“เยี่ยสุยต้องลงเขาไปทำธุระเล็กน้อย กลับมาไม่ได้หลายวัน าแนี้ทำให้ข้าไม่อาจดูแลตนเองได้ แม่นางช่วยดูแลข้าสักสามสี่วันได้หรือไม่? ข้ามีเงินเหลือเล็กน้อย จะยกให้แม่นางทั้งหมด ถือเป็ค่าตอบแทน แม่นางคิดเห็นเช่นไร?” ชายหนุ่มพูดแล้วหยิบแท่งเงินออกมา
ซ่งอวี้ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ทว่าสุดท้ายก็รับปาก
เพราะถึงอย่างไรนางก็ยากจนยิ่งนัก
เยี่ยสุยที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็ชุดที่ทะมัดทะแมงแล้วเดินเข้ามาในเรือน ซ่งอวี้คิดว่าเขาน่าจะมีเื่คุยกับนายของเขา นางจึงลุกออกไป “ข้าขอตัวไปต้มยาให้ท่านก่อนนะเ้าคะ”
นางหาที่ว่างเพื่อจัดวางก้อนหินเป็เตาขนาดเล็ก ก่อไฟ เทยาที่ตนนำมาลงไปในหม้อดิน จากนั้นเทน้ำในลำธารบนหุบเขาตามลงไปแล้วเริ่มต้มยา
ไม่นาน เยี่ยสุยเดินออกมาแล้วยืนตรงหน้านาง “เมื่อวานเยี่ยสุยผู้นี้เสียมารยาทกับแม่นาง หวังว่าแม่นางจะไม่เก็บมาใส่ใจ”
ซ่งอวี้ยิ้มให้เขา “ข้ามิได้เก็บมาใส่ใจ เ้าเองก็ทำเพราะต้องคำนึงถึงความปลอดภัย ข้าเข้าใจ”
ใบหน้าของเยี่ยสุยแดงระเรื่อเล็กน้อย โค้งตัวคำนับนาง "สามสี่วันนี้รบกวนแม่นางช่วยดูแลนายท่านของข้าแล้ว ขอบคุณแม่นางเป็อย่างยิ่ง”
“วางใจเถิด ข้าจะดูแลเขาอย่างดี” ซ่งอวี้รับปาก
เยี่ยสุยมองไปที่กระท่อมด้วยความอาวรณ์ จากนั้นก็หมุนกายหันหลังเดินจากไป
เพียงไม่นานซ่งอวี้ก็ต้มยาเสร็จ นางยกเข้าไปในกระท่อม
ชายหนุ่มดื่มยาจนหมด เช็ดริมฝีปากแล้วยิ้มให้นาง “ข้ามีนามว่าหลี่เฉิง ไม่ทราบว่าแม่นางมีนามว่ากระไร?”
“ซ่งอวี้” ซ่งอวี้ตอบ
“แม่นางอาศัยอยู่ในหมู่บ้านด้านล่างหุบเขาหรือ?”
ซ่งอวี้พยักหน้า “หมู่บ้านเสี่ยวหนิว”
ทั้งสองพูดคุยกันเล็กน้อย หลี่เฉิงดูอิดโรย ซ่งอวี้จึงพยุงเขาไปนอนบนเตียง “ท่านนอนพักเถอะ ข้าจะไปทำมื้อกลางวันให้”
หลี่เฉิงพยักหน้า หลับตาลงแล้วนอนหลับไป
ซ่งอวี้เดินออกไปด้านนอก ใช้ไฟที่ก่อตอนต้มยา มาทำข้าวต้มต่อ
เมื่อข้าวต้มใกล้จะสุกแล้ว นางก็เดินไปดูหลี่เฉิงในห้อง เห็นเขานอนหลับตาพริ้ม หายใจเป็จังหวะสม่ำเสมอ คงจะหลับสนิท นางทำใจปลุกเขาไม่ลง ขณะที่กำลังจะเดินออกมานั้น นางกวาดสายตาไปเห็นห่อผ้าวางอยู่ใต้เตียง ห่อผ้านั้นเปิดออกเล็กน้อย เผยให้เห็นของสีดำที่อยู่ด้านใน
หัวใจของนางเต้นแรง เดินไปหยิบห่อผ้าออกจากใต้เตียงมาดู เมื่อเห็นว่าของสีดำนั้นคือหน้ากากผี ทั้งยังมีชุดสีขาวขนาดใหญ่วางไว้ข้างๆ นางก็เข้าใจทุกอย่างทันที
ที่แท้ผีที่ออกอาละวาดบนหุบเขา ก็คือสิ่งนี้นี่เอง!
หลี่เฉิงป่วย ไม่อาจแกล้งเป็ผีได้ เช่นนั้นก็ต้องเป็ฝีมือของเยี่ยสุยอย่างแน่นอน
เหตุใดเยี่ยสุยต้องแกล้งเป็ผีด้วยเล่า?
