ทักษะหล่อิญญานั้นแบ่งออกเป็เก้าขั้น เมื่อฝึกถึงขั้นสูงสุดจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เวลานั้นแค่ใช้พลังกายก็สามารถเอาชนะผู้อยู่ระดับเดียวกันได้อย่างง่ายดาย กระทั่งพลังโจมตีแกร่งกว่าผู้มีระดับการบ่มเพาะสูงกว่าตน
เวลากระชั้นชิด เย่เฟิงเชื่อว่าหากเขาฝึกทักษะหล่อิญญานี้ไม่สำเร็จภายในหนึ่งวันตามที่สัตว์อสูรเฒ่านั่นกำหนดไว้ อีกฝ่ายต้องฆ่าเขาโดยไร้ซึ่งความปรานี
ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม เย่เฟิงก็เข้าใจสาระสำคัญของทักษะหล่อิญญา จึงเริ่มฝึกมัน ขณะนั้นเย่เฟิงนั่งฌานโดยมีพลังหยวนห้อมล้อมกาย ทักษะหล่อิญญาโคจรภายในสมอง พลังหยวนเริ่มใช้ประโยชน์จากจุดตันเถียน ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็พลังงาน ขัดเกลาสายเืและชำระร่างกาย
เย่เฟิงประสานมือและปล่อยพลังฝ่ามือออกไป ก่อนจะลอยไปที่เหนือหัว นาทีต่อมาพลังหยวนมารวมตัวที่พลังนั้น หลั่งไหลสู่ร่างเย่เฟิง และไหลเวียนไปตามเส้นลมปราณหลัก ทักษะหล่อิญญาขั้นที่ 1 ก็คือชำระกายา ขจัดสิ่งสกปรกที่อยู่ภายในร่างกายให้บริสุทธิ์ เพื่อสร้างรากฐานของทักษะหล่อิญญา พลังหยวนหลั่งไหลสู่ร่างกาย วิวัฒนาการเป็พลังงานนั้นที่กำหนดทักษะหล่อิญญา จากนั้นพลังงานที่ได้มาจากการวิวัฒนาการก็เพิ่มขึ้น เส้นลมปราณภายในกายเย่เฟิงเกิดการแผดเผา ราวกับอยู่ท่ามกลางกองไฟ ซึ่งเ็ปเป็อย่างมาก
เย่เฟิงขมวดคิ้ว เหงื่อผุดขึ้นที่หน้าผาก แต่แววตาของเขายังคงแน่วแน่ ไร้ซึ่งความคิดล่าถอย จากนั้นเขาปล่อยพลังฝ่ามืออีกหลายครั้ง ทำให้พลังหยวนมารวมตัวที่เหนือหัวเขามากขึ้นกว่าเดิมและหลั่งไหลสู่ร่างเขาเร็วขึ้น ส่งผลให้การแผดเผานั้นทวีความรุนแรงขึ้นหลายเท่า
เย่เฟิงต้องกัดฟันอดทนพลางคิดในใจว่า “ทักษะหล่อิญญานี้ไม่ใช่ใครจะฝึกได้ง่ายๆ แค่ขั้นที่ 1 ก็ต้องทนความเ็ปขนาดนี้ หากถึงขั้นท้าย ๆ ก็คงเ็ปยิ่งกว่านี้หลายเท่า” เมื่อเวลาผันผ่าน ความเ็ปที่แล่นผ่านเส้นลมปราณก็ยิ่งทวีความรุนแรง เย่เฟิงรู้สึกว่าตัวเองใกล้ทนรับไม่ไหว สายตาพร่ามัว วิงเวียนศีรษะ แต่เมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป ความเ็ปได้มาถึงจุดสูงสุด ทำให้จิตใจของเย่เฟิงเริ่มพังทลาย และเกิดความคิดที่จะล้มเลิกการฝึกทักษะหล่อิญญา
