“พวกเรากำลังจะเปิดร้านชาดในอำเภอเมือง[1] จากนี้ต้องพึ่งพาแม่นางชานเอ๋อร์แล้ว” ซ่งจื่อเฉินใจตรงกันกับจิ่นเซวียน เขาพอจะเดาได้ว่าจิ่นเซวียนอยากทำสิ่งใด
“ข้าเป็สาวใช้ มิมีเงินซื้อของดีๆ เช่นนี้หรอกเ้าค่ะ แต่ข้าสามารถช่วยพวกท่านกระจายข่าวได้ ข้าจะนำเื่นี้ไปบอกกับทุกคน รับรองว่าฮูหยินเ่าั้จะต้องแย่งกันซื้อสินค้าของพวกท่านแน่นอนเ้าค่ะ”
“สิ่งนี้มิได้เรียกว่าน้ำเช็ดหน้า ต้องเรียกว่าน้ำซวงฟู[2] เป็น้ำที่ใช้บำรุงความงาม น้ำนี้ไร้สีไร้กลิ่น พวกเราสามีภรรยากำลังศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับน้ำซวงฟูอยู่ เพื่อให้น้ำซวงฟูมีกลิ่นหอม” จิ่นเซวียนเล่าแผนการคร่าวๆ ให้ฟัง จากนั้นชานเอ๋อร์ก็ถามขึ้นมา “เช่นนั้นน้ำซวงฟูมีราคาแพงหรือไม่เ้าคะ?”
“ต้นทุนการผลิตน้ำซวงฟูค่อนข้างสูง น้ำไร้กลิ่นธรรมดายังต้องขายราคามากกว่าหนึ่งร้อยตำลึง” จิ่นเซวียนมิได้วางแผนจะขายน้ำซวงฟูให้กับชาวบ้านยากจน ลูกค้าหลักของนางคือคนรวย หากกระแสตอบรับดี นางจะไปเปิดร้านในเมืองหลวงด้วย เมืองหลวงคือสถานที่รวมตัวกันของตระกูลสูงศักดิ์ หากเปิดร้านที่นั้นนางคงจะได้กำไรมากยิ่งนัก
ต้องมีเงินมากกว่าหนึ่งร้อยตำลึงถึงจะซื้อน้ำซวงฟูธรรมดาๆ ได้หนึ่งขวด ราคาแพงเกินไปแล้ว ชานเอ๋อร์ใกับราคาของน้ำซวงฟู สาวใช้ชั้นสองอย่างนาง ได้เงินรายเดือนเพียงหนึ่งตำลึงเงิน หากนางอยากซื้อน้ำซวงฟูเท่ากับว่านางต้องทำงานหนักถึงสิบปี นางถึงจะซื้อได้หนึ่งขวด
สาวใช้ใหญ่ของฟู่ซื่อ เยว่เอ๋อร์เดินเข้ามาท่ามกลางความเงียบ นางประหลาดใจยิ่งนัก เมื่อเห็นว่าผิวหน้าของชานเอ๋อร์ดียิ่งนัก “ชานเอ๋อร์ ผิวของเ้าเปล่งปลั่งนัก งดงามมาก”
“ทั้งหมดนี้เป็ผลงานของคุณหนูซย่า นางนำน้ำเช็ดหน้าที่ทุ่มเทผลิตออกมาให้ข้าลองใช้ ผิวของข้าเลยดีขึ้นเ้าค่ะ” ชานเอ๋อร์ส่องกระจกดูตนเองอีกหน นางดีใจยิ่งนัก เมื่อพบว่าผิวของนางขาวผุดผ่อง มิมีรอยสิวเลยสักนิดเดียว
ในที่สุดนางก็เข้าใจว่าเพราะเหตุใดจิ่นเซวียนถึงขายน้ำซวงฟูในราคาแพงเช่นนั้น
“เยว่เอ๋อร์คารวะคุณหนูเซวียนเซวียน คารวะท่านเขยซ่งเ้าค่ะ” เยว่เอ๋อร์ตั้งสติและทำความเคารพพวกจิ่นเซวียนด้วยรอยยิ้ม
“แม่นางเยว่เอ๋อร์เกรงใจเกินไปแล้ว พวกเราเป็เพียงชาวบ้านธรรมดา เ้ามิต้องเคารพกันถึงเพียงนี้หรอก” มุมปากของจิ่นเซวียนยกยิ้มบางเบา นางทักทายเยว่เอ๋อร์สองสามคำอย่างสุภาพ
“แม่นางเยว่เอ๋อร์ ท่านปู่น้อยออกไปทำงานหรือยัง?เขาจะให้พวกเราไปพบท่านทวดน้อยเมื่อใดหรือ”
“ฮูหยินให้ข้ามารับพวกท่านไปรับประทานอาหารที่โถงหลักเ้าค่ะ ส่วนเื่ตรวจอาการของนายท่านผู้เฒ่าเป็เมื่อใดนั้น ขึ้นอยู่กับนายท่านจัดการเ้าค่ะ” เยว่เอ๋อร์พูดพลางนำทางจิ่นเซวียนกับซ่งจื่อเฉินไปที่โถงหลัก
พวกเขาเดินผ่านระเบียงมาจนถึงโถงหลักของจวนสวี่ ด้านหลังโต๊ะทานอาหารมีฉากกั้นห้องลายไผ่ดำอยู่ ภาพไผ่ดำถูกวาดอย่างวิจิตรงดงาม แม้จะมิใช่ผลงานจากช่างผู้เชี่ยวชาญ แต่มูลค่านั้นค่อนข้างสูงเลยทีเดียว
“อาผินเอ๋ย ข้าเพิ่งเคยพบเจอผู้ที่มีหน้าตางดงามเช่นนี้เป็หนแรกเลย พวกเขางดงามราวกับเทพและนางฟ้าบน์ รูปงามกันเสียจริง” พวกจิ่นเซวียนยืนอยู่หน้าประตู รอให้เยว่เอ๋อร์รายงานว่าพวกเขามาถึงแล้ว แล้วจึงเข้าห้องไป พวกเขาเพิ่งก้าวเข้ามาเพียงไม่กี่ก้าว แม่ของสวี่ติ้งผิน นามว่าหม่าซื่อก็มองพวกจิ่นเซวียนด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า
จิ่นเซวียนสังเกตหม่าซื่ออย่างสุภาพ ตอนสบตากับนางนั้น หม่าซื่อมีใบหน้ายาว ดูอ่อนโยนและน่าเข้าหา ดวงตาเต็มไปด้วยริ้วรอยคู่นั้นยิ้มแย้มอยู่เป็นิจ ส่วนชายชราที่นั่งข้างกันสวมชุดสีเทา เขาดูเหมือนจะมิค่อยสบาย
นอกจากผู้าุโทั้งสองและนายอำเภอสวี่แล้ว ในห้องนี้ยังมีสตรีออกเรือนกับเด็กสาวหน้าตางดงามผู้หนึ่ง เด็กสาวผู้นั้นสวมอาภรณ์สีเหลืองห่าน ถักผมเหมือนกันกับจิ่นเซวียน นางยิ้มให้อย่างเป็มิตร เมื่อประสานสายตากับจิ่นเซวียน
“ท่านพ่อ แม่นางผู้นี้งดงามดุจเทพธิดา นางคือหลานสาวของท่านป้าหรือเ้าคะ?” เด็กสาวเผยอริมฝีปากถามนายอำเภอสวี่ด้วยรอยยิ้มไปถึงดวงตา
“เซวียนเซวียน จื่อเฉิน พวกเ้ารีบเข้ามานั่งเถิด” นายอำเภอสวี่ลุกขึ้นและเรียกให้จิ่นเซวียนกับซ่งจื่อเฉินมานั่ง จากนั้นเขาก็แนะนำสมาชิกในครอบครัวให้พวกจิ่นเซวียนได้รู้จัก
เด็กสาวที่เพิ่งตั้งคำถามไปเมื่อครู่คือลูกสาวคนเล็กของนายอำเภอสวี่ นามว่าสวี่ฉาน นายอำเภอสวี่กับภรรยามีลูกชายลูกสาวอย่างละหนึ่งคน ปีนี้ลูกชาย นามว่าสวี่เหิงอายุสิบหกปีแล้ว ส่วนลูกสาวเพิ่งอายุสิบสี่ปี รุ่นราวคราวเดียวกับจิ่นเซวียน ตามลำดับาุโในครอบครัวแล้ว จิ่นเซวียนควรเรียกสวี่ฉานว่าท่านอาเล็ก
“เซวียนเซวียนเอ๋ย เอวของทวดน้อยมิค่อยดี ร้องปวดตลอดเวลา หากทานข้าวเสร็จแล้ว เ้าช่วยดูให้เขาหน่อยเถิด”
“สามีของข้าเองก็รู้วิชาแพทย์เช่นกัน พวกเราสามารถช่วยกันตรวจให้ท่านทวดน้อยได้เ้าค่ะ” จิ่นเซวียนมิอยากเด่นเพียงผู้เดียว นางตัดสินใจให้โอกาสนี้กับซ่งจื่อเฉินได้เพิ่มชื่อเสียงและบารมี
“พวกเ้าสองสามีภรรยาเป็อัจฉริยะจริงๆ ประสบความสำเร็จกันั้แ่อายุยังน้อยนัก เซวียนเซวียน เ้าโดดเด่นเช่นนี้ มิเสียแรงที่ปู่ของเ้าเลี้ยงเ้ามาอย่างดี” นายอำเภอสวี่รู้ว่าปู่ของจิ่นเซวียนคือบัณฑิตซิ่วไฉ เขาคิดว่าปู่ของจิ่นเซวียนทำถูก มิว่าชายหรือหญิง หากมีความสามารถ ควรได้รับการสอนสั่งทั้งสิ้น
“ท่านปู่น้อยยกย่องข้าเกินไปแล้วเ้าค่ะ” เมื่อเผชิญหน้ากับคำชมของนายอำเภอสวี่ จิ่นเซวียนได้แต่ตอบอย่างถ่อมตน
ข้าวต้มและเสี่ยวหลงเป่าบนโต๊ะคือสิ่งที่คนทั่วไปกินกัน นางจึงจินตนาการได้ว่าวิถีชีวิตของนายอำเภอสวี่นั้นเรียบง่ายเพียงใด
“การสอบคัดเลือก่วสันต์ปีหน้า จื่อเฉินจะเข้าร่วมด้วยหรือไม่?” ตอนที่นายอำเภอสวี่เพิ่งมาถึงอำเภอซิ่งหยาง เขาได้ยินผู้ใต้บังคับบัญชาพูดกันว่าซ่งจื่อเฉินสอบได้ถงเชิงั้แ่แปดขวบ กลายเป็ตำนานของอำเภอซิ่งหยางและทั่วแคว้นซีหลิง หากเขามิได้าเ็ที่ขา เวลานี้คงได้เป็บัณฑิตจอหงวนไปแล้ว
“ข้าจะเข้าร่วมด้วยขอรับ การสอบนี้ต้องใช้เงินมากนัก ข้าจึงวางแผนจะทำธุรกิจกับเซวียนเซวียน และทบทวนบทเรียนไปด้วยขอรับ” ซ่งจื่อเฉินตอบนายอำเภอสวี่อย่างมีมารยาท
นายอำเภอสวี่ยกยิ้มพึงพอใจ “ความคิดดี แม้เงินจะมิใช่ทุกสิ่ง แต่ทุกสิ่งนั้นต้องใช้เงิน”
“เซวียนเซวียน จื่อเฉิน พวกเ้าอย่าได้เกรงใจ รีบทานข้าวเถิด” ฟู่ซื่อบอกให้จิ่นเซวียนกับซ่งจื่อเฉินทานข้าวด้วยเสียงอ่อนโยน เมื่อได้พบจิ่นเซวียนกับซ่งจื่อเฉิน นางก็เชื่อว่าสามีพูดความจริง
“ขอบคุณท่านย่าน้อยเ้าค่ะ” จิ่นเซวียนแย้มยิ้มสุภาพ
หลังทานข้าว จิ่นเซวียนว่าจะรอให้ท่านทวดสวี่ย่อยสักพัก แล้วค่อยตรวจร่างกายให้เขา
“ท่านปู่น้อย ข้าอยากถามว่าแม่เลี้ยงของข้ากับหูซานเป็อย่างไรบ้างเ้าคะ?” หลังจากที่เสี่ยวเกาซื่อและหูซานถูกส่งตัวให้ศาลาว่าการ จิ่นเซวียนก็มิรู้สถานการณ์ของพวกเขาอีกเลย นางถือโอกาสถามนายอำเภอสวี่ ตอนที่เขายังมิไปทำงาน
“หูซานถูกตัดสินให้จำคุกหกปีในความผิดฐานลักขโมย ส่วนแม่เลี้ยงของเ้า นางต้องสงสัยว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรม จึงถูกตัดสินจำคุกสามสิบปี หากพวกเขาประพฤติตัวดี ทางการอาจจะพิจารณาลดโทษให้ตามความเหมาะสม แต่แม่เลี้ยงของเ้าเป็สตรีร้ายกาจเช่นนั้น เ้าอย่าคาดหวังว่านางจะกลับใจเลย” นายอำเภอสวี่มิคิดว่าเสี่ยวเกาซื่อจะทำตัวดีขึ้น
“ความจริงนางมิใช่แม่เลี้ยงของข้าแล้วเ้าค่ะ ก่อนที่นางจะถูกส่งตัวให้ทางการ ท่านพ่อของข้าหย่ากับนางแล้วเ้าค่ะ จะว่าไปก็เหมือนกรรมตามสนองนาง ปีนั้นนางฉวยโอกาสตอนที่ท่านแม่ของข้าตั้งครรภ์ แอบล่อลวงท่านพ่อของข้า สิ่งที่น่ารังเกียจที่สุดคือนางค่อยๆ วางยาพิษในอาหารของแม่ข้ามีละนิด จนมิสามารถช่วยชีวิตนางจากการคลอดยากได้เ้าค่ะ” จิ่นเซวียนพูดคุยกับนายอำเภอสวี่อีกครู่หนึ่ง นายอำเภอสวี่ก็ต้องออกไปทำงาน ก่อนจะไป เขากำชับกับภรรยาว่าให้ดูแลจิ่นเซวียนกับซ่งจื่อเฉินดีๆ
ชายชราเช่นนายท่านผู้เฒ่าย่อมมีคนคอยปรนนิบัติมานาน จึงมิค่อยมีโอกาสได้ออกกำลังกาย อาหารการกินก็อุดมสมบูรณ์ จึงมิน่าแปลกใจที่ความดัน น้ำตาลและไขมันในเืของเขาจะสูง จิ่นเซวียนแนะนำให้เขาเดินให้มากขึ้น จะได้ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันในร่างกาย
“ท่านปู่ทวดน้อย ท่านย่าทวดน้อย จากนี้พวกท่านควรออกกำลังกายให้มากขึ้น อย่านั่งเฉยๆ นะเ้าคะ หลังทานอาหารเสร็จ ควรไปเดินเล่นในสวน เพื่อให้นอนหลับได้ดีขึ้นและป้องกันการเกิดโรคความดันโลหิตสูงเ้าค่ะ”
เชิงอรรถ
[1] อำเภอเมือง หมายถึง เมืองที่ตั้งอำเภอ มีสถานที่ศาลาว่าการอยู่
[2] น้ำซวงฟู หมายถึง โทนเนอร์
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้