ดวงตาของหลิววั่งกุ้ยมีประกายเมื่อได้ยิน ก่อนหน้านี้เขาเป็หวัดจึงรู้สึกว่าเวียนศีรษะ ร่างกายไม่มีเรี่ยวแรง หลังจากที่กินยาก็สะลึมสะลือและหลับไป จึงพลาดเื่ดีๆ
แต่...
“ท่านแม่ข้าปากแข็งแต่ใจอ่อน พี่สะใภ้สามข้าก็ซื่อจนเคยตัว นางนั้นชอบกังวลไปเรื่อย แต่สุดท้ายนางก็เพียงแค่ไม่วางใจเื่พี่สามก็เท่านั้น”
ราวกับว่าหลิวฉีซื่อนั้นบริสุทธิ์ทั้งนอกและใน เป็มารดาผู้ประเสริฐอย่างไรอย่างนั้น
หลิวเต้าเซียงพ่นลมหายใจออกมาอย่างดุเดือด
มารดาผู้ประเสริฐอะไรกัน พวกหน้าเนื้อใจเสือมากกว่า
ภายในห้อง หลิววั่งกุ้ยกอดชุ่ยหลิวและเอนตัวพิงเตียง เมื่อก้มศีรษะเห็นนางทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนมีเื่ในใจ จึงเอ่ย “เ้ายังมีเื่อื่นที่ไม่ได้บอกหรือ? บอกมาเถิด ข้าจะช่วยเ้าเอง”
“คุณชาย...” ชุ่ยหลิวกัดริมฝีปากของตนราวกับว่ากำลังตัดสินใจอะไรที่ยิ่งใหญ่ “เดิมทีบ่าวไม่กล้าพูด กลัวว่าพูดแล้วจะทำให้คุณชายอารมณ์ไม่ดี ฮูหยินวางแผนอนาคตไว้ให้บ่าว นางเองก็หวังดี”
“เื่อะไร? เ้าบอกมาเถิด ข้าไม่โทษเ้า”
คําพูดของชุ่ยหลิวกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของหลิววั่งกุ้ย
“ก็ไม่มีอะไร เพียงแต่ว่า อีกไม่นานเกรงว่า คุณชายอาจจะต้องเรียกข้าว่าพี่สะใภ้รองเล็กแล้ว”
ท่าทางของชุ่ยหลิวดูอ่อนแอและทำอะไรไม่ถูก แล้วยังเหมือนกับว่าตัดใจจากหลิววั่งกุ้ยไม่ได้
“อะไรนะ?” หลิววั่งกุ้ยผ่านผู้หญิงมามากมาย มีหนใดที่เขาไม่สมหวังบ้าง?!
เขาเอ่ยต่อ “ต้องโทษข้า หากข้าบอกกับท่านแม่ให้เร็ว นางคงไม่ตัดสินใจเช่นนี้ เ้าอย่าได้กังวลไป เดี๋ยวข้าจะบอกกับท่านแม่ให้เ้ามาปรนนิบัติข้า อย่างน้อยข้าก็จะเป็ซิ่วไฉในอนาคต จากสถานะของบ้านเรา ถึงอย่างไรก็ควรมีคนรับใช้ไว้ปรนนิบัติอยู่แล้ว”
หลิววั่งกุ้ยคลุกคลีกับคุณชายผู้ร่ำรวยเ่าั้มากมาย ย่อมเข้าใจว่าหากได้ตัวชุ่ยหลิวมาปรนนิบัติรับใช้ก็เท่ากับว่านางคือคนของฝั่งเขาแล้ว
“คุณชายน้อย ท่านพูดไม่ได้เชียว วันนี้ฮูหยินกำลังจะจัดการครอบครัวนั้น”
นางเหยียดนิ้วเรียวยาวชี้ไปทางด้านทิศใต้ ขณะที่ลดนิ้วลงก็พาดผ่านใบหน้าของหลิววั่งกุ้ยเบาๆ ทำให้เขาจั๊กจี้หัวใจยิ่งนัก
แต่เมื่อหลิววั่งกุ้ยกำลังจะพลอดรักกับนางอีกครั้ง นางก็ผละออกจากอ้อมแขนของเขา
“คุณชาย บ่าวออกมานานแล้ว เกรงว่าฮูหยินจะสงสัยแล้ว ท่านรีบทานข้าวก่อนเถิด อีกเดี๋ยวบ่าวจะมาเก็บเ้าค่ะ”
ชุ่ยหลิวเป็คนฉลาด ลูกไม้ที่ใช้รับมือกับหลิววั่งกุ้ยนั้นมีนับไม่ถ้วน
ขณะนั้นหลิวชิวเซียงเดินกลับห้องตามหลังหลิวเต้าเซียงอย่างไม่สบายใจนัก
“น้องรอง เห็นทีท่านย่าจะเล็งเงินก้อนนั้นจริงๆ ด้วย”
หลิวเต้าเซียงแสยะยิ้ม
หลิวฉีซื่อไม่ถึงแม่น้ำฮวงโหคงไม่ตัดใจง่ายๆ สินะ! [1]
คิดว่าหนังสือแยกครอบครัวเอาไว้ดูเล่นหรืออย่างไร?!