“อ้าก!” เสียงกรีดร้องดังจากปากของเย่เฟิง เขาเริ่มทุรนทุราย แต่ว่าพลังหยวนที่มารวมตัวกลางอากาศกลับไม่หยุด พลังนั้นที่อยู่ภายในกายยังคงชำระร่างกาย อีกอย่างมันแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ จนเย่เฟิงรู้สึกว่าความเ็ปนั้นแทรกซึมเข้าสู่เืเนื้อ ทำให้ความเ็ปทวีความรุนแรงขึ้นหลายร้อยพันเท่า
“ไม่ ข้าจะยอมแพ้ไม่ได้ ถ้าข้ายอมแพ้ แล้วศิษย์พี่ฉู่หานจะเป็อย่างไร? แล้วศัตรูของครอบครัวใครเล่าจะแก้แค้น?” ขณะที่เย่เฟิงทุรนทุรายก็ผุดความคิดนี้ขึ้นในหัว มีอีกหลายเื่ที่เขายังไม่ได้สะสาง ดังนั้นต่อให้ต้องทนความเ็ปมากแค่ไหน เขาก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรคนี้ไปให้ได้
เย่เฟิงแผดเสียงอย่างเกรี้ยวกราดขณะค่อย ๆ ยืดตัวตรง ในขั้นตอนชำระกายาที่โเี้ เหงื่อที่ผุดขึ้นตามร่างกายของเย่เฟิงมีเืปะปนออกมาด้วย ทำให้เสื้อผ้าของเย่เฟิงถูกย้อมเป็สีแดงราวกับมนุษย์โลหิตก็ไม่ปาน
ทักษะหล่อิญญายังคงโคจรภายในหัว เย่เฟิงก็ปล่อยพลังฝ่ามือที่แตกต่างกันออกไปอย่างต่อเนื่อง ร่างกายอาบท่ามกลางแสงโชติ่ ตรงกันข้ามกับเสื้อผ้าที่เปื้อนไปด้วยเืสีแดงฉาน จากนั้นความเ็ปค่อย ๆ ลึกลงสู่กระดูกราวกับลึกลงไปในจิติญญา และจิติญญาคล้ายหลุดลอยออกไป ทว่าจิตใจของเย่เฟิงยังคงแน่วแน่ไม่สั่นคลอน จิตเทพขับเคลื่อนพลังนั้นเพื่อขจัดสิ่งสกปรกภายในกายออกไป
หนึ่งวันของเย่เฟิงผ่านไปอย่างยากเข็ญ ทักษะหล่อิญญาหยุดโคจร เย่เฟิงถอนหายใจยาว จากนั้นร่างเริ่มโอนเอนก่อนจะหลับไป ดูเหมือนเขาจะไม่ได้สังเกตว่ามีของเหลวสีดำปกคลุมร่างกายของเขา มันส่งกลิ่นเหม็นน่าสะอิดสะเอียน ซึ่งนั่นก็คือสิ่งสกปรกที่ถูกขับออกจากร่างกายผ่านการชำระกายาของทักษะหล่อิญญา
“ครืน!” ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด แต่จู่ ๆ พื้นดินสั่นไหว ก่อนจะมีเงาร่างใหญ่ั์โผล่ขึ้นจากความว่างเปล่า มาเยือนที่เบื้องหน้าเย่เฟิง
เย่เฟิงตื่นจากความฝัน ก่อนจะลุกขึ้นยืนมองเงาร่างใหญ่ั์นั่น ก่นด่าในใจว่า “สัตว์อสูรเฒ่านี่ช่างรักษาเวลาดีเสียจริง”
อย่างไรก็ตามเย่เฟิงฝึกทักษะสำเร็จก่อนกำหนดหลายชั่วยาม เพื่อเหลือเวลาให้ตัวเองได้พักผ่อน แต่สัตว์อสูรวานรั์ตนนี้ปรากฏตัวอีกหนึ่งวันให้หลังแบบพอดิบพอดี ทำให้เย่เฟิงอดก่นด่าในใจไม่ได้
“เ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวัง ทักษะหล่อิญญาขั้นที่ 1 ฝึกสำเร็จแล้ว” ไม่รอให้เย่เฟิงเอ่ยปาก เสียงของวานรั์ก็ดังก้องในหัวของเย่เฟิง ทำให้เย่เฟิงชะงักไปชั่วครู่ ก่อนกล่าวถามวานรั์ว่า “ถ้าเช่นนั้นข้าก็ผ่านการทดสอบแล้วหรือ?”
