เมื่อพ่อแม่เฉินเฟิงได้ยินเช่นนั้นก็ส่งยิ้มให้เป็อันรู้กัน
"เราตั้งใจแต่งห้องลูกให้ใหม่เผื่อลูกกลับมาสักพักแล้ว ไม่ต้องห่วง มันเก็บเสียงค่อนข้างดีทีเดียว ถ้าเ้าบ่าวเ้าสาวจะะโส่งเสียงในคืนเข้าหอสักหน่อย ก็ไม่ต้องกลั้นนะ ตามสบาย"
ใบหน้าหลิ่วอีอีกลายเป็สีแดงก่ำขึ้นทันใด
อย่างไรก็ตาม เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่า คืนนี้จะต้องมีความสัมพันธ์ทางกายกับเฉินเฟิงให้ได้ เพราะหากพรุ่งนี้เฉินเฟิงเปลี่ยนใจอยากบอกเลิกกับเธออีก เธอก็ไม่รู้จะทำยังไง?
ในปี 95 แบบนี้ มีแต่ต้องมีสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกันเท่านั้น จึงจะมีสถานะที่มั่นคงได้
ขนาดก่อนหน้านี้ที่เฉินเฟิงไม่เคยพูดคุย หรือสนิทสนมอะไรกับสองสาวอย่างหลินชิวหยุนหรือจางหลิงเจี๋ยเลย แต่หลังจากมีความสัมพันธ์ทางกายกับพวกเธอแล้ว เขากลับไม่ทอดทิ้งพวกเธอเสียอย่างนั้น
ดังนั้น หากเป็หลิ่วอีอีที่มีความสนิทสนมกับเฉินเฟิงเป็ทุนเดิมอยู่ บวกกับข้อผูกมัดทางกายด้วยแล้ว ทุกอย่างก็จะลงล็อก
"คุณลุงคุณป้า ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้ค่ะ หนูแค่ขอพักห้องเฉินเฟิงคืนเดียวเอง เมื่อไม่กี่วันก่อน เฉินเฟิงที่ไม่มีเงินกินข้าวยังมาขอค้างบ้านหนูเลย"
แม้ว่าในใจจะตัดสินใจแล้ว แต่หลิ่วอีอีก็ยังคงพยายามบ่ายเบี่ยง
เธอไม่อยากให้พ่อแม่ของเฉินเฟิงคิดว่า เธอเป็ผู้หญิงใจง่าย
"ลุงป้าเคยผ่านเื่แบบนี้มาแล้ว เราเข้าใจดี..."
ทั้งคู่พูดจบก็กลับไปที่ห้องตัวเอง แล้วปล่อยให้เฉินเฟิงและหลิ่วอีอีอยู่ในห้องโถงตามลำพัง
"บ้านในชนบทค่อนข้างเรียบง่าย คืนนี้อาจลำบากเธอหน่อย ตอนฉันมีเื่อย่างว่ากับหลินชิวหยุนและจางหลิงเจี๋ย ตอนนั้นพวกเราทำที่โรงแรมห้าดาว..."
เฉินเฟิงไม่พูดเปล่า เขายกมือขึ้นโอบเอวหลิ่วอีอีไปด้วย
“เื่เล็กๆ น้อยๆ ฉันไม่สนหรอก ได้มีคืนเข้าห้องหอที่บ้านคุณลุงคุณป้าแบบนี้ต่างหาก ถึงจะถือเป็ลูกสะใภ้ของตระกูลเฉินอย่างแท้จริง ส่วนสองคนนั้นก็แค่ความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืน โรงแรมก็เหมาะสมแล้วนี่”
หลิ่วอีอีพูดด้วยท่าทีแน่วแน่มั่นคง เธอเข้าใจดีว่าเฉินเฟิงมีเสน่ห์ดึงดูดผู้หญิงมากมาย อนาคตคงไม่จบแค่สามคนแน่
เช่นนั้น แทนที่จะหึงหวงหรือเสียใจ สู้ทำตัวใจกว้างยึดตำแหน่งฮองเฮาไว้ให้มั่นดีกว่า
เพราะว่าในมหาลัย เฉินเฟิงเป็ถึงหนุ่มหล่อเดือนมหาลัยที่มีสาวสวยมากมายคอยตามจีบ
ยิ่งปัจจุบันเฉินเฟิงกลายเป็เศรษฐีด้วยแล้ว เหล่าผีเสื้อราตรีคงมีแต่จะรุมล้อมเข้ามาอย่างบ้าคลั่งเท่านั้น
“อีอี ขอบคุณที่คอยอยู่เคียงข้างและช่วยเหลือฉันตลอดมา แม้ว่าฉันจะเอาแต่ตามจ้าวฉินเสวีย แต่เธอไม่เคยบ่นสักคำ”