เมื่อหลิวซานกุ้ยและจางกุ้ยฮัวกลับมา หลิวฉีซื่อพร้อมกับชุ่ยหลิวและอิงเอ๋อร์ก็เตรียมอาหารวางไว้บนโต๊ะเรียบร้อย
อาหารรสเยี่ยมย่อมขาดสุราชั้นดีไม่ได้
สุรานั้นเป็เหล้าขาวบริสุทธิ์ หลิวต้าฟู่สั่งให้อิงเอ๋อร์ไปซื้อในร้านเหล้ามาก่อนหน้านี้
บนโต๊ะอาหาร หลิวฉีซื่อดูมีความกระตือรือร้นมากกว่าปกติ ทั้งยังแสดงความสนิทสนมจนตาข้างขวาของหลิวเต้าเซียงกระตุกอย่างรุนแรง
ขวาร้ายซ้ายดี
นางมองอาหารบนโต๊ะอย่างสงสัย น้ำแกงปลาเห็ดหอมเต้าหู้ เนื้อหมูเค็มผัดถั่วแขกแห้ง ถั่วดำหมักผัดพริกกระเทียม แล้วก็น้ำแกงไก่ที่ผสมน้ำจนจาง อืม แล้วก็ไข่เจียวกุ้ยช่ายและผัดมันฝรั่งอีกหนึ่งจาน
ก็แค่อาหารทั่วไป ซึ่งไม่เห็นความผิดปกติใดๆ
ยิ่งไปกว่านั้นหลิวฉีซื่อยังกินอาหารทุกจาน ตะเกียบนั้นหลิวเต้าเซียงเป็คนล้าง ส่วนหลิวชิวเซียงเป็คนตักข้าว
หลิวเต้าเซียงจึงเริ่มกินข้าวอย่างสบายใจ ขณะที่พินิจเื่อาหารอย่างละเอียด
เนื่องจากดูละครศึกแก่งแย่งชิงดีในบ้านมามาก ความผิดปกติของหลิวฉีซื่อทำให้นางต้องคิดป้องกันตัวไว้ก่อน
เพียงแต่วิเคราะห์รอบด้านแล้ว แต่ก็หาร่องรอยอะไรไม่ได้
“กุ้ยฮัว ได้ยินว่าน้องชายเ้าที่อยู่ข้างนอกได้ดีแล้วหรือ? เขาได้บอกหรือไม่ว่าจะกลับมาบ้านเมื่อใด จะว่าไปก็ไม่ได้เจอแม่เ้ามานานแล้ว ไม่รู้ว่านางสบายดีหรือไม่?”
น้ำเสียงของหลิวฉีซื่อนั้นอ่อนโยนเกินไป ไม่ใช่คนที่หยิ่งผยองและหยาบคายเหมือนในความทรงจำสักนิด
ทุกอย่างสงบนิ่งเกินไป!
คนในห้องต่างหันไปมองนางอย่างพร้อมเพรียงกัน
หลิวฉีซื่อปั้นหน้ายิ้มแย้มออกมา “แต่ก่อนข้าใจร้อนเกินไป เห็นว่าซานกุ้ยนั้นเป็เด็กซื่อตรง กลัวว่าตาสองข้างของหลับไปเมื่อไร จะไม่สามารถดูแลเขาได้อีก”
คําพูดเหล่านี้หากไว้หลอกผี ผีก็คงไม่เชื่อ!
หลิวชิวเซียงมองไปที่น้องสาวที่กําลังเขี่ยข้าว ความผิดปกติที่ดูน่าเคลือบแคลงนี้ได้ตอกย้ำนางอีกครั้งว่า เงินเป็สิ่งที่น่าอัศจรรย์จริงๆ
จางกุ้ยฮัวอยู่กับหลิวฉีซื่อมาสิบปีแล้ว จะไม่รู้ได้อย่างไรว่านางมีนิสัยแบบไหน?
