ซูเช่อที่กลับมาถึงจวนจวิ้นอ๋องบุกไปที่ห้องตำราของเสด็จพ่อทันที รอบกายของเขาคุกรุ่นไปด้วยกลิ่นอายแห่งความเกรี้ยวโกรธ ความเคลื่อนไหวของมือพลิ้วไหว กำลังค้นหาบางสิ่งอย่างระมัดระวัง
ในที่สุด ในแจกันดอกไม้พระราชทานจากฝ่าา ก็หาม้วนภาพที่ท่านพ่อมักจะดูเป็ประจำในยามที่ยังเยาว์วัยพบ
ม้วนภาพเปิดออก ้าเป็สตรีที่ใบหน้างามราวดอกท้อผู้หนึ่ง สตรีนางนั้นสวมชุดกระโปรงสีเขียวอ่อน ในมือถือดอกไห่ถังสีขาวไว้ดอกหนึ่ง กำลังก้มศีรษะลงดมกลิ่นหอม รอยยิ้มที่งดงามนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็สตรีที่มีรูปโฉมเลิศล้ำ
ดวงตาทั้งคู่ของซูเช่อมืดมน มือที่จับม้วนภาพออกแรง แทบอดไม่ได้ที่จะฉีกกระชากให้ขาดออก
“เ้ากำลังทำอะไร!” พลันมีเสียงคำรามด้วยโทสะดังมาจากทางประตู
ซูเช่อหันสายตากลับมา ยามนี้เสด็จพ่อกับท่านแม่กำลังจูงมือกันยืนอยู่เบื้องหน้า รักใคร่ดั่งที่เคยเป็มา
ในสมองยังเวียนวนไปด้วยคำพูดที่หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวไว้ ‘าแบนร่างและที่ดวงตาล้วนเกิดจากการกระทำของมนุษย์’ เมื่อนึกจุดนี้ ในดวงตาของซูเช่อก็เต็มไปด้วยความแค้น
ไม่ผิด สตรีในภาพกับป้ามั่วที่เห็นในวันนี้คล้ายคลึงกันถึงแปดส่วน หากเขาเดาไม่ผิดแล้วล่ะก็ ปีนั้น สตรีที่ท่านแม่ใช้ความตายมาบีบบังคับ จะกำจัดทิ้งก็คือนาง!
“หึ!”
ซูเช่อมิได้หันกลับมา แต่กลับโยนม้วนภาพทิ้งไปด้านข้างอย่างโมโห คิดจะอ้อมร่างของพวกเขาจากไป
ซูเช่อนิสัยเย่อหยิ่ง บุคลิกดื้อรั้น ั้แ่เด็ก เมื่อพบกับเื่ที่ไม่พอใจก็จะมีท่าทีไม่เกรงฟ้าไม่กลัวดินเช่นนี้ ไม่ว่าผู้ใดก็ขัดตาเช่นนี้
“หยุดอยู่ตรงนั้น” เห็นบุตรชายไร้มารยาทเช่นนี้ บนใบหน้าของจวิ้นอ๋องแสดงความไม่พอใจ “ในเมื่อเ้ากลับมาแล้ว ก็มาพูดกับพ่อดีๆ ข้าได้ยินว่า่ก่อนหน้า เ้าถือโอกาสที่ข้ากับเสด็จแม่ของเ้าไม่อยู่ที่เมืองหลวง ถึงกับแสดงจุดยืนกับฝ่าาว่าจะไม่เชื่อมสัมพันธ์ผ่านการแต่งงานกับจวนอัครเสนาบดี เ้ารู้หรือไม่ว่าเ้าได้ทำสิ่งใดลงไป ช่างขาดการไตร่ตรองนัก”
ไม่กลับมาก็ช่างแล้ว ทันทีที่กลับมาก็เป็การชี้จมูกด่า ซูเช่อที่เดิมมีความโกรธอยู่เต็มท้อง ในยามนี้ยิ่งเพลิงโทสะสูงเทียมฟ้า