ซ่งอวี้ครุ่นคิดครู่หนึ่งก็เข้าใจเหตุผล เยี่ยสุยแกล้งเป็ผีเพื่อหลอกให้คนออกไปจากหุบเขา คาดว่าทำเพื่อปกป้องหลี่เฉิงอย่างแน่นอน เพื่อไม่ให้ผู้ใดพบเห็นร่องรอยของหลี่เฉิง
นึกถึงาแหน้าตาประหลาดของหลี่เฉิง ไหนจะสีหน้ายากจะคาดเดาของนายและบ่าวคู่นี้ ซ่งอวี้คิดว่า สองคนนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
เวลานี้ หลี่เฉิงที่อยู่บนเตียงก็ขยับตัวเล็กน้อย คล้ายกำลังจะตื่นนอน ซ่งอวี้จึงรีบดันห่อผ้ากลับเข้าไปใต้เตียง แสร้งทำเหมือนไม่มีเื่อะไรเกิดขึ้น
หลี่เฉิงงัวเงียตื่น ซ่งอวี้เดินออกไปยกข้าวต้มเข้ามาให้เขารับประทาน
ตอนเย็นดูเหมือนว่าหลี่เฉิงจะเป็ไข้ต่ำๆ ซ่งอวี้ไม่วางใจ ตอนกลางคืนนางจึงไม่กลับเรือน ปูผ้านอนในกระท่อม แต่ถึงอย่างไรนี่ก็เป็ครั้งแรกที่นางนอนห้องเดียวกับบุรุษ นางพลิกตัวไปมา นอนไม่หลับ ขณะที่กำลังหงุดหงิดอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงของหลี่เฉิงที่อยู่บนเตียงพูดขึ้น
“เ้านอนไม่หลับหรือ?”
“อืม ท่านเองก็นอนไม่หลับเช่นกันหรือเ้าคะ?” ซ่งอวี้ย้อนถาม
หลี่เฉิงหัวเราะ “เมื่อตอนกลางวันข้านอนมากเกินไป ตอนกลางคืนจึงนอนไม่ค่อยหลับ เช่นนั้นพวกเราสองคนคุยกันดีหรือไม่?”
“เ้าค่ะ” ซ่งอวี้ตอบ แต่ไม่รู้ว่าจะคุยเื่อะไร โชคดีที่หลี่เฉิงเป็คนพูดก่อน
“ตอนกลางคืนเ้าไม่กลับเรือน คนในครอบครัวไม่เป็ห่วงหรือ?”
“ไม่เ้าค่ะ” น้ำเสียงของซ่งอวี้ฟังดูลุ่มลึก “คนในครอบครัวของข้าล้วนตายจากข้าไปหมดแล้ว ตอนนี้เหลือข้าอยู่บนโลกใบนี้เพียงลำพัง”
หลี่เฉิงเงียบครู่หนึ่ง “ขอโทษด้วย ข้าไม่รู้”
“ไม่เป็ไรเ้าค่ะ อยู่คนเดียวก็สุขสบายดี วันข้างหน้ารอข้าเก็บหอมรอมริบได้เงินจำนวนหนึ่ง ข้าก็สามารถไปจากหุบเขาแห่งนี้ได้โดยไม่มีสิ่งใดให้ต้องเป็ห่วง ข้าจะออกไปดูโลกกว้างเ้าค่ะ” ซ่งอวี้ยิ้มอย่างสดใส
ความทรงจำของร่างเดิมทำให้นางรู้ว่าหมู่บ้านในหุบเขาพิบูลย์ทมิฬที่ร่างเดิมอยู่อาศัยไม่ห่างจากเมืองหลวงเท่าใดนัก ทว่าั้แ่เล็กจนโตร่างเดิมกลับไม่เคยไปเมืองหลวงเลย สักวันหนึ่ง นางจะต้องไปเมืองหลวงให้ได้สักครา จะได้ไม่เสียแรงที่อุตส่าห์ทะลุมิติมา
เมื่อนึกถึงเมืองหลวง นางอดไม่ได้ที่จะถามหลี่เฉิง “ท่านเคยไปเมืองหลวงหรือไม่?”
“แน่นอนว่าย่อมเคยไป”
“เช่นนั้นเมืองหลวงเป็เช่นไร เจริญรุ่งเรืองหรือไม่?” นางสงสัยใคร่รู้
หลี่เฉิงยิ้มบางๆ “เจริญรุ่งเรือง เมืองหลวงของแคว้นเป่ยเฉินนับว่าเป็เมืองที่เจริญเป็อันดับต้นๆ”
“เช่นนั้นย่อมมีร้านขายยาและสำนักแพทย์มากมายกระมัง?”
“แน่นอน”
“อืม หากเปิดสำนักแพทย์ในเมืองหลวงได้คงเป็เื่ที่ดีที่สุด” ซ่งอวี้พูดเสียงเบา ถ้อยคำนี้นางบอกกับตนเอง ถือเป็การสร้างปณิธานให้ตนเองด้วย
แต่ว่าหลี่เฉิงฟังแล้ว กลับลอบขมวดคิ้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้