“ข้าได้ยินมาว่าเขาทำการค้าขายอยู่ข้างนอก และเก็บเกี่ยวสมบัติได้บ้างเล็กน้อย ยังนึกถึงว่าข้ากับท่านแม่จะใช้ชีวิตลำบาก กลัวว่าจะมีคนรังแกคนที่ไม่มีพ่อเช่นข้า จึงส่งจดหมายมาบอกกล่าวว่าเขาสบายดี อีกทั้งยังยกเงินหนึ่งร้อยตำลึงให้เป็สินเ้าสาวแก่ข้า”
เสียงของนางฟังดูมีความสุขจางๆ ปนกับความภาคภูมิใจ
ช่างไม่เสียแรงที่มีน้องชายที่น่าภาคภูมิใจเช่นนี้!
หลิวฉีซื่อจ้องมองใบหน้าของจางกุ้ยฮัวโดยไม่ไหวติง จากนั้นกลอกตาเล็กน้อยและมองไปที่หลิวต้าฟู่ที่นั่งอยู่ด้านข้าง
เมื่อเห็นเขาปีติยินดีและตื้นตันใจ ความเกลียดชังในใจของนางก็ยิ่งทวีคูณขึ้น
นางเอื้อมมือไปหยิบช้อนแล้วตักน้ำแกงปลาขึ้นมา ในนั้นมีเต้าหู้สองชิ้นเล็ก “กุ้ยฮัว มานี่ กินแกงปลาเต้าหู้เยอะๆ พวกเ้าไม่รู้ แต่ก่อนข้าได้ยินฮูหยินใหญ่หวงบอกว่า บ้านแม่ของนางมีสหายเก่าแก่ที่ไปมาหาสู่กันบ่อยๆ และเป็หมอหลวง ตอนเด็กๆ นางเคยได้ยินหมอหลวงบอกว่า ผู้หญิงต้องกินแกงปลาเต้าหู้ให้มากๆ”
ช้อนนั้นก่อนหน้านี้หลิวเสี่ยวหลันกับหลิวต้าฟู่เคยใช้ หลิวฉีซื่อใช้มันตักใส่ถ้วยของจางกุ้ยฮัวสองช้อน แล้วจึงตักให้ตนเองหนึ่งช้อน ชิมไปหนึ่งคำและพอใจกับความนุ่มนิ่มของเต้าหู้ที่ทำสดใหม่
“ใช่สิ ซานกุ้ย ข้าเห็นว่าอากาศเริ่มอบอุ่นแล้ว อีกเดี๋ยวเ้าไปจับปลาในแม่น้ำมาสักหน่อย อืม เดี๋ยวข้าจะให้ชุ่ยหลิวเอาถั่วไปส่งให้บ้านเ้า เ้าไปซื้อเต้าหู้มาสองก้อนให้กุ้ยฮัวทำกิน แม่นั้นชีวิตนี้ไม่ได้คาดหวังอะไรมากมาย เพียงแต่มองเห็นพวกเ้าอยู่ดี มีลูกหลานเต็มบ้าน ข้าก็พอใจแล้ว”
อารมณ์ของหลิวซานกุ้ยนั้นผันผวนอย่างเห็นได้ชัด แววตาที่เขามองไปยังหลิวฉีซื่อนั้นแฝงไปด้วยความชื่นชม
ไม่เคยคาดคิดว่า หลังจากแยกบ้านกันเขาจะได้รับความใส่ใจจากผู้เป็แม่
หางตาของหลิวซานกุ้ยนั้นเปียกชุ่ม เขารอคอยมายี่สิบกว่าปี จะไม่ดีใจได้อย่างไร?
ความสงสัยในใจของหลิวเต้าเซียงชัดเจนยิ่งขึ้น หลิวฉีซื่อนั้นหรือจะพูดจาดีเช่นนี้?
เป็ไปไม่ได้เด็ดขาด
นางตัดสินใจรอดูสถานการณ์
จางกุ้ยฮัวรู้สึกใกับการได้รับความรัก ขณะนี้กำลังตื้นตันใจจนพูดติดๆ ขัดๆ “แม่...”
หลิวเต้าเซียงเห็นปฏิกิริยาของทั้งสอง แววตาก็ดำดิ่ง
“ท่านแม่ ข้าอยากกินด้วย!”