เื่การแต่งงานของข้า ข้าตัดสินใจเอง ข้าอยากแต่งงานกับสตรีนางใดก็เป็เื่ของข้า หลันเชี่ยนหยิ่งนางไม่คู่ควรจะเป็ชายาเอกของข้า ข้าอยากปฏิเสธก็ปฏิเสธไปแล้ว พวกท่านพูดอีกก็ไม่เกิดประโยชน์
ไม่ว่าใครก็มองออกว่าเขากำลังพยายามอดกลั้น มิได้ปลดปล่อยออกมา
จวิ้นหวางเฟยรีบก้าวเข้าไปจับมือของเขาไว้ “เช่อเอ๋อร์ พูดกับเสด็จพ่อของเ้าเช่นนี้ได้อย่าง พวกเราทุกคนก็ล้วนทำเพื่อเ้า”
“สถานะของอัครเสนาบดีในราชสำนักตอนนี้ดุจดั่งอาทิตย์ยามเที่ยง เห็นแก่ความสัมพันธ์พวกเราก็ควรสนับสนุนไท่จื่อ หากสองฝ่ายเชื่อมสัมพันธ์ด้วยการแต่งงาน ก็จะเพิ่มความมั่นคงให้กับการร่วมมือ เพื่อประโยชน์ส่วนตัวส่วนตัวเ้ากับสร้างผลกระทบที่ใหญ่หลวงเช่นนี้ ความเฉลียวฉลาดในยามปกติของเ้าเล่า ความเด็ดเดี่ยวมั่นคงของเ้าไปอยู่ที่ใดหมดแล้ว!” จวิ้นอ๋องพิโรธอย่างมาก
“ช่างเถอะข้าจะถือว่าเื่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน พรุ่งนี้ข้าจะเข้าวังขอพระบัญชาจากฝ่าา ให้ทรงพระราชทานสมรสให้พวกเ้าทั้งสองอย่างเป็ทางการ เ้าจำไว้ เมื่อถือกำเนิดในตระกูลสูงศักดิ์ เื่การแต่งงานและความสุขชั่วชีวิตของเ้าก็ไม่ใช่เื่ที่เ้าจะทำตามใจได้อีก ”
ไฟโทสะที่มีอยู่เต็มท้องของซูเช่อในที่สุดก็ถูกจุดขึ้นมาแล้ว เขาสะบัดมือของเสด็จแม่ออกอย่างรุนแรง สาวเท้ายาวไปยังเบื้องหน้าของจวิ้นอ๋อง เชิดศีรษะ ในยามที่ดวงตาทั้งสี่ประสานกัน ประกายไฟก็กระจายไปทั่วทุกทิศทาง
“เื่ของพวกท่าน อาศัยอะไรมาเอาความสุขของข้าไปแลกเปลี่ยน พวกท่าน้าสนับสนุนไท่จื่อเป็เื่ที่พวกท่านตัดสินใจ แม้ข้าจะเกิดในตระกูลสูงศักดิ์ หรือจะต้องแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับจวนอัครเสนาบดีเท่านั้น? เหอะ หลันเชี่ยนหยิ่งผู้นั้น หากท่านเต็มใจ ท่านก็ไปแต่งเข้ามาแล้วกัน?”
กลับไปสู่ภาพลักษณ์ที่เสเพล เย่อหยิ่งไม่ฟังใครดังเช่นในอดีตอีกครั้ง จวิ้นอ๋องโมโหอย่างมาก ยกมือขึ้นได้ก็จะตีลงไป แต่ถูกภรรยาห้ามไว้ทันที “ท่านพี่ นี่คือเช่อเอ๋อร์นะ ท่านจะทำสิ่งใด?”
