นางขึงตาจ้องด้วยความโกรธ แต่อีกฝ่ายกลับไม่สะทกสะท้าน เขาลดขาขวาลง ขยับเปลี่ยนตำแหน่ง
“ไปทำอาหารเถอะ ข้าหิวแล้ว”
เชอะ! เห็นข้าเป็มารดาเฒ่าของเ้าหรือไร มาอาศัยกินอยู่เปล่าๆ ไม่พอ ยังกล้าวางอำนาจออกคำสั่งกับผู้อื่น!
หลี่ไหวฺอวี้ราวกับเดาได้ว่าิเป่าจูคิดอะไรอยู่ เขาพับแขนเสื้อขึ้น เชิดคางเล็กน้อย ทำท่าบุ้ยใบ้ชี้ไปข้างนอก “นั่นด้วย”
แค่คำเดียว ิเป่าจูก็ตีอกกระแทกส้นเท้าแหงนหน้าะโขึ้นฟ้า ก่อนเดินเข้าครัวไปทำหน้าที่มารดาเฒ่าด้วยความคับแค้นใจ
ใครใช้ให้ผู้อื่นมาปรากฏตัวยามหน้าสิ่วหน้าขวาน ต่อสู้กับคนอื่นเพื่อเ้ากันเล่า แม้ทักษะยุทธ์จะสูงส่งและแข็งแกร่งเพียงใด ที่แขนก็เหลือาแทิ้งไว้มากมาย
ใครใช้ให้ผู้อื่นมีความรู้กว้างขวาง เอ่ยวาจาเพียงสองสามคำก็สามารถกำราบนักพรตปลอมที่กล่าวหาว่าเ้าเป็ปิศาจซ้ำยังคิดจะเผาเ้าได้อีกด้วย
ใครใช้ให้เขารวบรวมไม้ที่เหลือมาต่อเป็เพิงไม้ระแนงที่สมบูรณ์แบบ เหมางานของทั้งสามคนมาทำเองคนเดียวเล่า
ผลงานขนาดนี้ จะกล้าว่าเขามากินอยู่เปล่าๆ ซ้ำยังต้องดูแลรับใช้เยี่ยงบรรพบุรุษได้อย่างไร
หลังจากนั้นิเป่าจูก็ไม่ได้เข้าไปขายสมุนไพรในเมืองอีก ไม่มีงานทำเพื่อหารายได้ นางทุ่มเทจิตใจไปที่การปลูกสมุนไพรที่หลังเขา
ตื่นแต่เช้ากลับถึงบ้านยามโพล้เพล้ทุกวัน ตอนเที่ยงวันยังเอาอาหารแห้งที่เตรียมไว้ล่วงหน้าในกระบุงสะพายหลังมากัดกิน
ถ้าเกิดหิวระหว่างนั้นก็ยังมีผลไม้ป่าพอที่จะยาไส้ได้ชั่วคราว แต่เพราะความเปรี้ยวและฝาดยากจะทานทน ปกติแล้วิเป่าจูจึงเลือกที่จะไม่กิน เว้นแต่จะหิวมากจริงๆ
แม้ว่านางจะออกเช้ากลับค่ำเช่นนี้ ไม่ค่อยได้พบเจอใคร แต่ก็ยังสังเกตได้ถึงความแปลกประหลาดบางอย่าง
เมื่อใดก็ตามที่นางพบกับชาวบ้านระหว่างทาง อีกฝ่ายมักจะทำท่าราวกับวิหคตื่นคันศร [1] ไม่ว่าจะทำสิ่งใดอยู่ก็ตามต้องหันมามองนางก่อนเสมอ หลังจากนั้นก็เดินหนีไปอย่างเร่งร้อน
เช่นเดียวกับตอนนี้
“นี่...” ิเป่าจูถูกสายตาชอบกลสารพัดแบบจดจ้องจนสุดจะทนแล้ว อยากจะเข้าไปถาม แต่ใครจะรู้ว่าชาวบ้านต่างพยายามหลีกลี้หนีห่างด้วยความตื่นกลัว ปานกำลังประสบกับน้ำหลากหรือสัตว์ร้าย
ระหว่างทางมีแต่สายตาประหลาดกับเสียงกระซิบวิพากษ์วิจารณ์ ิเป่าจูทนไม่ไหวอีกต่อไป คว้าตัวคนที่ยืนอึ้งคนหนึ่งไว้ได้
“ท่านลุง ท่านหนีอะไรหรือ” ิเป่าจูถามพลางจดจ้องเขา
“เ้าอย่ารั้งข้าเลย ทะ...ที่บ้านข้ายังมีงานต้องทำ ยังมี...” ชายวัยกลางคนสะบัดมือหลุดจากการเกาะกุมของิเป่าจูมาได้ ก็วิ่งโกยอ้าวสุดชีวิตไม่หันกลับมาอีกเลย
หลังจากนั้นนางก็เข้าไปขวางอีกสองสามคน ก็ได้พบปฏิกิริยาตอบสนองแบบเดียวกัน ทำให้ิเป่าจูเกิดความสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ
ในที่สุดก็ได้ยินความจริงเองกับหูที่หัวมุมทางเลี้ยวแห่งหนึ่ง ซ้ำยังเป็ความจริงที่ไร้แก่นสารอย่างยิ่ง
“พวกเ้าคิดว่าิเป่าจูนั่นมีทักษะการแพทย์จริงหรือ”
“ใครจะไปรู้เล่า แต่วันนั้นข้าก็อยู่ในเหตุการณ์ หัวหน้าหมู่บ้านให้นางรักษา หากมีอะไรเกิดขึ้น ป่านนี้สกุลหยวนก็คงออกมาโวยวายแล้ว ไม่แน่อาจเป็เื่จริงก็ได้”
“ถ้านางมีความสามารถในการรักษาโรคสูงส่งกว่าท่านหมอหลี่จริง บิดาชราบ้านข้าที่ล้มป่วยอยู่ก็ให้นางไปรักษาได้น่ะสิ”
“พวกเ้าอย่าทำเช่นนั้นเป็อันขาด ข้ารู้จักนางดี ั้แ่เล็กไม่มีวิชาความรู้ จิตใจคับแคบเ้าคิดเ้าแค้น ปกติทุกคนก็ชอบว่าร้ายนางอยู่ไม่น้อย หากนางคิดฉวยโอกาสแก้แค้นขึ้นมา เพิ่มอะไรบางอย่างลงไปในยาของเ้า...”