“เ้าทำตามคำขอร้องของข้าก่อนหน้าสำเร็จ แต่ว่ามันยังไม่เพียงพอ ข้าจะเพิ่มการทดสอบอีก” เสียงของวานรั์ดังขึ้น ทำให้ดวงตาของเย่เฟิงเผยประกายแหลมคม
“สัตว์อสูรเฒ่านี่คิดจะทำอะไร?” เย่เฟิงคิดในใจ แต่ปากกลับพูดว่า “ท่านจะทดสอบอย่างไร?”
“ทดสอบด้วยการต่อสู้!” วานรั์กล่าว จากนั้นมีแสงจ้าปกคลุมร่างของวานรั์ ตอนนั้นเองร่างกายของมันเริ่มหดเล็กลงจนกลายเป็วานรตัวเล็ก ทว่ารูปร่างของมันก็ยังคงสูงใหญ่กว่าเย่เฟิงถึงสองเท่า
“รับไปซะ!” ทันใดนั้นวานรั์แผดเสียงะโพร้อมปล่อยกำปั้นโจมตีเย่เฟิงด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
“สัตว์อสูรเฒ่านี่บอกจะลงมือก็ลงมือเลย บัดซบ!” เย่เฟิงหน้าเปลี่ยนสีพลางสบถในใจ เขาไม่คิดว่าวานรั์จะลงมือด้วยตัวเอง แต่เย่เฟิงรู้ว่าวานรั์ในเวลานี้ไม่ได้ใช้พลังหนึ่งในสิบของพลังที่แท้จริง นี่แค่ทดสอบเขาเท่านั้น
พลันพลังหยวนโคจรในกาย ก่อนเย่เฟิงจะหลบหลีกกำปั้นนั่น ไม่รอให้เย่เฟิงยืนมั่นคงดี วานรั์ก็ปล่อยการโจมตีอีกครั้ง ซึ่งทรงพลังกว่าการโจมตีแรกมาก อาจกล่าวได้ว่าไม่ปล่อยให้เย่เฟิงได้มีโอกาสหยุดพักหายใจ เย่เฟิงใช้พลังทั้งหมดหลบกำปั้นได้อย่างไม่มีปัญหา แต่ไม่มีเวลาระดมพลังเข้าต่อต้าน
“ข้าว่า ท่านทำเช่นนี้ก็เพื่อจะรังแกมนุษย์ใช่หรือไม่?” เย่เฟิงกล่าว พลังของวานรั์ตนนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะต่อต้านได้เลย
“พูดให้มันน้อย ๆ หน่อย ไม่ทำเช่นนี้แล้วจะทดสอบพลังของเ้าได้หรือ?” วานรั์ไม่สนใจคำพูดของเย่เฟิง แต่ปล่อยกำปั้นออกมาอีกครั้ง
“อั่ก!” เสียงโอดครวญดังขึ้น เย่เฟิงหลบการโจมตีนี้ไม่พ้น กำปั้นจึงโดนที่หน้าอกเข้าเต็ม ๆ ทำให้ร่างเขากระเด็นปลิวออกไปพร้อมเืไหลตรงมุมปาก
“ลุกขึ้น!” วานรั์กล่าวอีกครั้ง
เย่เฟิงเผยสีหน้าไม่สู้ดีก่อนจะเช็ดเืที่มุมปาก เขารู้ว่าวานรั์ไม่รามือง่าย ๆ เขาจึงลุกขึ้นยืน ต่อจากนั้นเย่เฟิงก็ถูกกำปั้นของวานรั์โจมตีต่อเนื่อง จนร่างกายเต็มไปด้วยาแ หากไม่ใช่ว่าเย่เฟิงสำเร็จทักษะหล่อิญญาขั้นที่ 1 ร่างกายได้รับการชำระล้าง และเกิดการเปลี่ยนแปลง ป่านนี้ชีวิตของเขาคงหาไม่อย่างแน่นอน
เย่เฟิงทำได้เพียงอดทน เนื่องด้วยกำปั้นของวานรั์ที่โจมตีเขาอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้ความรู้สึกของเขาค่อย ๆ เริ่มชินชาจนไม่ทันสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย การทารุณนี้ดำเนินต่อไปจนไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด ส่วนเย่เฟิงก็เริ่มสูญเสียสติสัมปชัญญะ จนในที่สุดวานรั์ก็หยุดโจมตี
