“วี้ด!!!” ิญญาาหงส์กู่ร้อง พลันเพลิงนิพพานห้อมล้อมร่างกาย พลังมหาศาลปะทุ กรงเล็บหงส์ปกคลุมท้องฟ้า
“แกร่งมาก!” หลังจากหนานกงหลิงซวงบรรลุจุดสูงสุดของขั้นบ่มเพาะกายาที่ 8 ก็มีพลังที่ร้ายกาจอย่างมาก พลังโจมตีเช่นนั้นทำให้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 9 ในที่แห่งนี้ต่างรู้สึกว่าตนสู้ไม่ได้
“ข้าบอกแล้วไง เป็ดขี้เหร่ไม่มีวันทัดเทียมหงส์ได้ ไสหัวไปซะ!” เปลวไฟรายล้อมร่างหนานกงหลิงซวงราวกับเทพธิดาหงส์ที่แท้จริงก็ไม่ปาน และการโจมตีต้องปลิดชีวิตของเย่เฟิงอย่างแน่นอน!
“ด้วยการโจมตีนี้น่ะหรือ? เ้าสำคัญตัวเองเกินไปแล้ว” เย่เฟิงแสยะยิ้ม ก่อนจะเห็นเขาก้าวออกมา พลันหอกัเงินประกายในมือส่งเสียงกู่ร้องพร้อมเจตจำนงหอกแผ่กระจายทั่วอากาศ ก่อนจะปล่อยหอกออกไป รังสีหอกส่องแสงสว่างไสว ประหนึ่งลำแสงที่้าทะลวงทุกสิ่ง หอกทั้งคมกริบและไร้เทียมทาน
นอกจากนี้หอกของเย่เฟิงยังผสานด้วยอำนาจหอกที่ทรงพลัง ดังนั้นหอกของเขาไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาทั่วไปจะรับมือได้ง่าย ๆ
ิญญาาหงส์ของหนานกงหลิงซวงถูกทำลายในชั่วพริบตา เพลิงนิพพานจางหายไป แต่รังสีหอกนั่นยังคงพุ่งไปหาหนานกงหลิงซวงด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ หมายปลิดชีวิตภายในหนึ่งหอก
หนานกงหลิงซวงหน้าถอดสี นางคาดไม่ถึงว่านางจะเปราะบางเมื่ออยู่ต่อหน้าเย่เฟิง ต่อให้นางบรรลุจุดสูงสุดของขั้นบ่มเพาะกายาที่ 8 แล้วก็ตาม หอกของเย่เฟิงไม่ใช่สิ่งที่นางจะต่อต้านได้ ดังนั้นตอนนี้นางจึงได้กลิ่นความตาย หากนางไม่หาวิธีรับมือโดยเร็ว หอกนี้ของเย่เฟิงอาจทำร้ายนางจนถึงแก่ชีวิต
“ข้าอยากรู้จริง ๆ ว่าเ้าไปเอาความมั่นใจมาจากไหน? ไม่ว่าระดับการบ่มเพาะของเ้าจะอยู่ขั้นไหน ต่อหน้าข้าก็ยังต่ำต้อยอยู่ดี” เย่เฟิงกล่าวขณะมองหนานกงหลิงซวง รังสีหอกยังคงน่าสะพรึงกลัวเช่นเดิม เขาในตอนนี้ไม่ต่างจากผู้คุมที่สามารถตัดสินชีวิตของหนานกงหลิงซวง
“ไปให้พ้น!” ในตอนที่รังสีหอกจะมาถึงตัวหนานกงหลิงซวง พลันมีเงาร่างหนึ่งมาขวางที่ด้านหน้านางด้วยความเร็วปานฟ้าแลบ ซึ่งก็คือเฉินอ้าวเทียนที่ปรากฏตัวใน่วิกฤต เขากดระดับการบ่มเพาะของตัวเองให้อยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 9 แต่เขาก็ปล่อยพลังอันโเี้เข้าโจมตีรังสีหอกของเย่เฟิง
