ในเวลานั้นไม่รู้ว่าใครเป็คนตะเบ็งเสียงออกมา แต่ก็มีกลุ่มคนนับสิบพุ่งตัวออกไปและกระโจนเข้าไปโจมตีร่างของวานรูเาที่เต็มไปด้วยาแทันที
ทั้งปราณดาบและปราณกระบี่จำนวนหลายสิบเล่มฟาดฟันลงไปบนร่างของวานรูเาที่กำลังได้รับาเ็โดยไม่ทันให้มันได้ตั้งตัว
เปรี้ยง! ปัง! ปัง..!
หากเป็ในยามปกติ วานรูเาคงไม่คิดแม้แต่จะใส่ใจกับการโจมตีเหล่านี้เลยด้วยซ้ำ แต่เนื่องจากตอนนี้ร่างกายของมันได้รับาเ็สาหัส ดังนั้นการโจมตีเหล่านี้จึงสามารถทำให้อาการาเ็ของมันแย่ลงได้
“โฮก…”
วานรูเาแผดเสียงร้องโหยหวนออกมาอย่างน่าเวทนา เนื่องจากเมื่อครู่มันเพิ่งจะสังหารพยัคฆ์แถบทองคำได้สำเร็จ มันจึงคลายความระวังลงไปมาก ทำให้เป็การเปิดโอกาสให้กลุ่มคนเหล่านี้พุ่งเข้ามาโจมตีซ้ำที่าแของมันได้อย่างง่ายดาย
มู่เฟิงถือหอกสายฟ้าเล่มยาวเอาไว้ในมือ แหล่งกำเนิดพลังสายฟ้าภายในร่างของเขาพลันปะทุขึ้น
‘อัสนีบาทย่ำแปดทิศ’
มู่เฟิงแผดเสียงคำรามในใจ ก่อนจะย่างเท้าออกไปสามก้าว ทันใดนั้นพลังสายฟ้าอันแข็งแกร่งก็พลันปะทุขึ้น ก่อนจะหลอมรวมเข้ากับพลังปราณภายในร่างของเขาทันที เด็กหนุ่มไม่รอช้ารีบดีดฝ่าเท้าทะยานร่างขึ้นสูงกว่าสิบเมตร จากนั้นก็ทะลวงหอกสายฟ้าในมือให้พุ่งไปยังดวงตาข้างหนึ่งของวานรูเาอย่างรวดเร็ว
ฉึก!
หอกสายฟ้าพลันกลายเป็ลำแสงสายฟ้าสีม่วงอันแหลม พุ่งทะลวงเข้าไปเจาะผ่านดวงตาข้างหนึ่งของวานรูเาจนมันทะลุผ่านเข้าไปในกะโหลกศีรษะและทะลุไปถึงอีกฝั่ง
“โฮก…!”
วานรูเาแผดเสียงร้องดังลั่นด้วยความเจ็บที่ปะทุขึ้นอย่างแรง ร่างกายอันใหญ่โตของมันล้มลงกระแทกพื้นจนทำให้เกิดการสั่นะเืขึ้นเล็กน้อย และเพียงไม่นานแผลฉกรรจ์นี้ก็พรากชีวิตของมันไป
สังหารในหอกเดียว! ไม่ปล่อยให้วานรูเาต้องทนเ็ปกับาแมากจนเกินไป
การโจมตีเมื่อครู่ทำให้บัณฑิตคนอื่นๆ ที่ยังคงซ่อนตัวอยู่ในป่าพากันตื่นตะลึง พวกเขาไม่คิดว่าพวกมู่เฟิงจะลงมือโจมตีได้รวดเร็วและเด็ดขาดถึงเพียงนี้ ในเสี้ยววินาทีที่วานรูเาคลายการป้องกันลงจนเหลือน้อยที่สุด พวกเขาก็ลงมือสังหารวานรูเาในทันทีแล้ว
มู่เฟิงดึงหอกยาวกลับคืน เขากวาดตามองไปทางกลุ่มคนที่อยู่ในป่าไกลออกไป ก่อนจะกล่าวอย่างใจเย็นว่า “พวกเ้าออกมาเถอะ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เหล่าบัณฑิตกลุ่มอื่นต่างก็ทยอยออกมาจากป่า ทำให้รู้ว่าในป่ามีคนจำนวนนับร้อยอยู่และกำลังล้อมกลุ่มของมู่เฟิงเอาไว้
“เ้าหนุ่ม ฝีมือเ้าไม่เลวเลย เลือกเวลาจัดการได้เหมาะสมนัก แต่ตอนนี้พวกเ้าไปได้แล้ว ที่นี่มีพวกข้าอยู่ก็เพียงพอ”
เมื่อคนตระกลูหลี่ว์ปรากฏตัว หลี่ว์หยางก็กล่าวขึ้นอย่างเ็าทันที
“จะได้อย่างไร ตระกูลหลี่ว์ของพวกเ้าคิดจะฮุบเอาไว้คนเดียวอย่างนั้นรึ? เื่ศรเมื่อครู่ก็เป็ฝีมือของพวกเ้า พวกข้ายังไม่ได้สะสางเื่นี้กับเ้าเลย”
คนตระกูลลู่เข้ามาล้อมอีกฝ่ายเอาไว้ ขณะที่จ้องมองคนตระกูลหลี่ว์ก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างเ็าเช่นกัน
ส่วนศิษย์ของจวนอ๋องแห่งเหนือเพียงจ้องมองสถานการณ์นี้ด้วยสายตาเ็าเท่านั้นและไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา ั์ตาของเฉินเซิ่งกลอกไปมา ไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่
ทั้งสองกลุ่มต่างก็ไม่มีใครสนใจการมีอยู่ของพวกมู่เฟิงเลย
“เฮ้ๆ พวกเ้าหมายความว่าอย่างไร พวกเราเป็คนสังหารวานรูเาตัวนี้ พวกเ้าคิดจะไล่พวกเราอย่างนั้นรึ?”
