ฉางไทเฮาถอนหายใจอย่างจนปัญญา นางลุกขึ้นและเดินเข้าไปใกล้จ้าวเยี่ยน ท่ามกลางความเงียบอันแปลกประหลาด ฉางไทเฮากล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “เยี่ยนเอ๋อร์ ยามนั้นที่เสด็จพ่อของเ้ามอบแหวนวงนี้ให้แม่ ก็ตัดสินใจกันว่า ถ้ามีเ้าจะมอบแหวนวงนี้ส่งต่อให้เ้า ทว่าหลายปีมานี้ แม่เห็นของสิ่งนี้แล้วคิดถึงเขา รู้สึกละโมบในแหวนของเสด็จพ่อเ้าจึงไม่เคยได้ให้เ้าเลย วันนี้แหวนวงนี้แม่มอบให้เ้า ฝ่าาทรงไม่เห็นด้วยที่จะให้เ้าไป ตัวเ้าอยู่ในเมืองชุ่นเทียน จงจดจำความจงรักภักดีและความกตัญญูไว้ให้มั่น”
ยามที่ฉางไทเฮากล่าว นางสวมแหวนใส่นิ้วมือของจ้าวเยี่ยนด้วยตัวเอง
และการกระทำนี้กับถ้อยคำที่กล่าว... เมื่อผู้อื่นได้ฟังก็นับว่าเป็เื่ปกติอย่างยิ่ง ทว่าสำหรับฮองเฮาอวี่เหวินและฮ่องเต้หยวนเต๋อกลับเป็เื่น่าใอย่างรุนแรง
ฮ่องเต้หยวนเต๋อทอดพระเนตรสองแม่ลูก พระวรกายสั่นเทิ้มอย่างอดไม่ได้ แม้แต่สีพระพักตร์ยังขาวซีดขึ้นพอควร ดวงเนตรโดดเดี่ยวดูราวกับมีบางอย่างถูกทำให้ปราชัย
ภาพทุกฉากทุกเหตุการณ์ในสวนร้อยสัตว์ค่ำคืนนั้นผุดเข้ามาในหัว ดวงเนตรของฮ่องเต้หยวนเต๋อสั่นเครือ มิว่าอย่างไรเขาก็มิคาดคิด...
เยี่ยนเอ๋อร์...
เป็ไปได้อย่างไร?
เยี่ยนเอ๋อร์เป็บุตรชายของเสด็จพี่ ทว่า...เห็นได้ชัดว่านั่นเป็ถ้อยคำที่เขาเคยกล่าว และนั่นยังเป็แหวนของเขา!
จ้าวเยี่ยนรู้สึกถึงสายตาของฮ่องเต้หยวนเต๋อ ความร้อนใจและความเหลือเชื่อเช่นนั้นเป็สิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ปฏิกิริยาอันฉับพลันเช่นนี้ของพระองค์มาจากสาเหตุอันใด?
แหวนวงนี้ หรือถ้อยคำเมื่อครู่นี้ของเสด็จแม่?
จ้าวเยี่ยนขมวดคิ้ว ทันใดนั้น เสียง ‘เพล้ง’ ของถ้วยชาที่แตกกระจายบนพื้นพลันทำลายความเงียบงันโดยรอบ ผู้คนหันไปมอง เห็นเพียงฮองเฮาอวี่เหวินที่มีสีพระพักตร์ตื่นตระหนก ทั่วทั้งพระพักตร์ขาวซีดอย่างมิอาจบรรยาย
ฮองเฮา พระนาง...เป็อะไรไป?
ทุกคนต่างงุนงงประหลาดใจ พระวรกายของฮองเฮาอวี่เหวินสั่นสะท้าน รู้สึกวิงเวียน มองดูเหมือนจะล้มพับ อวี่เหวินหรูเยียนกับเจินกูกูจึงรีบเข้าไปประคองนางอย่างฉับไว ทว่าถึงแม้จะเป็เช่นนั้น ฮองเฮาอวี่เหวินก็ยังคงเป็ลมหมดสติ
“ใครก็ได้ หมอหลวง...รีบส่งหมอหลวงมา” เจินกูกูใจนสูญเสียสติ ชั่วขณะหนึ่ง ทั่วทั้งสวนยวี่ฮวาพลันชุลมุนวุ่นวาย
จนกระทั่งฮองเฮาอวี่เหวินได้รับการพากลับไปยังตำหนักชีอู๋โดยเหล่าข้าหลวง ฮ่องเต้หยวนเต๋อยังคงยืนอยู่ที่เดิม มิได้กล่าวสิ่งใด บรรยากาศอันแปลกประหลาดตลบอบอวล แทบทุกคนต่างได้กลิ่นถึงความผิดปกติ
“วันนี้ก็แยกย้ายเพียงเท่านี้เถิด” หลังจากผ่านไปนาน ฮ่องเต้หยวนเต๋อจึงตรัสออกมาเสียงดัง
เสียงพระบัญชา ช่างทรงพลังและน่าเกรงขาม
ทว่าแยกย้าย...
“ผู้ที่จะมารับหน้าที่แม่ทัพหลวงต่อ ฝ่าาทรงยังไม่ตัดสินพระทัย...”
“แยกย้าย!” ฮ่องเต้หยวนเต๋อตรัสเสียงดังเฉียบขาด เขาสะบัดแขนเสื้อ ก้าวเท้ายาวเดินจากไป
ทุกคนจ้องมองแผ่นหลังของฮ่องเต้หยวนเต๋อ ไม่มีผู้ใดพลาดโอกาส ยามที่ฮ่องเต้กำลังจะออกไป เขาเดินผ่านด้านข้างของฉางไทเฮาและจ้าวเยี่ยน ฝีเท้าเขาหยุดชะงักเล็กน้อย และการหยุดชะงักนั้น ทุกคนล้วนไม่เข้าใจ ทว่าคนที่มองแล้วเข้าใจกลับรู้สึกว่ามันมีความหมายลึกซึ้ง
ฮ่องเต้หยวนเต๋อออกไป องค์หญิงใหญ่ชิงเหอเองก็ตามไปที่ตำหนักชีอู๋ หลังจากฮองเฮาอวี่เหวินถูกพากลับไป
ในยามนี้ในสวนยวี่ฮวาแห่งนี้ นายเหนือหัวแห่งวังหลวงเหลือเพียงฉางไทเฮา
ฉางไทเฮาไม่สนใจผู้คน หลังจากรอให้ฮ่องเต้หยวนเต๋อออกไปได้ชั่วครู่ใหญ่ นางจึงกลับตำหนักฉางเล่อ
นางพอใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่นี้อย่างยิ่ง!
บุคคลที่จะรับ่ต่อแม่ทัพหลวงยังไม่ได้ตัดสินใจ ทว่านางรู้ดีว่า เยี่ยนเอ๋อร์เป็เพียงตัวเลือกเดียวในยามนี้!
ภายในสวนยวี่ฮวา แเื่แยกย้ายจากไป ทว่าแทบทุกคนต่างครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงถือไม้เท้า มีลูกหลานตระกูลหนานกงเฝ้ารออยู่ด้านข้าง ต่างมีสีหน้าแตกต่างกัน ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงทอดสายตามองไปยังทิศทางของตำหนักฉางเล่อ รอยยิ้มมุมปากแฝงนัยล้ำลึก “ประเมินนางต่ำไปแล้ว...พวกเราประเมินสตรีผู้นั้นต่ำไปแล้ว!”
ทุกเื่ราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ล้วนอยู่เหนือการควบคุมของนาง และสตรีแห่งตำหนักฉางเล่อผู้นั้น เกรงว่าทุกย่างก้าว ข้าคงเดินไปตามเส้นทางของนางแน่ นาง...ร้ายกาจยิ่งกว่าที่ข้าจินตนาการไว้เสียอีก!
ณ ตำหนักฉางเล่อ
ทันทีที่ฉางไทเฮากลับมาก็ตรงไปยังห้องพระ เสียงกระทบของไม้มู่อวี๋ดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ท่ามกลางอากาศร้อนจัดในฤดูคิมหันต์ เสียงนี้ทำให้จิตใจผู้คนสงบนิ่งอย่างไร้สาเหตุ
ทว่าในยามนี้ อีกคนหนึ่งในห้องพระกลับมีสีหน้าที่ไม่อาจสงบนิ่งลงได้
ฮ่องเต้หยวนเต๋อจ้องมองสตรีผู้ซึ่งกำลังคุกเข่าอยู่ด้านหน้าพระพุทธรูปด้วยพระพักตร์มืดมน มองอยู่ครู่ใหญ่ จึงเดินเตร่ไปมาอยู่กลางห้องพระอีกครั้ง ฝีเท้ายุ่งเหยิง อารมณ์สับสนยิ่งกว่า
“ฝ่าา ยังทรงว้าวุ่นพระทัยเื่คนที่จะมาทำหน้าที่แทนแม่ทัพหลวงอยู่หรือเพคะ?” ภายในห้องพระ เสียงของสตรีดังขึ้นอย่างอ่อนโยนราวสายลมอ้อยอิ่ง
ฮ่องเต้หยวนเต๋อชะงักฝีเท้า สายตาหันไปจับจ้องตัวสตรีอีกครั้ง “เ้าน่าจะรู้ว่า เหตุใดเจิ้นถึงวุ่นวายใจ!”
น้ำเสียงของฮ่องเต้หยวนเต๋อฟังดูอดกลั้นอย่างบอกไม่ถูก เดิมทีเมื่อครู่นี้เขาจะต้องกลับไปยังห้องทรงพระอักษร ทว่าระหว่างทาง มีเสียงหนึ่งอยู่ในจิตใจของเขามาตลอดทาง ทำให้เขาต้องมาหาคำตอบ ครุ่นคิดถึงการคาดเดาของตนเอง ฮ่องเต้หยวนเต๋อกัดฟันแน่น เอ่ยถามออกไปอย่างแ่เบา “ทั้งหมดที่เ้าพูดไปเมื่อครู่นี้ เป็เื่จริงหรือ?”
ครั้นฮ่องเต้หยวนเต๋อเอ่ยถามคำถามเช่นนี้ เสียงของไม้มู่อวี๋พลันชะงักไปเล็กน้อย
"ฝ่าาทรงหมายถึงเื่อันใดเพคะ?"
ฮ่องเต้หยวนเต๋อขมวดคิ้ว และก้าวไปข้างหน้า "เยี่ยนเอ๋อร์...เป็ลูกของเจิ้น!"
เสียงไม้มู่อวี๋หยุดชะงักไปอีกครา ชะงักครานี้กลับกินเวลานานยิ่งกว่าเมื่อครู่นี้ ผ่านไปครู่ใหญ่ สตรีทอดถอนหายใจ “ฝ่าา เยี่ยนเอ๋อร์เป็พระโอรสของฮ่องเต้พระองค์ก่อนเพคะ!"
"แต่แหวนนั่น..." ฮ่องเต้หยวนเต๋อสีพระพักตร์ซับซ้อน ในใจสับสนยิ่งกว่า “เมื่อครู่นี้ ยามที่เ้ามอบแหวนนั่นให้เยี่ยนเอ๋อร์ เ้าพูดอย่างชัดเจนว่า นั่นเป็ของบิดาเขา...”
“ใช่ ของบิดาเขา...” ฉางไทเฮาลุกยืนพรวด หันหลังกลับไปเผชิญหน้ากับองค์าาตรงหน้า ดวงตาที่สงบนิ่งเสมอมาคู่นั้นเจืออารมณ์มากมาย น้อยใจ... ละอายใจ... รวมถึงความรู้สึกผูกพัน...
ฮ่องเต้หยวนเต๋ออึ้งงัน พระวรกายสั่นเทิ้มอย่างหยุดไม่ได้ เป็บิดาเขา...ข้าเป็บิดาเขา!
น้ำตาหลั่งรินไหลอาบแก้มขาวผ่องของฉางไทเฮา
“ไทเฮา...”
น้ำตาที่ไหลรินนั้น ทำให้ฮ่องเต้หยวนเต๋อค่อนข้างตื่นตระหนก
ฉางไทเฮามองบุรุษตรงหน้า พระหัตถ์กำแน่นจนกลายเป็กำปั้น ดูราวกับกำลังอดกลั้นอารมณ์อย่างสุดความสามารถ ทว่าอารมณ์ที่อดกลั้นตลอดมากลับทลายออกเหมือนเขื่อนน้ำตาของนาง “ฝ่าา ยามนั้นที่สวนร้อยสัตว์เป็ความผิดพลาด หลายปีมานี้ทุกวันทุกคืน จิตใจของหม่อมฉันไม่สบายใจอย่างยิ่ง หม่อมฉันรู้สึกละอายต่อฮ่องเต้พระองค์ก่อน และรู้สึกละอายต่อเยี่ยนเอ๋อร์ยิ่งนัก!”
ในสวนร้อยสัตว์เมื่อปีนั้น... ความรักลึกซึ้งในค่ำคืนนั้น หลายปีมานี้ฮ่องเต้หยวนเต๋อเองก็มิอาจลืมได้เช่นกัน
“กับเสด็จพี่... เจิ้นเองก็ละอายใจเช่นกัน!” ฮ่องเต้หยวนเต๋อขมวดคิ้วแน่น ทว่าค่ำคืนในปีนั้น มันเป็ความผิดพลาดอย่างแท้จริง “ทว่า...เยี่ยนเอ๋อร์...”
เมื่อครู่นี้ ถ้อยคำที่ดูกระวนกระวายของฉางไทเฮาได้ให้คำตอบแก่เขาแล้ว
เยี่ยนเอ๋อร์เป็บุตรชายของเขาจริงหรือ?
“เยี่ยนเอ๋อร์อายุยี่สิบสาม...”
ค่ำคืนในสวนร้อยสัตว์เป็เวลายี่สิบสี่ปีพอดี!
เป็ค่ำคืนนั้นจริงหรือ?
ดวงเนตรของฮ่องเต้หยวนเต๋อฉายแววตื่นเต้น ยิ่งยืนยันตัวตนของจ้าวเยี่ยนแล้ว จ้าวเยี่ยน คนที่เขาระแวดระวังในจิตใจมาโดยตลอด คาดมิถึงว่าจะบุตรชายของเขา!
พริบตาต่อมา เสียงของฉางไทเฮาดังขึ้นอีกครั้ง...
“ทว่าเยี่ยนเอ๋อร์…เป็พระโอรสของฮ่องเต้พระองค์ก่อน ฝ่าา ตรงจุดนี้ พวกเราจะต้องจำไว้ให้มั่น เขาเป็ได้แค่พระโอรสของฮ่องเต้พระองค์ก่อนเท่านั้น เป็เพียงเยี่ยนเอ๋อร์ที่น่าสงสาร ควรจะได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างออกไป แต่เพราะตัวตนของเขาจึงได้รับความคลางแคลงใจจนตกเป็ที่นินทาของผู้คน” ฉางไทเฮาสูดหายใจลึก ความแน่วแน่ในประโยค ‘พระโอรสของฮ่องเต้พระองค์ก่อน’ ทำให้ฮ่องเต้หยวนเต๋อเข้าใจแจ่มแจ้ง
ฉางไทเฮากำลังปกป้องพระเกียรติของฮ่องเต้พระองค์ก่อน!
แม้ว่าเยี่ยนเอ๋อร์จะเป็เืเนื้อเชื้อไขของเขาจริง ทว่าก็ต้องเป็พระโอรสของฮ่องเต้พระองค์ก่อน!