ในฐานะอัจฉริยะแห่งอาณาจักรจ้าว แม้จะกดระดับการบ่มเพาะ แต่พลังของเฉินอ้าวเทียนก็ยังคงแกร่งกล้า เขาไม่เพียงเรียนรู้พลังแห่งอำนาจ แต่ยังปลุกิญญาาที่สองแล้ว ดังนั้นการโจมตีของเฉินอ้าวเทียนจึงมีพลังทำลายล้างรุนแรง
“ตูม” เสียงะเิดังขึ้น การโจมตีทั้งสองเข้าปะทะ คลื่นทำลายล้างแผ่กระจาย
การโจมตีของเฉินอ้าวเทียนเขมือบรังสีหอกของเย่เฟิง ทำให้เย่เฟิงเซถอยหลังไปหนึ่งก้าวพลางมีเืซึมตรงมุมปาก
“ยั่วโมโหเฉินอ้าวเทียน หมอนี่ต้องตายแน่!” มีคนหนึ่งกล่าว เหล่าผู้คนที่มองสองเงาร่างบนบันไดขั้นที่สองก็พยักหน้าเห็นด้วยกับคนนั้น เฉินอ้าวเทียนมีพลังแกร่งกล้า เขาจะแพ้เย่เฟิงได้อย่างไร
“ไอ้สวะ ข้าเสียใจจริง ๆ ที่ไม่ได้ฆ่าเ้าในวันนั้น เพราะงั้นวันนี้จะเป็วันตายของเ้า!” เฉินอ้าวเทียนกล่าว ตอนที่เย่เฟิงถอยหลัง เขาก็ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว พร้อมกับปล่อยพลังฝ่ามือที่แข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้ออกไป หมายฆ่าเย่เฟิงให้สิ้นซาก!
แววตาของเย่เฟิงส่องประกายเยือกเย็น เขาไม่กังขาจิตอาฆาตที่เฉินอ้าวเทียนมีต่อเขา แม้เผชิญหน้ากับการโจมตีอันโเี้ของเฉินอ้าวเทียน แต่เย่เฟิงก็ยังไร้ซึ่งความผันผวนใด ๆ ตอนนั้นเองเคล็ดวิชาหอกเงินประกายโคจรในกายอย่างบ้าคลั่ง พลังแห่งอำนาจก็พวยพุ่งขึ้นสูง
“ัคำรามเก้าชั้นฟ้า!” เย่เฟิงแผดเสียงะโ ก่อนจะปล่อยหอกที่แฝงด้วยอำนาจหอกออกไป ในหอกนี้ราวกับอัดแน่นไปด้วยปัญญาสูงสุดของเย่เฟิงที่มีต่อหอก เป็หอกทรงอานุภาพอย่างแท้จริง จากนั้นหอกกลายเป็ลำแสงและทะลวงอากาศไป!
“ฟิ้ว!” เสียงสายลมดังขึ้น ฝ่ามือของเฉินอ้าวเทียนถูกรังสีหอกทะลวง ทำเฉินอ้าวเทียนหน้าเปลี่ยนสีและย่นคิ้วเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าพลังของเย่เฟิงจะก้าวหน้าเร็วมากขนาดนี้ ระดับการบ่มเพาะไม่เพียงเพิ่มขึ้นสองขั้น แต่ยังเรียนรู้พลังแห่งอำนาจ และพลังแห่งอำนาจนั้นก็ไม่ด้อยไปกว่าเขาแม้แต่นิดเดียว
เฉินอ้าวเทียนััถึงภัยคุกคามจากหอกนี้ได้ แม้เขาจะหลบทัน แต่รังสีหอกกรีดผ่านหน้าอกจนเสื้อบริเวณนั้นฉีกขาด เห็นชัดว่าโหดร้ายเพียงใด
“อันดับที่ 3 แห่งรายนามขั้นรวมชี่มีฝีมือแค่นี้เองหรือ!” เย่เฟิงเย้ยหยันเฉินอ้าวเทียน ในขณะนั้นมีลมปราณหลายสายตรึงร่างเขา และลมปราณเหล่านี้เป็จิตสังหารแรงกล้า
“ไอสวะ หยุดนะ!” มีเสียงเย็นดังขึ้น เมื่อเย่เฟิงเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นเฟิงเฉียนทะยานร่างมาทางนี้พร้อมตวัดดาบใส่เย่เฟิง