ไป๋จื่อเยว่แค่นเสียงถามอย่างเ็า
คนทั้งสองกลุ่มต่างก็เหลือบตามองไปยังกลุ่มของศิษย์ตระกูลมู่ที่มีจำนวนเพียงสิบกว่าคนอย่างดูแคลน จากนั้นหลี่ว์หยางก็กล่าวอย่างเหยียดหยามว่า “คนอย่างพวกเ้าจะนับเป็ตัวอะไรได้ ยังกล้าคิดจะมาสู้กับพวกเราอีกหรือ?”
“ก็นับข้าเป็บิดาของเ้าเสียสิ”
ไป๋จื่อเยว่สบถด่าออกมาด้วยความโกรธ
“ไม่ต้องไปสนใจพวกเขา มู่ขวง ไปเอาผลึกอสูรออกมา ข้าอยากเห็นนักว่าพวกเขาจะทำอะไร”
มู่เฟิงเหยียดยิ้ม เขาถือหอกก้าวออกมาข้างหน้า ก่อนจะตั้งหอกเอาไว้ข้างตัวและกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“ขอรับพี่เฟิง”
มู่ขวงเดินไปยังร่างของวานรูเาและเริ่มหาผลึกอสูรในร่างของมันทันที
“ช้าก่อน มีพวกข้าอยู่ทั้งคน พวกเ้ายังกล้าคิดที่จะลงมือ่ชิงอีกหรือ?”
หลี่ว์หยางกล่าวอย่างเ็า และเมื่อเขากล่าวจบ ศิษย์ตระกูลหลี่ว์ก็เข้ามาล้อมกลุ่มศิษย์ตระกูลมู่เอาไว้ทันที
“อ้อ คนอย่างพวกเ้าจะนับเป็อะไรได้?”
มู่เฟิงใช้คำพูดเมื่อครู่ของหลี่ว์หยางย้อนกลับ
“หลี่ว์หยางจากตระกูลหลี่ว์ เป็อย่างไร เ้าคงเคยได้ยินชื่อนี้มาบ้างแล้วสินะ?”
หลี่ว์หยางกล่าวอย่างเย่อหยิ่ง
“หลี่ว์หยาง?”
มู่เฟิงขมวดคิ้ว ก่อนจะหันไปถามกับไป๋จื่อเยว่ว่า “จื่อเยว่ หลี่ว์หยางนี่คือผู้ใดกัน เ้าเคยได้ยินมาบ้างหรือไม่”
“พี่เฟิง ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเป็หมาบ้าจากที่ใด ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลยขอรับ”
ไป๋จื่อเยว่ก็ให้ความร่วมมือในการพูดจาเสียดสีอีกฝ่ายเป็อย่างดี
“น่ารังเกียจ…”
หลี่ว์หยางกัดฟันกรอดด้วยความโมโห รังสีสังหารแผ่ออกมาจากดวงตาของเขา
“ฮ่าๆ หลี่ว์หยาง คนเขาไม่เคยได้ยินชื่อของเ้า ถามเช่นนี้คงไม่ใช่ว่าเ้าคิดว่าตนเองเป็อันดับหนึ่งในหมู่บัณฑิตใหม่ทั้งหมดหรอกนะ?”