“หากวันนี้ข้าไม่สั่งสอนเขา จะยิ่งทำให้เขาไร้กฎไร้หลักเกณฑ์ วันหลังยิ่งไม่อาจควบคุมแล้ว” แม้จะพูดเช่นนี้ แต่มือของจวิ้นอ๋องกลับมิได้ตีลงไปจริงๆ
จวิ้นหวางเฟยถอนใจทีหนึ่ง รู้ว่าไม้แข็งใช้ไม่ได้ก็เปลี่ยนมาใช้ไม้อ่อน กอดแขนของจวิ้นอ๋องไว้ไม่คิดปล่อย “พอแล้ว กับลูกจะโมโหเช่นนี้ไปเพื่อเหตุใด มีสิ่งใดที่พูดดีๆไม่ได้?”
สตรีเมื่อออดอ้อนขึ้นมา ต่อให้บุรุษจะมีหัวใจแข็งประดุจเหล็กหรือก้อนหินเยี่ยงไรก็สามารถอ่อนละลายลงแล้ว
จวิ้นอ๋องมองภรรยาในอ้อมกอด ที่ยังคงงดงามไม่เปลี่ยนแปลง ราวสิบปีประดุจหนึ่งวัน ลูบเกศายาวของนางอย่างรักใคร่ เมื่อมองซูเช่ออีกครั้ง เขาก็เปลี่ยนเป็น่าเกรงขาม “ผู้ใดบอกว่าการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ของตระกูลใหญ่ไม่มีความสุข เ้าดูข้ากับเสด็จแม่ของเ้า หลายปีมานี้ยังคงรักใคร่ มีสิ่งใดผิดหรือ? หลันเชี่ยนหยิ่งผู้นั้นเป็คุณหนูผู้มากความสามารถอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวง หรือยังไม่คู่ควรกับเ้าอีก? ”
ซูเช่อหัวเราะเยาะ “รักใคร่จริงหรือ? พวกท่านมีชีวิตอย่างมีความสุขจริงหรือ? หรือพวกท่านลืมความผิดที่ตนเคยได้กระทำไปแล้ว?”
การเค้นถามที่ดังขึ้นเรื่อยๆ สีหน้าของซูเช่อเยียบเย็น ดวงตาโชนแสง แต่ละถ้อยแต่ละคำราวกับทิ่มแทงลงบนจุดที่เ็ปของผู้คน
ทั่วทั้งร่างของจวิ้นอ๋องตะลึงงัน สายตามองไปยังภาพเบื้องหน้าโต๊ะหนังสือที่เขาเพิ่งโยนลงไป มุมปากกระตุกไม่หยุด “เ้าลองดูว่าทัศนคติของเ้าเป็เช่นใด ได้ เ้าไม่ยินยอมใช่หรือไม่? ก่อนหน้านี้ข้าเพียงปรึกษากับเ้า เยี่ยงนั้นตอนนี้ข้าขอบอกเ้า หลันเชี่ยนหยิ่งนั้น เ้าไม่อาจไม่แต่ง!”
จวิ้นหวางเฟยตระหนักได้ว่าสถานการณ์ไม่ดี ร่างกายที่สั่นสะท้านเดินไปยังข้างกายซูเช่ออย่างช้าๆ “เช่อเอ๋อร์ อย่าได้โกรธเสด็จพ่อของเ้า ที่พวกเราทำเช่นนี้ก็ล้วนเพื่อประโยชน์ของเ้าทั้งสิ้น เ้าดูข้ากับเสด็จพ่อของเ้า ปีนั้นก็เป็การแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ทางการเมืองเช่นกัน แม้ว่าตอนแรกต่างฝ่ายต่างไม่ชอบหน้า แต่การขัดเกลากาลของเวลาได้ทำให้พวกเราทั้งสองฝ่ายเห็นความสำคัญของอีกฝ่ายมากยิ่งขึ้น หลันเชี่ยนหยิ่งเด็กสาวคนนั้น สง่างาม มีคุณธรรม และยังรู้จักเห็นแก่สถานการณ์ใหญ่ ข้าเชื่อว่านางจะกลายเป็ภรรยาที่ดีที่สุดของเ้า”