“ตาเฒ่า เข้ามาสิ!” เย่เฟิงเห็นวานรั์หยุดโจมตีก็พยุงตัวลุกขึ้นจากพื้นอย่างทุลักทุเล เวลานี้ตัวเขาเปียกโชกไปด้วยเื แต่เขาก็ยังคงไม่ยอมแพ้
“วันนี้พอแค่นี้ก่อน เ้าถือว่าผ่านด่านแรกแล้ว ข้าจะมาใหม่ในวันพรุ่งนี้เวลานี้ ส่วนเ้าต้องฝึกทักษะหล่อิญญาขั้นที่ 2 ให้สำเร็จ ตามกฎเก่า ถ้าฝึกไม่สำเร็จ เ้าตาย!” วานรั์กล่าวโดยไม่สนใจเย่เฟิงแม้แต่น้อย ราวกับว่าเขาเกิดมาเพื่อขัดเกลาเย่เฟิงโดยเฉพาะ
“อีกวันงั้นหรือ บ้าไปแล้ว!” เย่เฟิงได้ยินเช่นนั้นก็สบถอย่างหัวเสีย จากนั้นเขาเงยหน้าขึ้นเพื่อจะถามวานรั์ ทว่าไร้ซึ่งร่องรอยของวานรั์ อีกฝ่ายหายตัวไปโดยไร้ร่องรอยใด ๆ
เย่เฟิงไม่มีทางเลือก เขารู้ว่าหาก้าออกไปจากที่นี่ก็ต้องทำตามคำขอร้องที่ตาเฒ่านั่น้า ดังนั้นเย่เฟิงจึงนั่งขัดสมาธิเริ่มฝึกทักษะหล่อิญญาขั้นที่ 2
จากความทรงจำ ทักษะหล่อิญญานั้นแบ่งออกเป็เก้าขั้นดังนี้
- ขั้นที่ 1 ชำระกายา
- ขั้นที่ 2 หล่อมังสา
- ขั้นที่ 3 หล่อเส้นเอ็น
- ขั้นที่ 4 หล่อกระดูก
- ขั้นที่ 5 หล่อไขสันหลัง
- ขั้นที่ 6 หล่ออวัยวะ
- ขั้นที่ 7 หล่อโลหิต
- ขั้นที่ 8 หล่อจิต
- ขั้นที่ 9 หล่อิญญา
เมื่อฝึกทักษะหล่อิญญาถึงขั้นที่ 9 ร่างกายของผู้ฝึกยุทธ์จึงจะสมบูรณ์แบบไร้เทียมทาน
“ที่ข้าต้องฝึกตอนนี้ก็คือทักษะหล่อิญญาขั้นที่ 2 หล่อมังสา” เย่เฟิงคิดในใจ จากนั้นเริ่มฝึกทักษะหล่อิญญาขั้นที่ 2
เย่เฟิงนั้นมีพร์ไม่ธรรมดา กระทั่งสติปัญญาก็ยังล้ำเลิศ เพียงเวลาสั้น ๆ ก็จมดิ่งอยู่ในสภาวะบ่มเพาะพลัง
ใช้พลังหยวนขัดเกลาเืเนื้อ ทำให้เืเนื้อเกิดการเปลี่ยนแปลง ยกระดับความแข็งแรง พลังที่สำแดงก็ทรงอานุภาพขึ้น และสามารถรับการโจมตีจากภายนอกได้
เมื่อพลังหยวนเริ่มขัดเกลาร่างกาย ความเ็ปนั่นก็จู่โจมอีกครั้ง ซ้ำยังรุนแรงกว่าตอนที่ฝึกทักษะหล่อิญญาขั้นที่ 1 ความเ็ปเช่นนั้นไม่ใช่คนธรรมดาจะรับไหว เมื่อผ่านไปสักพักก็เริ่มสูญเสียสติสัมปชัญญะ ทว่าเย่เฟิงยังคงยืนหยัดกัดฟันสู้กับความเ็ป กระทั่งมีเืซึมออกจากปาก
ความเ็ปที่เย่เฟิงต้องทนรับในเวลานี้เกินกว่าจะจินตนาการได้แล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้