เฉินเฟิงก้มมองดวงตาอันงดงามของหลิ่วอีอีด้วยความรัก แล้วก้มหน้าเตรียมจูบริมฝีปากสีแดงของเธอ
“ไม่ใช่ตรงนี้สิ เผื่อพ่อแม่ของนายแอบมองลอดช่องประตูอยู่นะ”
หลิ่วอีอีใช้กลยุทธ์หยอกล้อ ผลักเฉินเฟิงออกก่อนที่เขาจะทันจูบเธอ
ถือเป็การแก้แค้นเล็กๆ น้อยๆ สำหรับเื่ที่เฉินเฟิงบอกเลิกและทำร้ายจิตใจเธอ “งั้นพวกเราเข้าห้องฉันเถอะ คิดว่าคงมีห้องน้ำในตัว…”
เฉินเฟิงไม่ได้กลับบ้านนานแล้ว เมื่อได้ยินพ่อแม่พูดว่าตกแต่งห้องให้ใหม่ เขาจึงคาดเดาเอาเอง
ทั้งสองไปที่ห้องของเฉินเฟิงด้วยกัน แต่เมื่อเห็นการตกแต่งภายในห้อง พวกเขาก็ประหลาดใจอย่างมาก
ไม่ว่ายังไงที่นี่ก็เป็แค่เขตชนบท ไม่ใช่ชนบทธรรมดา แต่เป็ถึงชนบทในปี 1995 แล้วจะตกแต่งได้สวยสักแค่ไหนกันเชียว?
ไม่มีห้องน้ำส่วนตัวในห้อง และการตกแต่งก็ดูธรรมดา
เมื่อหลิ่วอีอีเห็นการตกแต่งภายในห้องของเฉินเฟิง เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ และพูดขึ้น
“บ้านนายยากจนขนาดนี้ แต่นายกลับยอมอดออมเงินเพื่อเอาใจจ้าวฉินเสวียเหรอ รู้สึกเสียดายบ้างไหมเนี่ย?”
หลิ่วอีอีไม่ได้พูดตรงๆ ว่าเฉินเฟิงไม่ตอบรับความรักของเธอ แต่ประโยคที่ว่า "เสียดาย" นั้น จริงๆ แล้วหมายถึงเื่นี้
เฉินเฟิงมีชีวิตสองภพ ถึงแม้จะไม่เคยคบหากับใครจริงจัง แต่ก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่าหลิ่วอีอีซ่อนอะไรบ้างอยู่ด้านหลังคำพูด
เฉินเฟิงลุกลี้ลุกลนตอบกลับ
"ความรักทำให้คนตาบอด อับจนหนทางไม่รู้เหนือใต้ สมัยเข้ามหาลัยใหม่ๆ ผู้หญิงคนแรกที่ฉันเจอคือจ้าวฉินเสวีย ตอนนั้นฉันตกหลุมรักเธอจนถอนตัวไม่ขึ้น ก็เลยยอมทำทุกอย่างเพื่อเอาใจเธอ รักแรกพบเป็สิ่งที่สวยงามเสมอ แม้จะเต็มไปด้วยความขมขื่นและการหักหลัง! ถ้าจะโทษก็ต้องโทษโชคชะตาที่ไม่ทำให้เราพบกันก่อน"
เฉินเฟิงแก้ตัวได้อย่างคล่องแคล่ว
หลิ่วอีอีถูกเกทับจนกลายเป็ฝ่ายรู้สึกผิดขึ้นมานิดหน่อย
"ใช่แล้ว ฉันผิดเอง ถ้าฉันเด็ดขาดในการใช้อำนาจนิดๆ หน่อยๆ แล้วบังคับสร้างความสัมพันธ์กับนาย นายคงไม่ต้องตามจีบจ้าวฉินเสวียอยู่ตั้งสามปี"
เฉินเฟิงได้ยินดังนั้นก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมา เขาจึงรีบตอบกลับ
"ไม่ๆ จริงๆ แล้วเป็ความผิดของฉันนั่นแหละ ที่ปล่อยให้เธอแอบชอบฉันตั้งนาน ดังนั้นเพื่อเป็การชดเชย คืนนี้ฉันจะทำให้เธอนอนไม่หลับทั้งคืน..."
ถึงตอนนี้หลิ่วอีอีไม่หลงเหลือความเขินอายใดๆ เธอเริ่มปลดเสื้อผ้าอย่างเร็วรวด
"ถึงห้องนี้จะไม่มีห้องน้ำให้อาบน้ำ แต่โชคดีที่ฉันอาบน้ำมาแล้วก่อนไปกินมื้อดึก ส่วนนายคงอาบน้ำั้แ่ก่อนออกจากโรงแรมแล้ว งั้นก็เอาแบบนี้แหละ รสชาติดั้งเดิมยังไงก็ดีกว่า..."