ทั้งหมดล้วนเป็เสียงของสตรี ิเป่าจูรู้จักคนน้อย แยกไม่ออกว่าใครเป็ใคร แต่เสียงของคนท้ายสุดไม่มีใครคุ้นเคยไปกว่านางอีกแล้ว
ไม่นึกว่าแม้แต่เวลานี้อีกฝ่ายก็ยังไม่ลืมโพนทะนาใส่ร้ายป้ายสีนางไปทั่ว ท่านป้าสะใภ้ผู้แสนประเสริฐของนาง หวังซื่อ!
“เช่นนั้นข้าพาไปหาท่านหมอหลี่ดีกว่า”
“ข้าขอเตือน เวลาเดินอยู่ตามถนนก็ให้ระวังไว้ด้วย ทางที่ดีอยู่ให้ห่างจากนางหน่อย” หวังซื่อกดเสียงกระซิบ
“เพราะเหตุใดเล่า?”
“แพทย์และพิษล้วนมีต้นกำเนิดเดียวกัน อย่าให้นางคิดแค้นวางยาพิษใส่เ้า ถึงเวลาตนเองตายอย่างไรก็ยังไม่รู้ตัว แล้วจะหาว่าข้าไม่เตือน”
“ไอ้หยา เช่นนั้นก็ต้องหลบให้ดีเสียแล้วสิ”
ฟังมาถึงตรงนี้ิเป่าจูก็แทบจะหลุดขำออกมา ดูท่าปกติคนผู้นี้คงนินทาว่าร้ายนางลับหลังเอาไว้มากกระมัง มิเช่นนั้นถูกหวังซื่อขู่ส่งเดชไม่กี่คำจะใจฝ่อร้อนตัวขนาดนี้ได้อย่างไร
หวังซื่อก็ช่างน่าสนใจ เื่อื่นไร้ความสามารถ แต่เื่พูดเหลวไหลใส่ความผู้อื่นกลับคล่องปากยิ่ง ไม่เป็สองรองใคร หากนางใช้ความคิดเหล่านี้เอาไปใช้เขียนนิยาย จะต้องขายดิบขายดีอย่างแน่นอน
“ระวังข้าจะใช้พิษทำให้พวกเ้าเป็ใบ้เสียเดี๋ยวนี้เลย” ิเป่าจูเก็บสีหน้า ค่อยๆ เดินออกมาจากมุมกำแพง จดจ้องคนเ่าั้พลางเอ่ยปาก
“ว้ายตายแล้ว”
เพียงชั่วพริบตา หญิงชาวบ้านสองคนที่ิเป่าจูไม่รู้จักก็ทำหน้าเหมือนเห็นผี ต่างกรีดร้องแล้วพากันวิ่งแจ้นหนีไป
เหลือแต่หวังซื่อที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม พลางจ้องิเป่าจูด้วยสายตาร้ายกาจ
“นางเด็กน่าตาย ผู้อื่นกลัวเ้า แต่ข้าไม่กลัว” หวังซื่อเท้าสะเอวแผดเสียงสูง ทำท่าราวกับหญิงปากร้ายตามตลาด
“จริงรึ” ิเป่าจูยิ้มเย็นะเื แขนซ้ายล้วงเข้าไปในแขนเสื้อ หยุดอยู่หลายชั่วอึดใจ
“เ้าจะทำอะไร” สีหน้าของหวังซื่อฉายแววตื่นกลัว ถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว
วันทำพิธีนางกับิเถี่ยจู้กลับไปบ้านบิดาของนางเพื่อฉลองวันเกิด จึงไม่อยู่บ้าน หลังจากกลับมาก็ได้ยินว่าิเป่าจูสร้างผลงานโดดเด่นครั้งใหญ่ ไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตคนสำเร็จ ยังได้รับการยอมรับจากหัวหน้าหมู่บ้าน
ผู้คนมากมายในหมู่บ้านล้วนเห็นมากับตา ท่าทีจึงค่อยๆ เปลี่ยนไป แล้วนางจะทนเห็นพวกเขามีความสุขได้อย่างไร
สองสามีภรรยาแค้นจนแทบกัดฟัน พวกเขาไม่รู้ว่าิเป่าจูรู้วิชาแพทย์ั้แ่เมื่อไร ถึงกับปิดบังพวกเขามาตลอดหลายปี
มิน่าเล่าก่อนหน้านี้ถึงร่ำร้องจะตัดความสัมพันธ์กับพวกเขาให้ได้ ซ้ำยังรับปากว่าจะชดใช้เงินยี่สิบตำลึงอย่างง่ายดาย พอปีกกล้าขาแข็งหาเงินเองได้แล้วก็หลงลืมบุญคุณ
หากปล่อยให้นางเด็กนั่นสบโอกาสผงาดขึ้นมา ข่าวลือที่พวกเขาสร้างขึ้นตลอดหลายปีมานี้ย่อมต้องพังไม่เป็ท่า แล้วคนในหมู่บ้านจะมองตนเองอย่างไร
หวังซื่อกับิเถี่ยจู้ปรึกษาหารือกันทั้งคืน วิธีที่ดีที่สุดเพื่อป้องกันมิให้ความจริงรั่วไหลออกไป ก็คือทำให้ชาวบ้านห่างเหินกับนางเสีย
ดังนั้นสองวันมานี้หวังซื่อจึงเดินเล่นไปทั่วหมู่บ้าน พบใครก็บอกว่าิเป่าจูถนัดใช้ยาพิษ เ้าคิดเ้าแค้นคิดแต่จะเอาคืนคน
อย่างไรเสียคนในหมู่บ้านก็ไม่เคยมีความรู้สึกที่ดีต่อนางอยู่แล้ว ข่าวลือไม่ดีทั้งหลายทั้งทางตรงและทางอ้อมก็มาจากปากของนางทั้งนั้น เพียงแค่ยุแยงเล็กน้อยเื่ก็จะพัฒนาไปในทิศทางที่ตนเอง้า
แต่ดูจากท่าทางของอีกฝ่ายตอนนี้ นางเด็กบ้านี่ใช้พิษเป็จริงๆ หรือ
“ไม่นึกเลยว่าคนที่รู้จักข้าดีที่สุดจะเป็ท่าน ก็พูดออกมาเองมิใช่หรือว่าแพทย์กับพิษล้วนมาจากต้นกำเนิดเดียวกัน จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าข้าจะทำอันใด”
ิเป่าจูทำเหมือนคว้าอะไรบางอย่างไว้ นิ้วมือที่ซ่อนอยู่ภายใต้แขนเสื้อขยับเล็กน้อย ประหนึ่งว่าจะดึงออกมาแล้วสาดใส่หน้าหวังซื่อในชั่ววินาทีถัดไป
“ข้าเป็ป้าสะใภ้เ้า เป็ภรรยาลุงของเ้า เ้าไม่กล้าหรอก” หวังซื่อยังปากเก่ง แต่เห็นได้ชัดว่ามีความกล้าไม่มากพอ
“จะลองดูหรือไม่เล่า ว่าข้ากล้าหรือไม่กล้า” นางยกแขนซ้ายขึ้นเล็กน้อย แสร้งทำท่าจะสะบัดออกไป
“นางสารเลว ทำตัวโอหังให้มันน้อยหน่อย ฝะ... ฝากไว้ก่อนเถอะ” ชั่วพริบตาที่เห็นิเป่าจูชูมือซ้ายขึ้นมา หวังซื่อก็วิ่งแจ้นหนีไปทันที
ิเป่าจูหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง ก่อนจะแบมือซ้ายที่สะอาดเอี่ยมอ่องและว่างเปล่าออกมา
อีกแค่วินาทีเดียวหวังซื่อก็จะได้เห็นความจริงอยู่แล้ว แต่ใครใช้ให้นางโกหกจนเป็นิสัยเองเล่า ต้องถูกหลอกคืนเสียบ้าง
หลังจากหัวเราะจนสาสมใจแล้วก็ยืดตัวตรงขึ้นมา นางไม่มีเวลาว่างพอจะไปตามเช็ดตามล้างเื่น่ารำคาญที่หวังซื่อก่อไว้
ผู้บริสุทธิ์ย่อมบริสุทธิ์วันยังค่ำ บางเื่หากรีบร้อนพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองเกินไป อาจกลายเป็การแสดงความโง่เขลาออกมา ยิ่งเช็ดก็ยิ่งดำ
เชิงอรรถ
[1] วิหคตื่นคันศร ใช้เปรียบเปรยถึงคนที่เคยผ่านเหตุการณ์ที่ไม่ดีมา และภายหลังเมื่อมีอะไรมากระทบเล็กน้อยก็จะตื่นกลัวอย่างมาก