“ข้าบอกแล้วไง เ้าต้องตายในหุบเขาแห่งนี้!” เซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่ก็มาถึงบันไดขั้นที่สองแล้วเช่นกัน แสงชั่วร้ายปะทุออกจากดวงตาของเขา ซึ่งเขาถึงกับใช้สมบัติล้ำค่าเพื่อฆ่าเย่เฟิง
“มีคนมากมายขนาดนี้้าฆ่าเ้า ข้าอยากเห็นนักว่าเ้าจะรอดไปได้ยังไง!” เสียงของโจวมู่ไป๋ดังขึ้นพร้อมกับการโจมตีมาเยือน ฝ่ามือวายุคำราม เพียงการโจมตีเดียวก็มีพลังถึงหมื่นจิน
เย่เฟิงกวาดตามองทุกคนด้วยสายตาเยือกเย็น คนเหล่านี้ต่าง้าชีวิตของเขา ทว่าไม่มีทางง่ายดายเช่นนั้น
พลังดาราโคจรรอบกายเย่เฟิง บนบันไดขั้นที่สองราวกับปรากฏแผนที่ดาวขนาดใหญ่ ทั้งยังมีอักขระโคจรอยู่บนนั้น และมีพลังดารารวมตัวมหาศาล พลันเส้นทางปรากฏบนแผนที่ดาว ก่อนเย่เฟิงจะก้าวเท้าออกไปพร้อมร่างกายเปล่งแสงจ้า
ทุกย่าวก้าวของพวกเขาราวกับเชื่อมโยงกับอำนาจฟ้าดินรอบกาย ส่วนจังหวะก้าวของเย่เฟิงดูไม่ว่องไว ทว่ากลับหลบหลีกการโจมตีเ่าั้ได้อย่างแม่นยำ เพียงพริบตาเย่เฟิงก็หลบการโจมตีของทุกคนได้หมด ก่อนจะไปเยือนพื้นที่ปลอดภัย
“อย่าให้เขาหนีไปได้ ผลเทียนเสวียนผลที่สองมีค่ามากกว่าผลแรก!” มีเสียงหนึ่งดัง ทำให้แววตาของคนไม่น้อยเผยประกายแหลมคม และมองเย่เฟิงด้วยสายตาละโมบ
ผลเทียนเสวียนมีพลังเย้ายวนมากเกินไป การที่เย่เฟิงได้รับผลเทียนเสวียนผลที่สอง จึงทำให้เขาตกเป็เป้าสายตา และมีคนจำนวนมาก้าฆ่าเขา
เย่เฟิงกวาดมองทุกคน ก่อนจะะเิหัวเราะ พร้อมกล่าวขึ้น “หากอยากฆ่าข้า ข้าก็อยากเห็นนักว่าพวกเ้าจะทำอะไรข้าได้!”
เมื่อกล่าวจบ เย่เฟิงก้าวออกมาแล้วทะยานร่างขึ้นฟ้า มุ่งหน้าไปยังบันไดขั้นที่สาม
“หมอนี่คิดจะทำอะไร? หรือเขาจะบ้าไปแล้ว?” ผู้คนด้านล่างเห็นฉากนี้ต่างก็ใจเต้นแรง ในสายตาพวกเขา การกระทำของเย่เฟิงบ้าบิ่นเป็อย่างมาก อยู่แค่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 7 ทั้งยังมีศัตรูมากมาย แต่กลับกล้ากำเริบเสิบสานอย่างไม่เกรงกลัวใคร ในตอนนี้ไม่คิดว่าชายผู้นี้จะกล้าขึ้นไปบันไดขั้นที่สามอย่างไม่กลัวตาย
ด้านล่าง ไป๋หลิงและซุนจิ้งมองทั้งหมดนี้ด้วยความตกตะลึง ชายหนุ่มผู้เคยโดนดูถูก แต่กลับทำให้พวกนางใครั้งแล้วครั้งเล่า และทุกครั้งพวกนางจะคิดว่าพลังที่เย่เฟิงแสดงออกมาแข็งแกร่งมากพอแล้ว แต่เย่เฟิงมักจะทำลายความคิดนี้ทุกครั้งไป