ปฏิเสธไม่ได้ว่าคำพูดของเธอช่างใจกล้าจนทำให้เฉินเฟิงผงะไปชั่วครู่
ผู้หญิงนั้นช่างซับซ้อน ภายนอกภายในแตกต่างราวฟ้ากับเหว ภายนอกดูเรียบร้อย แต่ภายในช่างเร่าร้อน
นอกห้องในห้อง บนเตียงนอกเตียง แตกต่างกันราวกับคนละคนอย่างแท้จริง
และแล้วเฉินเฟิงก็ได้ดื่มด่ำกับเสน่ห์อันดุเดือดของหลิ่วอีอีตลอดค่ำคืน
ณ เที่ยงวันถัดมา เฉินเฟิงตื่นขึ้นมาเห็นหลิ่วอีอีซุกตัวอยู่ในอ้อมแขน ใบหน้าทรงเสน่ห์ขณะหลับชวนให้หลงใหล ความรักค่อยๆ ก่อเกิดในหัวใจของเขา
วันนี้พวกเขาจะไปจดทะเบียนสมรสกันตอนบ่าย เมื่อได้ร่วมเตียงกับเธอและจดทะเบียนสมรสกันแล้ว เขาจำเป็ต้องรับผิดชอบเธอ
ในตอนนี้ เฉินเฟิงตัดสินใจที่จะลืมผู้หญิงคนอื่นให้หมด ไม่ว่าจะจ้าวฉินเสวียที่เขายังหลงเหลือเศษใจให้ หลินชิวหยุน จางหลิงเจี๋ย หรือแม้แต่หยางฮุ่ยเหยียน ผู้หญิงที่เขาเคยพูดคุยด้วยทุกคน…
ตอนนี้เขา้าเพียงหลิ่วอีอีคนเดียวในใจ
"ภรรยาที่รัก ตื่นแล้วเหรอ?"
ทันใดที่เฉินเฟิงสังเกตเห็นขนตางอนยาวของหลิ่วอีอีสั่นระริก เขารู้ทันทีว่าเธอก็ตื่นแล้วเช่นกัน จึงโน้มตัวไปจูบที่หน้าผากของเธอแล้วถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“คุณสามี เช้าแล้วเหรอ…”
ในที่สุดหลิ่วอีอีที่แกล้งทำเป็หลับต่อไม่ไหวก็ลืมตาขึ้น แล้วส่งรอยยิ้มซุกซนมาให้เฉินเฟิง
เฉินเฟิงลุกขึ้นแต่งตัวพลางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่า
“ตื่นได้แล้วละ น่าจะเที่ยงแล้ว เดี๋ยวเราไปกินข้าวกันก่อน พอกินเสร็จค่อยไปสำนักงานกิจการพลเรือน ให้แม่คุณประทับตราให้ เราจะได้ทะเบียนสมรสกันสักที”
"นายแน่ใจแล้วใช่ไหมว่าจะไปจดทะเบียนสมรสกัน จะไม่เสียใจภายหลังแน่นะ? จริงๆ แล้ว ถ้านายจะแต่งงานกับจางหลิงเจี๋ยหรือหลินชิวหยุน ฉันก็รับได้ อย่างน้อยพวกเธอก็เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนายก่อนฉันด้วย"
หลิ่วอี้อี้รู้สึกกังวลใจ แต่เธอก็ตัดสินใจถามเขาไปตรงๆ
"สมมุตินะสมมุติ เธอจะโกรธไหมถ้าสักปี 2006 ฉันขอหย่ากับเธอเพื่อไปแต่งงานทางธุรกิจกับหยางฮุ่ยเหยียนเพื่อเข้าควบคุมปี้หลงเยี่ยนกรุ๊ป?"
เฉินเฟิงยังพอมีใจจะบอกใบ้เกี่ยวกับแผนการในอนาคตของเขาให้หลิ่วอีอีฟังล่วงหน้า
“ต้องเป็แบบนั้นจริงๆ เหรอ? ตอนนี้นายมีหุ้นของปี้หลงเยี่ยนกรุ๊ปตั้งยี่สิบเปอร์เซ็นต์แล้ว จำเป็ต้องควบคุมปี้หลงเยี่ยนกรุ๊ปขนาดนั้นเลยเหรอ?”
หลิ่วอีอีพอจะเดาได้ว่าเป้าหมายในอนาคตของเฉินเฟิงนั้นยิ่งใหญ่มาก จึงเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงแ่เบา