ลู่โหย๋วเยี่ยกล่าวเย้ยหยัน
“โอ๊ะ เขาถึงกลับกล้าคิดว่าตนเป็อันดับหนึ่งในหมู่บัณฑิตใหม่ พี่เฟิง ชายผู้นี้ช่างหน้าหนานัก กระทั่งท่านที่สามารถเอาชนะศิษย์สายในระดับหนิงกังได้ยังไม่กล้ายอมรับว่าตนเองเป็อันดับหนึ่งเช่นนี้เลย”
ใบหน้าของมู่เฟิงยังคงเรียบเฉยโดยไม่ได้ตอบสิ่งใด ข่าวเื่ที่เขาสามารถเอาชนะบัณฑิตสายในระดับหนิงกังได้นั้นยังไม่ได้แผ่กระจายออกไป ดังนั้นในหมู่บัณฑิตใหม่ที่ทราบถึงความแข็งแกร่งของเขาจึงมีเพียงเหล่าบัณฑิตจากอาณาจักรหนานหลิงเท่านั้น
“ฮ่าๆ อย่างเ้าน่ะรึจะสามารถเอาชนะบัณฑิตสายในระดับหนิงกังได้? พวกเ้าแต่ละคนช่างหน้าหนานัก กล้าพูดจาโป้ปดไม่อายฟ้าดิน ผลึกอสูรระดับหนิงกังทั้งสองชิ้น รวมถึงผลิญญาทองคำทั้งสี่ลูก ผู้ใดแข็งแกร่งที่สุด ผู้นั้นจะได้รับมันไปทั้งหมด”
ลู่โหย๋วเยี่ยหัวเราะออกมาเสียงดังโดยไม่เชื่อคำพูดของไป๋จื่อเยว่เลยสักนิด
“โฮก…!”
แต่ทันใดนั้นกลับมีเสียงคำรามของัดังกึกก้องขึ้นบนหน้าผา งูเจียวสีขาวร่างั์ที่มีความยาวกว่ายี่สิบเมตรค่อยๆ เผยตัวออกมา มันกัดผลิญญาทองคำทั้งสี่ลูกเข้าไปในคำเดียว จากนั้นก็บินทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าและหายเข้าไปในกลีบเมฆ
“นั่นมันอะไรกัน...!”
“นั่นมันอสูรร้ายอันใดกัน!”
“งูเจียว มันคืองูเจียว อยู่ๆ ก็มีงูเจียวปรากฏตัวขึ้นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน"
ทั้งหลี่ว์หยาง ลู่โหย๋วเยี่ยและคนอื่นๆ ต่างก็ตะลึงค้างจนทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ พวกเขาทำได้เพียงมองดูงูเจียวสีขาวฮุบเอาผลิญญาทองคำเข้าปากและบินหนีไปด้วยความมึนงง
“ให้ตายเถอะ ทำไมถึงมีงูเจียวปรากฏตัวขึ้นมาได้ บัดซบเอ๊ย!”
หลี่ว์หยางสบถออกมาพร้อมกับกัดฟันกรอด ภายในใจเขากำลังคิดว่าผลิญญาทองคำทั้งสี่ลูกนั้นควรตกเป็ของเขา
ตอนนี้สิ่งเดียวที่ยังสามารถฉกฉวยมาได้ก็คือผลึกอสูรระดับหนิงกังทั้งสองชิ้นนั่นเท่านั้น
“ดูเหมือนว่าตอนนี้พวกเ้าคงต้องชวดจากผลิญญาทองคำเสียแล้ว”
มู่เฟิงกล่ากลั้วรอยยิ้มอย่างขบขัน ในขณะที่ไป๋จื่อเยว่และศิษย์ตระกูลมู่คนอื่นๆ ต่างก็กลั้นยิ้มเอาไว้เช่นกัน แน่นอนว่าอีกฝ่ายย่อมไม่มีใครรู้ว่างูเจียวตัวเมื่อครู่เป็อสูรที่มู่เฟิงเลี้ยงเอาไว้
“ไม่มีผลิญญา แต่ผลึกอสูรยังอยู่ พวกเ้าจงมอบผลึกอสูรของพวกเ้าออกมาเสีย”
หลี่ว์หยางกล่าวอย่างเ็า เขาคิดจะระบายโทสะใส่พวกมู่เฟิง
“หากข้าบอกว่าไม่ เ้าจะทำอะไรเล่า?”
มู่เฟิงก้าวไปข้างหน้าขณะถามอย่างใจเย็น
“ถ้าไม่ให้ เ้าก็ตาย!”