ความซาบซึ้งใจของจางกุ้ยฮัวราวกับเมฆขาวที่ล่องลอยอยู่บนฟ้า ทันใดนั้นอุ้งมือน้อยๆ ก็ตบมันจนปลิวกระจัดกระจาย
ฉับพลันนั้นนางก็นึกขึ้นได้ว่าบุตรสาวได้ย้ำเตือนนักหนาก่อนกินข้าวว่าต้องระวังแม่สามีจะจับจ้องเงินสินเ้าสาวหนึ่งร้อยตำลึง
จางกุ้ยฮัวเป็คนซื่อสัตย์ แต่ไม่ได้โง่
โลกนี้เปลี่ยนง่าย แต่ใจคนเปลี่ยนยาก
นางไม่เชื่อว่าหลิวฉีซื่อจะเปลี่ยนนิสัยได้ในทันที
“ท่านย่า ท่านกินเยอะหน่อย ในเมื่อหมอหลวงบอกว่ากินสิ่งนี้แล้วดี ข้าที่เป็หลานก็ต้องยืมดอกไม้ถวายพระสักหน่อย หวังแต่ว่าท่านปู่กับท่านย่าจะอายุยืนยาวเหมือนเขาทักษิณด้วย!”
ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของหลิวฉีซื่อนั้นแข็งทื่อเล็กน้อย!
“หลานสาวแสนดี ย่าชอบความปากหวานของเ้าเสียจริง”
เชอะ!
หน้าไหว้หลังหลอก!
“พี่สะใภ้สาม นี่เป็เื่น่ายินดี ท่านแม่ เกลือที่ท่านกินนั้นมากกว่าระยะทางที่พี่สะใภ้สามเดินเสียอีก หรือไม่ท่านก็ช่วยพี่สะใภ้สามออกความเห็นหน่อย หรือไม่ก็ช่วยพี่สะใภ้สามเก็บเงินหนึ่งร้อยตำลึงนี้ไว้ก่อน จะได้ไม่ใช้จ่ายไปโดยเปล่าประโยชน์”
เวลาที่หลิวเสี่ยวหลันไม่ได้อารมณ์เกรี้ยวกราด สมองของนางก็ทำงานอย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะเื่ที่เกี่ยวกับเงิน
ัให้กำเนิดั สายลมให้กำเนิดสายลม ลูกที่กำเนิดจากหนูย่อมมุดรูเป็
นิสัยของหลิวเสี่ยวหลันคล้ายกับหลิวฉีซื่อยิ่งนัก ไม่รู้ว่าต่อไปจะเป็ภัยพิบัติให้บ้านหลังไหนต่อ
หลิวเต้าเซียงเหลือบมองนาง คนโง่ก็ยังดูออกว่านางกำลังคิดไม่ซื่อกับเงินสินเ้าสาวของมารดา
“อาเล็ก เื่นี้ไม่ต้องให้ท่านกับท่านย่าเป็ห่วง แม่ข้ามีแผนในใจอยู่แล้ว”
หลิวเสี่ยวหลันถูกนางตอกกลับเช่นนี้จึงเกิดความละอายใจอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่อยากถูกหลิวเต้าเซียงจี้จุด จึงกัดฟันเอ่ย “ฮึ เ้าเป็เด็กจะไปเข้าใจอะไร! ตอนนี้ท่านแม่เ้ายังไม่ได้คลอดลูกชายออกมา ต่อไปหากเกิดอะไรขึ้น เงินนี้ก็ต้องถูกตระกูลจางยึดกลับไปสิ”
หลิวเต้าเซียงรู้สึกรําคาญใจ แต่น้ำเสียงกลับสงบลงกว่าเดิม นางเพียงแต่จ้องมองหลิวเสี่ยวหลันอย่างเ็า “อาเล็ก ท่านแม่ข้าไม่ได้คลอดน้องชายให้พวกข้า แต่ไม่ได้แปลว่าต่อไปจะไม่มี อีกอย่าง ไม่มีน้องชาย แต่ก็ยังมีพวกข้าสามคน ใครก็สามารถได้รับส่วนแบ่งสินเ้าสาวของแม่ข้า เื่นี้ไม่ต้องให้อาเล็กมาช่วยกังวลใจหรอก”
หลิวเสี่ยวหลันมั่วนิ่มได้น่าเกลียดเกินไป!