ซูเช่อยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ เพลิงโทสะแปรเปลี่ยนเป็รอยยิ้มที่เ็า เขามองมารดาอย่างเย้ยหยันตนเอง “โอ้ เยี่ยงนั้นหรือ? เช่นนั้นเช่อเอ๋อร์ขอบังอาจถามเสด็จแม่ว่า พวกท่านยังจำมั่วเหนียงในตอนนั้นได้หรือไม่ พวกท่านคิดว่านางตายไปแล้วจริงๆหรือ? ”
คำนี้เมื่อพูดออกมา คนทั้งสองที่เมื่อครู่ยังรักษาควางสงบเยือกเย็นอยู่ได้ ในเสี้ยววินาทีก็ราวกับถูกสายฟ้าฟาด
จวิ้นหวางเฟยยิ่งซวนเซถอยหลังไปหลายก้าว
“เ้า คำนี้ของเ้าหมายความว่าอย่างไร?” นางยื่นนิ้วชี้ออกมาอย่างสั่นเทาชี้ไปยังใบหน้าของซูเช่อ สุดท้ายก็รีบส่ายศีรษะ “ไม่ เป็ไปไม่ได้ คนผู้นั้นจากไปนานหลายปีแล้ว ข้าเห็นศพของนางด้วยตนเอง หรือว่า…”
ไม่หรือว่าคิดถึงสิ่งใดขึ้นมา จวิ้นหวางเฟยรีบหันสายตาไปมองสวามีของตน ในดวงตามีความซับซ้อน คิดอยากพูดสิ่งใดแต่ก็ลังเล
จวิ้นอ๋องไม่กล้าสบตาของชายา ถูกคนพูดถึงเื่ในอดีตเมื่อยี่สิบปีก่อนขึ้นมาอีกครั้ง ในดวงตาของเขาหลบเลี่ยง สุดท้ายก็นำเพลิงโทสะไปลงที่ซูเช่อ “เ้าลูกอกตัญญู เ้าพูดจาเหลวไหล”
“หึ ก็ถือว่าข้าพูดจาเหลวไหล ดังนั้นพวกท่านลองดูสภาพของพวกท่านในตอนนี้ ความรักใคร่ปรองดองในยามปกติก็เสแสร้งออกมากระมัง” รอยยิ้มของซูเช่อยิ่งเ็ากว่าเดิม ในใจยิ่งเศร้าสลดอย่างสุดแสน เหตุใดเขาจึงได้มีบิดามารดาที่จอมปลอมเช่นนี้
“ดังนั้น ตอนนั้นที่พวกท่านแต่งงานกันก็เพียงเพื่ออำนาจเท่านั้น การแต่งงานที่ถูกบังคับเช่นนี้ไม่มีความสุข และก็ไม่ใช่สิ่งที่ข้า้า”
สะบัดแขนเสื้อ ซูเช่อสาวเท้ายาวจากไป เหลือไว้เพียงคนทั้งสองที่มองกันอย่างโกรธแค้นอยู่ในห้อง
หลิงมู่เอ๋อร์ออกมาจากโรงหมอ ขณะกำลังคิดจะไปที่ร้านอาหาร วันนี้ลูกค้าที่มาทำการรักษามีไม่มาก นางจึงถือโอกาสให้ซางจือกับเจี้ยงเซียงหยุดพักด้วย เมืองหลวงใหญ่ถึงเพียงนี้ จะอย่างไรก็ควรไปดูให้ดี
ระหว่างทาง รู้สึกอยู่ตลอดว่ามีคนตามอยู่ด้านหลังผู้หนึ่ง หลิงมู่เอ๋อร์ยืนอยู่กับที่แล้วหันไปมอง มีเพียงชาวบ้านธรรมดา นางเดินต่อไปเบื้องหน้าอีกครั้ง เงานั้นก็ราวกับจะตามมาอีกแล้ว นางโค้งริมฝีปาก หยุดลงที่ด้านหน้าของร้านเครื่องประทินโฉมแห่งหนึ่ง หยิบกระจกทองแดงเล็กๆขึ้นมาพลิกเล่นอย่างไม่ตั้งใจ ท่าทีราวกับกำลังส่องกระจก ในความเป็จริงแล้วกำลังมองภาพในกระจกอยู่