ฉินเยียนหรานก็มาถึงบันไดขั้นที่สองแล้วเช่นกัน แต่นางยังไม่ลงมือโจมตีเย่เฟิง แค่มองเงาร่างนั้นที่ทะยานร่างขึ้นฟ้าด้วยแววตาประหลาดใจปนสับสน เย่เฟิงชอบทำให้นางรู้สึกทึ่งอยู่เสมอ ชายหนุ่มผู้เคยถูกนางดุด่า แต่บัดนี้แสงโชติ่ที่ปล่อยออกมากลบนางจนมิด
“วูบ!” พลันมีพลังกดดันอันแกร่งกล้าเข้าปกคลุมร่างเย่เฟิง ทั้งยังมีอำนาจฟ้าดินแฝงอยู่ในนั้น ห้วงอากาศก็เปลี่ยนไปหน่วงขึ้น ทว่าเย่เฟิงยังคงเดินหน้าราวกับว่าไม่มีพันธนาการใดมาเหนี่ยวรั้งเขาได้ เมื่อเย่เฟิงไปเยือนบันไดขั้นที่สามได้อย่างราบรื่น ทุกคนในที่แห่งนั้นต่างก็ตะลึงงัน ผู้คนจำนวนมากที่สามารถมาถึงบันไดขั้นที่หนึ่งได้ถือว่าถึงขีดจำกัดแล้ว ส่วนขั้นที่สาม... พวกเขาทำได้เพียงมองดู
เฉินอ้าวเทียนเผยสีหน้าไม่สู้ดี ให้คนที่อยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 7 นำไปก่อนหนึ่งก้าว ไม่ว่าจะเป็ผลประโยชน์ส่วนตัวหรือศักดิ์ศรีของพวกเขาก็ล้วนเอื้อมไปไม่ถึง
“นายน้อยเฉิน ท่านจะทนให้คนผู้นี้ข้ามหน้าข้ามตาได้หรือ?” คนผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นฉับพลัน
เฉินอ้าวเทียนได้ยินเช่นนั้นก็กัดฟันกรอด ครู่ต่อมาเขาทะยานร่างขึ้นฟ้ามุ่งหน้าไปยังบันไดขั้นที่สาม เขาอยู่ขั้นรวมชี่ที่ 6 เขาไม่เชื่อว่าจะสู้เย่เฟิงไม่ได้ เพียงแต่ตอนที่เฉินอ้าวเทียนและผู้ฝึกยุทธ์คนอื่น ๆ ไปถึงบันไดขั้นที่สาม เย่เฟิงก็คว้าผลเทียนเสวียนผลที่สามไปได้แล้ว
วินาทีนี้หัวใจของทุกคนต่างต้องสั่นระรัวอย่างไม่อาจสงบนิ่งได้
อย่างไรก็ตาม สำหรับเย่เฟิงแล้วดูเหมือนจะยังไม่เพียงพอ ต่อจากนั้นเย่เฟิงขึ้นไปถึงบันไดขั้นที่แปด ซึ่งเฉินอ้าวเทียนได้ผลเทียนเสวียนผลแรกไป ดังนั้นเจ็ดผลที่เหลือตกเป็ของเย่เฟิงแต่เพียงผู้เดียว
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เฉินอ้าวเทียน และคนอื่น ๆ มองเย่เฟิงด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว พวกเขาอยากไล่ตามเย่เฟิงให้ทัน แต่กลับไม่เป็เช่นนั้น
บันไดเถาวัลย์เก้าขั้น ยิ่งขึ้นสูง อำนาจฟ้าดินก็ยิ่งทรงพลัง อย่างไรก็ตามนี่ถือว่าเป็บททดสอบความสามารถ สติปัญญา และความแน่วแน่ของตัวผู้ฝึกยุทธ์ โดยเฉพาะบันไดขั้นที่เก้า พลังกดดันเช่นนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาทั่ว ๆ ไปจะแบกรับไหว
ทว่าตอนนี้เย่เฟิงกลับยืนอยู่บนขั้นที่เก้าของบันได เชิดหน้ามองฝูงชนด้านล่างด้วยท่าทีหยิ่งผยอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้