ดวงตาของหลี่ว์หยางพลันเปลี่ยนเป็เ็า กระบี่ยาวปรากฏขึ้นในมือของเขา จากนั้นอีกฝ่ายก็บุกเข้าหามู่เฟิงอย่างรวดเร็ว คมกระบี่เล็งไปที่ลำคอของมู่เฟิงราวกับ้าจะปลิดชีพเขาในกระบี่เดียว
การเคลื่อนไหวของกระบี่นั้นรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด และกระบี่เล่มนี้ยังถูกบรรจุไว้ด้วยพลังปราณอันมหาศาลของผู้ฝึกยุทธ์ระดับจื่อฝู่ขั้นเก้าอีกด้วย
“เช่นนั้นก็ทำให้ข้าได้เห็นฝีมือของอันดับหนึ่งในรุ่นหน่อยเถอะ”
มู่เฟิงตวัดหอกออกไปด้านข้าง แค่การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยของเขา หอกก็พุ่งปะทะกับกระบี่ของฝ่ายตรงข้ามในทันที และเมื่อพลังทั้งสองสายพุ่งเข้าหากัน คลื่นพลังะเิก็กวาดซัดออกมา
ภายในใจของหลี่ว์หยางเกิดความฉงนใจขึ้นมาเล็กน้อย จากการะเิพลังเมื่อครู่แสดงให้เห็นว่าพลังของอีกฝ่ายไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเขาเลย เด็กหนุ่มตัดสินใจวาดกระบี่ออกไปอีกครั้ง ลำแสงกระบี่สีน้ำเงินสายหนึ่งพลันพุ่งทะลวงเข้าหามู่เฟิงอย่างรวดเร็ว
มู่เฟิงตวัดหอกออกมาทันที ใบมีดสายฟ้าสายหนึ่งถูกส่งออกไปและกวาดทำลายลำแสงกระบี่ที่กำลังพุ่งเข้ามาโดยตรง จากนั้นมันก็พุ่งเข้าไปโจมตีหลี่ว์หยางต่อในทันที
สีหน้าของหลี่ว์หยางเปลี่ยนไปทันใด เขารีบถอยเพื่อหลบหลีกทำให้ใบมีดนั้นพุ่งผ่านร่างของเขาไป จากนั้นเขาก็แผดเสียงคำรามออกมา คราวนี้เขาได้ส่งพลังปราณทั้งหมดในร่างไปยังกระบี่ที่อยู่ในมือ
“เ้าหนุ่ม แม้ว่าผลลัพธ์สุดท้ายเ้าจะพ่ายแพ้ แต่เ้าก็จงภูมิใจเสียเถอะที่สามารถบีบให้ข้าใช้ทักษะวิชาระดับนิลกาฬออกมาได้”
“เคล็ดกระบี่พันวารี!”
กระบี่เล่มนี้ถูกบรรจุไว้ด้วยพลังปราณจนเต็มเปี่ยม เมื่อหลี่ว์หยางวาดกระบี่ออกมา มันก็ควบแน่นขึ้นเป็ปราณกระบี่สีน้ำเงินเล่มั์และพุ่งทะลวงออกไปทางมู่เฟิงที่อยู่เบื้องหน้าทันที อานุภาพพลังของมันนั้นทรงพลังจนน่าตื่นตะลึง
“ทักษะวิชาระดับนิลกาฬ”
เมื่อเห็นอานุภาพพลังของกระบี่เล่มนี้ มู่เฟิงก็หรี่ตาลงเล็กน้อย
“เอาละ ข้าจะทำให้เ้าได้เห็นเองว่าอะไรที่เรียกว่าอันดับหนึ่งของรุ่น”
มู่เฟิงแผดเสียงออกมาก่อนจะปล่อยพลังหมัดออกไปตรงๆ พลังปราณเพลิงภายในร่างพวยพุ่งผ่านเส้นลมปราณอย่างรวดเร็ว
“ไม่ใช่เ้าคนเดียวหรอกนะที่มีทักษะวิชาระดับนิลกาฬ ะเิหมัดเก้าเพลิงสุริยา! หมัดเพลิง”
หมัดที่ถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยเปลวเพลิงสีแดงเข้มพุ่งทะลวงออกไปข้างหน้าและปะทะเข้ากับคมกระบี่ของอีกฝ่ายเข้าอย่างจัง
ปัง…!
ความแรงของพลังหมัดทำให้ปราณกระบี่เล่มนั้นแตกเป็เสี่ยงๆ ในทันที จากนั้นมันก็พุ่งเข้าไปกระแทกร่างของหลี่ว์หยางอย่างแรง จนทำให้ร่างของอีกฝ่ายปลิวกระเด็นไปไกลกว่าสิบเมตรก่อนจะกระอักเืออกมา ดวงตาของเขาพลันเบิกกว้างด้วยความเหลือเชื่อ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้