อีกฝ่ายเ้าเล่ห์มาก ทันทีที่ตระหนักได้ถึงวัตถุประสงค์ของนางก็รีบซ่อนตัวทันที แต่หลิงมู่เอ๋อร์ยังคงจับเงาร่างที่หันหลังของเขาได้แล้ว
“แม่นาง ข้าว่าท่านจะซื้อหรือไม่ซื้อเล่า หากท่านไม่ซื้อก็อย่าได้ทำให้พวกเราเสียเวลาทำการค้า”
เด็กขายของที่ไม่พอใจผู้ที่เอาแต่ดูแต่ไม่ซื้อเช่นนี้ หลิงมู่เอ๋อร์โยนเงินลงไปหนึ่งตำลึงอย่างรวบรัด เก็บกระจกทองแดงเข้าไปในอก กลับไปมอบให้ท่านแม่ก็ไม่เลว
นางเดินส่ายอาดๆไปข้างหน้า บางครั้งเร่งฝีเท้า บางครั้งจงใจชะลอความเร็วของการก้าว เดินเดินหยุดหยุด กระทั่งถึงทางแยกที่อยู่เบื้องหน้า การก้าวที่เดิมตรงไปเบื้องหน้าของนาง ถือโอกาสที่คนไม่ได้สังเกตเลี้ยวขวาอย่างกะทันหัน นั่นเป็ตรอกที่อยู่ห่างไกลแห่งหนึ่ง เปลี่ยวร้างอย่างมาก
หลิงมู่เอ๋อร์ถือโอกาสที่อีกฝ่ายไม่ทันระวัง หยิบไม้ท่อนหนึ่งออกมาจากในมิติ แอบซ่อนอยู่ในมุม เสียงฝีเท้ายิ่งมายิ่งใกล้ นางหยิบกระจกทองแดงยื่นออกไป เป็อย่างที่คิด เห็นเงาร่างลับๆล่อๆคล้ายกำลังค้นหาสิ่งใด นางรีบไปยังด้านหลังของชายผู้นั้นทันที ท่อนไม้กำลังจะตีลงไป
“เป็ข้า!”
บุรุษััได้ว่าอันตรายอยู่ที่เื้ั ในเสี้ยววินาทีที่ท่อนไม้ฟาดลงมา ร่างกายหมุนกลับ ข้อมือออกแรง จับท่อนไม้ไว้อย่างมั่นคง
คล้ายจะเป็น้ำเสียงที่คุ้นเคย หลิงมู่เอ๋อร์จึงได้มองเห็นอย่างชัดเจนว่า ผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าถึงกับเป็ซูเช่อ
เห็นเขาเปลี่ยนจากอาภรณ์สีขาวในอดีตเป็ชุดยาวสีดำ บนใบหน้ายังใส่หน้ากากอยู่ครึ่งหน้าด้วย “จวิ้นอ๋องน้อยแสร้งทำเป็เท่หรือ”
“ดื่มเป็เพื่อนข้าซักจอก” น้ำเสียงของเขาทุ้มหนัก ถูกเย้าแหย่แล้วก็ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ “เ้าติดค้างข้า”
หลิงมู่เอ๋อร์กำลังคิดจะปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นความเศร้าสร้อยบางๆที่อยู่บนตัวเขา ก็พยักหน้าอย่างใจอ่อน
คนทั้งสองมิได้ไปที่ร้านอาหารสกุลหลิง แต่หิ้วสุราสองไหไปข้างทะเลสาบที่ชานเมืองตะวันตก
ชานเมืองตะวันตกในยามค่ำคืนงดงามเกินพรรณนา บางครั้งก็มีเรือพายผ่านไป บางครั้งก็มีชายหญิงที่มาพบกันตามนัดหมาย หลิงมู่เอ๋อร์นั่งอยู่ข้างกายซูเช่อนิ่งๆ มองเขาดื่มอึกแล้วอึกเล่า ไม่ว่าอย่างไรก็ดื่มไม่เมา
“ซูเช่อ ท่านไม่เป็ไรกระมัง?” ซูเช่อในวันนี้มืดมนจนน่ากลัว เป็ลักษณะที่หลิงมู่เอ๋อร์ไม่เคยเห็นมาก่อน
ยังจำได้ถึงครั้งแรกที่เห็นเขา สีหน้าซีดขาว หายใจร่อแร่ เมื่อตื่นขึ้นมาทั่วร่างก็เปี่ยมไปด้วยพลังราวัพยัคฆ์ และราวกับมารร้าย ทำให้คนคาดเดาไม่ถูก
ตัวเขาในยามนี้ ราวประสบกับเื่ราวที่สิ้นหวังอย่างมากมา ทำให้คนอดไม่ได้ที่จะมอบอ้อมกอดให้
“เ้าเคยพบกับความสิ้นหวังหรือไม่”
มีสุราไหลผ่านมุมปากของเขา ซูเช่อใช้หลังมือเช็ดอย่างไม่ใส่ใจ เสร็จแล้วยังโยนไหเปล่าที่พึ่งดื่มหมดไปยังอีกฝั่ง ความเคลื่อนไหวสง่างามเป็ธรรมชาติ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจมีความสุขขึ้นมา
“ปีนั้นตอนอยู่ที่หมู่บ้านสกุลหลิง พวกเราทั้งครอบครัวสามวันสามคืนน้ำซักหยดก็ไม่ได้ดื่ม เวลานั้น ข้าแม้แต่รองเท้าที่พอดีกับเท้าคู่เดียวก็ไม่มี ใกล้จะหนาวตายแล้ว และใกล้จะหิวตายแล้ว นั่นถือเป็ความสิ้นหวังหรือไม่”
เสียงของหลิงมู่เอ๋อร์ราบเรียบ สายตาราวย้อนกลับไปในอดีต
เหอะ หากนางมิได้เกิดใหม่อีกครั้งมายังโลกใบนี้ ยังจะมีแม่นางเซียนแพทย์ที่ไหน ยังจะมีนางหลิงมู่เอ๋อร์อยู่ที่ใดอีก? นี่ ถือเป็ความสิ้นหวังหรือไม่
ซูเช่อมองนางอย่างไม่อยากเชื่อ หลังสนใจในตัวนางก็เคยตรวจสอบนางจริงๆ แต่ก็มิได้รู้อย่างละเอียดเช่นนี้ เดิมคิดว่า หลังจากพูดเช่นนี้ออกมาตัวนางจะโศกเศร้าอย่างมาก แต่ในดวงตาของนางกับเต็มไปด้วยความคาดหวังต่ออนาคตแทน
“ข้ารู้ว่า์ไม่ตัดหนทางคน หาก์ปิดประตูบานหนึ่งของข้า ก็จะต้องเปิดหน้าต่างบานหนึ่งให้ข้าอย่างแน่นอน ดังนั้น ขอเพียงข้าเพียรพยายามไปทำเื่ที่ตนอยากทำ ไม่ผิดต่อใจตนเองก็พอแล้ว ท่านดูข้าตอนนี้ ท่านสามารถคิดถึงสภาพเหมือนผีที่ดำคล้ำ ผอมโซ กินไม่อิ่มสวมไม่อุ่นหรือไม่?”
หลิงมู่เอ๋อร์สำเร็จแล้ว ใช้คำพูดของหยางซื่อ การเปลี่ยนแปลงของนางราวกับเกิดใหม่เปลี่ยนกระดูก แต่ซูเช่อรู้ว่า นางมิได้กำลังโอ้อวดสิ่งใดกับตน
มือใหญ่สะบัดทีหนึ่ง ไม่ว่านางจะยินยอมหรือไม่ยินยอม ยืนกรานที่จะกดนางไว้ในอ้อมกอด “แค่ครู่เดียว ให้ข้ากอดเพียงครู่เดียวเท่านั้น หลิงมู่เอ๋อร์ ขอบคุณเ้ามาก”