หลิวเต้าเซียงดูแคลนนางยิ่งนัก
ใบหน้าของหลิวฉีซื่อก็ดูไม่จืด หลิวเต้าเซียงตอกกลับหลิวเสี่ยวหลันเช่นนี้ แต่อันที่จริงกำลังตบหน้านางต่างหาก
“ท่านแม่ ดูนางเด็กปากดีนี่สิ ไม่ได้รับการสั่งสอนชัดๆ ไม่เคารพผู้ใหญ่ ข้าว่านางหนึ่งคำ นางเถียงกลับสิบคำ”
คําพูดของหลิวเสี่ยวหลันทำให้หลิวฉีซื่อมีโอกาสใช้หัวข้อนี้เล่นงาน
“เต้าเซียง เหตุใดเ้าต้องทำให้อาเล็กเ้าลำบากใจเช่นนี้? อย่างน้อยนางก็เป็ผู้าุโกว่า ไม่มีมารยาทเลย ดูสิทำให้อาเล็กโมโหจนไม่อยากกินข้าว กุ้ยฮัว ปกติเ้าควรจะใส่ใจกับเต้าเซียงให้มาก ตอนนี้ในบ้านต่างจากเมื่อก่อน เ้าเองก็มีบุญวาสนา เงินสินเ้าสาวต้องดูแลให้ดี ต่อไปต้องเอาไว้แบ่งให้พวกนางสามพี่น้อง”
คําพูดเหล่านี้เหมือนเป็การตบปากตนเองอย่างชัดเจน
“นอกจากนี้ พี่สะใภ้สาม ไม่ใช่ว่าข้าหาเื่ท่านหรอกนะ แต่ท่านดูสิว่าแต่งเข้าบ้านตระกูลหลิวมาสิบปีแล้ว ท่านให้กำเนิดแต่ตัวล้างผลาญมาสามคน แต่กลับไม่มีลูกชาย ไม่เคยมีหนใดที่แม่ข้ากล่าวโทษท่านจริงๆ หากเปลี่ยนเป็บ้านอื่นคงปลดท่านทิ้งไปนานแล้ว ท่านควรขอบคุณแม่ข้าด้วยซ้ำ”
คําพูดของหลิวเสี่ยวหลันถูกตีความหมายได้ว่า ตอนนี้จางกุ้ยฮัวมีเงินแล้ว สมควรที่จะตอบแทนให้มาก
วิธีการตอบแทนที่ดีที่สุดคืออะไรหรือ?
แน่นอนว่ามันคือการให้เงิน อีกทั้งต้องตอบแทนให้ถึงน้ำใจด้วย
หลิวชิวเซียงอารมณ์เสีย คำพูดของน้องรองไม่ผิดแต่อย่างใด
“แม่ของข้า้าใช้จ่ายอย่างไร นั่นคือเื่ของนางเอง อาเล็กไม่ควรมากังวล”
นางตัดสินใจว่าจะไม่ยอมไว้หน้าอาเล็กอีกต่อไป ถึงอย่างไรคนอย่างอาเล็กก็หน้าไม่อายอยู่แล้ว
“พี่สาม ท่านเห็นหรือไม่ว่า นางเด็กชิวเซียงไม่เห็นอาเล็กอย่างข้าอยู่ในสายตาเลย พี่สาม พี่สะใภ้สามได้เงินมามากมาย ให้...”
“อืม หลันเอ๋อร์ นั่นคือสินเ้าสาวของพี่สะใภ้สามของเ้า นางจะใช้อย่างไรก็เื่ของนาง”
ดูเหมือนว่าหลิวฉีซื่อจะไม่สนใจเงินของจางกุ้ยฮัวเลย นางจึงขัดคําพูดของหลิวเสี่ยวหลันและไม่ยอมให้พูดต่อ
หลิวต้าฟู่วางตะเกียบลงและขมวดคิ้วเป็ปม “เ้าดูตัวเองสิ ปกติสั่งสอนลูกสาวอย่างไร? นางพูดอะไรออกมา? นี่คือคำพูดที่เด็กสาวควรพูดหรือ?”
“เช่นนั้นเ้าก็สอนสิ ข้าจะดูสิว่าเ้าจะสอนหลันเอ๋อร์ให้เป็อย่างไร? ฮึ เหมือนพวกหญิงสาวชาวนาหรือ? ลูกๆ หลานๆ จะได้เป็แต่พวกเท้าเปื้อนโคลนกันหมด”
การโต้กลับของนางทำให้หลิวต้าฟู่นั้นพูดไม่ออก
-----
เชิงอรรถ
[1] ไม่ถึงแม่น้ำฮวงโหไม่ยอมตัดใจ ในภาษาจีนคือ 不到黄河心不死 bù dào huánghé xīn bù sǐ ซึ่งตรงกับสุภาษิตไทยที่ว่า ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา
