันตรงกลางจานฝนหมึกพอดีไม่มีผิดพลาด
ด้านล่างยังมีกระดาษอีกแผ่น เขาครุ่นคิด ก่อนหยิบพู่กันที่เพิ่งจุ่มหมึกมาเริ่มเขียนอีกครั้ง
ท่วงท่าเคลื่อนไหวลื่นไหลเป็ธรรมชาติ ไม่มีหยุดชะงัก ราวกับว่าไม่มีปัญหาการมองเห็น ทุกสิ่งล้วนอยู่ในสายตาของเขา
เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นแล้วก็ยิ่งเลื่อมใส
"เอ๋? นี่อะไร เทียบยาหรือ?" ด้านหลังของสมุนไพรแต่ละชนิดล้วนเขียนปริมาณเสร็จสรรพ เซวียเสี่ยวหรั่นเบิกตากว้าง "นี่เป็เทียบยารักษาโรคอะไร ดวงตา? คอ? กระดูก? หรือว่าส่วนไหน"
ถ้าให้นับ ดูเหมือนว่าร่างกายของเขาจะไม่มีส่วนไหนสมบูรณ์ดีสักอย่าง
เหลียนเซวียนหน้าผากเต้นตุบๆ ชี้ไปที่คอของตนเอง
เขาถูกกรอกยาที่ทำให้เป็ใบ้ พิษชนิดนี้หาไม่ยาก แต่ได้ผลชะงัด ตอนนี้นับได้ว่าเป็ส่วนที่รักษาง่ายที่สุด
"ว้าว รักษาคอหรือ เช่นนั้นหลังจากกินยา ท่านก็พูดได้แล้วสิ?" เซวียเสี่ยวหรั่นดีใจลุกขึ้นมาะโ ฉีกยิ้มกว้างจนมุมปากแทบไปถึงใบหู
เห็นนางดีใจขนาดนั้น หัวใจของเหลียนเซวียนพลันรู้สึกอบอุ่น
เขาพยักหน้าเล็กน้อย สมุนไพรห้าชนิดก็น่าจะพอแล้ว
"แล้วเทียบยารักษาตาเล่า?" เซวียเสี่ยวหรั่นถามด้วยความตื่นเต้น
แต่ครั้งนี้เหลียนเซวียนกลับส่ายหน้า
พิษที่ทำร้ายดวงตาค่อนข้างรุนแรง แม้ว่าเขาจะจำเทียบยาได้ แต่ในนั้นมีสมุนไพรบางชนิดที่หายากมาก
ในสถานที่เล็กๆ แบบนี้ไม่อาจรวบรวมสมุนไพรที่้าได้แน่ อีกอย่างสมุนไพรดังกล่าวก็ราคาสูง ด้วยความสามารถทางการเงินของพวกเขาตอนนี้ ย่อมไม่มีปัญญาซื้อได้
ความยินดีปรีดาของเซวียเสี่ยวหรั่นลดฮวบลงไปครึ่งหนึ่ง
"เฮ่อ หากรักษาสองอย่างนี้ให้หายได้ก็คงจะดีไม่น้อย" เซวียเสี่ยวหรั่นเบะปาก แต่ต่อมาก็ร่าเริงขึ้นมาอีก "ฮิฮิ ข้าวยังต้องกินทีละคำ โรคก็ต้องรักษาทีละอย่าง ขอแค่รักษาได้จะเร็วหรือช้าก็เหมือนกัน"
เหลียนเซวียนพูดได้ก็ดีแล้ว เวลาสนทนากันจะได้ไม่ต้องมาคาดเดาตัวอักษรให้ปวดสมอง
เธอหยิบเทียบยาขึ้นมาอ่าน ตัวอักษรเ่าั้เป็ตัวเต็ม พูดกันตามความจริงเธอก็จำไม่ได้ทั้งหมด
โดยเฉพาะคำที่ค่อนข้างแปลกและไม่ค่อยได้เห็นบ่อย ยิ่งคาดเดาได้ยาก
เธอวางกระดาษทั้งสองแผ่นอย่างระมัดระวัง "ข้าจะไปต้มน้ำอาบ เหลียนเซวียน ท่านนอนพักก่อนสักครู่ เดี๋ยวข้าจะไปยกน้ำอุ่นมาให้"
เซวียเสี่ยวหรั่นประคองเขานอนลงแล้ว ก็นำผ้าห่มที่ซีมู่เซิงเอามาให้คลุมให้เขา
เหลียนเซวียนไม่ปฏิเสธความหวังดีของเธอ
หลังจากนั้นก็ปูเสื่อฟางของอาเหลยที่มุมกำแพง อาเหลยเดินทางเหนื่อยมาทั้งวันก็ขึ้นไปนอนขดบนเสื่อ นอนหลับอย่างรวดเร็ว
เซวียเสี่ยวหรั่นต้มน้ำร้อนในหม้อ แล้วอาบน้ำอย่างมีความสุข
พอดินโคลนตามร่างกายถูกขจัดออกไปแล้วก็เบาสบายขึ้นมาก
เธอยกน้ำร้อนกะละมังหนึ่งเข้ามาวางบนโต๊ะ เหลียนเซวียนพักสายตาครู่หนึ่งก็ลุกขึ้นมานั่ง
"ขาของท่านเจ็บอยู่เช็ดตัวหน่อยก็พอแล้วล่ะ"
หลังกำชับประโยคหนึ่ง เธอก็ถือตะเกียงกับหิ้วเสื่อออกไปจากห้อง แล้วหันมาปิดประตูให้สนิท
เซวียเสี่ยวหรั่นเดินไปยังห้องปีกตะวันตก ในนั้นเป็ห้องว่างเปล่า ไม่มีอะไรสักอย่าง ดีที่พื้นยังนับว่าสะอาดสะอ้าน
ซีหย่วนบอกว่า มารดาเขามาทำความสะอาดอยู่เป็ครั้งคราว เรือนเก่าหลังนี้จึงยังสะอาดอยู่
เธอเอาเสื่อมาปูที่พื้น ตั้งใจว่าคืนนี้จะหลับที่นี่
แต่ผลก็คือ เหลียนเซวียนกลับค้านหัวชนฝา เขาจะให้เธอนอนเตียง ส่วนตนเองจะลงมานอนบนเสื่อ
"ท่านาเ็อยู่ จะมาแย่งที่นอนกับข้าทำไม" เซวียเสี่ยวหรั่นชี้ไปที่ขาของเขา "ขาของท่านเป็แบบนี้ ขอร้องละอย่าเดินไปเดินมาได้หรือไม่ พรุ่งนี้ก็ซื้อเตียงใหม่มาแล้ว ข้าก็มีเตียงให้นอน คืนนี้ก็นอนพื้นแก้ขัดไปก่อน"
เหลียนเซวียนสั่นศีรษะ สีหน้าเผยความแน่วแน่ ไม่ยอมอ่อนข้อแม้แต่น้อย
เซวียเสี่ยวหรั่นโมโหกระทืบเท้า "นอนกลางป่ากลางเขามาตั้งนาน นอนเสื่ออีกแค่คืนเดียวจะอะไรนักหนา"
เหลียนเซวียนถลึงตาใส่ นางเป็สตรี ทำไมถึงต้องออกหน้ารับเองไปเสียทุกเื่
ในยามสถานการณ์บังคับก็เป็เื่หนึ่ง แต่หากมีทางเลือกก็เป็อีกเื่
นางไม่รู้สึกว่าตนเองเป็สตรีบ้างเลยหรือ
ทั้งสองต่างไม่มีใครยอมใคร ดึงดันกันอยู่พักใหญ่
ท้ายที่สุดเซวียเสี่ยวหรั่นก็ต้องยอมแพ้อย่างราบคาบ
เธอง่วงมากแล้วจริงๆ ไม่มีอารมณ์จะมาขึงตาแข่งกับเขา ยิ่งพยายามถ่างเปลือกตาเท่าไรหนังตาของเธอก็ยิ่งหนักอึ้ง
ในที่สุดก็ต้องเดินกระฟัดกระเฟียดไปเอาเสื่อที่ห้องปีกตะวันตกกลับมาปูข้างเตียง
ขาของเขาาเ็ เธอไม่มีแรงจะพยุงเขาเดินไปไกลขนาดนั้น
วิธีตัดปัญหา ย่อมจะเป็การปูเสื่อข้างเตียง
ผลลัพธ์แบบนี้ต่างจากที่เหลียนเซวียนตั้งใจไว้ เดิมทีเขาคิดว่าจะค่อยๆ เดินไป
แต่เมื่อเซวียเสี่ยวหรั่นยอมลงให้ครึ่งทาง หากเขายังดึงดัน เกรงว่าคืนนี้คงไม่ต้องนอนแล้ว
ช่างเถอะ อย่างไรเสียพวกเขาสองคนอยู่ด้วยกันเพียงลำพังใช่แค่วันสองวันเสียเมื่อไร
เหลียนเซวียนนอนลงบนเสื่อ ฟังเสียงลมหายใจของหญิงสาวที่หลับไปอย่างรวดเร็ว มุมโค้งบนริมฝีปากก็กระดกขึ้นอย่างอดไม่ได้
...
[1] จ้าวเจี่ยว เป็ฝักจากต้นจ้าวเจีย เป็พืชชนิดหนึ่งรูปร่างคล้ายฝักถั่วสามารถนำมาทำยาและสบู่ได้
[2] สบู่สมัยโบราณของจีน เรียกว่าอี๋ หรือ จูอี๋ เพราะทำมาจากตับอ่อนหมูผสมกับขี้เถ้า แต่มีการผสมดอกไม้ลงไปเพื่อให้มีกลิ่นหอม
[3] เซียงอี๋ หมายถึงสบู่หอม
